|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
ใต้มนตร์จันทร์ มันดราลัย ตอนที่ 27
-ตอนที่ 27-
หมออัซซัมสั่งไว้แล้วว่าไม่ให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปรบกวนคนเจ็บ เสียงตอบมายังห้วนสนิท
ฉันไม่ได้จะรบกวน มัทรีแย้ง แล้วทีเธอก็ยังเข้าไปได้
มาจารีเหยียดยิ้มที่มุมปาก ฉันมีหน้าที่ดูแลเขา ก็ย่อมเป็นผู้เกี่ยวข้อง
เรื่องนั้นฉันเข้าใจ แต่ฉันขอแค่เข้าไปยืนดูเฉยๆ แล้วก็จะออกมา เข้าไปพร้อมกับเธอก็ได้
ฉันบอกว่าเข้าไม่ได้ก็คือไม่ได้!
เข้าไม่ได้หรือเธอไม่ให้เข้ากันแน่ เธอมีอำนาจสั่งการที่นี่อย่างนั้นหรือ? มัทรีย้อนถาม เริ่มไม่พอใจขึ้นมาบ้างเหมือนกัน
ฉันไม่มีอำนาจหรอก แต่ฉันมีสิทธิห้ามไม่ให้ใครเข้าใกล้ พี่วินธัย
มัทรีชะงักเมื่อได้ยินคำที่อีกฝ่ายใช้เรียกนายพันตรีหนุ่ม มันบอกถึงความใกล้ชิดกว่าคนอื่นซึ่งมักจะเรียกเขาว่า ผู้พัน หรือ ท่านพันตรี ยิ่งเมื่อมาจารีเอ่ยประโยคถัดมา หญิงสาวชาวไทยก็ได้แต่ตกตะลึง
ฉันเป็นคู่หมั้นของพี่วินธัย! และฉันไม่ต้องการให้คนที่ทำให้เขาเดือดร้อนมาวุ่นวายกับเขาอีก!
คู่หมั้น? มัทรีหลุดปากออกไปด้วยเสียงกระซิบ คล้ายไม่แน่ใจในสิ่งที่ตัวเองได้ยิน
ใช่! ฉันเป็นคู่หมั้นของพี่วินธัย เราหมั้นกันมาตั้งนานแล้ว!
มัทรีซอยเปลือกตามองดวงหน้าอ่อนเยาว์ของอีกฝ่ายอย่างงงงัน เมื่อคืนนี้มองเห็นกันไม่ค่อยถนัด หล่อนจึงได้แต่คะเนเอาว่าอายุของมาจารีคงน้อยกว่าหล่อนไม่กี่ปี แต่พอได้มาพิจารณาอย่างเต็มตาในตอนนี้ ก็ค่อนข้างแน่ใจว่าเด็กสาวคงอายุไม่ถึงยี่สิบเสียด้วยซ้ำ
วินธัยมีคู่หมั้นที่อ่อนวัยกว่าเขากว่ารอบเชียวหรือนี่?
รู้อย่างนี้แล้วก็อย่ามาวอแวกับพี่วินธัยอีก หลบไปนะ ฉันต้องรีบไปเอาอาหารกลางวันมาให้เขา มาจารีสั่งอย่างถือสิทธิ์ ก้าวยาวๆ ไปลงบันไดโดยไม่สนใจมัทรีที่ยืนทำหน้าเหรอหราอยู่อีกต่อไป
นักข่าวสาวชาวไทยงุนงงอยู่เป็นครู่ หันไปดูหน้าทหารสองนายที่เฝ้าหน้าห้อง เผื่อว่าพวกเขาจะปฏิเสธหรือยืนยันคำพูดของเด็กสาวคนนั้นให้แก่หล่อนได้ แต่ก็ไม่มีหวัง เมื่อพวกเขายังปั้นหน้าขึงขัง คอยเฝ้าระวังตามหน้าที่ต่อไป
กว่าจะตั้งสติได้แล้วพาตัวเองลงบันไดกลับไปสู่บ้านพัก มัทรีก็ต้องใช้เวลานานพอดู
คู่หมั้น? นี่หล่อนฟังผิดไปหรือเปล่านะ? ไม่น่ะ มาจารีพูดคำว่า ฟิอองเซ่ (fiance) อยู่ชัดๆ แถมท่าทางแบบนั้นมันก็เข้าใจได้อย่างเดียวว่าเด็กคนนั้นกำลังหึงหวงคนรัก และไม่ต้องการให้หล่อนเข้าไปวุ่นวายกับวินธันแม้แต่นิดเดียว
มัทรีทิ้งตัวลงบนเตียงแคบอย่างอ่อนแรง พละกำลังยังไม่ฟื้นคืนมาเป็นปกติก็เรื่องหนึ่ง แต่เรื่องที่เพิ่งได้รู้มาสดๆ ร้อนๆ นี่ต่างหากที่ทำให้หล่อนตั้งตัวไม่ถูก
