...Welcome to 'CharVinFongLian' Club...
ขอต้อนรับสู่ Blog ChuengNgee (จูเลี่ยนจาง) Series Fan Fiction ค่ะ

ปมแค้นแรงพิศวาส ตอนบทส่งท้าย (จบ)...Happy Station...

ปมแค้นแรงพิศวาส: Latest for Looking Back

ตอน บทส่งท้าย (จบ)...Happy Station…

โหลดเพลงตอนนี้ได้ที่นี่
: Meilideshenhua

โดยจางงี้


เมื่อคิดได้ว่าตัวเองควรจะพักผ่อนซะบ้างเพื่อให้หายเครียด ม่านชิงเลยตั้งใจเดินทางมาตามคำแนะนำของไท่หยาง แต่จากที่ได้คุยโทรศัพท์กัน ไท่หยางบอกกับหญิงสาวเพียงสั้น ๆ ว่าพักอยู่ที่บ้านญาติในหมู่บ้านเทียนอันเหมิน แม้จะใช้เวลาในการหาที่อยู่ของไท่หยางนานสักหน่อย แต่โชคดีที่หมู่บ้านนี้ไม่ได้ใหญ่โตอะไรมาก ประกอบกับไท่หยางเป็นคนที่มีอัธยาศัยดี ชอบคุยกับคนโน้นคนนี้ไปทั่ว ดังนั้นตอนที่ม่านชิงเอารูปของไท่หยางขึ้นมาถามหาเขาจากคนที่เดินผ่านไปผ่านมา ไม่ว่าใครก็สามารถบอกได้ว่าบ้านญาติของไท่หยางตั้งอยู่ตรงไหนในหมู่บ้าน
กว่าที่ม่านชิงจะเดินทางมาถึงบ้านญาติของไท่หยางก็เป็นเวลาพลบค่ำพอดี เมื่อไท่หยางเปิดประตูออกมาและเห็นว่าเพื่อนรุ่นน้องเดินทางมาเยี่ยมทั้งคู่ก็กอดทักทายกันอย่างสนิทสนม ไท่หยางชวนม่านชิงให้เข้าไปในบ้านเพราะได้เวลาทานอาหารเย็นพอดี หญิงสาวเข้ามาในบ้านและได้พบกับแม่เลี้ยงของไท่หยางกำลังยกสำรับมาจัดเรียงที่โต๊ะ ไท่หยางจึงแนะนำม่านชิงให้แม่เลี้ยงรู้จัก
“แม่ครับ นี่แมนดี้ รุ่นน้องที่ทำงานของผมเอง ให้แมนดี้ทานข้าวด้วยกันนะครับ”
แม่เลี้ยงของไท่หยางต้อนรับม่านชิงเป็นอย่างดี “ได้อยู่แล้ว นั่งลงก่อนสิจ๊ะหนูแมนดี้ ไท่หยาง ลูกขึ้นไปเรียกฮุ่ยหลิงลงมาทานข้าวด้วยกันสิ”
“อย่าเลยแม่ ให้เธอนอนไปเถอะ เมื่อวานนี้เธอก็แทบจะไม่ได้นอนเลยทั้งคืน” ไท่หยางพูดสลับหาวไปด้วย พอแม่เลี้ยงเห็นท่าทางแบบนั้นสีหน้าก็สลดลงเล็กน้อยก่อนจะพูดกับเขาเสียงอ่อย
“แม่ต้องขอโทษด้วยนะที่จิ้งซันก่อเรื่องขึ้นจนลูกต้องเดือดร้อน”
ไท่หยางเดินเข้าไปโอบกอดแม่เลี้ยงและเอ่ยให้กำลังใจ “ยังไงเรื่องมันก็เกิดขึ้นมาแล้ว คนที่เหลืออยู่ก็มีแต่ต้องช่วยกันทำให้ฮุ่ยหลิงดีขึ้นนั่นล่ะครับ”
ไท่หยางพูดยังไม่ทันขาดคำก็มีเสียงกรีดร้องเหมือนกับที่ม่านชิงได้ยินทางโทรศัพท์แบบเมื่อวานดังขึ้นมาจากชั้นบนจนหญิงสาวต้องหันไปตามเสียงร้อง ไท่หยางรีบวิ่งขึ้นไปที่ชั้นบนทันทีจนทำให้คนที่เหลืออยู่ต่างก็วิ่งตามกันขึ้นไปที่ชั้นบนด้วย
ตอนที่ไท่หยางขึ้นมาถึงก็เห็นฮุ่ยหลิงร้องโวยวายบ่นด่าลูกสาวที่อายุเพียงไม่กี่เดือนและเอาแต่ร้องไห้งอแง ส่วนตัวเองก็ถือขวดนมพยายามยัดใส่ปากของลูกน้อยที่ร้องไห้จนหน้าแดงก่ำ ไท่หยางตกใจแทบสิ้นสติที่เห็นอาการของฮุ่ยหลิงกำเริบอีกแล้ว รีบวิ่งไปกระชากมือของฮุ่ยหลิงออกพร้อมกับคว้าตัวเด็กน้อยมาอุ้มไว้และส่งให้แม่เลี้ยงที่เพิ่งวิ่งขึ้นมาถึงพอดี
“แม่ครับ พา ‘หลิงหลิง’ ออกไปข้างนอกก่อน” แม่เลี้ยงพยักหน้ารับอย่างตื่นตระหนกก่อนจะอุ้มหลิงหลิงเดินผ่านหน้าม่านชิงที่ยืนมองดูเหตุการณ์อยู่ใกล้ ๆ ไปอย่างรวดเร็ว
ส่วนฮุ่ยหลิงก็ร้องโหวกเหวกโวยวายจนหน้าแดงเมื่อเห็นแม่อุ้มลูกของตนออกไป ช่วงที่ไท่หยางเผลอเพียงเสี้ยววินาที เธอก็พุ่งตัวออกไป จะเอาหัวโขกกำแพง โชคดีที่ไท่หยางไหวตัวทันเอาตัวเองเข้าไปขวางไว้และโดนกระแทกที่หน้าอกเสียเต็มเปาจนทรุดลงไปนั่งกองกับพื้น
“พี่ไท่ พี่ไท่...พี่เป็นยังไงบ้างฉันขอโทษ ฮือ ๆ” ในที่สุดฮุ่ยหลิงก็ได้สติ เธอนั่งลงตรงหน้าไท่หยางแล้วเอามือลูบอกของไท่หยางเป็นการใหญ่ ชายหนุ่มจุกจนตัวงอไปครู่หนึ่ง หลังจากที่สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ อยู่สองสามครั้งก็รู้สึกค่อยยังชั่ว ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมาสบตาฮุ่ยหลิงพร้อมกับยิ้มให้และใช้มือข้างหนึ่งลูบหัวหญิงสาวอย่างอ่อนโยน
“ฉันไม่เป็นอะไรหรอก เลิกร้องไห้ได้แล้ว ว่าแต่เธอลืมทานยาอีกแล้วใช่มั้ย” ไท่หยางพูดจบก็เช็ดน้ำตาให้หญิงสาว หลังจากนั้นเขาก็ต้องใช้เวลาเกือบชั่วโมงในการนั่งปลอบจนกระทั่งฮุ่ยหลิงหลับไป โดยมีม่านชิงยืนดูเหตุการณ์อยู่เงียบ ๆ ตลอดเวลา

