เปลวไฟ .. ในสายน้ำ

ตอนที่ 1 ..

            เพลิงกัลป์  กำลังใช้ความคิดอย่างหนักว่าควรจะทำยังไงกับเรื่องที่เกิดขึ้นดี มันเป็นการกระทำที่ไม่น่าให้อภัย ไม่ใช่สิ่งที่ลูกผู้ชายจะกระทำ  ถ้าน้องสาวของเขาทราบว่าเกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนสนิทคนนั้น เขามิเสียผู้ใหญ่หรอกหรือ  

            เอาล่ะ  บางทีเขาอาจจะค่อยๆอธิบายให้น้องสาวของเขาเข้าใจ และถ้าคุยกันรู้เรื่อง เขายินดีจะรับผิดชอบทุกอย่าง ..
            .. และเธอคนนั้น

            “พี่ไฟ  อยู่หรือเปล่า ออกมาคุยกับฟ้าหน่อย”

            เสียงที่แทรกเข้ามานั้น ทำลายความคิดทั้งมวลลง  น้องสาวของเขาปกติไม่ใช่คนพูดจาห้วนสั้นขนาดนี้ ถ้าเป็นไปตามที่เขาคิด บางที .. ไม่สิ เวหาคงจะทราบเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว

             “เข้ามาสิ พี่อยู่ในห้อง”

             เพลิงกัลป์ส่งเสียงอนุญาตออกไป อย่างน้อยตั้งรับสถานการณ์ในพื้นที่ของตัวเอง เขายังจะพอคิดอะไรได้บ้าง

             “มันเกิดอะไรขึ้นพี่ไฟ ลองบอก หรือจะอธิบายยังไงก็ได้ ให้ฟ้าเข้าใจหน่อยสิคะ”

             เวหาตั้งคำถามทันทีที่เปิดประตูเข้ามา พบพี่ชายของตัวเอง นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่ แต่ตอนนี้ความสนใจของเธอ อยู่ที่พี่ชายตัวดีคนนี้มากกว่า

            “เรื่อง ...”

             เขายังคิดไม่ออกเลยว่าจะทำยังไงดี  ตอนนี้ก็ขอถ่วงเวลาออกไปอีกสักนิดเถอะน่า

            “จนขนาดนี้แล้ว พี่ไฟยังทำเป็นไม่รู้ร้อนรู้หนาวอีกหรือคะ หรือฟ้าจะต้องให้เจ้าตัวเขามาฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายด้วยตัวเอง”

            เวหาเริ่มจะสะกดความโมโหที่มีต่อพี่ชายคนเดียวคนนี้ไว้ไม่อยู่  เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่า พี่ชายของเธอ ที่เธอเห็นมาตลอดชีวิตจะกลายเป็นคนไร้ความรู้สึก สำนึกผิดชอบขนาดนี้


                 “อย่าให้ฟ้าต้องรู้สึกผิดหวังกับพี่ไฟไปมากกว่านี้เลยค่ะ บอกความจริงมา ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ไม่สิ มันเกิดขึ้นได้ยังไง”

                  เวหาพยายามนับหนึ่งถึงร้อยในใจด้วยความอดกลั้น เธออยากฟังความทั้งสองฝ่าย แต่จะว่าทั้งสองฝ่ายก็คงไม่ถูกเสียทีเดียว  เพราะอีกฝ่ายกว่าจะเปิดปากยอมพูดก็ได้แต่โทษว่าเป็นความผิดของตัวเอง ทั้งๆที่ตอนนั้นเวหาก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วย แม้จะแค่ช่วงท้ายก็เถอะ

                 “ด้วยความเป็นสุภาพบุรุษของพี่ไฟที่ฟ้านับถือ...”

                 “ก็ได้ๆ พี่บอกก็ได้”

                 เพลิงกัลป์พูดขึ้นก่อนที่น้องสาวของเขา จะลากเอาทั้งหมดทั้งมวลความดีที่เคยมีมาตลอด แล้วเอามาทุ่มใส่หน้าเพราะสิ่งที่เกิดขึ้นจากความไม่ตั้งใจ .. หรือเปล่านะ

                 เวหาจึงเดินเข้าไปนั่งที่เก้าอี้ตรงข้ามกับพี่ชายของเธอ กอดอกจ้องมองอย่างที่เพลิงกัลป์เองก็รู้สึกขยาดนิดๆ คิดว่าน้องสาวของเขา ยามโกรธเกรี้ยวและต้องการเค้นหาความจริงขึ้นมา ช่างละม้ายคล้ายคลึงกับแม่เสียเหลือเกิน

