Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2555
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
7 พฤษภาคม 2555
 
All Blogs
 

“ก้อง-ปิยะ ”เจ้าแม่อีเวนต์ตัวจริง กับชีวิตที่เริ่มต้นจากศูนย์ - คนดัง หลังฉาก





จากจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ ที่มีพนักงานเพียง 5 คน และใช้โต๊ะปิงปองเป็นโต๊ะทำงาน เป็นเวลาถึง 15 ปีที่ “ก้อง-ปิยะ เศวตพิกุล” เจ้าแม่อีเวนต์คนนี้ต้องฝ่ามรสุมหลายครั้งหลายครา จนนำพาให้บริษัท โซนิกซ์ยูธเติบโตมาได้จนถึงทุกวันนี้และมีพนักงานกว่า 70 คน ล่าสุดเขาหรือเธอคนนี้ยังสร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้วงการบันเทิงไทย ด้วยการทำให้ละคร “ทองประกายแสด” ทางช่อง 8 ในเครืออาร์เอส ดังเป็นพลุแตกและครองแชมป์เรตติ้งอันดับหนึ่งเป็นเวลานานกว่า 2 เดือน ในระบบแซทเทลไลท์และเคเบิลทั่วประเทศ ในฐานะผู้จัดละครคนเก่งอีกคนหนึ่ง เรียกว่าไม่ธรรมดาจริง ๆ แว่วมาว่า ก้อง-ปิยะ ได้รับโปรเจคท์ใหม่ต่อทันทีกับละคร “ราชินีลูกทุ่ง” แต่อะไรที่ทำให้ “ก้อง-ปิยะ” คนนี้ประสบความสำเร็จ เป็นคำถามที่หลายคนอยากรู้ วันนี้เราก็เลยไปคุยกับเขา คุยมันทุกเรื่องแบบกันเอ๊ง...กันเอง ว่าแล้วไปฟังเขาหรือเธอ คุยเลยดีกว่า

จุดเริ่มต้นของบริษัท โซนิกซ์ยูธ มายังไง “เริ่มมาจากที่พวกเราเคยทำงานอยู่ที่โรงละครกรุงเทพ ทำอยู่ประมาณ 5 ปีก็รู้สึกถึงจุดอิ่มตัว เราก็เลยรวมตัวกับเพื่อน ๆ อีก 4 คน ซึ่งมี คุณชุดาภา จันทเขตต์, คุณท็อป-ดารณีนุช โพธิปิติ, คุณนภาดล กำปั่นทอง และ คุณนัยนา อึ้งสวัสดิ์ เปิดบริษัทกัน ช่วงแรกเราเริ่มต้นด้วยเงินลงทุนคนละ 5 หมื่นบาท เราทำงานบนโต๊ะปิงปอง ใช้บ้านเพื่อนเป็นออฟฟิศทำงาน เราเริ่มต้นจากศูนย์จริง ๆ จากที่มีเงินน้อย งานที่ทำก็ยังไม่ค่อยรู้เรื่อง มีบ้างที่ต้องลองผิดลองถูก ยอมรับว่าเหนื่อยมาก แต่ก็มีความสุข จนมาถึงช่วงหนึ่งที่ฟองสบู่แตก เราก็ยังคงทำงานกันต่อไปเหลือพนักงานแค่ไม่กี่คน ซึ่งเขาลาออกกันไปเอง เราไม่มีการไล่ออกหรือจ้างออก ซึ่งงานค่อนข้างหนักมาก ก็ลุยกันจนมาถึงปัจจุบัน 15 ปีที่ผ่านมาสอนให้เรารู้อะไรหลายอย่าง รู้จักการบริหาร การทำงาน รู้จักความทุกข์ และความสุขในการสร้างสรรค์ผลงาน”

