คุณต้องไม่เป็นไร...
"พี ระวัง!! " เอี๊ยดดด!!!!
"ก้อง!! ก้องงงงงง"
เฮือก!! พีรวิชญ์สะดุ้งสุดตัวด้วยเหงื่อที่แตกพลั่ก ทั้งที่ภายในห้องเล็กๆ นี่ปรับอุณหภูมิไว้ค่อนข้างเย็น ...นี่เขาเผลอหลับไปเหรอเนี่ย พีรวิชญ์ยืดตัวขึ้นนั่งตัวตรงแล้วสลัดหัวไล่ความมึนงง เหงื่อยังคงซึมอยู่บนหน้าผาก หัวใจเขายังคงเต้นเร็วรัวเพราะภาพฝันเมื่อครู่ จะบอกว่าเป็นภาพฝันก็คงไม่เชิงนักเพราะมันเกิดขึ้นจริงต่อหน้าต่อตาเขาเมื่อ เช้านี้ และวนเวียนอยู่ในหัวเขาตลอดเวลา .....ภาพที่ก้องบดินทร์ถูกรถชน.....
พีรวิชญ์หายใจเข้าลึกๆ แล้วถอนหายใจยาวเพื่อลดจังหวะการเต้นของหัวใจให้อยู่ในระดับปรกติ เขาเหลือบมองนาฬิกาข้อมือที่บอกเวลาตีสามกว่าๆ "อีกไม่กี่ชั่วโมงก้องคงจะฟื้น หมอบอกว่าฤทธิ์ยาจะหมดตอนเช้ามืดวันนี้ " เขาคิดในใจแล้วจึงเอนหลังพิงพนักเก้าอี้อย่างเหนื่อยล้า ก่อนจะกุมมือคนรักที่นอนอยู่บนเตียงขึ้นมาแนบไว้กับอก แล้วก้มลงจูบเบาๆ บนหลังมือ ส่วนมืออีกข้างก็ยกขึ้นมาลูบหัวคนรักอย่างช้าๆ ตั้งแต่ก้องบดินทร์ออกจากห้องผ่าตัด เขาก็นั่งอยู่ตรงนี้และทำอย่างนี้ซ้ำไปซ้ำมา ถึงแม้เขาจะรู้ดีว่าก้องบดินทร์คงจะไม่รับรู้เพราะยังคงหลับลึกจากฤทธิ์ของ ยาสลบ แต่เขาก็ยังอยากกุมมือนี้ไว้ แล้วบอกกับคนรักเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า.. "คุณต้องไม่เป็นไรนะก้อง คุณต้องไม่เป็นไร"
หรือจริงๆ แล้ว อาจจะเป็นเขาเองก็ได้ที่ต้องการคำปลอบโยนและกำลังใจ ไม่ใช่จากใครอื่น แต่จากก้องบดินทร์คนนี้เท่านั้น เขากุมมือก้องไว้เพื่อปลอบตัวเอง เพื่อรับรู้ว่ามือนี้ยังคงอุ่น เจ้าของมือนี้ยังมีชีวิต และจะไม่จากเขาไปไหน ตั้งแต่เหตุการณ์เมื่อเช้าเรี่ยวแรงเขาเหมือนถูกสูบออกไปจากร่างกาย สติขาดเป็นช่วงๆ บางครั้งราวกับขาของเขาไม่ได้สัมผัสพื้นเอาเสียเลย เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทั้งวันที่ผ่านมาเขายืนอยู่ได้อย่างไร มีเพียงการสัมผัสตัวก้องแบบนี้เท่านั้นที่ทำให้เขาพอจะสบายใจขึ้นมาบ้าง โชคดีที่พี่แก้วจำเป็นต้องกลับไปบอกเรื่องก้องกับคนที่บ้าน พี่ปอเลยช่วยเกลี้ยกล่อมให้พี่แก้วยอมให้เขาอยู่เฝ้าไข้ก้องที่นี่ ด้วยเหตุผลที่ว่าถ้าก้องฟื้นขึ้นมาแล้วไม่เจอใครคงขวัญเสีย ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ได้มานั่งอยู่ข้างๆ ก้องแบบนี้
สายตา ตำหนิและแววตาคาดคั้นของพี่แก้วที่เพ่งตรงมายังเขาหลายต่อหลายครั้งเหมือน เข็มนับพันที่ทิ่มแทงเข้าไปที่หัวใจ เขาเจ็บปวด ละอายใจ และท้อแท้จนต้องหลบสายตานั่นหลายครั้ง สายตาแบบที่ถ้าป็นเวลาปรกติยามที่เขามีก้องยืนอยู่เคียงข้าง จับมือกันและกันไว้ เขามั่นใจเลยว่าเขาจะไม่มีวันยอมแพ้ต่อสายตาแบบนั้นไม่ว่าจากพี่แก้วหรือใคร หน้าไหน พี่ปอพูดกับเขาว่าถ้าเมื่อ 6 ปีก่อนพี่ปอเข้มแข็งเหมือนเขา เวลานี้ทั้งคู่คงไม่ต้องเป็นแบบนี้ เขาอยากจะบอกพี่ปอเหลือเกินว่า เขาไม่ได้เข้มแข็ง.. ไม่เลย เพราะถ้าเขาเข้มแข็งจริง ก้องคงไม่ต้องเป็นแบบนี้ แค่ความคิดว่าจะต้องเสียก้องไปผ่านเข้ามาเพียงวูบ เขาก็แทบจะไม่มีแรงทรงตัว..
