Bloggang.com : หลังจอ : Penang-Langawi # Day 2

Penang-Langawi # Day 2

20 / 11 / 2005

จ๊าก plan ว่าจะตื่น 7.00 ไปดูหาด Pantai Cenang ซะหน่อย เพราะไหนๆ ก็มานอนแถวหาดแล้ว ทำไปทำไม ตื่นหน้าเริ่ดตอน 8.00 แทน รีบอาบน้ำอาบท่า เตรียมตัวไปทานข้าวเช้ากันก่อนที่จะไปUnderwaterworld Langawi กัน เพราะ trip นี้เวลาเรากระชั้นชิด เลยต้องเลือกที่เที่ยวในเกาะไม่กี่ที่แทน

อาหารเช้าวันนี้เป็นข้าวมันราดน้ำพริก มีปลาทอด ไข่ต้ม ห่อในใบตอง มองๆ ตอนแรกนึกว่าห่อหมก ห่อละ 1RM เอง กินไปหน้ามันไป พอทานได้ ไม่เลี่ยนเท่าไร หลังจากอิ่มท้องก็ออกเดินทาง เจอหนุ่มมาเลย์นายหน้าขายทัวร์มาเกาะแกะ พูดจ้อเป็นต่อยหอย ต้องให้เพื่อนเราส่งภาษามาเลย์จัดการไปซะ แต่ก็ไม่ยอมไป เกาะติดหนับเป็นตุ๊กแกเลย แต่ก็ยังดี พี่แกสามารถลดค่าตั๋วเข้า Underworld ให้เราได้จาก 28 เป็น 25RM แต่ไม่รู้พี่แกฮั้วกันเองกับคนเก็บค่าตั๋วเหรอเปล่า เพราะเราไม่ได้ตั๋วกัน จริงๆ ตามข้อมูลที่เราหามา ค่าเข้า Underworld แค่ 15RM แต่หลังจากที่มีเพนกวินมา ค่าเข้าปรับอีกเท่าตัวเลย ใจจริง อยากจะบอกคนขายตั๋วว่าไม่ดูเพนกวิน แล้วลดค่าเข้าเหลือ 15RM ได้ไหม แต่สงสัยว่าจะไม่ได้หละ เหอๆ

ว่าแล้ว เราก็เข้าไปชมข้างในกัน ดูๆ ไปเหมือนกับพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่เราเคยไปที่ภูเก็ตมาล่าสุด ส่วนที่บางแสนเราจำไม่ได้แล้วหละ เพราะไปมานานสมัยยังเด็กตัวกะเปี๊ยกนะ อาจจะมีสัตว์น้ำแปลกๆ เข้ามาเพิ่มเติม ปลาที่นี่สีสดใสมาก สีม่วงสด สีแดงสด มองไปเหมือนลูกกวาดว่ายไปว่ายมาเลย กุ้งก็มีพันธุ์แปลกๆ สีสวยๆ ที่น่าแปลกที่สุดก็คือ ม้าน้ำที่มีขาเหมือนใบไม้มากๆ ดูไปแล้วสวยแปลกตาดี แต่ถ่ายรูปต้องห้ามใช้แฟลช ไม่อย่างนั้นม้าน้ำอาจช็อกตายได้ เราก็ถ่ายแบบไม่มีแฟลช ภาพออกมาเบลอๆ แต่ไม่เป็นไร เพื่อพี่ม้าน้ำของเรา ให้มีชีวิตอยู่ไปนานๆ ไม่อย่างนั้น คนอื่นอดดูหมด มีเพนกวินให้ดูด้วยด้วย ท่าทางของมันน่ารักมาก เดินขึ้นน้ำทางเดิม เดินไปทางเดิมตามไปเป็นขบวน ลงน้ำจุดเดิม ทำอะไรแบบเดิม เดินไปชนกันไป ดูแล้วทำให้เราอมยิ้มได้