ช่วงไหนที่รู้สึกหนักสุด? “จริง ๆ แล้วมีหลายช่วง อย่าง 2-3 ปีแรก เจอช่วงฟองสบู่แตกอันนี้ก็ถือว่าหนัก แต่เพราะเรายังเด็กยังมีไฟ เราเลยรู้สึกว่ามันยังทนได้ เพียงแต่ต้องประหยัดกันมากขึ้น พนักงานคนหนึ่งต้องทำหน้าที่หลาย ๆ อย่าง เข้าปีที่ 5 ก็เจอมรสุมข่าว งานเปิดตัวครีมอาบน้ำกลางแจ้ง ที่มีคุณลูกเกด-เมทินี มาเป็นคนอาบน้ำ ตอนนั้นเจอกระแสข่าวโจมตี ถูกตำหนิติเตียนจนถึงขั้นถอดใจ เกือบจะยอมปิดบริษัทจะเลิกทำงานเลย”แล้วทำยังไงถึงกลับมาฮึดสู้? “ที่ฮึดกลับมาได้เพราะได้คุณท็อป-ดารณีนุช พูดว่า เธอไม่ได้ฆ่าใครตาย เธอไม่ได้ค้ายาเสพติด เธอไม่ได้ทำลายประเทศชาติ เธอสร้างสรรค์ผลงาน เพียงแต่ผลงานที่เธอทำออกมานั้น มีทั้งคนชอบและไม่ชอบแต่คนที่ชอบเราก็มี ดังนั้นเราเองไม่ทำสิ่งเหล่านั้น หรือคนที่ทำสิ่งเหล่านั้นยังไม่รู้สึกอะไรขนาดนี้เลย นั่นก็เป็นจุดที่ทำให้เรามีแรงใจกลับมาทำงานอีกครั้ง”

จากที่ถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์ ทำให้เกิดความเปลี่ยน แปลงอะไรบ้าง? “มันถือเป็นจุดเปลี่ยนแปลงของบริษัทเลยนะ จากการถูกโจมตี ถูกตำหนิ แต่ก็มีเสียงชื่นชมในขณะเดียวกัน ทำให้บริษัทเรากลายเป็นที่นิยม กลายเป็นที่รู้จักและมีงานเพิ่มขึ้นมาจากงานนั้น” หุ้นส่วนแต่ละคนมีหน้าที่อะไรบ้าง? “อย่างคุณนภาดล กำปั่นทอง รับหน้าที่เป็นเอ็มดี หรือกรรมการผู้จัดการ และกำกับการแสดง, คุณนัยนา คุมฝ่ายทีวีทั้งกลุ่ม, คุณชุดาภา เป็นผู้กำกับและหุ้นส่วน, คุณท็อปจะเป็นแค่หุ้นส่วนไม่ได้ดูแลเรื่องการบริหาร ส่วนก้องดูแลงานอีเวนต์และฝ่ายขาย”

วิธีการหางานของก้อง ทำยังไง? “จริง ๆ ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ที่ผลงาน บางคนชอบมองว่าคนไทยต้องมีเส้นสาย สิ่งนั้นเป็นแค่ส่วนหนึ่ง บอกตรง ๆ ว่าบริษัทใช้เส้นตลอด แต่ถ้างานออกมาไม่ดีก็ไม่มีผลนะ ฉะนั้นอย่างแรก ผลงาน ฝีมือ การสร้างสรรค์ การทำงานต้องมีคุณภาพที่เหมาะสมก่อนเขาจึงอยากจะให้เราทำงานให้เขา 15 ปีที่ผ่านมามีลูกค้ามากมายที่ใช้บริการเราครั้งแรกและติดใจใช้งานเรามาจนถึงปัจจุบัน ลูกค้าให้ความสำคัญและให้ความไว้วางใจเรา บางทีงานเยอะ ๆ ลูกน้องเหนื่อยกันมาก แต่พอลูกค้าติดต่อมาเราก็ตอบว่าทำไหว ไม่ใช่ว่าเราอยากได้เงินนะ แต่เมื่อเขารู้สึกว่าเขาไว้วางใจให้เราทำ เราควรจะต้องทำให้เขา เมื่อมีคนหยิบยื่นความไว้วางใจให้เราทำงานให้ นี่คือสิ่งจำเป็นที่เราต้องให้ความสำคัญและดูแลลูกค้า คือเงินอาจจะแค่ส่วนหนึ่ง บางทีลูกน้องเหนื่อยมาก ๆ ก้องก็จะบอกลูกน้องว่า สิ่งที่เขาให้เรามาไม่ใช่เงินนะลูก เขาให้ความไว้วางใจเราต่างหาก ให้เราทำงานกับเขาโดยที่เขารักและรู้สึกว่าเราสามารถทำให้เขาประสบความสำเร็จได้ อันนี้คือจุดสำคัญ”