วินาทีที่ก้องโดนรถชนหวนกลับมาใน ความคิดของเขาอีกครั้ง เสียงที่ก้องตะโกนเรียกเขา แรงที่ก้องผลักเขาให้พ้นจากตัวรถ เสียงรถเบรกและเสียงตัวก้องกระแทกกับรถคันนั้น สัมผัสทุกอย่างยังคงแจ่มชัดอยู่ในหัวเขา วินาทีที่เขาเห็นร่างของก้องนอนคว่ำหน้าอยู่บนพื้นถนน เวลาเหมือนจะหยุดเดิน ร่างกายของเขาชาวูบ หัวใจเหมือนหล่นหายออกไปจากตัว รู้สึกเหมือนนานเหลือเกินกว่าเขาจะบังคับร่างกายของตัวเองให้ไปประคองก้อง ขึ้นมา ยิ่งเห็นใบหน้าของก้องอาบไปด้วยเลือด สติของเขาก็เหมือนจะหลุดลอย เขาร้องตะโกนเรียกก้องเหมือนคนบ้า ต้องขอบคุณอาชีพนักแข่งรถของเขาทำให้เขายังพอมีสติหลงเหลืออยู่บ้าง พอที่จะขอความช่วยเหลือและเรียกรถพยาบาล..
พีรวิชญ์ขยับตัว โน้มตัวลงเพื่อเท้าข้อศอกข้างที่กุมมือก้องบดินทร์ลงบนขอบเตียง แล้วแนบแก้มลงบนหลังมือของคนรัก ทอดสายตามองไปยังใบหน้าของคนที่นอนสงบนิ่งอยู่บนเตียง มีผ้าพันแผลสีขาวที่พันรอบศีรษะผ่านบริเวณดวงตาทั้งสองข้าง ดวงหน้าซีดเซียว แต่ลมหายใจสม่ำเสมอ เขาเอื้อมมือไปลูบแก้มก้องบดินทร์อย่างแผ่วเบา "คุณทำแบบนั้นทำไม ก้อง" กับคำถามที่ไม่มีคำตอบเพราะเขารู้ดีว่าก้องทำเพราะอะไร น้ำตาของพีรวิชญ์หยดลงบนหลังมือของคนรัก น้ำตาที่เขาพยายามเก็บกลั้นมาตลอดทุกครั้งที่ภาพพวกนั้นผ่านเข้ามาในหัว เขารู้ว่าเขาจะต้องเข้มแข็ง เขาจะต้องเป็นหลักที่ก้องสามารถพึ่งพิงและยึดเหนี่ยวได้หากว่าเกิดอะไรขึ้น กับก้องจริงๆ อย่างที่หมอบอก.. แต่เขาขอแค่เวลานี้เท่านั้น ขอให้เขาได้ปล่อยให้น้ำตาที่เขาไม่สามารถเก็บไว้ได้อีกต่อไป ได้ไหลออกมาเพื่อบรรเทาความเจ็บปวด แล้วเขาจะกลับไปเป็นพีรวิชญ์จอมยียวน คอยกวนประสาทคนรักคนเดิมเพื่อให้ก้องสบายใจอีกครั้ง