ไท่หยางอาบน้ำเสร็จก็เดินออกมาพักผ่อนที่สวนหลังบ้านเหมือนอย่างทุกที เห็นม่านชิงนั่งไกวชิงช้าดูดาวอยู่ ชายหนุ่มจึงเดินเข้ามานั่งข้าง ๆ หญิงสาว
“ต้องขอโทษด้วยนะ เธอมาวันแรกก็เกิดเรื่องขึ้นซะแล้ว”
ม่านชิงส่ายหน้าน้อย ๆ ให้กับไท่หยางก่อนจะถามชายหนุ่มขึ้นมาเสียงเบา
“ฮุ่ยหลิงเป็นอะไรไปเหรอ ฉันว่าอาการของเธอดูไม่ค่อยดีเลย”
“อ้อ...โรคซึมเศร้าน่ะ” ไท่หยางบอกก่อนจะเล่าเรื่องราวของฮุ่ยหลิงให้หญิงสาวฟัง “เดิมทีแม่เลี้ยงของพี่มีลูกชายอยู่คนหนึ่งชื่อ ‘จิ้งซัน’ จิ้งซันกับพี่สนิทกันมาก พ่อของเขาตายตั้งแต่ตอนที่เขายังเด็ก แม่เลี้ยงก็เลยพาจิ้งซันมาอยู่ที่นี่ เมื่อปีก่อนจิ้งซันแต่งฮุ่ยหลิงเข้าบ้าน แม่เล่าว่าก่อนที่จิ้งซันจะแต่งฮุ่ยหลิงเข้าบ้านเขาเคยมีเมียมาก่อน พอฮุ่ยหลิงแต่งเข้ามาได้ไม่นานเมียคนนั้นก็ตามมาเอาเรื่องกับจิ้งซัน แต่เพราะจิ้งซันไม่ยอมรับผิดชอบก็เลยถูกผู้หญิงคนนั้นแทงตายต่อหน้าต่อตาฮุ่ยหลิงตอนที่เธอเพิ่งตั้งท้องได้สามสัปดาห์”
ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนจะเล่าต่อ “ฮุ่ยหลิงพยายามจะฆ่าตัวตายหลายครั้ง แต่เพราะแม่เตือนสติว่าให้เห็นแก่ลูกในท้อง ฮุ่ยหลิงเลยได้สติ แต่พอหลิงหลิงคลอดออกมาฮุ่ยหลิงก็มีอาการแปลกๆ บางครั้งก็นั่งเหม่ออยู่คนเดียว หลิงหลิงร้องไห้ก็ไม่สนใจ บางครั้งก็นั่งคุยกับลูกอยู่สองคน ที่แย่ก็คือพักหลัง ๆ ฮุ่ยหลิงเกิดอาการคลุ้มคลั่งอยู่บ่อย ๆ ตอนที่พี่เพิ่งมาถึงที่นี่ก็เห็นแม่อุ้มหลิงหลิงหนีฮุ่ยหลิงที่กำลังจะเอาลูกไปอาบน้ำร้อน แม่เห็นอาการของฮุ่ยหลิงกำเริบหนักก็เลยขอร้องให้พี่พาฮุ่ยหลิงไปหาหมอ ถึงได้รู้ว่าฮุ่ยหลิงเป็นโรคซึมเศร้า...สาเหตุก็เพราะเธอเครียดจัดจนควบคุมตัวเองไม่ได้”
ไท่หยางเล่าต่อ “ยังมีอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ฮุ่ยหลิงต้องเป็นแบบนี้...เพราะหลิงหลิงหน้าตาเหมือนจิ้งซันมาก พอฮุ่ยหลิงเห็นหน้าหลิงหลิงทีไรก็มักจะร้องไห้จนหมดสติไป แต่หลายครั้งการกระทำของฮุ่ยหลิงก็แทบจะทำให้หลิงหลิงเกือบตายอย่างที่เธอเห็นเมื่อกี้นี้ แม่ก็เลยตัดสินใจจะเลี้ยงหลิงหลิงเอง แต่แค่หลิงหลิงคนเดียวแม่ก็แทบจะไม่มีเวลาพักผ่อนแล้ว ยังต้องมานั่งรบกับอาการที่จะกำเริบเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ของฮุ่ยหลิงอีก พี่สงสารแม่กับฮุ่ยหลิง แต่ไม่รู้ว่าจะช่วยยังไงก็เลยอยากจะอยู่ที่นี่อีกสักพัก ถึงได้โทร. ไปลางานกับบอสไงล่ะ”
พอเล่าจบ ไท่หยางก็ถอนหายใจยาว ก่อนจะบ่นเปรย ๆ อย่างไม่ได้ตั้งใจ “การเป็นซิงเกิลมัมนี่มันทรมานมากเลยเนอะ...ว่ามั้ยแมนดี้ จิ้งซันไม่อยู่สักคนบ้านก็แทบจะไม่เหมือนบ้านเอาซะเลย...เฮ้อ”

หลังจากวันที่เกิดเรื่อง ม่านชิงก็ใช้เวลาหยุดพักผ่อนนี้ช่วยไท่หยางดูแลฮุ่ยหลิงกับหลิงหลิง ช่วงเวลาที่ได้อยู่กับฮุ่ยหลิงทำให้ม่านชิงเข้าใจอะไรหลาย ๆ อย่าง การที่ผู้หญิงต้องเลี้ยงดูลูกน้อยเพียงลำพังโดยที่ไม่มีคนที่เป็นพ่ออยู่ช่วยดูแลด้วย ไม่ว่าจะโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม สุดท้ายคนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดก็คือเด็กที่ลืมตาขึ้นมาดูโลกนั่นเอง หยงอี้เองก็คงเหนื่อยและท้อมากเช่นกันที่ต้องดูแลเสี่ยวปิงเพียงลำพังโดยที่มาร์คไม่เคยเหลียวแล แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นหยงอี้ก็ไม่ได้คิดที่จะทอดทิ้งเสี่ยวปิงเลย ฮุ่ยหลิงต้องสูญเสียสามีไป แต่โชคยังดีที่สวรรค์ประทานหลิงหลิงมาให้อยู่เป็นเพื่อนฮุ่ยหลิง ผู้หญิงทุกคนก็มีความสุขตรงที่ได้เป็นแม่คนนี่แหละ
แต่ถ้าจะให้สมบูรณ์จริง ๆ ก็ต้องอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งครอบครัวไม่ใช่หรือ

