...Welcome to 'CharVinFongLian' Club...
ขอต้อนรับสู่ Blog ChuengNgee (จูเลี่ยนจาง) Series Fan Fiction ค่ะ

ภารกิจรักข้ามกาลเวลา...บทที่ 2...

…
ภารกิจรักข้ามกาลเวลา...
บทที่ 2


ตอนที่เมริกายืดอกยืนตัวตรงแล้วได้เห็นรอยยิ้มที่มาพร้อมกับเสียงปรบมืออย่างชื่นชม ตามมาด้วยแสงแฟลตรัวๆ จากพวกนักข่าวที่มาทำสกู๊ปของเซเลปคนดังก็ทำให้เจ้าตัวรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเองอย่างไรบอกไม่ถูกที่แค่ได้ปรากฎตัวก็ถูกเป็นที่จับตามองเสียแล้ว

หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าปอดลึก และพยายามตั้งสตินึกถึงบทบาทของตัวเองให้มั่น หลังจากที่สยบความตื่นเต้นลงได้แล้วถึงได้ก้าวเดินอย่างสง่าขึ้นไปบนเวทีแทนที่พิธีกรทั้งสองคน

“สวัสดีคะท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน”

เมริกากล่าวพร้อมทั้งยกมือขึ้นไหว้อย่างนอบน้อม เวลานั้นบรรดาเหยี่ยวข่าวที่นั่งอยู่แถวหน้าต่างหันไปสบตากันยิ้มๆ ทำนองว่า ‘พวกเซเลปก็สร้างภาพเก่งเหมือนกันนะเนี่ย ไม่ยอมเผยคราบคุณหนูผู้สูงส่งออกมาให้เห็นสักนิดเดียว’

“...เหม่ยลี่รู้สึกปลาบปลื้มใจแทนคุณพ่อมากๆ ค่ะที่ทุกท่านให้เกียรติมาร่วมงานของโครงการที่เราตั้งใจจัดขึ้นในวันนี้เพื่อต้องการให้ทุกท่านในที่นี้ได้มีโอกาสเป็นเจ้าของบ้านที่มาตรฐานเทียบเท่ากับคฤหาสน์หลังใหญ่แต่ราคามิตรภาพ นั่นก็เพราะว่าคุณพ่อของเหม่ยลี่ต้องการที่จะคืนกำไรให้กับทุกคนค่ะ และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาทุกท่านสามารถขึ้นรถกอล์ฟเพื่อเข้าไปชมดูบ้านตัวอย่างของเราที่ด้านในได้เลยค่ะ โดยในบ้านแต่ละหลังเราจะมีพนักงานช่วยบรรยายถึงคุณสมบัติของบ้านในแต่ละจุดให้ทุกท่านทราบอย่างละเอียดค่ะ จากนั้นเราค่อยกลับมาพบกันที่นี่ใหม่อีกครั้งเพื่อร่วมกิจกรรมต่อไปกันนะคะ”

จากนั้นคนทั้งหมดจึงได้พากันเข้าไปยังด้านในของงาน โดยที่เมริกาทำหน้าที่เป็นหนึ่งในทีมงานร่วมบรรยายคุณสมบัติของบ้านสุขใจด้วยความมีอัธยาศัยและเป็นกันเอง จนนักข่าวบางคนชักเริ่มไม่แน่ใจว่าเซเลปสาวคนดังที่ได้ขึ้นชื่อว่าเย่อหยิ่งถือตัวจะเป็นเช่นดังที่ข่าวเล่าลือกันมาจริงหรือ?

ราวๆ สี่สิบห้านาที กิจกรรมที่ให้ทุกคนได้สัมผัสกับบรรยากาศของบ้านสุขใจจึงได้เสร็จสิ้นลง ต่อมาเมริกาก็แสดงโชว์ด้วยการนำออกกำลังกายด้วยท่วงท่าง่ายๆ สบายๆ โดยที่ทีมงานอีกนับสิบคนที่ยืนอยู่ในตำแหน่งสวนหย่อมของส่วนกลางหมู่บ้านได้ร่วมโชว์กันอย่างพร้อมเพรียงกับคนที่นำอยู่บนเวที

โชว์ชุดนี้ได้สื่อความหมายในทำนองที่ว่าที่แห่งนี้คือสวรรค์แห่งการพักผ่อนอย่างสุขใจของทุกคน...ดูๆ ไปแล้วเซเลปสาวก็ไม่ใช่คนเข้าถึงยากเหมือนที่ใครๆ เขาร่ำลือกัน

...ที่มุมหนึ่งของงานยังมีสายตาคมคู่หนึ่งจับจ้องไปยังร่างที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่บนเวทีอย่างน่ารักสดใสอยู่ด้วย...