ปลายนิ้ว ของก้องบดินทร์ขยับเล็กน้อย แต่ก็แรงพอที่จะทำให้พีรวิชญ์รู้สึก เขาปาดน้ำตาทิ้ง มองไปที่ปลายนิ้วที่กำลังขยับ แล้วหันกลับไปมองหน้าคนรัก ใบหน้าที่สงบนิ่งเมื่อครู่เริ่มแปรเปลี่ยน ก้องบดินทร์ส่ายหน้าไปมาเล็กน้อย ริมฝีปากขยับราวกับกำลังพูดอะไรสักอย่าง พีรวิชญ์บีบมือคนรักแล้วร้องเรียกเบาๆ "ก้อง ก้อง คุณได้ยิมผมมั๊ย" แต่ก้องบดินทร์ยังคงส่ายหน้าไปมาและพึมพัมเบาๆ อยู่อย่างนั้น "ก้องคงจะฝันร้าย" คิ้วของพีรวิชญ์ขมวดเข้าหากันและบีบมือคนรักแน่นขึ้น ก้องบดินทร์เริ่มกระสับกระส่ายแรงขึ้น แรงขึ้นจนในที่สุดร่างทั้งร่างก็สะดุ้งอย่างแรง มืออีกข้างยกขึ้นไขว่คว้าราวกับหาอะไรสักอย่าง และเสียงที่เปล่งออกมานั้น..
"พี!!!! พี ระวัง!!!" พีรวิชญ์รวบตัวก้องบดินทร์ไว้ในวงแขน "ก้อง! ก้อง ผมอยู่นี่แล้ว" ก้องบดินทร์รู้สึกตัว มือเขาหยุดไขว่คว้าไปข้างหน้า แล้วหันมาตามเสียงเรียกของคนรัก มือคลำสะเปะสะปะไปตามลำตัวของพีรวิชญ์ "พี พี คุณเป็นอะไรรึเปล่า" "ก้อง..... " พีรวิชญ์รู้สึกเหมือนมีก้อนแข็งจุกอยู่ในลำคอ เสียงของเขาไม่สามารถเปล่งออกมาได้ น้ำตาที่เขาปาดทิ้งไปเมื่อครู่ กำลังรื้นขึ้นมาบนขอบตาอีกครั้ง คำแรกของก้องทันทีที่ฟื้นขึ้นมาคือ เขาเป็นอะไรรึเปล่าอย่างนั้นหรือ....
"ผมไม่เป็นไรก้อง คุณใจเย็นนะ นอนลงก่อน" พีรวิชญ์พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ พร้อมกับลูบหัวก้องบดินทร์เบาๆ เป็นการปลอบโยน แล้วค่อยๆ ประคองตัวก้องบดินทร์ที่หายใจหอบเล็กน้อยด้วยความตกใจจากฝันร้ายให้กลับลงไป นอนเหมือนเก่า
"ทำไมมืดจังพี นี่ผมอยู่ที่ไหน" คนที่นอนบนเตียงถามขึ้นเบาๆ พีรวิชญ์ เอื้อมมือมากุมมือก้องบดินทร์ไว้ "คุณอยู่ที่โรงพยาบาลก้อง คุณจำได้มั๊ย หลังจากที่เราวิ่งหนีพี่พัฒน์ แล้วมีรถพุ่งเข้ามา แล้วคุณก็.. " น้ำเสียงอันสั่นเครือของพีรวิชญ์ขาดหายไป เขาก้มหน้าลงเพื่อกลั้นน้ำตาและสะอื้น มือที่เกาะกุมก้องบดินทร์สั่นเล็กน้อย ก่อนจะเงยหน้าขึ้น เขาจะต้องเข้มแข็ง...