เวลาเดียวกันนั้น จื้อหลินก็ทุ่มเทแรงกายแรงใจดูแลเสี่ยวปิงกับหยงอี้ แม้ว่าเขาจะอยู่ในสภาพจิตใจที่ย่ำแย่แต่ก็ไม่ยอมแสดงออกให้ใครเห็น ทว่าหยงอี้เข้าใจท่าทางและสีหน้าแบบนั้นของชายหนุ่มได้เป็นอย่างดี แม้จะแสดงออกว่าร่าเริงเพียงไรตอนที่พาหญิงสาวกับลูกไปเที่ยวสวนสนุก แต่ชายหนุ่มก็ลอบถอนหายใจออกมาหลายครั้งพร้อมกับแววตาที่เศร้าสร้อย แม้ว่าตอนที่หยอกล้อกับเสี่ยวปิงสีหน้าท่าทางของจื้อหลินจะดูมีความสุข แต่หญิงสาวรู้ดีว่าการกระทำเหล่านั้นเป็นการ ‘ฝืนใจ’ หยงอี้นึกอยากจะบอกอะไรบางอย่างกับจื้อหลินอยู่หลายครั้ง แต่ก็ต้องล้มเลิกความคิดนั้นไปทุกทีด้วย ‘ทิฐิ’ ที่ตัวเองมีอยู่

วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่ม่านชิงจะอยู่ที่เทียนอันเหมิน หญิงสาวบอกลาแม่เลี้ยงของไท่หยางกับฮุ่ยหลิงเสร็จแล้ว ไท่หยางก็เดินออกมาส่งที่หน้าประตูบ้าน ชายหนุ่มได้ฝากจดหมายลาออกของเขาให้กับม่านชิง และบอกให้เธอช่วยยื่นจดหมายลาออกของเขาให้กับบอสด้วย ในตอนนั้นม่านชิงได้แต่ขมวดคิ้วมุ่นด้วยความสงสัยและรู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก แต่ด้วยเหตุผลที่ไท่หยางบอกทำให้ม่านชิงถึงกับพูดอะไรไม่ออก
“ไม่มีอะไรหรอก พี่แค่อยากอยู่ที่นี่เพื่อดูแลแม่ ฮุ่ยหลิง แล้วก็หลิงหลิงเท่านั้นเอง พี่ทิ้งพวกเขาไม่ได้ พี่ยอมที่จะลาออกจากงานดีกว่าแล้วมาหางานใหม่แถว ๆ นี้ทำ คนเราก็อย่างนี้แหละ มักมีอะไรที่เราคาดไม่ถึงเสมอ...ฝากด้วยนะแมนดี้”
เมื่อได้ฟังไท่หยางพูดแบบนั้นก็ทำให้ม่านชิงรู้สึกว่าผู้ชายคนที่ยืนอยู่ตรงหน้านี้ช่างประเสริฐเหลือเกินและพานให้หญิงสาวนึกถึงใครบางคน ม่านชิงบอกลาไท่หยาง เพียงแค่ก้าวพ้นจากประตูบ้านของไท่หยาง หญิงสาวก็คว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดแมสเซจหาจื้อหลิน
‘เย็นนี้ฉันจะรออยู่ที่เฉพาะของเราสองคน’
หลังจากกดส่งข้อความแล้วม่านชิงก็รีบตรงดิ่งไปยังสถานที่แห่งความทรงจำของเธอทันที

เสียงเคาะประตูที่บ้านของหยงอี้ดังขึ้น หญิงสาวเดินไปเปิดประตู แต่แล้วก็ต้องขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเห็นแขกที่มาเยือน จือลี่เห็นดังนั้นจึงได้แนะนำตัวเอง
“สวัสดีค่ะ ฉันเจนนี่ เป็นพี่สาวของชาร์ล ขอเข้าไปข้างในได้มั้ยคะ เราจะได้นั่งคุยกัน” พอหยงอี้พยักหน้าแบบงง ๆ จือลี่ก็เลยเดินเข้าไปในบ้านโดยมีเหมียนอี้เดินตามติดมาอยู่ข้างหลัง
“ต้องขอโทษด้วยนะคะที่มารบกวนกะทันหันแบบนี้ พอดีว่าชาร์ลเขาวานให้ฉันมาดูแลคุณกับลูกน่ะค่ะ ฉันก็เลยรีบมาที่นี่โดยไม่ได้บอกคุณล่วงหน้า ต้องขอโทษด้วยนะคะที่ทำให้ตกใจ เอ่อ...แล้วเสี่ยวปิงล่ะคะ พอดีฉันพาลูกสาวมาเล่นกับเสี่ยวปิงน่ะค่ะ นี่ลูกสาวของฉันเหมียนอี้ค่ะ” จือลี่อธิบายกับหยงอี้ตอนที่เดินเข้ามาในบ้านของหญิงสาว หลังจากนั้นก็กวาดตามองหาเสี่ยวปิง หยงอี้ได้แต่ยิ้มให้กับจือลี่หลังจากที่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร
“เสี่ยวปิงนั่งเล่นอยู่ในห้องค่ะ ถ้าหากเหมียนอี้อยากจะเข้าไปข้างในก็เชิญได้เลย”
จือลี่ได้ยินดังนั้นจึงบอกกับลูกสาว “เข้าไปเล่นกับปิงปิงในห้องก่อนนะจ๊ะ แม่จะนั่งคุยกับคุณน้าอยู่ข้างนอก”
หลังจากที่เหมียนอี้เข้าไปเล่นด้านในแล้ว หยงอี้ก็เข้าครัวเพื่อไปรินน้ำดื่มมาให้กับจือลี่ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ หญิงสาว ทั้งคู่นั่งคุยกันเกี่ยวกับเรื่องลูกสาวของตนอย่างมีความสุข พูดจากันได้สักพักหยงอี้ก็ถามจือลี่ขึ้นมา
“ชาร์ลเป็นอะไรหรือเปล่าคะ วันนี้ถึงได้ไม่มาหาเหมือนอย่างทุกที”
“บอกตามตรงเลยนะคะ พอดีน้องสาวฉันอยากเจอชาร์ลน่ะค่ะก็เลยให้เขาไปหา...คุณคงไม่ว่าอะไรนะคะที่แมนดี้ทำแบบนี้ทั้ง ๆ ที่ทั้งคู่ก็เลิกกันไปแล้ว” พอได้ยินจือลี่พูดขึ้นมาแบบนั้น หยงอี้ก็ถึงกับหน้าซีดลงไปในพริบตา แต่ก็ยังถามจือลี่ออกไปอีก
“ไม่โกรธฉันบ้างหรือคะที่เป็นต้นเหตุทำให้น้องสาวกับน้องชายของคุณต้องเลิกรากัน” แต่จือลี่กลับส่ายหน้า
“ไม่หรอกค่ะ...ฉันดีใจมากกว่าที่เรื่องราวลงเอยแบบนี้ ถ้าหากทั้งสองคนแต่งงานกันไปแล้วมารู้เรื่องคุณกับลูกทีหลัง ทั้งคู่คงจะลำบากใจมากกว่านี้ ฉันรู้สึกภูมิใจในตัวชาร์ลที่มีความรับผิดชอบ ส่วนแมนดี้ฉันก็นับถือน้ำใจของเขา ฉันรู้จักนิสัยของน้องสาวฉันดี เธอทนไม่ได้หรอกค่ะที่จะต้องเป็นต้นเหตุทำให้ครอบครัวของคนอื่นต้องแตกแยก” จือลี่เพียงแต่พูดไปตามความรู้สึกของตัวเองเท่านั้น แต่หญิงสาวคงไม่รู้ว่าการพูดออกมาจากใจจริงของตัวเองในครั้งนี้จะทำให้หยงอี้เริ่มคิดถึงสิ่งที่ตัวเองกำลังกระทำอยู่