หล่อนไม่มีสิทธิเข้าไปเยี่ยมวินธัยสินะ
ที่มาจารีห้ามไม่ให้หล่อนเข้าไปในห้องคงไม่กระไร อย่างช้าที่สุดก็รอจนกว่าหมออัซซัมจะอนุญาต ก็คงไม่มีใครขวางหล่อนได้
แต่เป็นเพราะเด็กสาวชาวพื้นเมืองคนนั้นประกาศฐานะของตัวออกมาชัดแจ้งเช่นนี้ต่างหาก มัทรีจึงไม่แน่ใจว่าหล่อนควรจะไปเห็นหน้าเขาดีไหม...ไม่แน่ใจด้วยซ้ำไปว่าวินธัยยังอยากจะเห็นหน้าหล่อนอยู่หรือเปล่า? ในเมื่อเขามีคู่หมั้นคอยดูแลใกล้ชิดถึงขนาดนี้
กว่าข่าวการเสียชีวิตของพันเอกราดิชจะทราบถึงจอมพลคาลัน ก็เกือบยี่สิบสี่ชั่วโมงล่วงไปแล้ว
กองกำลังที่นายพันเอกแห่งอัคคาใต้ส่งออกไปลาดตระเวนในเส้นทางอื่นๆ เพื่อค้นหามัทรีกับวินธัยกลับถึงค่ายชั่วคราวตามเวลาที่กำหนดโดยไม่ได้อะไรติดมือมา และเมื่อเฝ้ารอพันเอกราดิชและทหารที่ติดตามไปอยู่นานจนผิดปรกติ พลเอกอามีร์ก็สั่งการให้ออกค้นหา
จนกระทั่งพบว่าพันเอกราดิชและทหารอีกเกือบสิบนายเสียชีวิตทั้งหมด!
รายงานการเสียชีวิตของพันเอกราดิชจึงส่งตรงถึงจอมพลคาลันทันที และแน่นอนว่าเหตุการณ์นี้ ได้เพิ่มโทสะให้แก่ประธานาธิบดีแห่งอัคคามากยิ่งขึ้นไปอีกหลายเท่า
ราดิชตายได้ยังไง? เขากระชากเสียงถามผ่านทางวิทยุสื่อสาร เสียงนั้นกร้าวกระด้าง และเหมือนไม่อยากจะเชื่อในข่าวที่ได้รับ
เอ้อ...ถูกยิงครับ หลายนัดทีเดียว แต่นัดที่สำคัญที่สุดโดนหน้าอกข้างซ้ายอย่างจัง กระสุนตัดขั้วหัวใจ เขาเสียชีวิตเพราะกระสุนนัดนั้นครับ เสียงพลเอกอามีร์ตอบมากระท่อนกระแท่น
จอมพลคาลันทุบโต๊ะแรงจนโต๊ะไม้หนาหนักกลางห้องประชุมสั่นสะเทือน ทหารที่ยืนรายรอบแทบสะดุ้ง
ต้องเป็นไอ้วินธัยแน่! มีแต่มันเท่านั้นแหล่ะ... ผู้นำสูงสุดแห่งอัคคาบดกรามกรอด ดวงตาวาวโรจน์ราวกับจะจุดไฟติด เขาโกรธเสียจนพูดอะไรไม่ออก ได้แต่เดินงุ่นง่านไปมาด้วยความคับแค้นใจ เมื่อตระหนักว่าหนามยอกอกชิ้นสำคัญนี้ไม่ใช่จะบ่งออกได้โดยง่าย
และตอนนี้ เขาก็สูญเสียนายทหารคนสำคัญไปหนึ่งนายแล้ว
มันคนเดียว แถมยังพ่วงผู้หญิงเข้าไปด้วยอีกตั้งคน รอดจากทหารเกือบสิบนายพร้อมอาวุธครบมือไปได้ยังไง? เขาคำราม
เอ้อ...คาดว่ามีคนมาช่วยพวกมันครับ
หมายความว่ายังไง?
ทหารส่วนใหญ่ที่เสียชีวิตถูกยิงเข้าที่สำคัญเพียงนัดเดียว คาดว่าคงจะเป็นฝีมือของไอ้วินธัย แต่ศพของทหารสามนายที่อยู่ใกล้กับศพราดิช ตายด้วยกระสุนปืนกลจากปืนไม่ต่ำกว่าสามกระบอกครับท่าน
หมายความว่า...มีคนอื่นมาช่วยพวกมันอย่างนั้นหรือ?
คิดว่าเป็นเช่นนั้นครับ! พลเอกอามีร์ตอบกลับมา
จอมพลคาลันกำหมัด บดกรามแน่นพลางครุ่นคิด ใครกัน? ที่มาช่วยพวกมันไว้ หรือจะเป็นชาวอัคคาเหนือพวกเดียวกับมัน?