"คุณเจ็บตรงไหนบ้าง" ก้องบดินทร์ขยับตัวเพื่อเช็คอาการบาดเจ็บของร่างกาย ตามมาด้วยเสียงโอ๊ยเบาๆ เป็นระยะ "ปวดไปทั้งตัวเลยพี ว่าแต่คุณช่วยเปิดไฟให้หน่อยได้มั๊ย" พีรวิชญ์กระชับมือของคนรักที่เขากุมไว้ให้แน่นขึ้น "ก้อง คุณฟังผมนะ... พื้นที่คุณล้มไปตอนที่รถชน มันมีเศษแก้วอยู่ แล้วเศษแก้วนั่นมันไปฝังอยู่ที่ตาคุณ แต่หมอเขาผ่าตัดเอาเศษแก้วออกให้หมดแล้วล่ะ" ก้องบดินทร์เลื่อนมือขึ้นมาสัมผัสใบหน้าตนเอง จนรู้สึกถึงผ้าพันแผลที่พันอยู่บริเวณดวงตาเขาจนรอบศีรษะ..
"ผม จะตาบอดเหรอพี" ก้องบดินทร์ถามคนรักด้วยเสียงสะอื้นเล็กน้อย พีรวิชญ์คว้ามือทั้งสองข้างของคนรักมากุมแน่น แล้วส่ายหน้าอย่างแรง "ไม่ ไม่ ก้อง คุณต้องไม่เป็นไร หมอบอกว่าต้องรอดูอาการสัก 1-2 อาทิตย์ ถ้าเปิดตาแล้ว คุณไม่มีอาการแทรกซ้อน คุณก็จะไม่เป็นไร ผมรู้ว่าคุณต้องไม่เป็นไร" ก้องบดินทร์พยักหน้ารับ พร้อมรอยยิ้มจางๆ แต่แล้วก็เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ "แล้วที่บ้านผมล่ะพี แล้วแม่ล่ะ แม่รู้รึเปล่า" ก้องบดินทร์ถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน
"หลังจาก ที่มาถึงโรงพยาบาล ผมก็โทรบอกพี่แก้ว แล้วพี่แก้วกับพี่ปอก็ตามมา เมื่อตอนเย็นพี่แก้วกลับไปบอกที่บ้านแล้ว พี่แก้วโทรมาบอกว่าตอนแรกป้าฟองก็เป็นลมไป แต่ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว พรุ่งนี้ทุกคนจะมาหาคุณแต่เช้า" พีรวิชญ์อธิบายตามที่พี่แก้วบอกเขาทางโทรศัพท์ ก้องบดินทร์เม้มปากเข้าหากัน เพื่อสะกดกลั้นอารมณ์ "แม่เป็นลมอีกแล้ว แม่.. ก้องขอโทษ ก้องทำให้แม่เสียใจ" น้ำเสียงที่สั่นเครือ และร่างกายที่สั่นน้อยๆ จากแรงสะอื้นทำให้รู้ได้ทันทีว่าก้องบดินทร์กำลังร้องไห้ พีรวิชญ์ลุกขึ้นยืน ดึงตัวก้องบดินทร์ ขึ้นมาโอบไว้ในวงแขน แล้วลูบหลังเขาเบาๆ "ก้อง ใจเย็นๆ นะ อย่าร้องไห้ คุณเพิ่งผ่าตัด เดี๋ยวจะกระทบกระเทือน ป้าฟองไม่เป็นไรแล้ว มันไม่ใช่ความผิดคุณ คุณได้ยินผมมั๊ย"
พีรวิชญ์ลูบหลังปลอบโยนคนรักอยู่อย่างนั้น จนก้องบดินทร์ค่อยๆ สงบลง "แล้วพี่แก้ว.. เขาว่าอะไรคุณรึเปล่า" ก้องบดินทร์ถามขึ้นเบาๆ เขารู้จักนิสัยของพี่สาวดี พี่แก้วไม่มีทางอยู่เฉยแน่ๆ พีคงจะโดนพี่แก้วต่อว่าอยู่หลายตลบ "ใครจะว่าอะไรผมไม่สนทั้งนั้น แค่คุณปลอดภัยก็พอแล้ว.. ต่อให้คนทั้งโลกจะประณามสาบแช่งผมยังไงผมก็ไม่แคร์ ผมกลัวอย่างเดียว ผมกลัวว่าจะเสียคุณไปเท่านั้น" พีรวิชญ์พูดพร้อมๆ กับกุมมือคนรักแล้วดึงมาแนบไว้กับอก "คุณอย่าทำแบบนี้อีกนะก้อง ผมขอร้อง.. คุณจำได้มั๊ยที่คุณบอกผมว่า.. ถึงไม่มีผมคุณก็อยู่คนเดียวได้.. แต่ผมอยู่ไม่ได้นะก้อง ถ้าไม่มีคุณ" น้ำเสียงพีรวิชญ์เริ่มสั่น น้ำตาเขารื้นขึ้นมาอีกครั้ง "รับปากผมนะก้อง ว่าคุณจะไม่ทำแบบนี้อีก"
