No matter what life brings, I just believe that... Everything happens for the best.

Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2549
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
7 พฤษภาคม 2549
 
All Blogs
 
เด็กน้อย จำปี น้ำตา กับ เหรียญ 10 บาท สองเหรียญ [เรื่องสั้น]

แสงแดดต้นเดือนพฤษภาคมยามเที่ยงวันร้อนระอุเหมือนเคย สองเท้าเล็กๆ พาร่างของเด็กน้อยวัย 7-8 เดินแทรกช่องว่างระหว่างยานพาหนะบนท้องถนนไปอย่างช้าๆ มือเล็กๆ ที่เป็นสีคล้ำแดดยกขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากใต้หมวกมีปีกเล็กๆ ใบเก่า ก่อนจะไปป้ายเช็ดกับเสื้อและกางเกงที่ดูเก่าแก่ มอมแมมไม่แพ้กัน สายตาสอดส่ายเข้าไปในรถช้าๆ อย่างมีความหวัง

เด็กน้อยค่อยๆ ยืนหยุดอยู่หน้ากระจกของรถทีละคัน ส่งสายตาอ้อนวอนเข้าไปข้างใน รอคอยว่า จะมีใครเปิดกระจกรถ และบอกว่าต้องการซื้อดอกจำปีห่อใบตองที่เหลืออยู่ครึ่งตะกร้าที่เขาประคองอยู่บ้างไหม

หากคันแล้วคันเล่า มีเพียงสายตาที่มองผ่านกระจกรถ ซึ่งภายในเปิดแอร์เย็นเฉียบ บ้างก็เป็นสายตาแสดงความสงสาร บ้างก็เป็นสายตาแสดงความรังเกียจ เลยไปถึงสายตาแสดงความรำคาญ แต่เด็กน้อยไม่มีทางเลือกอื่น เขาเคยชินกับสายตาเหล่านี้พอสมควรแล้ว

สัญญาณไฟกำลังจะเปลี่ยนจากสีแดงเป็นสีเขียวในไม่ช้า และเด็กน้อยก็รู้ดีว่า ใกล้จะถึงเวลาที่จะต้องขึ้นไปยืนบนฟุตบาทเพื่อรอสัญญาณไฟครั้งต่อไป

ขณะที่เขากำลังจะหมดความหวังอยู่แล้ว กระจกหน้าต่างของรถยนต์คันสีเทากระทัดรัดซึ่งภายในมีผู้หญิงอายุมากกว่าเป็นคนขับ ส่วนที่นั่งด้านข้างคนขับซึ่งติดอยู่กับกระจกด้านที่เขายืนอยู่ก็เปิดออก

เด็กน้อยได้ยินเสียงของหญิงสูงวัยกว่าดังจากข้างใน

“เอาเงินให้เด็กสิบบาทก็พอ ไม่ต้องซื้อหรอก ที่บ้านมีเยอะแยะ”

และเขาก็เห็นผู้หญิงคนที่อายุน้อยกว่าก้มลงไปด้านข้าง หยิบเหรียญขึ้นมา และส่งให้เขา

เด็กน้อยสั่นศีรษะแรงๆ เปล่งเสียงจากคอที่ว่างเปล่าเบาหวิว “ไม่เอาครับ”

“ขายยังไงคะ” ผู้หญิงคนอายุน้อยกว่าถาม

“สามกำยี่สิบบาท” เขาตอบอย่างคล่องแคล่ว ด้วยเพราะพูดประโยคนี้ซ้ำไปซ้ำมาไม่รู้กี่หนแล้ว

ผู้หญิงคนที่อายุมากกว่าบอกข้ามมา “ให้หนู เอาเงินไปสิบบาท แต่ไม่ซื้อ”

เด็กน้อยหน้าเสียสั่นศีรษะแรงๆ อีกครั้ง ความอัดอั้นตันใจจุกอยู่ในอกจนดันน้ำตาที่พยายามเก็บงำเอ่อขึ้นมาคลอตา เขายังจำความเจ็บปวดที่เคยรับได้ดี และไม่อยากจะทำผิดซ้ำเดิมอีก หลุดปากบอกออกไปเสียงสั่นๆ

“เดี๋ยวหนูโดนตี”

“ใครจะตีหนู”

คำถามง่ายๆ แต่คำตอบกลับยากหนักหนา เด็กน้อยได้แต่ส่ายหน้า “หนูไม่รู้”

ผู้หญิงสูงวัยเริ่มจะอารมณ์เสีย ด้วยเสียงที่เพิ่มความดังขึ้น “อะไรกัน ใครจะตีหนู หนูไม่รู้หรอกหรือ พ่อแม่อยู่ไหน”

พ่อแม่...พ่อแม่คืออะไร เด็กน้อยไม่รู้เลยสักนิด และตอบไปตามจริง

“หนูไม่รู้...”

