No matter what life brings, I just believe that... Everything happens for the best.

Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2555
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
27 มิถุนายน 2555
 
All Blogs
 

The Religion - สงครามแห่งอัศวิน @ The Great Siege

เมื่อต้นเดือนไอซ์ไปเที่ยวประเทศมอลต้ามาค่ะ ก่อนไปก็พยายามหาหนังสือเกี่ยวกับประเทศนี้เพื่อจะเอาไปอ่านบิวท์อารมณ์ ซึ่งก็พบว่า...มีน้อยมากๆ เลย และก็ได้มาพบหนังสือเล่มนี้ เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ช่วง The Great Siege อันโด่งดังพอดี ก็เลยรีบคว้ามา

แบกไปเที่ยวด้วย แต่ระหว่างเที่ยวก็อ่านได้ไม่เยอะ กลับมาอ่านจบที่ไทยนี่ล่ะค่ะ ^^

อ้อ...ถ้าใครสนใจ เข้าไปอ่านรีวิวเที่ยวมอลต้าได้นะคะ


จะทำให้เห็นภาพในหนังสือชัดเจนขึ้นด้วยล่ะ ^^


หนังสือ : The Religion
ผู้เขียน : Tim Willocks 
สนพ. : Arrow
จำนวนหน้า : 784 หน้า 
ภาษา : อังกฤษ 



รายละเอียดจากปกหลัง


ประเทศมอลต้า เดือนพฤษภาคม 1565: เคาท์เตส คาร์ลา ลา พีนาเทียร์ ตั้งใจที่จะตามหาลูกชายที่ถูกแย่งไปจากอ้อมอกตั้งแต่วันที่เขาเกิด ข้างกายเธอมีผู้ชายเพียงคนเดียวซึ่งมีความชำนาญและกล้าหาญพอที่จะช่วยเธอ เขาคือทหารแห่งโชคชะตา นักค้าอาวุธ...แม็ทเทียส แทนน์เฮาเซอร์ 

ท่ามกลางสงครามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ชายแซ็กซัน และหญิงงาม ต้องดึงตัวเด็กชายวัยสิบสองจากกรงเขี้ยวของสงครามศักดิ์สิทธิ์ และต้องต่อสู้กับความสเน่หาระหว่างกันที่ก่อตัวขึ้นในหัวใจ

สุไลมานผู้ยิ่งใหญ่ (Suleiman the Magnificent) จักรพรรดิแห่งอาณาจักรอ็อตโตมาน ได้ประกาศจีฮัทต่อเหล่าอัศวินแห่งเซนต์จอห์น กองทัพที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเคลื่อนตัวสู่ที่ตั้งมั่นของเหล่าอัศวินบนเกาะมอลต้า สองผู้ยิ่งใหญ่เตรียมตัวเข้าสู่สงครามครั้งสุดท้ายในนามของพระผู้เป็นเจ้า


จากไอซ์ :


ถ้าใครตามอ่านรีวิวจากบล็อกของไอซ์บ่อยๆ ก็คงพอจะจับได้ว่า นอกจากหนังสือแนวฆาตกรรมเลือดสาดแล้ว แนวอิงประวัติศาสตร์นี่ล่ะค่ะ ที่เป็นอีกแนวโปรดของไอซ์ ^^

เรื่อง The Religion อิงประวัติศาสตร์ช่วง The Great Siege ((ซึ่งหนังสือเกี่ยวกับประเทศมอลต้าส่วนใหญ่ก็ชอบอิงประวัติศาสตร์ช่วงนี้แหละค่ะ โฮ่ๆๆๆ)) ตอนที่สุไลมานยกกองทัพทหารจำนวนกว่า 40,000 คนเพื่อกวาดกล้างอัศวินแห่งเซนต์จอห์น ((The Knight of Saint John the Baptist)) หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า The Religion ชื่อเดียวกับหนังสือเล่มนี้นั่นเอง

ไอซ์ปลื้มอัศวินแห่งเซนต์จอห์น ((ซึ่งภายหลังก็เป็นอัศวินแห่งมอลต้านี่ล่ะค่ะ)) ค่ะ ขอตัดประวัติย่อๆ จากกระทู้รีวิวเที่ยวมอลต้ามาลงสั้นๆ นะคะ
....
The Knight of Saint John the Baptist หรือ Knights Hospitaller หรือเรียกสั้นๆ ว่า Hospitaller ก่อตั้งขึ้นในช่วงประมาณปี 1023 ในตำบล Muristan ของเยรูซาเลม เพื่อช่วยรักษาคนยากจนที่เจ็บป่วยระหว่างการไปแสวงบุญที่เมืองศักดิ์สิทธิ์