อีกด้านหนึ่งที่วิกตอเรีย ฮาร์เบอร์ ม่านชิงกำลังนั่งอยู่ตรงชายหาด มองดูท้องทะเลที่เงียบสงบเบื้องหน้าด้วยสีหน้าแจ่มใสและมีชีวิตชีวา ผิดกับตอนที่ต้องเลิกรากันกับจื้อหลินใหม่ๆ ส่วนจื้อหลินเองก็เดินทางมาถึงที่นี่ได้สักพักหนึ่งแล้ว เพียงแต่พอเห็นภาพหญิงสาวที่กำลังนั่งอมยิ้มอยู่เบื้องหน้า เส้นผมปลิวสยายยามถูกลมพัด...ทำให้เขาอยากจะเก็บภาพที่สวยงามตรงหน้าไว้ในความทรงจำ เพราะไม่รู้ว่าจะได้มีโอกาสเห็น ‘รอยยิ้ม’ ของม่านชิงอีกหรือไม่ จนกระทั่งม่านชิงหันหน้ามามองทางด้านหลังและเห็นว่าเขายืนอยู่ตรงนั้น ชายหนุ่มจึงหลุดจากภวังค์ แล้วเดินเข้ามานั่งลงข้าง ๆ หญิงสาว
ม่านชิงหันไปยิ้มให้กับชายหนุ่ม
“ฉันดีใจที่คุณยอมมาพบในวันนี้”
“ผมก็เหมือนกัน” เขาพูดด้วยท่าทางเกร็ง ๆ ต่อจากนั้นม่านชิงก็ถามถึงหยงอี้กับเสี่ยวปิงขึ้นมาบ้าง
“ทั้งสองคนสบายดีครับ ผมให้หยงอี้ออกจากงานเพื่อมาดูแลเสี่ยวปิง...ทุกวันนี้ผมก็แวะเวียนไปหาพวกเขาอยู่เป็นประจำ”
ม่านชิงจึงเล่าเรื่องของเธอบ้าง “ก่อนหน้านี้ฉันไปหาพี่ไท่หยางที่ปักกิ่งมาและได้รู้จักกับฮุ่ยหลิงแล้วก็หลิงหลิง รวมทั้งแม่เลี้ยงที่เป็นญาติของพี่ไท่หยางด้วย ฉันไปพักอยู่ที่โน่นได้ระยะหนึ่ง แล้วก็ทำให้คิดอะไรได้หลาย ๆ อย่าง...สิ่งที่พี่ไท่หยางทำเพื่อฮุ่ยหลิงกับหลิงหลิงทำให้ฉันนึกถึงคุณ หยงอี้ แล้วก็เสี่ยวปิงขึ้นมา ที่ฉันนัดเจอกับคุณในวันนี้เพราะฉันอยากบอกกับคุณว่า เรื่องราวของพวกเราที่ผ่านมาจนถึงวันนี้ แม้ว่าสุดท้ายแล้วเรื่องมันต้องลงเอยแบบนี้ฉันก็ไม่รู้สึกเสียใจเลย...”
ทว่าจื้อหลินกลับถอนหายใจออกมาด้วยอาการสิ้นหวัง “ผมคงทำให้คุณผิดหวังมากเลยใช่มั้ย ผมไม่ได้ตั้งใจที่จะทำให้เรื่องมันต้องลงเอยแบบนี้เลย แต่ในเมื่อเรื่องมันมาถึงขั้นนี้แล้ว ผมก็ไม่อาจทิ้งหยงอี้กับเสี่ยวปิงไปได้”
“เปล่าเลย ฉันไม่ได้รู้สึกผิดหวังในตัวคุณเลยแม้แต่นิดเดียว...ฉันรู้สึกชื่นชมคุณมากกว่าที่รับผิดชอบในสิ่งที่ทำลงไป ตรงกันข้าม ถ้าหากในตอนนั้นคุณเลือกฉัน ฉันอาจจะเป็นทุกข์มากกว่านี้ก็ได้ ฉันสามารถพูดกับคุณได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่าฉันภูมิใจในตัวคุณ แล้วก็ไม่เคยนึกเสียใจเลยที่ได้รักคุณ ถึงแม้ว่าสุดท้ายเราจะไม่ได้อยู่ด้วยกันก็ตาม แต่ฉันไม่อยากสูญเสียคุณไป...เรามาเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันเถอะนะคะ ชาร์ล”
ขณะที่ม่านชิงกำลังพูด น้ำใส ๆ ที่อยู่ในตาก็ค่อย ๆ ไหลออกมา จื้อหลินเองก็เช่นกัน เขาคิดไม่ถึงว่าหญิงสาวจะเข้าใจความรู้สึกของเขาถึงเพียงนี้ อีกทั้งยังเป็นฝ่ายเอ่ยปากบอกกับเขาในเรื่องที่เขาปรารถนามากที่สุดอีกด้วย ม่านชิงกับจื้อหลินต่างก็จ้องตากันแน่นิ่งด้วยความรู้สึกถวิลหา แต่ก็ต้องบังคับจิตใจของตนเองไม่ให้ทำอะไรนอกลู่นอกทาง สุดท้ายทั้งคู่ก็ได้แต่จุมพิตกันอย่างแผ่วเบาพร้อมกับน้ำตาที่เอ่อไหลออกมาเท่านั้น