เป็นไปไม่ได้ ชาวบ้านธรรมดาๆ พวกนั้นไม่มีทางมีอาวุธร้ายแรงเช่นนั้นได้แน่!
หรือจะเป็นพวกทหารอัคคาเหนือ? เขารำพึง ต้องเป็นพวกทหารที่หลุดรอดจากการจับกุมของเราไปได้แน่!
เป็นไปได้หรือครับท่าน ในเมื่อก่อนหน้านี้ เราก็ได้ค้นหาพวกทหารที่เหลืออยู่จนทั่วทั้งอัคคาเหนือแล้ว แต่ก็ไม่พบ อามีร์แย้ง
หึ! คิดหรือว่าพวกมันจะโง่ให้เราหาตัวได้ง่ายๆ ผมเชื่อว่ายังมีพวกมันเหลืออยู่อีก ถึงจะไม่มาก แต่ก็คงไม่น้อยเกินจนทำอะไรไม่ได้
พลเอกอามีร์พยักหน้าตามอย่างเริ่มจะเห็นด้วย ทหารอัคคาเหนือชำนาญพื้นที่มากกว่าทหารของเขา เป็นไปได้ว่าในตอนที่เขาสั่งให้กองกำลังเข้ายึดพื้นที่ส่วนใหญ่และปลดอาวุธฝ่ายตรงข้าม ทหารอัคคาเหนือจำนวนไม่น้อยจะต้องหนีรอดไปได้ และอาจหลบซ่อนตัวอยู่จนกระทั่งเขายกเลิกคำสั่ง จึงกลับมารวมตัวกันอีกครั้งหนึ่ง
บางที พวกมันอาจจะกำลังซุ่มวางแผนอะไรบางอย่างอยู่? และอะไรบางอย่างที่ว่านั้น อาจทำให้สถานการณ์ที่พวกเขากำลังได้เปรียบอยู่นี้พลิกกลับเป็นตรงข้าม
ท่านครับ มีอีกเรื่องที่ผมยังไม่ได้รายงาน พลเอกอามีร์กล่าวต่อไป
ว่ามา...
จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุปะทะ คาดว่าไอ้วินธัยเองก็บาดเจ็บสาหัสเช่นกันครับ
จริงรึ?
ครับท่าน ทหารของเรารายงานว่าใกล้ศพของราดิชพบกองเลือดขนาดใหญ่ มันคงเสียเลือดมากเพราะถูกยิงเข้าหลายนัด ผมเพิ่งออกคำสั่งให้ค้นหาพวกมัน! เราจะอาศัยโอกาสที่ไอ้วินธัยยังบาดเจ็บอยู่นี่แหล่ะ หาพวกมันให้พบ ไม่ว่าจะหมู่บ้านเล็กใหญ่แค่ไหนก็ต้องค้นให้ทั่วทุกซอกทุกมุม คราวนี้เราต้องจับตัวมันได้แน่!
ยังก่อน อามีร์ เสียงจากจอมพลคาลันดังขัดจังหวะขึ้น ขืนออกค้นหาพวกมันตอนนี้เราจะพลาดโอกาสนี้ไปเสีย
เอ๊ะ โอกาสหรือครับท่าน?
ใช่ โอกาส! ประธานาธิบดีแห่งอัคคาพยักหน้าหนักแน่นพร้อมกับยืดตัวขึ้น รอยยิ้มอย่างมีชัยปรากฏขึ้นที่มุมปาก สวนทางกับแววตาแข็งกระด้างและเยียบเย็น เขาประกาศก้อง
ระงับคำสั่งของคุณไว้ก่อนอามีร์ วันนี้ผมจะออกแถลงการณ์ให้ประชาชนทั้งเหนือและใต้รู้ว่า พันเอกราดิชถูกสังหารอย่างเหี้ยมโหดโดยกองกำลังกบฏอัคคาเหนือซึ่งนำโดยพันตรีวินธัยระหว่างการติดตามค้นหานักข่าวคนไทย และนี่คือเหตุผลที่เราจะใช้ในการเข้ายึดอัคคาเหนือทันที!
พลเอกอามีร์จึงเข้าใจคำว่า โอกาส ของจอมพลคาลันในทันทีนั้นเอง รอยยิ้มปรีดาชนิดเดียวกันปรากฏขึ้นบนใบหน้า เขากล่าวขึงขัง
รับทราบครับท่าน!
เตรียมทหารของคุณไว้ให้พร้อมอามีร์ เมื่อแถลงการณ์ออกมาแล้ว กองกำลังอีกส่วนของเราจะเคลื่อนเข้าสมทบทันที
เสียงพลเอกอามีร์ตอบรับมาอีกครั้ง ดูเหมือนทุกอย่างกำลังดำเนินไปสู่แผนการณ์ที่จอมพลคาลันวางเอาไว้ แต่ก่อนที่เขาจะได้ออกคำสั่งอะไรต่อไป การ์เซียก็ก้าวเข้ามาในห้อง เขาโค้งคำนับให้แก่จอมพลคาลันซึ่งหันไปมองอย่างแปลกใจ
มีอะไร? เขาถาม
ทูตสหรัฐและทูตไทย ติดต่อขอเข้าพบท่านจอมพลครับ
หือ? พวกเขาต้องการอะไร?