หลังออกจาก Underworld ก็กางแผนที่กันต่อ กะจะแวะ Laman Padi ที่เป็นศูนย์เกษตรกรรมของเกาะซักหน่อย แต่ไม่ได้แวะ แค่ผ่านเข้าไปเฉียดๆ เพราะกว่าจะออกจาก Underworld ก็เที่ยงกว่าแล้วหละ เราก็เลยต้องเลือกว่าจะไปที่ไหนกันบ้าง ไม่อย่างนั้นไม่ทันคืนรถเช่าตอน 16.30 จากนั้นก็ขับรถออกเดินทางกันรอบเกาะต่อ เป้าหมายคือ เติมน้ำมันก่อนจะแวะ Summer palace ที่หาด Pantai Kok ที่เคยเป็นที่ถ่ายทำหนังฮอลลีวู้ดเรื่อง Anna and the King หนังที่ประเทศไทยเราห้ามไม่ให้เข้ามาถ่ายทำ เค้าก็เลยไปถ่ายทำที่ลังกาวีกัน ขับไปขับมาหา Summer palace ไม่เจอ เจอแต่ปั๊มน้ำมัน ก็เลยต้องเติมน้ำมัน อ้อ....ลืมบอกไป ที่นี่ ต้องเติมน้ำมันกันเอง แบบ self service ไม่เหมือนเมืองไทย ที่เด็กปั๊มต้องวิ่งทะเล่อทะล่ามาเติมให้เรา

ไหนๆ ก็หา Summer palace ไม่เจอ ก็เลยตามเลยละกัน ขับตามทางไปเรื่อยๆ เป้าหมาย คือ Oriental Village หมู่บ้านที่เป็นแหล่งศูนย์อาหาร และมีอาคารน่ารักๆ เพื่อนเราเข้าไปถามรปภ. ตรงทางเข้าหมู่บ้านว่า Cable car Langawi อยู่ไหน มองจากแผนที่ น่าจะอยู่ใกล้กับ Oriental Village รปภ. ก็น่ารักบอกว่าเรามาถูกทางแล้วหละ เดินไปข้างในก็จะเจอทางขึ้น Cable Car เลย พวกเราก็เดินชมวิวหมู่บ้านไปเรื่อยๆ แป๊บๆ ก็เจอ Cable car เย้ๆๆๆ หาจนเจอกันได้ มองไปเห็น Cable Car อยู่สูงมาก ใจก็ตุ๊มๆ ต่อมๆ พิกล ตัดใจซื้อตั๋วเล่นกัน คนละ 15RM ลองดูว่าจะเป็นยังไง พี่ๆ กะเพื่อนสาวชาวมาเลย์บอกว่าไม่เหมือนที่เกนติ้ง กะที่ปีนังเท่าไร คนละสไตล์กันเลยหละ ที่นี่สูงแบบนั่งแล้วค่อยๆ สูงไปเรื่อยๆ มองลงมาข้างล่างเห็นมุมสวยๆ ของเกาะริมทะเล มีน้ำตกสูงๆ สองฝั่งระหว่างที่ Cable Car กำลังลอยสูงขึ้น เราขึ้นไปที่ความสูง 710 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล อากาศข้างบนลมเย็น กำลังสบายเลยหละ