หยงอี้ใช้เวลาในการคิดและไตร่ตรองอยู่ถึงสองวันเต็ม ๆ หลังจากที่ได้พูดคุยกับจือลี่เมื่อสองวันก่อนถึงได้รู้ว่าตัวเองเห็นแก่ตัวมากแค่ไหนที่ใช้ลูกสาวมาเป็นเครื่องมือในการทำลายความสัมพันธ์ระหว่างจื้อหลินกับม่านชิง ในตอนที่หยงอี้เดินทางมาหาม่านชิงที่ทำงานพร้อมเสี่ยวปิงและกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ เธอก็ตัดสินใจเล่าความจริงทุกอย่างให้ม่านชิงฟังจนหมด
“จริง ๆ แล้วเสี่ยวปิงไม่ใช่ลูกของชาร์ลหรอกค่ะ และที่ฉันกับมาร์คต้องรีบแต่งงานกันเพราะว่าฉันตั้งท้องเสี่ยวปิง ถ้าไม่มีเรื่องของเสี่ยวปิง มาร์คก็คงไม่ต้องทิ้งการสอบเป็นทนายเพื่อมาอยู่ดูแลฉันกับลูกในท้อง แต่ว่าเมื่อปีที่แล้วตอนที่มาร์คได้มีโอกาสสอบเป็นทนายอีกครั้ง เขากลับสอบไม่ได้ก็เลยพาลหาเรื่องทะเลาะกับฉัน...เขาพูดออกมาคำหนึ่งซึ่งทำให้ฉันเสียใจมากก็คือ ถ้าฉันสามารถหาพ่อที่ดีกว่านี้ให้กับเสี่ยวปิงได้ก็ให้ฉันเก็บข้าวของไปอยู่กับคนคนนั้นเลย...แสดงว่าตลอดมาเขาไม่เคยเชื่อใจฉันเลยว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ฉันกับเสี่ยวปิงก็จะอยู่เคียงข้างเขา เพราะคำพูดประโยคนั้นทำให้ฉันเก็บข้าวของและพาเสี่ยวปิงหนีมาอยู่ฮ่องกงโดยไม่บอกใคร แต่ว่าตอนนี้ฉันคิดได้แล้วค่ะ”
“ฉันไม่อยากให้เสี่ยวปิงเป็นเด็กมีปัญหาที่พ่อแม่ต้องแยกทางกันด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง ฉันก็เลยตัดสินใจจะพาเสี่ยวปิงบินกลับไปหามาร์คที่อังกฤษ กลับไปปรับความเข้าใจกับมาร์คใหม่...ให้เขารู้ว่าฉันกับลูกจะอยู่เคียงข้างและคอยเป็นกำลังใจให้กับเขา ฉันว่ามันคงเป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้วที่จะทำให้ครอบครัวของเรามีความสุข”
เมื่อหยงอี้เล่าจบก็เหลือบดูนาฬิกาข้อมือของตัวเอง ก่อนที่จะบอกกับม่านชิง
“ตอนนี้สายมากแล้ว เห็นทีฉันกับลูกต้องออกเดินทางแล้ว...” พอหญิงสาวพูดจบก็คว้าเอาซองเอกสารที่อยู่ในกระเป๋าถือส่งให้กับม่านชิง “นี่เป็นผลตรวจดีเอ็นเอของเสี่ยวปิง ของฉัน แล้วก็มาร์ค พวกเราตรวจเอาไว้ตั้งนานแล้ว ฝากสิ่งนี้ให้กับชาร์ลด้วยนะคะ” ต่อจากนั้นก็หันไปปลดสร้อยคอที่อยู่บนคอของเสี่ยวปิง แล้วส่งคืนให้กับม่านชิง
“นี่ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ฉันต้องคืนให้กับชาร์ล ฉันไม่มีค่าพอสำหรับของสิ่งนี้หรอกค่ะ ขอให้เขาเก็บไว้ให้คนที่มีค่าสำหรับเขาจะดีกว่า” หยงอี้ส่งยิ้มให้ม่านชิงเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะลุกขึ้นยืนและพาเสี่ยวปิงออกเดินทางไปยังสนามบินทันที