คิดว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับเหตุการณ์การปะทะกันของทหารฝ่ายเราและชาวอัคคาเหนือครับ
ผู้นำสูงสุดของอัคคาชะงักนิดหนึ่ง ไม่แปลกใจนักที่เอกอัครราชทูตไทยจะมีปฏิกิริยาต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขาคงจะกลัวว่าเหตุการณ์รุนแรงดังกล่าวจะเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่นักข่าวสาวที่ถูกจับเป็นตัวประกัน แต่การที่เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกายื่นมือเข้ามาด้วยนี่สิ ที่ทำให้เขาไม่อาจปฏิเสธการขอเข้าพบดังเช่นทุกครั้ง
บอกพวกเขาว่าบ่ายวันนี้ ผมมีเวลาว่างประมาณหนึ่งชั่วโมง
การ์เซียโค้งคำนับต่ำ ก่อนถอยออกไปจากห้อง
จะมีอะไรยุ่งยากหรือเปล่าครับ ท่านจอมพล ท่านน่าจะปฏิเสธเหมือนทุกครั้งมากกว่ายินยอมไปพบ อามีร์ถาม
จอมพลคาลันยิ้มเย็น เราใช้วิธีนั้นไปไม่ได้ตลอดหรอก อามีร์ เห็นได้ชัดว่าตอนนี้ ทูตไทยนั่นคิดจะใช้ทูตสหรัฐมาขู่เรา จะเป็นไรไป ลองไปฟังคารมพวกเขาดูสักหน่อยก็ได้ คุณไปเตรียมการให้เรียบร้อยเพื่อรอคำสั่งผมก็แล้วกัน!
ท่านทูตสุวิกรมนั่งสงบนิ่งอยู่เคียงข้างเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศอัคคา แม้ใบหน้าของตัวแทนรัฐบาลไทยจะเรียบเฉยเป็นปรกติ แต่ในแววตาของเขามีร่องรอยกังวลทาบทาอยู่
อย่าเพิ่งวิตกไปเลยมิสเตอร์สุวิกรม ผมคิดว่าการที่เขายินยอมให้เราพบถือเป็นเรื่องดี มิสเตอร์คล้าก เอกอัครราชทูตสหรัฐกล่าวออกมาเรียบๆ เมื่อสัมผัสได้ว่าคนที่นั่งอยู่ข้างๆ นิ่งเงียบมาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว
นั่นเพราะเขาเกรงว่าหากไม่ยอมมาพบ อาจเป็นเหตุให้เราสงสัยในท่าทีของเขาต่างหากล่ะ ท่านทูต โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อท่านยื่นมือเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเช่นนี้
ทูตสหรัฐหัวเราะเบาๆ นั่นก็คงถูกต้องส่วนหนึ่ง แต่ไม่ว่าจะเพราะอะไร นี่ก็เป็นโอกาสของเรา ผมคิดว่า ไม่ว่าแผนการของจอมพลคาลันจะเป็นไปในทางใดก็ตาม ในตอนนี้มันคงเข้าใกล้เป้าหมายของเขาเต็มที ดังนั้น เราอาจมีเวลาเพียงแค่หนึ่งชั่วโมงนี้ก็ได้ ในการที่จะหยุดเขา
ท่านทูตสุวิกรมพยักหน้าช้าๆ นับว่าเขาคาดการณ์ไว้ไม่ผิดทีเดียวที่หวังจะอาศัยความร่วมมือจากประเทศมหาอำนาจอย่างอเมริกา ลำพังเขาเพียงคนเดียว จอมพลคาลันก็คงจะเลี่ยงการขอเข้าพบและการเจรจาไปได้เช่นทุกครั้ง แต่เพราะประธานาธิบดีอัคคาคงยังหวั่นเกรงอเมริกาอยู่บ้าง เขาจึงได้มีโอกาสเช่นนี้
ประตูห้องรับรองเปิดออก และร่างสูงใหญ่ของผู้นำสูงสุดแห่งอัคคาก็ก้าวยาวๆ เข้ามา เขาเปิดยิ้มทันทีที่สบตากับ แขก ที่รออยู่ในห้อง
สวัสดี ท่านทั้งสอง เอ่ยพร้อมกับสัมผัสมือทักทายกับทูตสหรัฐและทูตไทยตามมารยาท ต้องขอโทษที่ปล่อยให้รอ ผมเพิ่งเสร็จจากการประชุมเมื่อสักครู่นี่เอง