หลังจากที่เยรูซาเล็มถูกยึดครองโดยคริสเตียนในปี 1099 แล้ว ช่วงสงครามครูเสด Hospitaller ก็เลยกลายเป็นกลุ่มทหารทางศาสนาไปด้วย โดยได้รับมอบหมายให้ปกป้องดินแดนศักดิ์สิทธิ์ แล้วไปๆ มาๆ ก็เลยทำหน้าที่ขับไล่พวกที่่นับถือศาสนาอิสลามไปด้วยเสียเลย

ดังนั้น Hospitaller กับพวกมุสลิมนี่ก็เป็นไม้เบื่อไม้เมากันค่ะ รบกันมาตลอด จนกระทั่ง Hospitaller แพ้ราบคาบที่เมือง Rhodes แล้ว Suleiman the Magnificent ก็ใจดีปล่อย Hospitaller ออกไปพร้อมสมบัติมีค่าทั้งหลาย หารู้ไม่ว่าจะเป็นหนามยอกอกต่อไปในอนาคต >_<

ปี 1530 เหล่า Hospitaller ที่ไร้ที่อยู่ ก็ได้รับการเสนอขายมอลต้าจาก Charles V of Spain ด้วยการแลกกับนกเหยี่ยวปีล่ะหนึ่งตัวเท่านั้น ((ถูกไปไหน >_<))

เหล่า Hospitaller ซึ่งจริงๆ แล้วก็ไม่ได้อยากอยู่มอลต้าเท่าไหร่หรอกค่ะ เพราะเป็นเกาะเล็กๆ แห้งแล้ง ดูไม่มีคุณค่า แต่ก็รับไว้นะคะ แหม...ไม่มีทางเลือกยังจะเลือกมากก็กระไรอยู่เนอะ 555 ก็เลยกลายเป็นอัศวินแห่งมอลต้ากันไปเลย ^^

สัญลักษณ์ของอัศวิน Hospitaller จะเป็นไม้กางเขนที่มี 8 มุมสีขาวบนพื้นดำค่ะ

....

สงครามในเรื่องนี้ Suleiman the Magnificent ยกกองทัพมาสี่หมื่นกว่าคน กะจะถล่มอัศวินแห่งมอลต้าให้ราบเรียบ ไม่ต้องเจอะเจอกันอีก

ขณะนั้น Grand Master ของ The Order of St.John ก็คือ Jean Parisot de la Valette หรือเรียกสั้นๆ ว่า ลา วาเล็ตต์ มีอัศวินอยู่ไม่ถึงพันคน และมีชาวมอลทีสอีกประมาณเจ็ดพันคน พูดง่ายๆ ว่าเสียเปรียบแบบ 5:1 เลยทีเดียว

ตามประวัติศาสตร์สุไลมานพ่ายแพ้ไปนะคะ ^^

...

ในเรื่อง The Religion ใช้ช่วง The Great Siege เป็นฉากหลัง โดยที่ตัวเอกคือ แม็ทเทียส ซึ่งจริงๆ แล้วมีเชือสายแซ็กซั่น 

แม็ทเทียสเป็นลูกช่างตีเหล็กค่ะ ตอนอายุ 12 เขาไม่ได้มีความฝันหรือความต้องการอะไรไปมากกว่าอยากเป็นช่างตีเหล็กที่ยอดเยี่ยม แต่...เกิดโศกนาฏกรรมขึ้น ... ทหารเลวของอ็อตโตมานบุกเข้ามาฆ่าน้องๆ ของเขา แม่ของเขาถูกข่มขืนและฆ่าตายต่อหน้าต่อตาเขา แม็ทเทียสได้รับการช่วยเหลือจาก แอ็บบาส ซึ่งเป็นหนึ่งในทหารเอกของสุไลมาน