หนึ่งเดือนต่อมา ห้องบอลรูมของโรงแรมฝงเหว่ยถูกประดับตกแต่งอย่างสวยงามเพื่อจัดพิธีมงคลสมรสให้กับคู่บ่าวสาว วันนี้เป็นวันแต่งงานของ ‘ฝงจื้อหลินกับเสิ่นม่านชิง’ เพียงแค่ประตูของห้องบอลรูมถูกเปิดออก แขกผู้มีเกียรติทั้งหลายต่างก็ทยอยกันเดินเข้ามาในงานด้วยรอยยิ้ม
เจ้าภาพอย่างกวงเว่ยกับเซียะเหมยยิ้มแก้มแทบปริที่วันนี้ลูกชายของพวกเขาอีกคนจะได้ใช้ชีวิตคู่ ทั้งสองคนต่างก็คุยโม้กับกลุ่มเพื่อน ๆ ไม่ยอมหยุด เล่าประวัติความเป็นมาของลูกสะใภ้คนเล็กซะละเอียดยิบว่าแก่นเซี้ยวและน่ารักแค่ไหน ส่วนจือลี่กับจิ้งเถาก็ยืนต้อนรับและพูดคุยกับแขกที่มาร่วมงานอยู่ตลอดเวลาเช่นกัน ก่อนที่พิธีแต่งงานอย่างเป็นทางการจะเริ่มขึ้นเพียงไม่นาน ไท่หยางก็เดินคู่กันมากับฮุ่ยหลิงเพื่อมาแสดงความยินดีกับจื้อหลินและม่านชิง ม่านชิงสังเกตเห็นว่าตอนที่ไท่หยางพูดคุยกับทุกคนไม่ว่าจะเป็นจิ้งเถา จือลี่ จื้อหลินหรือแม้กระทั่งคุยกับเธอเอง มือของเขาจะกุมมือของฮุ่ยหลิงไว้ตลอดเวลา จนหญิงสาวอดไม่ได้ที่จะส่งสายตาเจ้าเล่ห์ไปทางไท่หยางพร้อมกับเอ่ยออกมาเสียงดังจนคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นได้ยินกันทั่ว
“คุณฮุ่ยหลิงทำไมให้พี่ไท่หยางทำรุ่มร่ามแบบนั้นล่ะคะ หรือว่าคุณกับพี่ไท่หยางจะ...!” แม้ม่านชิงจะไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่ทุกคนในที่นั้นเข้าใจความหมายที่หญิงสาวพูดเป็นอย่างดี เพราะท่าทางของไท่หยางกับฮุ่ยหลิงสนิทสนมกันมากเป็นพิเศษ ไท่หยางเองก็ยอมรับอย่างหน้าชื่นตาบานว่าเขากับฮุ่ยหลิงตกลงใจที่จะใช้ชีวิตคู่ด้วยกัน พร้อมกับโอบไหล่ของฮุ่ยหลิงที่ตอนนี้มีอาการดีขึ้นมากจนเกือบหายขาดจากโรคที่เป็นอยู่แล้ว พอไท่หยางเดินผ่านก็แอบกระซิบกับหญิงสาวเบา ๆ จนม่านชิงเกือบจะกลั้นเสียงหัวเราะไว้ไม่ได้
“สงสัยดวงของพี่จะสมพงศ์กับผู้หญิงที่มีลูกแล้วแหง ๆ เลย!”
หลังจากนั้นพิธีแต่งงานของจื้อหลินกับม่านชิงก็เริ่มขึ้น ในพิธีนอกจากจะมีการแลกแหวนของคู่บ่าวสาวแล้ว จื้อหลินยังค่อย ๆ บรรจงสวมสร้อยคอที่เหมือนกับเส้นที่เขาสวมอยู่ให้กับม่านชิง พร้อมทั้งให้คำมั่นสัญญากับหญิงสาวว่าจะรักและดูแลหญิงสาวตลอดไป ต่อจากนั้นทั้งคู่ก็จุมพิตกันอย่างดูดดื่มต่อหน้าสักขีพยานนับร้อย ณ ที่แห่งนั้น

ที่ท่าเรือหวังเจี้ยน จื้อหลินกับม่านชิงเดินกุมมือมาด้วยกันตลอดตั้งแต่พากันมาเดินเล่นที่ชายหาด ต่างคนต่างก็หวนนึกถึงวันเวลาที่ทั้งคู่เคยร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา
ตอนที่ทั้งสองคนยังไม่รู้จักกัน...ยังเป็นเพียงเด็กตัวเล็ก ๆ และได้พูดคุยกันเพียงแค่ครู่เดียว…
ตอนที่ทั้งคู่ได้ฉลองงานวันเกิดของม่านชิงด้วยกันอย่างมีความสุข…
ตอนที่พวกเขาถูกจับตัวไปเรียกค่าไถ่ และจื้อหลินพาม่านชิงหนีรอดออกมาได้...
ตอนที่เขาเห็นน้ำตาของม่านชิงเป็นครั้งแรก และวิ่งหนีไปทั้งน้ำตาต่อหน้าต่อตาของเขา...
ตอนที่ม่านชิงตัดสินใจอย่างกล้าหาญที่จะเสียสละจิ้งเถาให้กับเอี้ยนจู...
ตอนที่ม่านชิงคอยเฝ้าติดตามจื้อหลินยามที่เขาเสียใจในการกระทำของจือลี่...
ตอนที่ทั้งคู่ต้องกลายเป็นคู่รักกำมะลอเพราะหลงไปกับกรุ๊ปทัวร์ที่หวังเจี้ยนโดยไม่ได้ตั้งใจ...
ตอนที่ม่านชิงถูกลวนลาม และได้จื้อหลินคอยดูแลอย่างใกล้ชิด ในเวลานั้นทั้งคู่ถึงได้รู้ความรู้สึกภายในใจของตัวเอง...
ตอนที่ทั้งคู่ต่างก็เป็นกำลังใจให้แก่กันและกันในยามที่ครอบครัวของทั้งคู่กำลังมีปัญหา...
และตอนที่หยงอี้ก้าวเข้ามาในชีวิต ทำให้ทั้งคู่จำต้องพรากจากกัน...
เรื่องราวทั้งสุขและทุกข์ของเขาและเธอเกิดขึ้นมากมาย แต่ด้วยความเข้าใจและคอยเป็นกำลังใจให้แก่กันและกันเสมอมาถึงทำให้ทั้งสอง คนมีวันนี้ แม้จะต้องใช้เวลานานแสนนานในการฟันฝ่าอุปสรรค แต่พรหมลิขิตก็ไม่อาจพรากพวกเขาสองคนให้จากกันได้ จื้อหลินกับม่านชิงเดินคลอเคลียกันอย่างมีความสุขตั้งแต่ต้นหาดไปจนถึงท้ายหาดโดยไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยแม้แต่น้อย และแล้วชายหนุ่มก็หยุดเดินแล้วหันไปเผชิญหน้ากับม่านชิง จ้องลึกเข้าไปในดวงตาของหญิงสาว
“แมนดี้...ผมเป็นแค่ผู้ชายธรรมดา ๆ คนหนึ่งที่ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงเพื่อคนที่ผมรัก แต่สิ่งหนึ่งที่ผมมั่นใจว่าสามารถทำให้คุณได้ก็คือ ผมจะดูแลคุณตลอดไป ผมจะประคับประคองความรักของเราให้ดีที่สุด จะไม่ทำให้คุณผิดหวังและเสียใจอีก จะเชื่อมั่นในความรักที่คุณมีให้ผมอย่างไม่กังขา และผมก็ขอบคุณที่คุณให้โอกาสผมได้ดูแลชีวิตส่วนที่เหลืออยู่ของคุณ...ขอบคุณมาก แมน...” จื้อหลินกำลังจะเอ่ยชื่อของหญิงสาว แต่ก็ถูกม่านชิงปิดปากเอาไว้
“ไม่ต้องพูดแล้วค่ะ คำพูดพวกนี้คุณเคยให้สัญญากับฉันแล้ว ไม่ต้องพูดซ้ำหรอกค่ะ...ฉันเชื่อคุณ” ม่านชิงพูดเพียงสั้น ๆ พร้อมกับเขย่งปลายเท้าขึ้นจูบริมฝีปากของจื้อหลินอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มชะงักไปเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็โอบกระชับเอวของหญิงสาวเข้ามาแนบกายพร้อมทั้งจุมพิตอย่างดูดดื่มและเนิ่นนานให้สมกับที่ต่างก็รอคอยเวลานี้มานานแสนนาน

จบบริบูรณ์





 

Create Date : 26 กรกฎาคม 2551
17 comments
Last Update : 3 ธันวาคม 2552 13:01:55 น.
Counter : 1055 Pageviews.