หลังจากการแสดงจบลง หน้าที่ของเมริกาจึงถือว่าเสร็จสิ้น ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของทีมงานรับช่วงต่อด้านการเปิดจองและขายบ้านแทน

ทันทีที่หญิงสาวนั่งลงพักนักข่าวก็กรูกันเข้ามาเพื่อจะขอสัมภาษณ์กันเต็มไปหมด เมริกาที่ไม่เคยประสบกับสถานการณ์เช่นนี้ถึงกับย่นคิ้วขบฟัน ใบหน้าซีดเผือดลงไปเล็กน้อย รู้ดีว่าคนพวกนี้กำลังต้องการจะก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของเธอตอนที่เธอเรียนอยู่ต่างประเทศแน่ๆ

ขณะที่หญิงสาวลุกพรวดขึ้นและกำลังจะแยกเขี้ยวกราดใส่พวกนักข่าว ชายหนุ่มแว่นดำในชุดลำลองสบายๆ ก็แทรกตัวเข้ามาขวางหน้าเมริกาไว้ จุดสนใจทั้งหมดของนักข่าวจึงได้หันเหไปตรงตำแหน่งของเขาแทน

เพราะว่าเขาคือ ‘มรรคา’ ทายาทหนึ่งเดียวผู้รับช่วงต่อในการบริหารช่องทีวีดิจิตอลเอวันที่มีเรตติ้งสูงสุดในเวลานี้ แน่นอนว่าเจ้าตัวต้องมีเรื่องส่วนตัวที่กำลังถูกจับตามองอยู่ในเวลานี้

“ว้าวคุณมรรคาสุดหล่อนี่เอง ไม่รู้ว่าคุณสนใจงานของเจ้าสัวปิติในวันนี้ด้วย ไหนๆ ก็มาแล้ว ขอถามเลยได้มั้ยคะเรื่องข่าวที่กำลังดราม่ากันอยู่ในตอนนี้ตกลงแล้วเรื่องมันเป็นยังไงกันแน่คะ”

พอถูกนักข่าวสาวฮุกหมัดมาที่ตนแทนก็ทำให้มรรคาต้องฝืนยิ้มฝืดแก้เก้อไปเหมือนกัน เวลานั้นทั้งไมโครโฟนและกล้องทุกตัวได้หันมาที่เขาหมด

ด้านเมริกาที่รอดพ้นจากพวกนักข่าวก็รู้สึกสนใจข่าวฉาวที่ว่าขึ้นมาทันที อย่างน้อยเขาก็คือไฮโซคนหนึ่งที่ถูกเธอขึ้นลิสต์เป็นตัวเลือกที่จะมาเป็นพ่อของลูก แต่ถ้าเขามีพฤติกรรมแย่ๆ เหมือนในข่าวจริง เธอจะกลับไปฆ่าชื่อของเขาทิ้งและขึ้นเป็นบัญชีดำเลยคอยดู

ข่าวฉาวที่ว่าคือมรรคาทำสาวท้องแต่กลับไม่รับเป็นพ่อเด็ก ทำให้ดาราสาวผู้เคราะห์ร้ายต้องอุ้มท้องตามลำพังแถมตกงานโดยขาดการเหลียวแล

“ที่จริงแล้วเรื่องนี้ผมได้เคยแถลงข่าวไปแล้วนะ จำได้ว่าพวกคุณก็อยู่ในงานนั้นด้วย แต่ไม่เป็นไรผมตอบให้อีกทีก็ได้ว่าเรื่องที่เธอพูดไว้ไม่เป็นความจริงสักนิดเดียว ผมน่ะมีความรับผิดชอบพอ ถ้าผมเป็นพ่อของเด็กจริงผมต้องรับไว้แน่นอน เอาเป็นว่าผมพูดได้แค่นี้ เอาไว้อีกสักวันสองวันพวกพี่ๆ ก็จะได้รับทราบความจริงเอง”