ไม่เป็นไรหรอก ท่านจอมพล เราทราบดีว่าท่านมีภารกิจมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาวการณ์บ้านเมืองที่ไม่ปกติเช่นนี้ มิสเตอร์คล้ากกล่าวพร้อมรอยยิ้ม
ถูกแล้วท่านเอกอัครราชทูต ในภาวะอย่างนี้มีเรื่องเร่งด่วนหลายอย่างเหลือเกินที่ผมต้องตัดสินใจ...เชิญนั่ง ประโยคหลังกล่าวพร้อมกับทรุดลงที่เก้าอี้ตัวยาวซึ่งว่างอยู่
เอกอัครราชทูตไทยและสหรัฐนั่งลงยังตำแหน่งเดิม ด้านหลังของแต่ละคนมีเลขานุการประจำตัวซึ่งติดตามมาด้วย ธวัชยืนสงบนิ่ง หลุบตาลงต่ำ และคอยเงี่ยหูฟังถ้อยคำสนทนาระหว่างบุคคลทั้งสามในห้องนั้นโดยตลอด เขาต้องคอยติดตามเหตุการณ์ทุกอย่างโดยใกล้ชิด เพื่อจะได้สามารถวิเคราะห์สถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปได้อย่างทันท่วงที อีกทั้งยังจะได้มีข้อมูลไปแจ้งแก่คมเดชและธันย์ ซึ่งผลัดกันโทรมาถามความคืบหน้าแทบทุกวัน
ท่านทั้งสองคงมีเรื่องด่วน จึงได้มาพบผมในวันนี้ จอมพลคาลันกล่าว เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ ขยับชุดสูทสีเข้มที่ใส่อยู่นิดหนึ่งเพื่อแสดงให้เห็นว่าอยู่ในท่าทีผ่อนคลาย
แน่นอน ไม่อย่างนั้นเราคงไม่มารบกวนท่านในเวลาอย่างนี้หรอก ท่านทูตคล้ากเอ่ย
ถ้าผมเดาไม่ผิด ก็คงเป็นเรื่องการสลายการชุมนุมในอัคคาเหนือ?
ท่านทูตคล้ากพยักหน้านิดหนึ่ง ถูกแล้ว ผมและมิสเตอร์สุวิกรมมาด้วยสาเหตุนั้น ถ้าท่านทราบอย่างนี้แล้วก็ดี เราจะได้ไม่ต้องอ้อมค้อม
เชิญท่านทั้งสองว่ามาได้เลย หากมีข้อสงสัยติดใจอะไร ผมก็ยินดีจะอธิบายให้กระจ่างในทุกเรื่อง
เราทราบเรื่องการใช้กำลังเข้าปราบปรามผู้ชุมนุมในอัคคาเหนือเมื่อเช้ามืดวันก่อน บอกตามตรงว่าไม่สบายใจอย่างยิ่งที่ท่านใช้ความรุนแรงเกินกว่าเหตุ เอกอัครราชทูตสหรัฐเป็นผู้เปิดประเด็น
เกินกว่าเหตุอย่างนั้นหรือ? จอมพลคาลันเลิกคิ้ว ผมคิดว่าผมได้ดำเนินการไปตามขั้นตอนของตัวบทกฎหมาย คนพวกนั้นก่อความไม่สงบ บ่อนทำลายความมั่นคงของชาติ ก็เพราะหลงเชื่อคำยุยงของพวกกบฏ ผมจำเป็นต้องรักษาความสงบของสังคมส่วนรวมเอาไว้
ท่านพูดเองว่าพวกเขาหลงเชื่อพวกกบฏ การกระทำความผิดโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์เช่นนี้ ก็น่าจะถือได้ว่าพวกเขาเป็นเพียงผู้หลงผิด การเจรจาน่าจะเป็นการแก้ปัญหาที่ดีกว่าไม่ใช่หรือ
ท่านควรเข้าใจนะ ท่านเอกอัครราชทูต เหตุการณ์ทวีความรุนแรงขึ้นทุกนาที การเจรจาอาจเป็นหนทางที่ล่าช้าเกินไป หากไม่ดำเนินการอย่างที่ผมได้ทำไปแล้ว ก็แน่ใจได้ว่าสถานการณ์จะเลวร้ายยิ่งกว่านี้
แต่ท่านก็ทราบดีไม่ใช่หรือ ท่านประธานาธิบดี เรื่องที่เกิดขึ้นนี้ องค์กรสิทธิมนุษยชนคงไม่อยู่เฉยๆ แน่
จอมพลคาลันหัวเราะเสียงต่ำในลำคอ องค์กรสิทธิมนุษยชนเป็นศัตรูกับรัฐบาลของทุกประเทศนั่นล่ะ แต่พวกเขาจะไปรู้อะไรล่ะ พวกเขาไม่ได้มาเผชิญหน้ากับผู้ประท้วงซึ่งพร้อมจะทำร้ายทหารฝ่ายรัฐบาลทุกเมื่อนี่
