ครอบครัวเชื่อมกระโทก ยินดีต้อนรับทุกท่านค่ะ
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2551
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
4 สิงหาคม 2551
 
All Blogs
 
จอมเปิ่นขึ้นเครื่องไป KL: ตอนที่ 1 KL city

30 ก.ค. 2551
เพิ่งจะได้ไปเมืองนอกกะเค้าครั้งแรก แถมเดินทางคนเดียวอีก แม้จะไปแค่ Kuala Lumpur (KL) ก็เถอะ เราก็อดที่จะตื่นเต้นไม่ได้ ด้วยความตื่นเต้นบวกกับกลัวว่าจะไปสนามบินไม่ทัน (เครื่องออก 09:00) เราเลยไปค้างที่บ้านเพื่อน หลับๆตื่นทั้งคืนจนกระทั่งเช้า เพื่อนมาส่งที่สนามบินตอน 7 โมง



โหลดกระเป๋าเสร็จเราก็ไปเดินดูหนังสือ จน 8 โมงกว่า จึงมาตรวจหนังสือเดินทาง พอตรวจเสร็จ เดินเข้าไปข้างในเท่านั้นแหละ โอ้.... ทำไมมันกว้างอย่างนี้ เราต้องไปขึ้นเครื่องที่ Gate C1 แต่เดินไปเรื่อยๆมันก็ไม่ถึงสักที กลัวไม่ทันเลยรีบจ้ำ พอตรวจกระเป๋าเสร็จพนักงานดันบอกว่าเปลี่ยนเป็น Gate D2 อ้าว! นี่มัน 08:40 แล้ว ประตูปิดก่อนเครื่องออก 10 นาทีซะด้วย เราจึงต้องจ้ำอ้าวออกมาแบบไม่คิดชีวิต จะวิ่งก็ไม่กล้า กลัวสมบัติผู้ดีหล่นหาย 555+ ไม่ไกลแต่ไม่ใกล้เลยขอบอก 08:45 ทำไมแถวมันยาวยังงนี้ โธ่ๆๆ ไปเมืองนอกครั้งแรกก็จะตกเครื่องแล้วเหรอ... ทำอะไรไม่ได้ ต้องต่อแถวตรวจกระเป๋าแต่โดยดี ตรวจกระเป๋าเสร็จจึงได้ยินเสียงประกาศว่า “ทางสายการบินต้องขออภัยในการเลื่อนเวลาการเดินทางเนื่องจากความล่าช้าของสายการบินขาลง.....” แป่วววววว...... เหนื่อยฟรีเลย....



ทำไงดีล่ะ เกิดปวดฉี่บนเครื่องขึ้นมาซะแล้ว เราลุกเดินไปห้องน้ำด้วยความไม่มั่่นใจ พระเจ้า เธอเปิดประตูห้องน้ำไม่เป็นค่ะ ประตูอยู่ไหนเนี่ย สายตาไวเท่าความคิด เธอพยายามกวาดสายตาเพื่อหาวิธีการเปิดในขณะที่พนักงานต้อนรับกำลังมองมาด้วยความสงสัย ไม่นานนักคนในห้องน้ำจึงเปิดประตูออกมา โชคดีจังเลย ไม่งั้นพนักงานคงต้องมาเปิดประตูห้องน้ำให้แน่ๆ



ห้องน้ำที่สนามบิน KLIA (Kuala Lumpur International Airport) ไม่ต้องกดนะ มันจะกดเองอัตโนมัติอ่ะ อิอิอิ บ้านนอกจริงๆยัยคนนี้

ต่อรถจากสนามบินมาโรงแรม ถ้าเป็น Budget Taxi จะถูกที่สุด (KLIA- โรงแรม Novotel ประมาณ 68RM หรือ 680 บาท -- (1RM ก็ประมาณ 10 บาทกว่าๆ) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง ถ้ารถไฟฟ้า KLIA Express (37RM) ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงแต่ต้องไปต่อรถที่สถานีในเมือง