ได้ยินดังนั้นพวกนักข่าวก็ต่างหันไปซุบซิบกันเองอย่างไม่ค่อยอยากจะเชื่อ มรรคาจึงใช้จังหวะนั้นฉวยมือของเมริกาหลบหนีออกมาจากงานในทันที ครั้นพวกนักข่าวจะตามไปล่าข่าวก็ไม่ใช่ที่เนื่องจากวันนี้พวกเขารับคำสั่งมาให้ทำข่าวเจ้าสัวปิติที่ข่าววงในซุบซิบกันว่าเบื้องหลังที่เจ้าสัวใหญ่รายนี้สามารถขึ้นมายืนอยู่ ณ จุดนี้ได้ก็เพราะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่ และไม่แน่ว่างานที่จัดขึ้นในวันนี้ก็อาจจะมีอะไรให้ขุดคุ้ยก็เป็นได้
............................................................
ตอนที่รถเคลื่อนออกมาจากงานได้สักพักแล้วเมริกาเห็นว่าพ้นหน้าจากพวกนักข่าวได้ไกลแล้ว จึงได้หันกลับมาคุยกับมรรคาด้วยความเป็นกันเอง

“ขอบคุณนะคะที่ช่วยเหลือกันไว้ แต่ว่าเรายังไม่เคยทำความรู้จักกันเป็นจริงเป็นจังเลยไม่ใช่เหรอคะ”

“งั้นเรามาทำความรู้จักกันจริงๆ จังๆ ตอนนี้ก็น่าจะยังไม่สายไปหรอกจริงมั้ยครับ” มรรคาตอบเมริกาเสียงทุ้มนุ่มขณะที่ยังคงจ้องมองทางข้างหน้าอย่างตั้งใจ

แน่นอนว่าทั้งสองคนเคยได้พบกันตอนออกงานสังคมใหม่ๆ เวลานั้นทั้งคู่ยังเป็นเพียงนักศึกษาที่ยังเรียนไม่จบ และเพราะเป็นครั้งแรกที่เพิ่งจะได้ออกงานตามพ่อและแม่ถึงได้ยังวางตัวไม่ค่อยจะถูก ต่อมาเมริกาก็ถูกส่งตัวไปเรียนที่เมืองนอก จะกลับมาเยี่ยมบ้านก็เฉพาะช่วงซัมเมอร์เท่านั้น

ส่วนมรรคาตั้งแต่เรียนจบแล้วเข้ามาเรียนรู้งานกับพ่อก็เป็นข่าวค่อนข้างบ่อย บางเสียงว่าเป็นเทพบุตรสุดหล่อแสนอารีย์มีน้ำใจ ไม่ถือตัว น่าคบหา บางเสียงว่าเขาก็คือซานตานคาสโนว่าเป็นคดีมาแล้วกับสาวสวยในค่ายเสียหลายคน

“...จริงๆ จังๆ เหรอ” คำถามของมรรคาเข้าทางเรื่องคาใจของเมริกาทันที “งั้นเริ่มจากสิ่งที่พวกนักข่าวเต้ากันเมื่อกี้เป็นไงคะ”

หญิงสาวเน้นเสียงสูงในตอนท้าย เวลานั้นรถยนต์ติดไฟแดงพอดี เจ้าของรถจึงเปลี่ยนเป็นเกียร์ว่างพร้อมกับหันหน้ามาสบตากับคนข้างๆ ด้วยความรู้สึกตัดพ้ออยู่หน่อยๆ

“ถ้าอย่างนั้นคุณเหม่ยลี่รับปากผมได้มั้ยครับว่าถ้าผมพาคุณไปดูความจริงด้วยตัวเอง คุณจะเปิดใจยอมรับผมเป็นเพื่อนน่ะครับ”

โดยส่วนตัวแล้ว เขาค่อนข้างมั่นใจว่าความสามารถในการหยั่งใจสาวๆ ของตนก็มีชั้นเชิงอยู่ไม่น้อย มรรคาบอกกับเมริกาไปด้วยน้ำเสียงที่มั่นอกมั่นใจในชัยชนะครั้งนี้เป็นอย่างยิ่ง

ด้านเมริกาก็เบิกตาวาววาบให้ ไม่คิดว่าคนตรงหน้าจะเปิดใจแมนๆ กับเธอได้แบบนี้ หญิงสาวไม่ได้ตอบคำเจ้าของรถ เพียงแค่ยักไหล่ให้เขาไปทีหนึ่งก่อนที่จะแนบแผ่นหลังกับเบาะแล้วเสมองไปนอกหน้าต่างยิ้มๆ แทน
.......................................................