แอ็บบาสชอบใจความเข้มแข็งของแม็ทเทียส ก็เลยรับตัวไปด้วย แถมตั้งชื่อให้ใหม่ว่า อิบราฮิม ... ไปๆ มาๆ แม็ทเทียสก็เลยได้เข้า Devshirme และกลายเป็น Janissaries ซึ่งเป็นทหารของอ็อตโตมาน โดยทั้งหมดเป็นชาวคริสเตียนที่เปลี่ยนศาสนาเข้ามาเป็นทหารค่ะ

ข้างบนอยู่ในส่วนของบทนำนะคะ

เรื่องราวเริ่มต้นจริงๆ เมื่อแม็ทเทียสเลิกเป็น Janissaries แล้วและมาหากำไรด้วยการเป็นพ่อค้าขายอาวุธ

ที่มอลต้า...ลา วาเล็ตต์ ซึ่งเป็นแกรนด์มาสเตอร์ของเหล่าอัศวินรู้ว่าสุไลมานกำลังยกทัพมา เขาต้องการให้แม็ทเทียสมาช่วยในการรบครั้งนี้ เพราะแม็ทเทียสเคยเป็นทหารให้กับอ็อตโตมานมาก่อน ลา วาเล็ตต์ จึงวางแผนโดยใช้ คาร์ลา...เคาท์เตส ที่ตอนนี้อยู่อิตาลี ผู้ซึ่งพยายามขอกลับเข้ามาในมอลต้า เพื่อมาตามหาลูกชาย แต่ไม่ได้รับอนุญาต เพราะอย่างที่ว่าค่ะ มอลต้ากำลังเตรียมการรับสงคราม จะเอาผู้หญิงสูงศักดิ์มาเกะกะทำไม

คาร์ลาขอให้แม็ทเทียสช่วยเหลือพาเธอกลับเข้าไปในมอลต้าเพื่อตามหาลูกชาย แม็ทเทียสตกลง และทั้งสองก็ถูกม้วนเข้าไปสู่วังวนของสงครามใหญ่ครั้งนี้
...

ผู้เขียนทำการบ้านมาดีมากๆ ค่ะ บรรยายทุกอย่างละเอียดลออจนเห็นภาพช่วงนั้นได้ชัดเจน ((แถมไอซ์อ่านตอนอยู่มอลต้า อินมากอะ >_<))

เรื่องราวดราม่าของแม็ทเทียส - คาร์ลา - ลูโดวิโค ((อดีตคนรักเก่าของคาร์ลา พ่อของลูกชายคาร์ลา)) - อัมพาโร ((กึ่งสาวใช้ของคาร์ลา เธอมีญาณวิเศษมองเห็นอนาคตได้เป็นส่วนๆ)) ถูกนำมาใส่เข้าไปในประวัติศาสตร์ช่วงนี้ได้อย่างไม่เคอะเขินเลย 

ถึงแม้ว่าจะรู้ว่าประวัติศาสตร์และสงครามจบลงอย่างไร แต่เรื่องราวของตัวละครหลักนี่ ผันผวนมากจริงๆ ผู้เขียนวางคาแร็กเตอร์ได้ชัดเจน ดูเป็น "คน" จริงๆ ไม่มีใครดี ไม่มีใครเลว ทุกคนทำเพื่อความอยู่รอด ความตะกราม ความคิดและความต้องการของตัวเอง ((เล่นเอาเชียร์ไม่ถูก 555))

แม็ทเทียสทำตัวคล้ายกับนกสองหัว แต่จริงๆ แล้วเขาทำเพื่อเอาตัวรอดเท่านั้น เขาช่วยลา วาเล็ตต์ วางแผนทำลายกองทัพของสุไลมาน แต่ตัวเขาเองก็ยังผูกพันกับกองทัพของสุไลมาน เพราะเคยเป็น Janissaries ... ผู้เขียนใช้แม็ทเทียสเป็นตัวกลางให้คนอ่านได้มองเห็นสภาพการณ์ของกองทัพทั้งสองฝ่าย 

สรุปว่า...ไอซ์ว่าสนุกนะคะ แม้ว่ามันจะมีหลายช่วงที่หดหู่ เพราะคนที่กระหายสงครามจริงๆ นั้นมีอยู่ไม่กี่คนหรอก คนเหล่านั้นไม่ได้ลงมารบด้วย แต่ส่ง "หมาก" ตัวแล้วตัวเล่าไปจมกองเลือด ต่างฝ่ายต่างสู้โดยอ้าง "พระผู้เป็นเจ้า" ... สงครามมันนำมาแต่ความโหดร้ายจริงๆ และสงครามที่ไร้เหตุผลที่สุด ไอซ์ว่าก็คือสงครามศาสนานี่แหละ  