ที่โรงแรม พนักงานให้คีย์การ์ดมาหนึ่งใบ จอมเปิ่นเดินเข้าลิฟต์แล้วกดชั้น 5 อ้าวทำไมไฟไม่ขึ้นล่ะเนี่ย ประตูลิฟต์ก็ปิดแล้ว จอมเปิ่นใจหายวาบ ตายล่ะลิฟต์เสียหรือเปล่า....ทำไงดีล่ะเนี่ย



...และแล้วประตูลิฟต์เปิดอีกครั้งพร้อมกับสายตาสงสัยของแขกที่เดินเข้ามาใหม่ หลังจากที่ต้องตกกระไดพลอยโจนติดตามแขกคนนั้นไปถึงชั้น 9 จอมเปิ่นจึงต้องกลับลงมาที่ลอบบี้ใหม่ เพื่อ(โวยวาย) บอกกับพนักงานด้วยความหงุดหงิดนิดๆว่าคีย์การ์ดมันเสียหรือเปล่านี่ พนักงานจึงให้จอมเปิ่นเสียบคีย์การ์ดเข้าไปที่ช่องเหนือตัวเลขบอกชั้นต่างๆ “เสร็จแล้วกดหมายเลขชั้นด้วย” พนักงานกล่าวด้วยความนอบน้อม จอมเปิ่นจึงได้รู้ว่าลิฟต์ที่นี่มันเปิดยังงี้นี่เอ๊งงง...



ง่วงมากแต่ก็หิวมากเช่นกัน ที่มาเลเซียนี่คุณจะหาอาหารตามสั่งหรือก๋วยเตี๋ยวข้างถนนไม่ได้เลย บ้านเมืองเค้าสะอาด ต้นไม้ข้างถนนจะต้นใหญ่มากผิดกับเมืองไทย เราเดินไปหาข้าวกินที่ตึกตรงข้ามโรงแรม เป็นข้าวราดแกงแแบบให้เราตักเอง จานที่เห็นนี่ 5RM น้ำแก้วละประมาณ 3 บาท อาหารที่นี่จืดสนิด ไม่ใส่น้ำปลาเลย คิดถึงส้มตำมากกกก



ตอนเย็นน้องอุ้ยมาหา พาจอมเปิ่นไปซื้อซิมมือถือ DiGi สำหรับใช้ชั่วคราว ต้องยื่น Passport ด้วยนะ จอมเปิ่นจึงได้โทรกลับบ้าน อิอิอิ นาทีละประมาณ 3-4 บาทนี่แหละ เสร็จแล้วไปกินข้าวใน Pavilion คงจะประมาณสยามพารากอนบ้านเราเห็นจะได้นะ อยู่ตรงข้ามกับ Novotel เอง



31 ก.ค. 2551



เป็นคนที่สวยที่สุดในห้องอ่ะขอบอก ก็จอมเปิ่นเป็นผู้หญิงคนเดียวนี่คะ หุหุหุ เรียนไปหลับไป ก็ถึงเวลาข้าวเที่ยง ที่เมืองไทยก็คง 5 โมงเช้า เพราะเวลาของคนมาเลเซียเร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมง ด้วยเหตุผลอะไรไม่ทราบแน่ชัด แต่ Time Zone เท่ากัน ในรูปเป็นอาหารกลางวันค่ะ ไม่รู้ชื่ออะไร แต่อร่อย



Office ที่นี่มีมุมกาแฟสวยมากอ่ะ ไม่ทราบว่าจะเป็นร้านอาหารหรือบริษัทกันแน่เนี่ย ด้านซ้ายจะมีโถแก้วใส่ขนมต่างๆ 3 โถให้เลือกทานกับกาแฟ



ที่นี่มีน้ำฝรั่งกับน้ำมะม่วง ไม่ทราบว่าคนที่นี่เค้าชอบทานกันหรือเปล่า เพราะที่ไหนๆก็มี





ตอนเย็นไปเดินเล่นที่สวน KLCC (Kuala Lumpur Convention Center Park) สวนสวย ต้นไม้เขียวกลางเมือง



สวนนี้อยู่ด้านหลังตึกแฝดของ Petronas อันโด่งดังของมาเลเซีย ที่ตึกแฝดนี้จะมี Sky Bridge เชื่อมถึงกันที่ชั้น 42 และเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้