ตอนนี้โซนิกซ์ยูธ มีงานมากน้อยแค่ไหน? “ในส่วนของบริษัทตอนนี้มีทั้งงานอีเวนต์, รายการโทรทัศน์ และละคร ซึ่งในส่วนของอีเวนต์ก็เป็นที่ทราบกันดีว่าเรามีงานอีเวนต์มากมาย ส่วนรายการทีวีเราก็มีในช่องต่าง ๆ อย่างเช่น รายการ Speak out,รายการ Knock out ส่วนละครถือว่าเป็นโปรเจคท์ใหม่ที่เพิ่งทำ และรู้สึกว่าอยากจะลุยทำให้เต็มที่คือ ผลิตละครให้กับทางช่อง 8 อาร์เอส ประเดิมด้วยละครเรื่อง ทองประกายแสด ซึ่งก็รู้สึกดีใจที่ทางเฮียฮ้อ- คุณสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ (ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อาร์เอส) และ คุณโด่ง (องอาจ สิงห์ลำพอง ผอ.สถานีช่อง 8) ให้โอกาสเราได้กลับมาทำละครอีกครั้ง จากที่เคยทำเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา แต่ก็หยุดไปแล้วไปทำอีเวนต์และผลิตรายการโทรทัศน์แทน”

มาถึงเรื่องละครทองประกายแสด กระแสตอบรับเป็นอย่างไร? “อย่างแรกต้องขอขอบคุณเฮียฮ้อและพี่โด่ง ที่ให้โอกาสเราได้มาทำละครเรื่องนี้ ตอนแรกที่ติดต่อน้องพิ้งกี้มาร่วมงานด้วย กลัวและกังวลว่างานที่จะออกมาจะเป็นยังไง เนื่องจากว่า หนึ่ง...ก้องอยากให้ชุดาภากำกับ ซึ่งเป็นการกำกับละครเรื่องแรกของเขาด้วย สอง...เป็นเรื่องแรกที่พิ้งกี้กลับเข้าสู่วงการอีกครั้ง สาม...เป็นเรื่องแรกหลังจากที่เราหยุดทำละครไป 10 ปี ทุกสิ่งทุกอย่างมันเลยเหมือนเราเริ่มนับหนึ่งใหม่ แต่หลังจากที่งานออกมา ได้เห็นฝีมือ เห็นความละเอียดและความทุ่มเทของเขา มีหุ้นส่วนคอยดูแล หรือแม้กระทั่งความช่วยเหลือจากผู้ใหญ่และทีมช่อง 8 ก้องรู้สึกมั่นใจมากขึ้น ก็ไม่คิดว่ากระแสตอบรับจะดีขนาดนี้”

“ก่อนอื่นต้องขอยกนิ้วให้ผู้กำกับและนักแสดง คือคุณชุดาภาและพิ้งกี้ 2 คนนี้ทุ่มเทมาก อย่างน้องพิ้งกี้มาตั้งแต่ 7 โมงเช้าถ่ายยันตี 1 น้องไม่เคยบ่น ส่วนคุณชุดาภาทุ่มเทมากถึงขนาดทิ้งงานทุกสิ่งอย่างเพื่อมากำกับละครเรื่องนี้ เครียดจนถึงกับผมร่วง รู้สึกได้ว่ามันคุ้มค่ากับที่เราทุ่มเทจริง ๆ หรือแม้กระทั่งพี่โด่งที่คอยจี้งานเรา เราถือว่าเป็นครอบครัวเดียวกัน ซึ่งทำให้ผลงานออกมาสมบูรณ์ที่สุด และที่อดขอบคุณไม่ได้คงจะเป็นคนดูที่เข้ามาดูละครเรา วัดได้จากทีเซอร์ที่เราปล่อยออกไป ใน
ยูทูบคนเข้ามาดูเป็นแสน ๆ วิว ถือว่าเป็นสิ่งที่ตกใจ พอละครออก คนพูดถึงว่าจะดูได้อย่างไร ช่องไหน วิธีไหน ทำไมออกน้อยจัง แค่ 3 วัน มันเป็นสิ่งที่ภูมิใจ ซึ่งข้อติชมเราก็ฟังด้วยเพื่อนำมาปรับปรุงงานของเราในครั้งต่อ ๆ ไป พูดตรง ๆ ว่ากับทองประกายแสดลงทุนไปเยอะ ใครที่ยังติดใจทองประกายแสดก็ติดตามชมกันได้ วันเสาร์-อาทิตย์ ทางช่อง 8”