สปอยล์ :

หนังสือหนามาก เนื้อหาเยอะมาก พล็อตใหญ่ ซับพล็อตเพียบ สปอยล์ไม่ถูกกันเลยทีเดียว >_<

สั้นๆ ละกันค่ะ สมัยอายุ 15 คาร์ลาตกหลุมรักกับบาทหลวงลูโดวิโค (Ludovico) และตั้งท้องลูกของเขา ... ลูโดวิโคซึ่งคิดว่าตัวเองทำผิดคำสาบานหนีไป (กลัวถูกลงโทษด้วย) คาร์ลาคลอดลูกออกมาแล้วลูกก็ถูกเอาตัวไปตั้งแต่แรกเกิด พ่อส่งคาร์ลาไปแต่งงานกับท่านเคาท์ ออกไปนอกมอลต้า

คาร์ลาได้พบกับอัมพาโร...สาวสเปนที่มีความแปลกประหลาด (ใบหน้าไม่เท่ากัน ดวงตาสองสี ฟ้า-น้ำตาล ถูกทำร้ายมามากมายจนสภาพจิตแตกต่างจากคนทั่วๆ ไป) และสามารถมองเห็นอนาคตได้ อัมพาโรบอกว่าเธอเห็นว่าลูกของคาร์ลายังมีชีวิตอยู่ที่มอลต้า และเห็นว่าชายหนุ่มบนม้าสีทอง (ม้าของแม็ทเทียสชื่อ Buraq ขนสีทอง) จะช่วยเธอได้

ลา วาเล็ตต์ ส่งสตาร์คีย์ไปวางแผนให้คาร์ลาพาแม็ทเทียสมาที่มอลต้าให้ได้ โดยส่งสตาร์คีย์ไปพร้อมกับลูโดวิโค ซึ่งตอนนี้เป็น Inquisitor ที่สตาร์คีย์ไม่รู้ว่าจริงๆ แล้ว ลูโดวิโคนี่แหละ เป็นอดีตคนรักของคาร์ลา

ลูโดวิโคพยายามขัดขวางไม่ให้คาร์ลาพาแม็ทเทียสมาที่มอลต้า เพราะกลัวจะทำให้เสียแผน ((ลูโดวิโคต้องการรวบอำนาจของอัศวินแห่งเซนต์จอห์นเข้าสู่วาติกัน)) เลยพยายามขัดขวาง แต่ให้ผลตรงกันข้าม แม็ทเทียส คาร์ลา อัมพาโร และบอร์ ((ชายอังกฤษ ซี้แม็ทเทียส)) มาที่มอลต้า ... แม็ทเทียสยอมช่วยคาร์ลาโดยแลกเปลี่ยนกับการที่คาร์ลาต้องแต่งงานกับเขา เพราะเขาอยากได้ยศไปทำธุรกิจ

ท่ามกลางไฟระอุแห่งสงคราม คาร์ลาเริ่มหลงรักแม็ทเทียส แม็ทเทียสเองก็ถูกใจคาร์ลา แต่ก็รักอัมพาโรด้วย ... แม็ทเทียสกับอัมพาโรเป็นคู่รักกัน สร้างความเสียใจให้คาร์ลามาก ... ส่วนลูโดวิโคก็เกิดค้นพบตัวเองว่ายังรักคาร์ลาอยู่ อยากได้คาร์ลากลับคืนมา ลูกก็จะเอา ก็อิจฉาแม็ทเทียส ต่างฝ่ายต่างอยากทำร้ายกัน

((ระหว่างสงครามนี้ก็เจอลูกของคาร์ลา ชื่อ ออร์ลาดู เป็นเด็กที่อาสาในการทำสงคราม ก็ถูกโยนไปโยนมา แม็ทเทียสต้องไล่ตามหาจนเจอ แต่พากลับมาไม่ได้ ฝากไว้กับแอ็บบาสในฝั่งทหารของอ็อตโตมาน))