เขาหยุดนิดหนึ่ง ก่อนสบตากับท่านทูตสหรัฐฯ แล้วนี่ก็เป็นเรื่องภายในประเทศของเรา ซึ่งผมคิดว่าได้หาทางออกอย่างดีที่สุดแล้ว
เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ จึงต้องหยุดการสนทนาลงเพียงเท่านั้นก่อน เพราะเขาแน่ใจว่าหากรุกไล่ประธานาธิบดีแห่งอัคคาต่อไป ก็อาจถูกกล่าวหาว่ากำลังพยายามแทรกแซงเรื่องภายในของอัคคา
ท่านประธานาธิบดี ท่านทูตสุวิกรมเอ่ยขึ้นมาช้าๆ หลังจากไม่มีใครพูดอะไรต่อ แต่ผมอยากจะสอบถามอะไรสักหน่อยเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นนี่...ผมทราบดีว่าการตัดสินใจของท่านคงเป็นเรื่องที่ผ่านการไตร่ตรองมาโดยรอบคอบแล้ว เป็นปัญหาภายในประเทศที่เราไม่อยากก้าวก่ายเลย หากว่าเรื่องนี้จะไม่ได้เกี่ยวข้องกับประเทศไทย
ดวงตาใหญ่ลึกของจอมพลคาลันเบนมาจับเอกอัครราชทูตไทยประจำอัคคา
คนของเรายังติดอยู่ในอัคคาเหนือ หวังว่าท่านคงไม่ลืม...
อ้อ ผมไม่ลืมแน่นอนล่ะ มิสเตอร์สุวิกรม
ถ้าอย่างนั้น ท่านไม่ได้คาดการณ์เลยหรือว่า การที่ท่านใช้กำลังเข้าจัดการกับผู้ชุมนุมจะทำให้สถานการณ์รุนแรงขึ้นเพียงใด ฝ่ายกบฏย่อมไม่พอใจแน่ และนี่อาจเป็นเหตุให้มิสมัทรีต้องตกอยู่ในอันตรายโดยไม่จำเป็นก็ได้
อันตรายโดยไม่จำเป็นงั้นหรือ? จอมพลคาลันหัวเราะเบาๆ มิสมัทรีจำเป็นต้องเป็นอันตรายอยู่แล้ว เพราะเธอถูกพวกกบฏลักพาตัวไป
ในเมื่อท่านก็ทราบอย่างนั้น แล้วทำไมยังใช้ความรุนแรงอีกเล่า หรือท่านไม่ได้คำนึงถึงความปลอดภัยของตัวประกันอีกต่อไปแล้ว? ทูตไทยเสียงเข้มขึ้นนิดหนึ่ง
โอ...เปล่าเลย ท่านเอกอัครราชทูต ผมย่อมคำนึงถึงความปลอดภัยของมิสมัทรีมาเป็นอันดับหนึ่งเสมอ แต่เรื่องนั้นกับเรื่องนี้มันเป็นคนละกรณีกัน
ขอประทานโทษ ผมเกรงว่าจะไม่เข้าใจ
คุณต้องทราบว่าพวกกบฏไม่ใช่พวกที่จะไว้ใจได้ง่ายๆ ต่อให้ผมไม่ใช้ความรุนแรงในการปราบปรามการจลาจล พวกมันก็คงไม่ยอมยกเลิกหรือเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขให้เราง่ายๆ หรอก นั่นรวมไปถึงการไม่ยอมปล่อยตัวมิสมัทรีเป็นอิสระด้วย
แต่เหตุการณ์นี้อาจเปิดโอกาสให้พวกกบฏยกมาอ้างได้ว่าไม่พอใจการใช้ความรุนแรงของรัฐบาลแล้วควบคุมตัวมิสมัทรีไว้ต่อไป หรืออาจจะเคลื่อนไหวในทางที่ร้ายแรงยิ่งขึ้นเพื่อแสดงความไม่พอใจก็ได้นะท่าน ท่านทูตสหรัฐฯ กล่าวเสริม
จะ เคลื่อนไหวในทางที่ร้ายแรงกว่าเดิมงั้นหรือ? จอมพลคาลันเลิกคิ้วขึ้น ดวงตาส่องประกายกล้าขึ้นแวบหนึ่ง พวกมันได้ทำสิ่งที่ร้ายแรงลงไปแล้วล่ะ ท่านทั้งสอง!
ท่านทูตสุวิกรมหันมาสบตาเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ แวบหนึ่งด้วยความประหลาดใจ ก่อนถาม เกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นหรือ? ท่านประธานาธิบดี
จอมพลคาลันกำมือเข้าหากันแน่น เขาพูดเสียงกร้าวลอดไรฟันอย่างคนที่พยายามสะกดอารมณ์เอาไว้อย่างเต็มที่
ตัวแทนรัฐบาลกลางในอัคคาเหนือ พันเอกราดิช! ถูกสังหารโดยพวกกบฏเมื่อค่ำวานนี้เอง!