 

จบแล้วนะ...รู้สึกยังไงกันบ้าง...บอกกล่าวกันบ้างเด้อ !!

 

โดย: จางงี้ (ChuengNgee ) 26 กรกฎาคม 2551 1:00:01 น.  

 

อูย . . เช้านี้ตื่นมาจะเขียนงาน แต่ก็อดใจไม่ไหวต้องวิ่งมาที่บล็อกเพื่อดูว่าจะมีตอนใหม่มั๊ย แล้วก็ไม่ผิดหวังเลยค่ะ อ่านไปก็ลุ้นไป ทั้งซึ้งทั้งอิ่มเอมใจ ช่วงที่ทบทวนช่วงเวลาที่พี่ชาร์ลกับแมนดี้มีความทรงจำร่วมกันที่ท่าเรือหวังเจี้ยน ไม่คิดเลยว่าความทรงจำของทั้งคู่จะมากมายเช่นนี้


ขอบคุณจางงี้นะคะ สำหรับความสุข ความตื่นเต้น ที่มอบให้ตลอดมา

ขอไปเขียนงานต่อก่อน แล้วจะแวะมาโม้ด้วยใหม่

 

โดย: O-yohyo IP: 58.9.158.203 26 กรกฎาคม 2551 6:39:26 น.  

 

น้ำตาร่วงเลยอะ ถ้าตอนจบชาร์ลไม่ได้คู่กะแมนดี้ น้ำตาท่วมบ้านแน่เลย

 

โดย: 2in1 IP: 124.121.152.52 26 กรกฎาคม 2551 8:21:56 น.  

 

ฟู่วววส์~~~~~~~~~~~~~~~~~ หายใจโล่งงงงงงงงงงงงงงงงงง ในที่สุดภูเขาแห่งความทุกข์ที่ขวางกั้นอยู่ก็สลายตัวไป

ตะแรกก็ว่าหวังไท่หยางนี่เพื่อนคนไหนของม่านชิงฟะ แบบได้หลังลืมหน้าอ่ะ มาปิ้งป่อง ตอนที่ไท่หยางกระซิบว่า สงกะสัยดวงผมจะสมพงษ์กับผู้หญิงที่มีลูกแล้ว นั่นแหล่ะ ถึงนึกได้ว่าไท่หยางก็คือคนที่ไปหลงรักเจนนี่นั่นเอ้งงงงง แหะๆ

ตอนที่แมนดี้นัดพบชาร์ลแล้วกอดกันร้องไห้ เศร้ามั่กๆ ทำเอาคนอ่านเกือบร้องตามแล้วเนี่ย
แล้วหยวนหย่งอี้อ่ะ ทำไมถึงได้ทำแบบนั้นหน้อ ไม่ดีเลยง่ะ ทำให้คู่รักเค้าแตกแยก เพื่อประชดชีวิตครอบครัวของตัวเองแท้ๆ ดีนะที่ได้คิด ไม่งั้นชาร์ลกะแมนดี้ต้องกินน้ำตาต่างข้าวไปตลอดชีวิตเลย

ในที่สุดสองคนก็สมหวังซะที คนอ่านนอนหลับ โอ้หลั่นล้า แต่น้ำตาลมันขึ้นมาแค่หัวเข่าอ่ะจางงี้ ยังไม่เต็มตัวเลย ฮึกๆ แบบมันทุกข์มาเยอะ เพิ่งจะมาได้ยิ้มตอนจบติ๊ดเดียว แต่ก็ขอขอบคุณผู้เขียนที่บรรจงสร้างสรรค์ผลงานเขียนดีๆ แบบนี้มาให้ความบันเทิงกับผู้อ่านอย่างพวกเราตลอดหลายปีที่ผ่านมา ขอบคุณมากๆนะจ๊ะจางงี้

ชาร์ลกะแมนดี้ถ่ายรูปบ่าวสาวหน้าคฤหาสถ์ตระกูลฝงค่ะ (ภาพเซทนี้ใช้หากินได้หลายฟิค ฮิๆ)


ขอให้บ่าวสาวมีลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง (ว่าแต่จะมีตอนพิเศษลูก 5 คนของแมนดี้กับชาร์ลป่าวอ่ะจางงี้ เพิ่มน้ำตาลให้ถึงคอหน่อยไม่ได้เหยอจ๊ะ) พี่ชาร์ลกะแมนดี้ได้แต่เลี้ยงลูกคนอื่น ยังไม่ได้อ่านตอนเลี้ยงลูกของตัวเองเลยง่า

 

โดย: หลินอี้ 26 กรกฎาคม 2551 15:14:30 น.  

 

เวนกรรม ดีใจไป แปะรูปซ้ำ แหะๆ

จางงี้คร้า ใจดี๊ใจดี จะมีภาคปิ๊เสดตอนลูกๆของแมนดี้กะชาร์ลมั้ยน้า




แล้วมีโครงการเรื่องใหม่มั้ยคะจางงี้ บอกผู้อ่านด้วยนะคะ ใครแสดงบ้างเอ่ย พระรองนางรองได้เลื่อนเป็นนางเอกพระเอกมั้ยหน้อ อยากรู้จังจ้า

 

โดย: หลินอี้ 26 กรกฎาคม 2551 15:19:49 น.  

 

จบได้ดีมากๆ เลยค่ะ ยอดมากค่ะ :D

นี่มลไม่เคยนับเลยนะค่ะว่าชายหาดแห่งนั้นจะมีความหลังของพี่ชาร์ลกับแมนดี้เยอะขนาดนี้เนี่ย

มีฟิคเรื่องต่อไปทั่นผู้เขียนอย่าลืมเรียกนะค่ะ ตามมาอ่านแน่นอนค่ะ ^_^

 

โดย: Cipher IP: 58.8.137.179 26 กรกฎาคม 2551 17:49:12 น.  