ผู้หญิงอายุน้อยกว่าก้มลงไปหยิบเงินเพิ่ม และหันไปบอกคนขับว่า “ซื้อของน้องเค้าไปเถอะแม่”

เด็กน้อยเกือบจะยิ้มออกมาได้ แต่สิ่งที่ได้ยินต่อมาทำให้เขาใจเสีย เพราะผู้หญิงสูงวัยกว่าพูดว่า “ไม่ต้องให้ ไม่เอาสิบบาท ก็ไม่ต้องให้เลยก็แล้วกัน”

สมองสั่งให้ขาออกก้าวเดินต่อ เพราะคงหมดหวังแล้ว แต่เด็กน้อยไม่สามารถขยับขาออกเดินได้ เขารู้สึกหมดแรงจนแทบอยากจะทรุดนั่งลงตรงนั้น มือน้อยๆ กำห่อใบตองสามห่อเอาไว้แน่น ส่งสายตาแสดงความสิ้นหวังออกไป
แต่ผู้หญิงอายุน้อยกว่ากลับส่งเหรียญ 10 บาทให้เขาสองเหรียญและรับดอกจำปีห่อใบตองที่ถือเอาไว้สามห่อไป ทำให้ตะกร้าที่แม้น้ำหนักจะน้อย แต่หนักอึ้งในความรู้สึกเบาลงไปมากเหลือเกินสำหรับเด็กน้อย

เจ้าของรถสีเทายังไม่ปิดกระจกหน้าต่าง เด็กน้อยจึงยังไม่ได้เดินต่อไป เขาเห็นผู้หญิงอายุน้อยกว่าเอี้ยวตัวไปทางด้านหลังรถ หูก็ได้ยินเสียงแว่วออกมา

“ให้เด็กไปเถอะแม่ ถ้าคิดจะช่วยนะ อย่าให้เงินเลย ซื้อให้หมดๆ ไปดีกว่า เด็กจะได้ไปพัก ให้เงินไป ก็ไม่ถึงเด็กหรอก”

“แต่ให้เงินไป ก็เหมือนสนับสนุนพวกชั่วๆ บังคับเด็กมาเดินขายของ” เสียงนั้นบ่งบอกอารมณ์หงุดหงิดได้เป็นอย่างดี “สังคมเราทุกวันนี้มันแย่จริงๆ”

“ถ้าจะไม่สนับสนุน แม่ก็ต้องใจแข็ง ไม่เปิดกระจกมาตั้งแต่แรก” ผู้หญิงอายุน้อยกว่าบอก

ผู้หญิงสูงวัยกว่าชะโงกหน้ามาทางเขา “หนูไปร้องเรียนปวีณาเลย รู้จักไหม มูลนิธิปวีณาน่ะ”

เด็กน้อยส่ายหน้า คำว่ามูลนิธิแปลว่าอะไร ปวีณาคือใคร ร้องเรียนคืออะไร

ผู้หญิงอายุน้อยกว่าหันกลับมาแล้ว เธอบ่นกับคนที่อยู่หลังพวงมาลัยเบาๆ “แม่ก็ เด็กจะไปรู้เรื่องอะไร” และเธอก็ส่งขวดน้ำเล็กๆ ให้เขาขวดหนึ่ง

ตอนแรกเด็กน้อยไม่กล้ารับ แต่เมื่อเธอพูดย้ำด้วยใบหน้าแสดงความเห็นใจ “ให้น้อง เอาไปดื่มนะคะ”

เด็กน้อยจึงรับมาด้วยความตื้นตัน มันคงจะช่วยให้คอที่แห้งผากจากแสงแดดที่แผดเผาชุ่มชื่นขึ้นมาได้บ้าง

แสงไฟเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีเหลือง ผู้หญิงในรถทั้งสองจึงรีบบอกให้เด็กน้อยขึ้นไปบนฟุตบาท และปิดกระจกหน้าต่างลง

ไม่นานรถยนต์คันสีเทาก็แล่นตามรถยนต์คันอื่นๆ หายลับไปจากสายตา

เด็กน้อยถอนหายใจ ยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่หยาดไหลลงมาโดยไม่รู้ตัว เขาไม่เข้าใจหรอกว่า ความรู้สึกรวดร้าวในอกตอนนี้คืออะไร สิ่งที่ผู้หญิงสองคนนั้นพูดคืออะไร...พ่อแม่ ร้องเรียน มูลนิธิ... เขารู้เพียงแต่ว่าถ้าวันนี้ขายดอกจำปีในตะกร้านี้ไม่หมด กลับไปถึงห้องเล็กๆ ที่อับทึมคับแคบห้องนั้น เขาจะต้องโดนไม่เรียวฟาดอย่างแน่นอน