"ผม รับปากคุณไม่ได้หรอกพี ที่ผมทำไป ผมทำก่อนที่สมองจะทันคิดด้วยซ้ำ ไม่ว่าจะย้อนเวลากลับไปสักกี่ครั้ง ผมก็คงจะทำแบบเดิมอยู่ดี คุณก็รู้ว่าเพราะอะไรใช่มั๊ยพี ผมรู้ว่าถ้าเป็นคุณ ก็ก็จะทำแบบเดียวกับผม.." "ก้อง.... " พีรวิชญ์ดึงตัวก้องบดินทร์เข้ามากอดไว้ในวงแขน ก้องบดินทร์จึงกอดตอบคนรัก ทั้งคู่กอดกันเนิ่นนานเหมือนต้องการจะซึมซับความสัมพันธ์ระหว่างกันไว้ จนในที่สุดพีรวิชญ์ก็คลายอ้อมกอด แล้วประคองคนรักลงนอนอีกครั้ง "คุณนอนพักผ่อนอีกสักหน่อยนะก้อง นี่ยังไม่เช้าเลย เดี๋ยวเช้าแล้วผมจะปลุกคุณตอนที่ทุกคนมาเยี่ยมนะ" ก้องบดินทร์พยักหน้าน้อยๆ หลังจากคลายความกังวลทั้งหมด ความง่วงและอ่อนเพลียก็เข้าจู่โจมเขา "คุณอย่าไปไหนนะพี" ก้องบดินทร์พูดด้วยเสียงออดอ้อน พีรวิชญ์ลูบหัวคนรักเบาๆ "ผมจะอยู่กับคุณตรงนี้ จนกว่าคุณจะตื่น ไม่ต้องกลัวนะ ผมจะไม่ทิ้งคุณไปไหนแน่นอน ผมสัญญา..... "
........................... ................... ........
Create Date : 04 มิถุนายน 2554 |
|
10 comments |
Last Update : 4 มิถุนายน 2554 13:26:56 น. |
Counter : 3321 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: ไข่มุกดำ IP: 49.228.238.162 7 มิถุนายน 2554 0:11:12 น. |
|
|
|
| |
โดย: Keamdeang1@smile IP: 58.9.136.29 9 มิถุนายน 2554 1:05:24 น. |
|
|
|
| |
โดย: hunny IP: 180.210.216.74 20 มิถุนายน 2554 0:15:50 น. |
|
|
|
| |
โดย: แป้ง วารุณี IP: 58.11.49.153 20 มิถุนายน 2554 3:37:37 น. |
|
|
|
| |
โดย: someone IP: 202.44.4.62 20 มิถุนายน 2554 8:38:11 น. |
|
|
|
| |
โดย: n IP: 124.120.211.252 20 มิถุนายน 2554 9:52:44 น. |
|
|
|
| |
โดย: พี่พร (drugcafe ) 20 มิถุนายน 2554 10:45:06 น. |
|
|
|
| |
โดย: lek^lek. IP: 223.207.36.180 26 มิถุนายน 2554 5:27:12 น. |
|
|
|
| |
โดย: RaymondOmive IP: 51.210.176.129 17 มีนาคม 2567 23:40:21 น. |
|
|
|
|
|
|
|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ดูทีไรก็ซาบซึ้งตรึงใจทุกครั้ง..กับบทนี้
ก้องบดินทร์ผู้เสียสละต่อคนอันเป็นที่รักอย่างพีรวิชญ์..
เฮ้อ..อยากดูละครอีกแล้วง่าาาาา คิดถึงมากๆๆๆๆๆ
ขอบคุณน้องก้อยน๊า..ที่หยิบยื่นบทที่แสนประทับใจมาให้อ่านกันอีกครั้งหนึ่ง..
เป็นกำลังใจให้เสมอคร่า..คนสวย