ราวสองชั่วโมงถัดมารถของมรรคาจึงค่อยจอดลงตรงริมแม่น้ำใต้สะพานรถข้ามสายยาวอย่างช้าๆ จากนั้นค่อยก้าวลงจากรถด้วยท่าทางซึมเซาอย่างเห็นได้ชัด แล้วก็ค่อยนั่งลงตรงม้านั่งที่ว่างอยู่

เมริกามองตามท่าทางของชายหนุ่มด้วยความขัดใจอยู่บ้าง ก่อนที่จะลงจากรถตามแล้วค่อยโน้มตัวลงนั่งข้างๆ กันแล้วจึงเอ่ยปากขึ้นมาด้วยน้ำเสียงกระฟัดกระเฟียด

“เมื่อกี้นี้ถ้าคุณไม่ได้ห้ามฉัน ฉันจะตรงเข้าไปด่าสั่งสอนพวกเขาแทนคุณแล้วนะคะ...เอ หรือว่านี่คือสิ่งที่คุณบอกพวกนักข่าวไปเมื่อตอนสายๆ คะ”

หนึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้ เขาพาเธอจู่โจมไปถึงคอนโดของดาราสาวเจ้าของข่าวท้องโดยที่พ่อของลูกไม่ยอมรับ ซึ่งทั้งๆ ที่สองคนเล่นชู้กันชัดๆ ยังมีหน้ามาข่มขู่เขาว่างานแถลงข่าวที่จะเกิดขึ้นถ้าเขาไม่รับผิดชอบหล่อนก็จะงัดหลักฐานที่ทั้งสองคนเคยมีอะไรกันมาเล่นเอาผิดเขาให้ได้

โชคดีที่เขาเหมือนรู้ว่าหล่อนจะมาไม้นี้จึงได้แบล็กเมล์หล่อนกลับด้วยคลิปเสียงในเหตุการณ์ที่เพิ่งจะอัดได้ แถมยังยื่นข้อเสนอให้หล่อนสารภาพความจริงทั้งหมดกับสื่อในวันแถลงข่าวซะ แล้วเขาจะให้เงินก้อนกับหล่อนไปจำนวนหนึ่งเพื่อตั้งตัวเพราะเห็นแก่เด็กในท้อง ก่อนที่จะหุนหันออกมาแล้วก็พาเธอมาตรงจุดนี้

ได้ยินคำปลอบโยนของเมริกาแม้ว่าน้ำเสียงออกจะแข็งกระด้างไปสักนิด ทว่ามรรคาก็รู้สึกอบอุ่นใจขึ้นมาไม่น้อยที่เพื่อนใหม่ของเขาที่ภายนอกใครๆ ก็เห็นว่าเธอเย่อหยิ่งไม่น่าคบหาด้วย แต่ที่จริงแล้วจิตใจของเธอตรงกันข้ามกับที่เห็นอย่างสิ้นเชิง

“คุณเหม่ยลี่เข้าใจถูกต้องแล้วครับ ที่จริงเมื่อกี้นี้ผมคิดจะไปเคลียร์กับหล่อนก่อนจะถึงวันแถลงข่าวไม่คิดว่าจะเจอเหตุการณ์แบบนั้นเข้า แต่เรื่องจบแบบนี้ก็ดีแล้วล่ะครับในวันนั้นทุกคนก็จะได้รู้ความจริงกันสักที”

มรรคาพูดเสียงเบาแบบรู้สึกหดหู่ใจ ก่อนที่จะรวบมือข้างหนึ่งของเมริกาขึ้นมารวบไว้อย่างขอบคุณพร้อมทั้งสบตากับเธออย่างมีความหมาย

“...โชคดีที่ผมมีคุณเหม่ยลี่อยู่ข้างๆ ขอบคุณนะครับที่ยืนอยู่ข้างผมจนถึงตอนนี้”

คำพูดหวานหูของคนตรงหน้าเล่นเอาเมริกาบิดเกลียวไปทั้งตัว หญิงสาวรีบเบือนหน้ารื้นแดงไปทางอื่น คิดในใจว่าโชคดีแล้วที่เธอดูคนไม่ผิด ขณะที่มรรคาลอบยิ้มขำในใจ เอ็นดูในท่วงท่ากริยาที่แสดงออกมาด้วยความรู้สึกประทับใจ อีกใจหนึ่งยังนึกโล่งอกด้วย โชคดีที่เขารู้มาก่อนว่ายัยนั่นเหลวแหลกแค่ไหนถึงได้ตลบหลังหล่อนได้ทันเวลา
.......................................................

“โอ้ว...ขอบคุณสวรรค์เจ้าค่ะ!”