กินลมชมวิวเสร็จเราก็ออกเดินทางต่อ คราวนี้วนรอบเกาะต่อ เวลาก็ประมาณ 13.00 แล้วหละ ข้าวกลางวันไม่ต้องกิน สาวแกร่งแก็งค์ 3 ช่า อึดมากๆ พี่เค้าวนๆ ไปดู Black Sand Beach กะไปดูว่าหาดทรายสีดำเป็นยังไง แต่ดูๆ ไปทำไมไม่ดำเลย เราเหรอ ดำเหมือนกัน หลับหน้าดำไปเลย ง่วงมากๆ ก็เลยนอนหลับใหล มาตื่นอีกทีก็ถึง Pardana Gallery พิพิธภัณฑ์ที่อดีตนายกฯ ของมาเลย์ ดร.มหาเธร์เปิดให้คนเข้ามาดูของที่ระลึกที่ประเทศต่างๆ มอบให้กับท่านมหาเธร์ในระหว่างที่ท่านเป็นนายกอยู่ ค่าเข้าคนละ 5RM ที่นี่อะไรก็เป็นเงินเป็นทองไปหมดหละ เราเข้าไปกะพี่ 2 คน ส่วนสาวมาเลย์รอเตร็ดเตร่อยู่ด้านนอก ข้างในมี 3 อาคาร มีเพดานสถาปัตยกรรมอิสลามสวยมาก และของที่ระลึกมีมากกว่า 1,000 ชิ้น แต่ละอย่างสวยละลานตาไปหมด เราพยายามเดินหาของที่ระลึกจากเมืองไทย เดินไปจนขาจะขวิด ในที่สุดก็เจอจนได้เป็นตุ๊กตาไทย ที่อดีตนายกเราเคยมอบให้ท่านมหาเธร์เช่นกัน เดากันได้ไหม ว่าเป็นใคร
.
.
.
.
เฉลย ดีกว่า อดีตนายก ชวน หลีกภัยนั่นเอง

เวลาช่างผ่านไปรวดเร็วมาก กะจะแวะหาตลาด Duty fee ที่เมือง Kuah ซะหน่อย แต่หากันไม่เจอ ก็เลยต้องรีบขับรถมาคืนรถที่ท่าเรือ คืนตอน 16.29 แบบเส้นยาแดงผ่าแปดไปเลย แบบว่าถ้าเลยเวลาที่เค้ากำหนด ก็จะโดน charge fee อีก 1 วันเลยหละ โชคดีที่ไม่ได้แวะ Duty fee เถลไถลนะเนี่ย แต่ก็ไม่ได้ของฝากจากลังกาวีเลย สรุปแล้ว ก็ได้แวะที่ท่าเรือหาซื้อขนมติดไม้ติดมือไปได้หน่อยนึงหละ จองตั๋วเรือง Ferry รอบรอบ 17.00 มั้ง ถ้าจำไม่ผิด เรือออกก็สลบไสลไปตามๆ กัน เพราะหลังจากข้ามเรือแล้ว พวกพี่เค้าจะไปงานแต่งงานเพื่อนที่ทำงานด้วยกันอีก จัดงานที่เมือง Jitra รัฐ Sedah รัฐเดียวกับเกาะลังกาวีเนี่ยแหละ ขับจากท่าเรือไปอีกประมาณ 2-3 ชั่วโมง ไปถึงเกือบ 2 ทุ่มงานกำลังเลิก ไม่ต้องพูดพร่ามทำเพลง กินอย่างเดียวเลยเรา เพราะข้าวกลางวันไม่ได้ตกถึงท้องเลย

เฮ้อ ผ่านไปอีก 1 วันแล้วเหรอเรา เร็วมากๆ เลยหละ ในที่สุดวันนี้ก็ได้เข้าปีนังแล้วหละ

คำศัพท์ประจำวันนี้
ก็ยังคงเป็น Tandas = ห้องน้ำ เพราะถ้าหาคำนี้ไม่ได้ สงสัยเราต้องเข้าป่า นะ

Create Date : 24 พฤศจิกายน 2548

Last Update : 24 พฤศจิกายน 2548 23:50:59 น.

5 comments

Counter : 490 Pageviews.

น่าสนุกเนอะ ไปลุยกันเอง กางแผนที่ สะพายแบคแพค
แต่ท่าทางอาหารจะไม่น่าอร่อย ข้าวห่อใบตองราดน้ำพริก...... เหอๆๆ กินข้าวเหนียวหน้าหมูห่อใบตองดีกว่า.....อิอิ วิวของเกาะดูสวยดีเนอะ อยากไปเที่ยวติดเกาะมั่งจัง.........

แล้วมาเล่าอีกนะ หนุกดี

ขอบคุงค๊าบบ