ดวงตาสีดำสนิทที่อ่อนแรงเหม่อมองไปยังสัญญาณไฟ รอเวลาที่มันจะเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีเหลืองและสีแดงอีกครั้ง ด้วยความหวังว่า รถติดครั้งต่อไป ดอกจำปีในตะกร้าของเขาจะขายหมดสักที


Poovadee Tuchinda
7/5/06
23.20 pm
At home



วันนี้ไอซ์ออกไปหาหมอมาค่ะ ที่ยังเป็นผื่นแพ้คันยังไม่หาย ระหว่างทางก็เจอเหตุการณ์ที่ทำให้รู้สึกหดหู่ และเศร้าใจเป็นอย่างมาก ความตั้งใจที่จะกลับมาเขียนนิยายต่อหายไปหมด ตลกไม่ออก เพราะภาพบางอย่างยังติดตาอยู่ในใจ

ผู้หญิงในรถสองคนในเรื่องนี้ คือไอซ์กับแม่เองค่ะ

ไอซ์จำหน้าเด็กไม่ได้แล้วล่ะ เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เห็นเด็กตัวเล็กๆ มาเดินขายดอกจำปีกลางถนนด้วยราคาที่แพงหูฉี่ แต่แววตาที่มีน้ำตาเอ่อคลออยู่มันติดตาและทำให้เจ็บที่หัวใจ

ป่านนี้ไม่รู้ว่า หนูน้อยคนนั้นจะเป็นยังไงบ้างแล้ว

สังคมทุกวันนี้มันแย่จังเลย และตัวเองก็รู้สึกแย่ เพราะรู้สึกว่า ไม่สามารถช่วยอะไรได้

อยากเขียนงานสะท้อนสังคมตรงนี้สักเรื่อง ไม่รู้ว่าจะไปหาข้อมูลที่ไหนดี

ไปๆ มาๆ ก็เลยได้งานเขียนชิ้นนี้ ที่ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าเป็นเรื่องสั้นได้หรือเปล่า แต่ก็อยากแปะให้อ่านกันค่ะ

^^



Create Date : 07 พฤษภาคม 2549
Last Update : 7 พฤษภาคม 2549 23:44:08 น. 4 comments
Counter : 655 Pageviews.

 
ถ้านั่งจับกันเป็นกระจุก ซุกๆตามซอก
ก็จะบอกว่า อาจจะโดน... อ่ะนะ

สังคมปัจจุบัน ใจอ่อนบ้างก็ไม่เสียหายอะไร
เพราะ 20 บาท สำหรับเรา มันซื้อความสบายใจอื่นๆ
ไม่ได้มากเท่ากับซื้อจากน้องเขาหรอก...


โดย: ป้าหนอน วันที่: 7 พฤษภาคม 2549 เวลา:23:52:21 น.  

 
เรื่องสั้นจากชีวิตจริงเลยนะคะเนี่ย น่าอ่านดีค่ะ
เขียนต่อไปเรื่อย ๆ นะคะ จะตามมาอ่านเรื่อย ๆ

ชอบอ่านหนังสือค่ะ


โดย: กากีซ่าส์ วันที่: 11 พฤษภาคม 2549 เวลา:13:42:50 น.  

 
เห็นใจเด็กนะคะ เคยเจอเหมือนกัน มาหลายรูปแบบเลย
บางทีก็มาขายพวงมาลัยในร้านอาหาร เด็กอายุประมาณ 8-10 ขวบนี่แหละ ถ้าเราบอกว่าไม่ซื้อก็หน้าบูด หน้างอไปก็มี (แปลกเด็กจริง) บางทีเจอตอนไปเที่ยวทะเล เด็กอายุประมาณ ไม่เกิน 10 ขวบหรอก มาอ้อนวอนให้ซื้อพวกผลไม้ หรือของทอดต่าง ๆ ถุงละ 20 ถ้าเราบอกไม่ซื้อ เพราะมีอยู่แล้ว เด็กก็อ้อนอยู่นั้นแหละ ทั้ง "พี่คร้าบซื้อหน่อยนะคร้าบ พี่คนสวย (สวยอยู่แล้วย่ะ) ซื้อหน่อยนะ"หรือไม่ก็บีบ นวดเราอยู่นั้นแหละ บอกไม่ซื้อ ๆ ก็ไม่ไปไหน จนต้องซื้อจนได้ เฮ้อ...สงสารเด็ก แค่ไม่ชอบที่ผู้ใหญ่ให้เด็กมาขายของแบบเนี่ย
ยังไงก็แก้ไม่ได้ซะทีแหละ เรื่องแบบนี้


โดย: nuttiya (nuttiya ) วันที่: 17 กรกฎาคม 2549 เวลา:15:42:24 น.  

 
ดีมาก


โดย: เเบงค์ IP: 202.143.169.179 วันที่: 26 มิถุนายน 2551 เวลา:10:33:11 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Clear Ice
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 22 คน [?]




Friends' blogs
[Add Clear Ice's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.