                 “วันนั้น ฟ้าก็อยู่”

                 “ฟ้าต้องการทราบ ตั้งแต่ต้น”

                 เพลิงกัลป์เองก็ไม่ใช่จะยอมถูกกดดันง่ายๆ หากแต่เวหาก็ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน เสมือนว่า คราวนี้ความเป็นพี่เป็นน้องยังเป็นรองต่อเรื่องราวที่เกิด

                “ฟ้าคิดว่ายังไง”

                ไม่ง่ายนักหรอกที่จะขูดเร้นพี่ชาย เวหารู้นิสัยนี้ของเพลิงกัลป์ดี

               “มันไม่สำคัญว่าฟ้าจะคิดยังไง มันสำคัญที่ว่า เพื่อนของฟ้ารู้สึกยังไง”

เพื่อนของฟ้า

               ใช่สินะ เธอคนนั้น จะรู้สึกยังไงกับเขา  กับสิ่งที่เขาทำลงไป

               “ถ้าพี่จะบอกว่า พี่ตั้งใจล่ะ”

               เวหาอ้าปากค้าง ด้วยคิดไม่ถึงว่า พี่ชายของเธอจะกล้าพูดออกมาเต็มปากเต็มคำว่า ‘ตั้งใจ’

                 “พี่ไฟ ...”

                 น้ำเสียงบ่งบอกได้เป็นอย่างดีในยามนี้ว่ามีทั้งความตกใจ ประหลาดใจอาจจะรวมไปถึงมีความผิดหวังเจืออยู่ในนั้น

                 “ฟ้ารู้ว่าพี่ไฟรู้สึกอย่างไรกับเพื่อนของฟ้า  แต่มันเป็นไปไม่ได้”

                 เวหาเริ่มเข้าใจแล้วว่า อะไรคือสาเหตุของเรื่องราวเหล่านี้ แต่เธอคิดไม่ถึงว่า เพลิงกัลป์จะบ้าบิ่นทำอะไรอย่างที่ลูกผู้ชายดีๆไม่ควรทำ

                 “พี่รู้ ...”

                 “แต่พี่ไฟก็ทำ”

                 มาถึงตอนนี้เพลิงกัลป์ก็จนด้วยคำพูด ความในใจกับความจริง ทำไมมันช่างหาทางออกได้ยากเย็นนักนะ  

                 แม้จะไม่มีคำพูดใดระหว่างกัน   แต่เวหาก็เริ่มรู้สึกเห็นใจพี่ชายตัวเองขึ้นมาบ้าง

                 “พี่ไฟไม่ควรทำแบบนี้ แล้วฟ้าจะมองหน้าเพื่อนฟ้าได้ยังไง ที่สำคัญอีกอย่าง พี่ไฟจะมองหน้าเขาได้ยังไง”

                 เพลิงกัลป์เงยหน้ามองน้องสาวแวบหนึ่งแล้วหลบสายตา นิ่งอึ้งกับความจริงที่เวหาพูดมา

นั่นสินะ เราจะมีหน้าไปพบเธอได้ยังไง

                เขาควรจะทำอย่างไรดี ถ้าเธอเกลียดเขาขึ้นมา เขาคงจะ ...

                “พี่ควรทำยังไงดีฟ้า พี่ก็ไม่รู้ว่ามันเริ่มขึ้นตอนไหน พี่รู้แต่ว่าพี่สงสาร เห็นใจ แล้วก็อยากช่วยเธอ ไม่อยากเห็นเธอต้อง
                ทนทุกข์ .. ทรมาน ... พี่ ..”

               “ฟ้ารู้ ว่าพี่ไฟรักเขา”

               อีกครั้ง ที่เพลิงกัลป์หันกลับมาสบตาน้องสาวคนเดียวของเขา เขาไม่แปลกใจเลยที่เวหาจะมองได้ทะลุปรุโปร่งขนาดนี้

               “รู้  แล้วเข้าใจหรือเปล่า”

                “ทำไมฟ้าจะไม่เข้าใจล่ะ  ว่าการรักคนที่เป็นไปไม่ได้ มันรู้สึกยังไง”

                น้ำเสียงแปร่งแปลกที่สัมผัสได้ ทั้งคำพูดเจือความหมายนั้น ทำให้เพลิงกัลป์ต้องขมวดคิ้วเป็นคำถาม หากแต่เวหากลับชิงพูดขึ้นมาก่อนว่า