 

ผู้เขียนก็ต้องขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านเช่นกันที่คอยให้กำลังใจผู้เขียนมาโดยตลอดจนสามารถคลอดฟิคเรื่องนี้ได้สำเร็จ
ขอขอบคุณจากใจจริงค่ะ

 

โดย: จางงี้ (ChuengNgee ) 26 กรกฎาคม 2551 18:05:30 น.  

 

แวะมาส่งสารท้าคนเขียนค่ะ


เท่าที่ผ่านมาจางงี้ทำให้พวกเราทั้งลุ้นระทึก ทั้งเศร้าสะเทือนใจ ได้อมยิ้มกับความน่ารัก ได้ใจสั่นเต้นตุ๊มๆ ต่อมๆ กับการลุ้นเรื่องราว แต่ความรู้สึกหวานฉ่ำนั้น ยังติดลบอยู่เลย จริงๆ ก็มีความหวานบ้างเหมือนกัน แต่ไม่ทันไรก็มีความเปรี้ยวความขม เข้ามาเจือในทันใด

เพราะฉะนั้น หากจางงี้แน่จริง ก็ต้องเขียนตอนพิเศษ มาทำให้พวกเรามีระดับน้ำตาลในเลือดสูงปรี๊ดๆ ให้ได้นะคะ


ถ้าจางงี้แน่ อย่าแพ้ความหวาน (555)

 

โดย: O-yohyo IP: 58.9.164.27 26 กรกฎาคม 2551 22:29:34 น.  

 

ขอท้าคนเขียนเหมือนกันค่ะ เห็นว่าผู้เขียนถนัดแนวเศร้ารันทด ตอนปิ๊เสดก็ยังไม่วายหยอดให้พวกเราผู้อ่านรันทด เพราะงั้นอยากรู้จังหนอ ว่าทั่นผู้เขียนทำหวีดทั้งตอนได้มั้ยอ่าน้า เพราะงั้น ขอท้าค่ะ ทั่นผู้เขียน เขียนตอนหลังแต่งงานมาซะดีๆ ไม่งั้นไม่เรียกว่าแน่จริงนะก๊ะ ขอโบกกกกก

 

โดย: หลินอี้ 27 กรกฎาคม 2551 9:03:24 น.  

 

ทั่นผู้เขียนอย่ายอมนะค่ะ พี่ๆ เล่นท้ากันซะขนาดนี้แล้ว พี่งี้จะยอมได้ยังไงจริงไหมค่ะ (มาล่ะพวกช่างยุ 55555)
พิสูจน์ให้ผู้อ่านตาค้างกันไปเลยค่ะ ว่าเจ้าแม่รักรันทด ก็เขียนนิยายแนวหวานได้จับใจ ประเภทถ้าเจาะเลือดออกมาต่อให้ไม่ได้กินอะไรมาสามวัน ผลน้ำตาลยังเกิน 100 mg/dl เอาให้หวานหยดแบบน้ำตาลเรียกพี่ น้ำผึ้งยังจืดไปเลยนะค่ะ :D

 

โดย: Cipher IP: 58.8.144.155 27 กรกฎาคม 2551 19:46:01 น.  

 

แวะมากระโดดเหยงๆๆๆ ท้าจางงี้คร่า แน่จริงมาเขียนตอนหวีด 1 ตอนเต็มๆได้ป๊าววววววววววววววววววววว แบบอยากให้เลือดมีน้ำตาลเจือปนแบบน้องมลว่าอ่ะ

 

โดย: หลินกุ IP: 61.19.199.147 28 กรกฎาคม 2551 13:27:29 น.  

 

วันศุกร์แว้วววว พรุ่งนี้จะมีตอนปิ๊เสดตามคำท้าทายป่าวอ่ะเนี่ยยยยย กองเชียร์หายไปไหน ขอเสียงโหน่ยยยย

 

โดย: หลินกุ IP: 61.19.199.147 1 สิงหาคม 2551 15:01:24 น.  

 

มาแล้วจ้า กองเชียร์มาร่วมส่งเสียง จะมีตอนพิเศษของตอนพิเศษ ฉบับหวานแหววไหมนี่

 

โดย: O-yohyo IP: 58.9.164.109 2 สิงหาคม 2551 16:47:45 น.  

 

เย่... ในที่สุดก็แฮปปี้เอนดิ้งจริงๆ สักที ทุกอย่าเคลียร์ลงตัวหมดแล้ว อ่านฟิคจางงี้ลุ้นเหนื่อยมาก ฉากเศร้า รันทด เสียใจ เปอร์เซ็นต์เยอะกว่าฉากแฮปปี้ แถมยังชอบเซอร์ไพร์สคนดูแบบคาดไม่ถึงอีก แต่ก็ประทับใจค่ะ

ขอบคุณจางงี้มากนะคะ

 

โดย: tomtam IP: 124.121.165.119 3 สิงหาคม 2551 12:19:19 น.  

 

คุณจางงี้คะ รบกวนติดต่อกลับเกรทที่ PC-bookclub ด้วยนะคะ

จะเมลมาที่ editor@pc-bookclub.com หรือ kawiya@hotmail.com ก็ได้ค่ะ

พอดีไฟล์ที่ส่งมาไม่ระบุอีเมลติดต่อกลับมา เลยไม่สามารตถติดต่อกลับได้ค่ะ ^^"

 

โดย: gRe@t IP: 58.9.147.223 27 สิงหาคม 2551 21:30:02 น.  

 

สวัสดีอีกครั้งค่ะผู้อ่านทุกท่าน...รอยแค้นแรงพิศวาส เปลี่ยนชื่อเป็น ปมแค้นแรงพิศวาส...

รวมเล่มแล้วนะคะ...อย่าลืมไปติดตามกันหละ...คราวนี้เราก็มีปมแค้นฯ ไว้กอดให้ชื่นใจกันแล้วนะ

 

โดย: จางงี้ (ChuengNgee ) 13 มีนาคม 2552 22:04:38 น.  

 

555+

 

โดย: 5566 IP: 192.168.1.20, 58.9.130.2 12 กันยายน 2553 12:43:06 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ChuengNgee
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




บทประพันธ์ในบ้านหลังนี้เป็นลิขสิทธิ์ของผู้ประพันธ์โดยสมบูรณ์ ห้ามมิให้ทำการคัดลอก เลียนแบบ หรือตีพิมพ์ ส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมดของบทประพันธ์ในบ้านหลังนี้เพื่อการอย่างอื่นนอกจากการชมเพื่อความบันเทิงเท่านั้น หากผู้ใดทำการละเมิดจะถูกดำเนินคดีตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด
New Comments
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2551
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
26 กรกฏาคม 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ChuengNgee's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.