คติที่ยึดถือในการทำงาน ที่ทำให้ประสบความสำเร็จมาถึง ณ วันนี้? “อย่างแรกเลย สิ่งที่เราทำ เราอยากได้งานที่ดี มีคุณภาพ เหมาะสมกับเงินที่ลูกค้าจ่ายเงินมาให้เรา ให้ลูกค้ารู้สึกคุ้มค่าที่ได้ลงทุนจ้างเราทำงาน เงินอยากได้ แต่เราก็อยากให้ลูกค้ามีความสุข ถ้าลูกค้ามีความสุข เขาได้เห็นเม็ดเงินที่เขาลงทุนทำกับเราคุ้มค่า แค่นี้เราก็มีความสุขแล้ว กำไรเป็นอันดับต่อไป แม่สอนเสมอว่า ทำงานให้ดีที่สุด ให้ได้คุณภาพ เหมาะสมกับราคาที่เขาให้มา กำไรนิดหน่อยช่างมัน ขอให้มีงานทำเรื่อย ๆ ไม่รวยมาก แต่ได้ทำงานแบบมีความสุข”

คุยเรื่องงานแล้ว อยากให้พูดถึงความรักบ้าง “ความรักเป็นสิ่งสวยงาม เพราะมันทำให้หัวใจเราชุ่มชื่น มีพลัง มีความสุข สุขใจที่ได้รู้สึกดี ๆ กับใครสักคน แต่มันก็ไม่ได้จำกัดอยู่ที่ความรักของหนุ่ม-สาว อาจจะเป็นความรักที่มีต่อพ่อ แม่ พี่ น้อง เพื่อน หรือคนรัก ซึ่งความรักของก้องมันคงไม่ต่างจากคนอื่น ๆ หรอก เราไม่ได้มองว่าต้องรักเฉพาะผู้หญิง หรือต้องรักเฉพาะผู้ชาย เรื่องของหัวใจ เรื่องความรัก มันออกแบบไม่ได้ บางทีเราก็รักใครสักคนโดยไม่ต้องหาเหตุผลว่าทำไมถึงต้องรัก มันเป็นเรื่องความรู้สึกมากกว่า ว่าถ้าเราอยู่กับใครแล้วมีความสุขมันก็คือความรัก ไม่ได้มีเงื่อนไขว่าต้องเป็นอย่างนั้น ต้องทำอย่างนี้ เรื่องความรักมันไม่มีเส้นแบ่งใด ๆ ในโลกจะมาขีดหรือบังคับได้”

ไม่ว่าจะเป็นเขาหรือเธอ แต่พูดได้อย่างเดียวว่า “ก้อง-ปิยะ เศวตพิกุล” คนนี้ เป็นคนคิดดี ทำดี และเหนือสิ่งอื่นใดยังเป็นคนคุณภาพของวงการบันเทิงไทย ที่น้อง ๆ รุ่นใหม่ควรมองไว้เป็นตัวอย่าง.

ปรางค์ ปิ๊กมี่

//www.dailynews.co.th/entertainment/112943




 

Create Date : 07 พฤษภาคม 2555
1 comments
Last Update : 7 พฤษภาคม 2555 0:39:11 น.
Counter : 2462 Pageviews.

 

พี่ก้องผมทำกับข้าวกลองพี่หม่ำอยู่ ผมสนใจอยากไปทำกับข้าวกลองพี่นะคับ ไม่รู้จะติดต่อใครอย่างไง id lien monza 14 คับ

 

โดย: Mon IP: 171.7.7.180 4 เมษายน 2560 15:30:50 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


สุขใจเมื่อใกล้เธอ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




พยากรณ์อากาศ
Friends' blogs
[Add สุขใจเมื่อใกล้เธอ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.