                “พี่ไฟ จะแก้ปัญหานี้ยังไง ฟ้าจะไม่เข้าไปยุ่งด้วย เพียงแต่ขออย่างเดียว อย่าฝืนทำอะไรที่มันเป็นไปไม่ได้”

                พูดจบก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกจากห้องแต่ก่อนที่จะปิดประตูก็หันมาบอกเพลิงกัลป์อีกครั้ง

                “บางทีความสงสารเห็นใจ มันก็อดไม่ได้ที่จะเพิ่มความรักเข้าไปด้วย”

                ประตูปิดไปแล้ว หากความสับสน ว้าวุ่น ยังคงวนเวียนอยู่กับเพลิงกัลป์ เหมือนกับว่า เขาเห็นทางไป แต่เส้นทางนี้จะนำเขาไปสู่อะไรนั้น เขาก็ยังไม่แน่ใจเหมือนกัน



               เสียงเพลงรอสายดังขึ้น ทำให้เวหาที่กำลังจะถ่ายภาพประติมากรรมตรงหน้าต้องชะงักไปนิดหนึ่ง ก่อนหยิบโทรศัพท์มือถือรุ่นดั้งเดิมขึ้นมากดรับสายโดยไม่ได้ดูหน้าจอว่าใครเป็นคนโทร.เข้ามา

               “สวัสดีค่ะ เวหาพูดค่ะ”

               “ฟ้า ว่างไหม อยากคุยด้วย”

               เสียงปลายสายที่ได้ยิน ทำให้ความตั้งใจที่จะถ่ายภาพของเวหาหยุดไปชั่วขณะ ไม่คิดว่าเพื่อนจะเป็นฝ่ายโทรศัพท์มาหาเธอเอง หลังจากเกิดเรื่องในวันนั้น

               “ว่างสิ สำหรับเพื่อน ฟ้าว่างเสมอ”

               เวหาดีใจที่เพื่อนโทรศัพท์มาหา แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่า เมื่อพบกันแล้วจะเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า

                “ฟ้า มาหาที่ห้องได้ไหม ตอนนี้ไม่อยากออกไปไหน เดี๋ยวจะทำของอร่อยให้ฟ้ากิน”

               น้ำเสียงของเพื่อนแม้จะมีร่องรอยความรู้สึกบางอย่าง หากความร่าเริงก็ยังปรากฏให้รับรู้ได้

               “โอเค จะให้ฟ้าซื้อของเข้าไปด้วยไหม อยากได้อะไรเพิ่มก็บอกมาเลยจ้ะ”


               ก๊อกๆๆ

              ประตูห้องตรงหน้าเปิดออกทันทีที่สิ้นเสียงเคาะ เหมือนหนึ่งว่าเจ้าของห้องรอการมาของเวหาอยู่

               “มีผักสด ผลไม้มาส่งเจ้าค่ะ คุณเพื่อน”

                พร้อมกับหัวเราะให้เมื่อเพื่อนของเธอเองก็กำลังขบขันเธอด้วยเหมือนกัน

                 “แล้วคิดค่าบริการเท่าไรคะ คุณเพื่อน จะได้บวกทิปด้วย ขอบใจจ้ะ ซื้อมาเยอะเกินที่บอกอีกนะนี่”

                  ว่าแล้วก็รับของจากมือเวหามาช่วยถือ แล้วเดินนำเข้าไปข้างในปล่อยให้เวหาจัดการปิดประตูห้องอย่างคุ้นเคย

                   “ค่าบริการก็ช่วยจัดการเจ้าพวกนี้ให้อร่อยๆ ส่วนทิปขอเป็นน้ำผลไม้ปั่นชื่นใจสักแก้วก็พอจ้ะ”

                   “ดีจัง ที่ไม่เรียกเก็บจนสิ้นเนื้อประดาตัว”

                  ทั้งสองหันมามองสบตากัน ก่อนจะหัวเราะขึ้นพร้อมกันอีกครั้ง

                  “ว่าแต่ น้ำโทร.หาฟ้าเพราะอยากคุยเรื่องนั้นหรือ”

                  ศิราชะงักมือที่กำลังคัดเลือกผัก ผลไม้ว่าจะใช้อะไร หรือเก็บไว้

                  “เดี๋ยวน้ำทำอาหารเสร็จแล้ว เราค่อยคุยกันนะฟ้า ขอเวลาน้ำหน่อย”