ชั้นล่างของตึกแฝดจะเป็นห้างชื่อ Suria คนเยอะมาก รูปข้างล่างเป็นด้านใน Suria ค่ะ



ที่นี่มีทั้งสวน ห้างสรรพสินค้า Sky Bridge ที่ให้นักท่องเทียวเข้าชม บริษัทต่างๆบนตึกแฝด และสถานีรถไฟฟ้า KLCC





การแต่งตัวของคนที่นี่เค้าไม่ค่อยแฟชั่นจ๋าเหมือนเมืองไทย ที่นี่มีทั้งคนมาเลย์ จีน และอินเดีย นักท่องเทียวจะเป็นพวกอาหรับเสียส่วนใหญ่ เนื่องจากมองไปทางไหนมักจะเห็นผู้หญิงในชุดผ้าคลุมสีดำ



เราขึ้นมาได้แค่นี้แหละ ชั้น 68 เอง





1 ส.ค. 2551

มาถึง Office แล้วถึงรู้ว่าลืมโทรศัพท์ไว้ที่โรงแรม ที่นี่หา Taxi ยาก และแพงเนื่องจากไม่มี มิเตอร์ ราคาตามแต่คนขับจะเรียก เราไม่ไปเค้าก็ไม่ง้อ คนขับส่วนใหญ่เป็นคนอินเดียนะ เสียค่า Taxi ไปกลับ 12 RM ฮือ ฮือ เปิ่นจนได้เรื่อง



การเดินทางคนที่นี่นิยมใช้รถไฟฟ้านะคะ ราคาไม่แพงเหมือนบ้านเรา ในเมืองรถไม่ติดค่ะ ที่นี่มีตึกสูงๆเยอะมาก




วันนี้ไปค้างกับน้องอุ้ย บ้านอยู่ติดกับสถานี Setiawangsa



บรรยากาศที่นี่สไตล์รีสอร์ท อยู่ติดภูเขา ประมาณบ้านนอกผสมตึกในเมืองค่ะ



ค่าเช่าเดือนละ 3 หมื่นบาทไทย บรรยากาศดี แต่ยุงเยอะค่ะ






Create Date : 04 สิงหาคม 2551
Last Update : 4 สิงหาคม 2551 19:10:32 น. 1 comments
Counter : 1100 Pageviews.

 
กำลังคิดว่าจะไป KL ช่วงปีใหม่นี้ค่ะ...เคยไปแต่ปีนัง แต่ก็หลายปีมาแล้ว...เหอๆ มาแอบเรียนรู้เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย...จะได้ไม่แอบเปิ่น...รูปสวยมากๆค่ะ น่าไปมั่กๆ


โดย: ชานมผสมโกโก้ (พายุสีเงิน ) วันที่: 4 สิงหาคม 2551 เวลา:22:34:31 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Janet Blue
Location :
นครราชสีมา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




^_^ คุณแม่เป็นคนขี้กังวล ใจร้อน คุณพ่อเป็นคนใจเย็น
อารมณ์ดี คุณแม่เป็นผู้หญิงที่โชคดีมากๆ เพราะมีสามีที่
เป็นทั้งพ่อบ้าน และเอาใจใส่ลูกอย่างดี พ่อจะคอยดูแล
พัฒนาการ สอนให้ลูกทำโน่นทำนี่ ความสุขของแม่คือ
ได้ป้อนข้าวหนูและมีคุณพ่อนั่งเชียร์ให้หนูกินข้าวอยู่ข้างๆ
คุณพ่อจะคอยถ่ายภาพ เก็บข้อมูลวีรกรรมของหนู
คุณแม่จะบันทึก จัดเก็บข้อมูลเหล่านี้ลงสมุดและ update
บล๊อกแห่งความรักนี้ค่ะ พ่อกับแม่รักหนูมาก
อยากให้หนูเป็นคนดี โตขึ้นเป็นคนเก่งที่อารมณ์ดีค่ะ ^_^


Friends' blogs
[Add Janet Blue's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.