ช่วงท้ายๆ ที่สงครามคุจนถึงจุดระเบิด สุไลมานทุ่มเทกำลังทั้งหมดเข้าห้ำหั่น แม็ทเทียสพาบอร์ คาร์ลาและอัมพาโรหนี แต่ถูกลูโดวิโคจับได้ ... ลูโดวิโคยื่นข้อเสนอให้แม็ทเทียสว่า ถ้าอยากรอดชีวิตให้ไปฆ่าลา วาเล็ตต์

แม็ทเทียสตลบหลังลูโดวิโคโดยไปแจ้งเบาะแสกับสตาร์คีย์ เขาพบว่าอัมพาโรที่เขารักถูกข่มขืนและฆ่าจนตาย เขาเคืองแค้น และแก้แค้นด้วยการฆ่าลูโดวิโค

จบแบบที่มีคนรอดตายในเรื่องน้อยมากๆ สุดท้ายแม็ทเทียสก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นอัศวินแห่งมอลต้ากับเขาด้วย ((ก็ช่วยรบมาเยอะ)) และก็แต่งงานกับคาร์ลา 

ไอซ์ว่ามันจบแบบขมๆ หวานๆ บอกไม่ถูก ... อ้อ...มีตำนานที่แม็ทเทียสเล่าให้อัมพาโรฟังตอนเจอกันครั้งแรกว่า

เมื่อก่อนโน้นกุหลาบมีเพียงสีเดียวคือสีขาว มีนกไนติงเกลตัวหนึ่งหลงรักดอกกุหลาบ วันหนึ่งมันต้องการแสดงความรักด้วยการโอบกอดกุหลาบเอาไว้ แต่หนามแหลมของกุหลาบก็ฆ่ามันตาย เลือกสีแดงของนกไนติงเกลอาบลงบนกลีบกุหลาบ ทำให้กุหลาบมีสีแดง

ตอนท้ายแม็ทเทียสบอกว่า ยังไงเขาก็จะอยู่กับคาร์ลาตลอดไป เพราะทั้งสองต่างเป็นกุหลาบแดง ((อัมพาโรที่แม็ทเทียสรักตายเพราะเขา ลูโดวิโคก็ตายเพราะคาร์ลา))





ดู Index รายชื่อหนังสืออื่นๆ ที่ไอซ์ได้รีวิวไปแล้วตามลิงก์ข้างล่างค่ะ 

หนังสือภาษาอังกฤษ
Index Bookshelf : English Books

- หนังสือแปล
Index Bookshelf : Translated Books

- หนังสือภาษาไทย
Index Bookshelf : Thai Books




 

Create Date : 27 มิถุนายน 2555
5 comments
Last Update : 27 มิถุนายน 2555 17:38:30 น.
Counter : 8359 Pageviews.

 

จดๆ ค่ะ เรื่องนกไนติงเกลทำให้นึกถึง The Nightingale and the Rose ของ Oscar Wilde เลย แต่รายนั้น เอ่อ

 

โดย: jackfruit_k 27 มิถุนายน 2555 18:54:29 น.  

 

ในเรื่องบอกว่ามันเป็นตำนานของอาหรับนะคะ ไอซ์ยังไม่เคยอ่าน The Nightingale and the Rose เลยค่ะ >_<

 

โดย: Clear Ice 27 มิถุนายน 2555 19:22:39 น.  

 

คิดเหมือนคุณไอซ์
"สงครามที่ไร้เหตุผลที่สุด คือสงครามศาสนาจริงๆ"

 

โดย: หัวใจสีชมพู 28 มิถุนายน 2555 11:41:58 น.  

 

ในของ Oscar Wilde เล่าว่าต้นไม้บอกนกไนติงเกลวิธีสร้างกุหลาบแดง เคยอ่านแต่ในเรื่องสั้น ไม่เคยอ่านที่ศึกษาวรรณกรรมกันว่าเอาตำนานที่เอามาแปลงมาจากไหน เลยไม่ทราบสักนิดค่ะ

 

โดย: jackfruit_k 28 มิถุนายน 2555 19:01:52 น.  

 

เล่มนี้ก็น่าอ่านค่ะพี่ไอซ์ ช่างยั่วกิเลสให้อยากอ่านดีจังค่ะ

 

โดย: หวานเย็นผสมโซดา 2 กรกฎาคม 2555 1:53:59 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


Clear Ice
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 22 คน [?]




Friends' blogs
[Add Clear Ice's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.