ร่างสูงโปร่งในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนก้าวฉับๆ ตรงไปยังประตูไม้บานที่อยู่สุดปลายห้องโถงขนาดใหญ่นั้น เคาะเพียงสองสามครั้งก็ผลักประตูเข้าไปอย่างคนที่คุ้นเคยกับสถานที่เป็นอย่างดี
เจ้าของห้องเงยหน้าขึ้นมองแขก แล้วชี้มือไปยังเก้าอี้หน้าโต๊ะตัวที่เขานั่งอยู่ คล้ายกับว่ากำลังคอยอยู่ก่อนแล้ว
นั่งสิ ธันย์
มีเรื่องอะไรด่วนหรือเปล่าครับ? พี่คม เรียกตัวผมมาแต่เช้าขนาดนี้ ช่างภาพหนุ่มถาม
โดยปกติแล้ว ช่างภาพอย่างเขาไม่จำเป็นต้องเข้าสำนักงานทุกวัน หรือหากจำเป็นต้องเข้ามาสะสางงานบางอย่างให้เรียบร้อย ธันย์ก็มักจะโผล่มาให้เพื่อนร่วมงานเห็นหน้าในตอนบ่ายเสียมากกว่า และหัวหน้างานของเขาก็ไม่ได้เคร่งครัดเรื่องเวลามากนัก ดังนั้น เมื่อเขาได้รับโทรศัพท์เรียกตัวแต่เช้าตรู่ จึงรีบมาทันทีเพราะแน่ใจว่าคมเดชต้องมีเรื่องสำคัญเป็นแน่
พี่เพิ่งได้รับโทรศัพท์จากคุณธวัชเมื่อเช้านี้ พอวางสายปุ๊บก็เรียกเรามาทันที
เอ๊ะ มีความคืบหน้าแล้วเหรอครับ? ธันย์ขยับเก้าอี้เข้าไปชิดโต๊ะ ท่าทางกระตือรือร้น
นับตั้งแต่กลับถึงเมืองไทย คมเดชและธันย์ก็แทบไม่ได้ทำอะไรนอกจากคอยติดตามเหตุการณ์ต่างๆ ในประเทศอัคคา ทั้งจากข่าวต่างประเทศและจากเลขานุการเอกอัครราชทูตไทยโดยตรง แต่ก็ดูเหมือนว่านอกจากจะยังไม่มีใครได้เบาะแสเกี่ยวกับมัทรี สถานการณ์ในประเทศนั้นก็ทำท่าจะเลวร้ายลงกว่าเดิมเสียอีก
ถ้าเป็นเรื่องมัทรีล่ะก็...ยังหรอก คมเดชกล่าวเรียบๆ มองดูลูกน้องหนุ่มถอนหายใจยาว เอนหลังพิงพนักเก้าอี้อย่างหมดหวัง แล้วก็เอ่ยต่อไป แถมเรื่องยังทำท่าจะไปกันใหญ่ด้วย
ยังไงครับ?
เมื่อวานท่านทูตไปพบจอมพลคาลันพร้อมทูตสหรัฐฯ เพื่อแสดงท่าทีคัดค้านการใช้กำลังปราบปรามผู้ชุมนุมในอัคคาเหนือ ท่านคงต้องการยืมอำนาจของอเมริกาเพื่อบีบจอมพลคาลันเรื่องของมัทรีนั่นแหล่ะ เพราะแต่ไหนแต่ไรมา อัคคาก็ดูจะเกรงๆ อเมริกาอยู่ไม่น้อย
แล้วสำเร็จไหมครับ?
คมเดชส่ายหน้า เหลว! นอกจากเขาจะไม่ได้เกรงกลัวอิทธิพลของอเมริกา เขายังยืนกรานว่ามีเหตุผลอันสมควรที่จะใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุมเหล่านั้น
นี่ตกลงจอมพลคาลันเขาไม่แคร์เรื่องภาพลักษณ์แล้วเหรอครับ พี่คม ธันย์ขมวดคิ้วมุ่น แล้วไหนว่านานาชาติกำลังเพ่งเล็งอัคคาเรื่องปัญหาสิทธิมนุษยชน ทำไมพอเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นถึงยังเฉยกันอยู่อีก!