เนตรกมลครางเสียงหลงตอนที่เดินวนไปเวียนมาอยู่ที่หน้าบ้านด้วยความร้อนใจ ครู่หนึ่งจึงเห็นรถไม่คุ้นตาแล่นเข้ามา จากนั้นหลานสาวที่รักค่อยก้าวลงมาจากรถ หญิงสาวสวบเท้าลงบันไดหน้าบ้านอย่างเร่งรีบ ตอนที่ประชิดตัวกับเหม่ยลี่ก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากตำหนิเสียงเบาออกมา

“หนูเหม่ยลี่หายไปไหนมาตั้งครึ่งค่อนวันจ๊ะ ทำเอาคนที่บ้านร้อนใจไปหมดแล้วพี่น่ะเกือบจะแจ้งความอยู่แล้วรู้หรือเปล่าล่ะ”

“พอดีได้คุณมรรคาช่วยพาหนีนักข่าวไว้น่ะค่ะ ถ้างั้นเดี๋ยวหนูเข้าไปหาพ่อกับแม่ก่อนดีกว่าค่ะ แล้วพี่เนตรจะอยู่ค้างคืนที่บ้านหรือเปล่าคะวันนี้”

“ไม่ดีกว่าจ๊ะ หนูกลับมาพี่ก็หายห่วง เดี๋ยวอีกสักพักพี่ก็จะกลับแล้วล่ะจ๊ะ”

“อ้อ” เมริกาพยักหน้าให้คนตรงหน้าครั้งหนึ่งก่อนที่จะหันไปลากับมรรคาอีกที “...ขอบคุณคุณมรรคาอีกทีแล้วกันนะคะที่ช่วยฉันไว้เมื่อตอนสาย แล้วเอาไว้เราค่อยโทร. คุยกันนะคะ”

มรรคาจึงได้พยักหน้าตอบให้เมริกาก่อนที่จะหันไปทักทายกับพี่สาวคนสวยด้วยสายตากรุ้มกริ่มอยู่เล็กน้อยแล้วจึงค่อยกลับเข้าไปในรถใหม่

ด้านเนตรกมลมองตามรถของชายหนุ่มที่แล่นออกไปจากรั้วบ้านพร้อมกับส่ายหน้าให้ช้าๆ ด้วยความรู้สึกไม่ค่อยชอบใจในกิตติศัพท์ของเขาสักเท่าไหร่ จากนั้นจึงค่อยหันหลังกลับไปสำรวจตรวจตราความเรียบร้อยของบ้านอีกครั้งหนึ่ง ก่อนที่จะขานเรียกให้คนใช้เอากระเป๋าของตนมาให้ แล้วค่อยออกไปจากบ้านปิติรัชโภคินเป็นคนสุดท้าย
.......................................................

ตอนที่เมริกาอาบน้ำเปลี่ยนชุดนอนเสร็จแล้วจึงค่อยนั่งลงบนที่นอนแล้วรื้อของจากในกระเป๋าเดินทางออกมา ขณะนั้นเองผู้เป็นแม่จึงได้ผลักประตูเข้ามาในห้องพร้อมกับยื่นนมอุ่นๆ ให้ทั้งแก้ว

“ขอบคุณค่ะ” ผู้เป็นลูกยื่นมือข้างหนึ่งรับแก้วนมไว้พร้อมกล่าวสั้นๆ ส่วนมืออีกข้างก็ฉุดให้แม่นั่งลงบนที่นอน

“ขอโทษนะคะที่ตอนสายหนูรีบออกมาก่อน ว่าแต่งานวันนี้เรียบร้อยดีนะคะ”

เมริกาเอ่ยถามขึ้นอีกจากนั้นค่อยจิบนมไปอึกหนึ่งก่อนที่จะวางแก้วไว้ที่โต๊ะเตี้ยข้างที่นอน แล้วค่อยหันมาสบตากับแม่ยิ้มๆ ด้านผู้เป็นแม่ก็ส่ายหน้าให้ลูกช้าๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“แม่ต่างหากต้องขอบใจหนู รู้ทั้งรู้ว่าออกงานแบบนี้ยังไงก็หลีกพวกนักข่าวไม่พ้นแต่หนูก็ยังยอมช่วยงานพ่อกับแม่ ยังดีที่ได้คุณมรรคาช่วยไว้...ว่าแต่พอได้คุยกันจริงจังแล้ว เขาเป็นอย่างที่หนูคิดไว้หรือเปล่าลูก”