                   เวหารู้ได้ทันที คำว่า ‘ขอเวลา’ ที่เพื่อนพูดถึงไม่ใช่สิ่งที่เพื่อนกำลังทำ คือเก็บล้างผัก ผลไม้กองนั้นอยู่แน่ๆ

                   “มีอะไรให้ฟ้าช่วย ก็บอกละกัน แม้ยังไม่รู้ว่าจะช่วยยังไงก็เถอะ”

                   ศิราหันมาสบตาเวหาอย่างขอบคุณ เพื่อนของเธอคนนี้ช่างเข้าอกเข้าใจเธอได้ลึกซึ้งเหลือเกิน  ความเข้าใจไม่จำเป็นต้องใช้คำพูด จนอดคิดไม่ได้ว่า ถ้าเวหาไม่ใช่ผู้หญิงเธอจะเผลอไปหลงรักเข้าหรือเปล่านะ

                   “ฟ้ากำลังทำอะไรอยู่เหรอ ตอนที่น้ำโทร.ไป”

                   ศิราสลัดความคิดฟุ้งซ่านออกไป ชวนเวหาคุยไปพลางขณะลงมือเตรียมอาหาร

                     “ทำงานอยู่น่ะ แต่ไม่ได้อย่างใจเลย กำลังเซ็งๆด้วยซ้ำ ดีนะน้ำโทร.มา”


                      เวหาตอบคำถามพร้อมเสริมคำอธิบายด้วยกลัวศิราจะเข้าใจว่าโทรศัพท์ไปรบกวนการทำงาน

                     “แหม .. น้ำจะบอกฟ้าว่า วันนี้ถึงฟ้ายุ่ง น้ำก็จะให้มาหาให้ได้นั่นล่ะ ไม่ต้องกลัวว่าน้ำจะเกรงใจฟ้าหรอก”

                     เวหาหัวเราะกับคำพูดของเพื่อน นั่นปะไร ศิราเข้าใจเธอทุกอย่างไม่ว่าจะเรื่องอะไร .. ยกเว้น..เรื่องเดียว

                      “ฟ้ารักน้ำก็ตรงนี้ล่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ”

                      แม้จะหัวเราะแต่เวหาก็ไม่อาจกลบเกลื่อนบางสิ่งในใจตัวเองได้

                      “ว่าแต่ วันนี้ ‘เขา’ ไม่มาเหรอ”

                      “น้ำโทร.ไปบอกเขาแล้ว ว่าวันนี้ฟ้าจะมาคุยด้วย อย่ามาเป็น ก.ข.ค. เราสองคน”

                      ศิราตอบกลับมาพร้อมเสียงหัวเราะในคำตอบของตัวเอง ทั้งที่หันหลังให้เวหา ทำให้ไม่รู้ว่าสีหน้าของคนฟังตอนนี้นั้นเป็นอย่างไร

                      “ก็ดี ให้รู้ซะบ้าง น้ำรักใครมากกว่ากัน”

                      เสียงหัวเราะของศิราจึงดังขึ้นอีกครั้ง แม้จะรู้สึกได้ถึงความผิดปกติในน้ำเสียงของเพื่อน แต่ก็เลือกที่จะตอบกลับไปว่า

                      “น้ำดีใจแย่เลย ที่ใครๆก็รักน้ำ”

ใช่ ใครๆก็รักน้ำ แต่คนที่น้ำ " รัก " .. มีเพียง .. " คนเดียว "

                     นั่นคือความคิดของคนสองคนที่ตรงกัน เพียงแต่ว่า แตกต่างกันในคนละห้วงคำนึง


                                           ****************************************






Create Date : 27 มีนาคม 2556
Last Update : 27 มีนาคม 2556 23:21:49 น.
Counter : 592 Pageviews.

2 comments
  
มาแล้วเหรอคะ คุณโค
ไฟกับน้ำ อิอิ
มาเร็วๆนะคะ รออ่านอยู่จ้า
โดย: lovereason วันที่: 28 มีนาคม 2556 เวลา:0:11:18 น.
  
มาแล้วฮะ ...
แต่ยังเป็นงานเก่ามาเล่าใหม่นะฮะ

ไม่นานเกินรอ จะได้พบกับทั้งสองคนแน่ๆ

เป็นกำลังใจให้ ทั้งน้ำ ทั้งไฟ นะฮะ



โดย: โค อัสดง วันที่: 28 มีนาคม 2556 เวลา:0:15:06 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

โค อัสดง
Location :
สุพรรณบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]



.. ตามนั้น อย่างที่มันควรจะเป็น ..
New Comments
มีนาคม 2556

 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
28
29
30
31