ทูตสหรัฐฯ ก็คงต้องระมัดระวังประเด็นเรื่องการแทรกแซงทางการเมืองด้วย อีกอย่าง ถ้าจอมพลคาลันมีเหตุผลสนับสนุนที่ดีเพียงพอ อย่างที่เขาบอกว่าจำเป็นต้องใช้ความรุนแรงเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย เสียงเรียกร้องขององค์กรสิทธิมนุษยชนก็อาจจะถูกมองข้ามไป
เหตุผลสมควรอย่างนั้นหรือครับ? ธันย์ชักจะเสียงดัง ถึงอยากไรเขาก็ทำให้มีคนตายตั้งไม่รู้กี่สิบ แล้วไหนยังจะกลายเป็นเพิ่มความรุนแรงให้สถานการณ์มากขึ้นไปอีก นี่ตกลงเรื่องมัทก็ไม่สนใจ แล้วยังจะทำร้ายประชาชนอีก ผมชักจะเชื่อเรื่องที่ร้อยเอกนาธานพูดแล้วล่ะครับ
ธันย์ระบายลมหายใจอย่างหงุดหงิด หวนนึกถึงการสนทนากับนายร้อยเอกหนุ่มภายในคุกใต้ดินของอาคารกองบัญชาการในกรุงมันตรานั้นแล้ว ช่างภาพหนุ่มก็ชักจะเชื่อขึ้นมาจริงๆ แล้วว่า การวางระเบิดคณะนักข่าวของเขาเป็นฝีมือของจอมพลคาลัน และพันตรีวินธัยนั่นต่างหากที่โดนใส่ร้าย
ป่านนี้ไม่รู้ว่าพาเพื่อนร่วมงานสาวของเขาไประหกระเหินอยู่ที่ไหน?
แต่จอมพลคาลันดูเหมือนจะมีเหตุผลอันสมควรในการใช้ความรุนแรงเข้าปราบปรามพวกกบฏมากขึ้นอีกข้อหนึ่งแล้วนะ คมเดชเอ่ยมาเรียบๆ
เอ๊ะ? อะไรหรือครับ เรื่องที่ชาวอัคคาเหนือลุกฮือกันขึ้นเพราะหลงเชื่อฝ่ายกบฏนี่น่ะหรือ
นั่นก็เรื่องหนึ่ง เขากล่าวช้า แต่คุณธวัชเพิ่งบอกมานี่เองว่า พันเอกราดิชเสียชีวิตแล้วเมื่อวานนี้ โดยฝีมือพวกกบฏ...คาดว่าคงจะเป็นพันตรีวินธัย
ธันย์ตะลึงงันไปทันที นายพันเอกร่างท้วมท่าทางวางอำนาจที่เขาได้เห็นเพียงแวบเดียวในเมืองชาคา ถึงจะได้พบกันไม่นานและไม่ได้พูดคุยอะไรกันแม้แต่น้อย แต่เมื่อได้รู้ว่าเขาเสียชีวิตแล้ว ก็ทำให้ธันย์อดรู้สึกประหวั่นพรั่นใจไม่ได้ สถานการณ์ภายในประเทศนั้นร้ายแรงมากขึ้นทุกที ไม่รู้ว่ามัทรีจะเป็นอย่างไรบ้าง
แล้วที่ว่าพันตรีวินธัยเป็นคนสังหารเขาด้วยนั่นล่ะ จะเป็นความจริงไหม?
ดูท่า สถานการณ์มาจนถึงขั้นนี้แล้ว อัคคาคงเลี่ยงช่วงเวลาวิกฤตไปไม่ได้แน่ๆ
มันจะรุนแรงขึ้นอีกหรือครับ พี่คม ช่างภาพหนุ่มถามเสียงเบา
คมเดชพยักหน้า แม้ไม่ได้เอ่ยคำใด แต่ธันย์ก็รู้ดีว่าหัวหน้างานของเขากำลังคิดอย่างเดียวกัน
นี่อาจเป็นชนวนที่นำไปสู่เหตุการณ์ร้ายแรงอย่างใดอย่างหนึ่งในเร็ววันนี้ก็เป็นได้
(จบตอนที่ 27)
Create Date : 29 มิถุนายน 2552 |
|
10 comments |
Last Update : 30 มิถุนายน 2552 13:55:39 น. |
Counter : 1183 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: Nu IP: 94.194.96.198 30 มิถุนายน 2552 6:23:51 น. |
|
|
|
| |
โดย: Paulo 22 กรกฎาคม 2552 8:05:05 น. |
|
|
|
| |
โดย: accd076 IP: 222.123.191.251 24 สิงหาคม 2552 16:32:39 น. |
|
|
|
| |
โดย: พี่หมูน้อย IP: 49.49.13.248 5 กันยายน 2555 5:18:41 น. |
|
|
|
| |
โดย: endless IP: 58.10.146.229 23 พฤษภาคม 2556 15:40:02 น. |
|
|
|
| |
โดย: ดาวหาง IP: 49.230.138.210 7 เมษายน 2557 11:16:40 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]
|
กวีนิพนธ์...ความงาม ความใฝ่ฝัน ความอ่อนโยนอ่อนหวาน และความรักต่างหากเล่า คือเหตุผลหล่อเลี้ยงมนุษย์เรา ดำรง "ชีวิต" อยู่บนโลกได้อย่างจริงแท้
-'ปราย พันแสง-
|
|
|
|
|
|
|
ขอบคุณที่มาอัพ
take a good care na ka