เธอรู้ว่าลูกสาวกำลังค้นหาพรมลิขิตของตัวเองอยู่ ซึ่งนั่นคือปรารถนาของบรรพบุรุษมาตั้งแต่ไหนแต่ไร เธอหวังว่าครั้งนี้ลูกสาวจะได้พบเขาคนนั้นได้เสียที

ได้ยินคำถามของแม่ เมริกาก็กรอกตาขึ้นฟ้าพร้อมกับเอามือกุม ‘จี้’ ที่หน้าอกนึกทบทวนช่วงเวลาที่อยู่กันตามลำพังกับเขาริมแม่น้ำ ครู่หนึ่งจึงลอบถอนหายใจออกมาเมื่อไม่ได้รู้สึกถึงอาการร้อนวูบวาบในอกในช่วงนั้น ก่อนที่จะเอ่ยปากเสียงเบาตามมา

“ไม่รู้สิคะแม่ เรื่องแบบนี้คงจะต้องดูกันไปอีกสักพักมั้งคะ แต่หนูคิดว่าเขาก็ดีกว่าพวกจอมตื้อพวกนั้นน่ะค่ะ”

เธอหมายถึงตอนที่เรียนอยู่ที่เมืองนอกแล้วเพื่อนนักศึกษาชายทั้งร่วมห้องและต่างห้องที่เมื่อรู้ถึงฐานะของเธอก็ต่างหาทางใกล้ชิดเธอซึ่งเธอสัมผัสได้ว่าแต่ละคนไม่ได้จริงใจต่อเธอสักนิด เธอถึงได้ต้องตั้งท่ารังเกียจใส่พวกเขาออกไป จนทุกวันนี้ชื่อเสียงของเธอถึงได้ดังกระฉ่อนในบ้านเกิดในทางที่...เอ่อ...ช่างมันเถอะ...

“เอาล่ะๆ แม่เชื่อในการตัดสินใจของหนูนะ แม่รู้ว่าเรื่องแบบนี้มันจะรีบร้อนไม่ได้...จริงสิที่แม่เข้ามานี่แม่มีข่าวดีจะบอกกับหนูด้วยนะ”

ได้ยินคำของแม่ ผู้เป็นลูกก็เลิกตาให้แบบทะเล้นๆ ออกมาอย่างลุ้นรอฟังคำบอกเล่าต่อไป

“ช่วงนี้น่ะโปรเจคต่างๆ ของพ่อเขาเริ่มลงตัวหมดแล้ว เทอมสุดท้ายของหนู แม่ก็เลยขอพ่อว่าจะไปอยู่ด้วยกับหนูน่ะ”

“เย...ดีใจที่สุดเลย” เมริกาพูดขึ้นพร้อมกับโน้มตัวไปกอดรัดเอวแม่ไว้แน่น ต่อไปนี้เธอจะไม่ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวอีกแล้ว

ครู่หนึ่งผู้เป็นแม่ก็ผละตัวของลูกสาวออก แล้วก็หันไปช่วยรื้อค้นสมบัติออกจากกระเป๋าเดินทางของเจ้าตัว

“ไหน เล่าให้แม่ฟังหน่อยสิ ตอนหนูอยู่ที่โน้นน่ะใช้ชีวิตเป็นยังไงบ้าง แล้ววิชาเข้าครัวที่แม่สอนไว้น่ะก้าวหน้าไปถึงไหนแล้ว”

ผู้เป็นลูกจึงได้คุยโม้โอ้อวดความสามารถของตนยกใหญ่ ช่วงเวลาที่ได้คุยหยอกล้อกันแบบนี้มีแค่ปีละครั้งสองครั้งเท่านั้น ทว่าต่อไปสองแม่ลูกก็จะได้อยู่ด้วยกันทุกเช้าค่ำแล้ว
.....................................................

...โปรดติดตามตอนต่อไป บทที่ 3...









 

Create Date : 01 มกราคม 2559
0 comments
Last Update : 1 มกราคม 2559 11:43:26 น.
Counter : 602 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ChuengNgee
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




บทประพันธ์ในบ้านหลังนี้เป็นลิขสิทธิ์ของผู้ประพันธ์โดยสมบูรณ์ ห้ามมิให้ทำการคัดลอก เลียนแบบ หรือตีพิมพ์ ส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมดของบทประพันธ์ในบ้านหลังนี้เพื่อการอย่างอื่นนอกจากการชมเพื่อความบันเทิงเท่านั้น หากผู้ใดทำการละเมิดจะถูกดำเนินคดีตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด
New Comments
Group Blog
 
<<
มกราคม 2559
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
1 มกราคม 2559
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ChuengNgee's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.