Bloggang.com : หลังจอ : Penang-Langawi # Day 1

Penang-Langawi # Day 1

( 19 / 11 / 2005)

เป็น trip ที่วางแผนมานานแล้ว เพราะมีสัญญาใจกับพี่ที่ทำงานที่ปีนังว่าจะไปเยี่ยมเยียนกัน หลังจากทิ้งพี่เค้าไปทำงานคนเดียว ทั้งๆ ที่เราควรจะไปทำงานด้วยกันที่นั่น แต่มีเหตุผลสำคัญบางอย่าง ทำให้เราไปทำงานที่นั่นกับพี่เค้าไม่ได้

ว่าแล้วก็ถึงเวลาเหมาะเจาะ เราสามารถหาตั๋วเครื่องบินถูกๆ ไปได้ เพราะสมัยก่อนจะมีแต่ TG เท่านั้น แถมค่าเครื่องบินก็เหยียบหมื่น คราวนี้เราได้ตั๋วของ Air Asia ไป-กลับไม่ถึง 5 พันบาท ก็โอเคสำหรับคนเงินน้อยอย่างเรา เครื่องออกวันเสาร์ 7.25 น. ก็ลุ้นๆ อยู่ว่าจะเครื่องจะเลทไหม เพราะเราไม่เคยนั่ง Air Asia เลย แถมมีข่าวมาว่าสายการบินนี้เครื่องชอบเลท ทำไปทำมาก็ไม่สายเท่าไร ออกประมาณ 7.35 น. ก็ถือว่าโอเคสำหรับเรานะ ถึงปีนังประมาณ 10.15 ตามเวลาท้องถิ่น เพราะเวลาที่นั่นจะเร็วกว่าเรา 1 ชั่วโมง พี่เค้าขับรถมารับเราที่สนามบิน มาพร้อมกับเพื่อนร่วมงาน สาวจีน-มาเลย์ที่พูดไทยได้ชัดแจ๋ว ที่ปีนังมีวัฒนธรรมหลากหลาย ใครพูดได้น้อยกว่า 2 ภาษาเนี่ย เชยไปเลย เพราะเพื่อนเราที่พูดไทยได้คนนี้พูดได้ 5 ภาษาแนะ เหอๆ มีทั้งภาษามาเลย์, ไทย ,ไทยแหลงใต้ , จีนกลางมั้ง จำไม่ได้ว่ามีจีนฮกเกี้ยนไหม แล้วก็ภาษาอังกฤษนิดหน่อย จำไม่ได้แล้วหละว่ามีภาษาอะไรบ้าง ส่วนเราภาษาไทยอย่างเดียวก็เฮแล้วหละ

ตั้งใจมาเที่ยวปีนัง แต่จริงๆ วันแรกของเราอยู่ปีนังไม่เท่าไร เพราะพี่เค้าวางแผนว่าจะไปลังกาวันกันพวกเรา 3 สาวก็ตระลอนขับรถไปเที่ยวเกาะลังกาวีกัน โดยที่ยังไม่เคยมีใครเคยไปที่นี่กันเลย โดยมีพี่ใหญ่ของเราขับรถไป เพื่อนสาวมาเลย์คอยดูทาง ส่วนเราเมาท์ไปหลับไป เริ่มต้นที่เราผ่านที่แรกก็คือสะพานปีนังที่ข้ามไปฝั่งผืนแผ่นดินใหญ่ของมาเลเซีย สะพานยาวมาก น่าจะหลายกิโลอยู่ ขับบนสะพานมีรถตู้ทะเบียนสงขลาขับตามมา พอเค้าผ่านรถเราไป จ้องพวกเราเหมือนพวกเราเป็นสัตว์ในสวนสัตว์ยังไงก็ไม่รู้ สาเหตุนะเหรอ ก็เพราะทะเบียนรถพี่ของเราเป็นทะเบียน กรุงเทพมหานครนะสิ เพราะพี่เราเอารถมาจากฝั่งไทย ทำเรื่องให้สามารถขับรถได้ในปีนัง 6 เดือนไปต่อทะเบียนที กลายเป็นของแปลกในปีนังไปเลย

ขับรถไปตามเส้น Highway แวะพักจุดแรกที่ Gurun ไปทานข้าวกลางวันกัน อาหารที่นี่เป็นแนวอาหารอินเดีย อาหารเลี่ยนๆ มันๆ ไม่มีผักเลย มีแต่เนื้อสัตว์ กินไปแล้วอืดๆ ยังไงก็ไม่รู้ เหมือนอาหารไม่ค่อยถูกปากเท่าไร หลังจากนั้นก็ขับรถไปตามทางเพื่อจะไปขึ้นเรือเฟอร์รี่กัน เราเลือกที่จะไปขึ้นกันที่ K.Perlis ซึ่งอยู่ในรัฐ Kedah รวมทั้งเกาะลังกาวีก็อยู่ในรัฐนี้เช่นกัน จุดขึ้นเรือที่เราเลือกนี้เป็นจุดที่ใกล้ที่สุดของทุกๆ จุดที่จะข้ามไปลังกาวีกัน

หลังจากหาที่จอดรถได้ โดยเสียค่าจอดรถต่อวัน รวม 2 วัน เป็นเงิน 16 RM หรือประมาณ 160 กว่าบาท เราก็ไปซื้อตั๋วเรือกัน พวกเราดูจากในโบรชัวร์กันคนละ 12 RM แต่พอไปถึงจริงๆ มีการขึ้นค่าเรือแล้วเป็นคนละ 15 RM แล้ว รอเรือกันแปบนึง ก็ได้ขึ้นเรือ มีการระบุเลขที่นั่งด้วย เป็นเรือติดแอร์หละ เหอๆ เรือแล่นเร็วพอสมควร ระยะทางจากชายฝั่งไปเกาะประมาณ 30 กม.ใช้เวลาประมาณ1 ชั่วโมงก็ถึงเกาะ เห็นสัญลักษณ์ของเกาะด้วย เป็นรูปนกอินทรีตัวใหญ่ๆ

หลังจากขึ้นเกาะกัน เราก็ไปหารถเช่าจอง 1 วัน เป็นเงิน 50RM ราคาก็ไม่แพงเท่าไร แต่ตอนเค้าให้รถเรามาสิ น้ำมันขอดจริงๆ จะหมดแหล่ไม่หมดแหล่แล้ว ต้องรีบบึ่งไปหาปั๊มน้ำมันกันใหญ่ๆ ที่นี่ self service เติมน้ำมันต้องทำกันเอง หลังจากน้ำมันเต็มเราก็กางแผนที่กัน มีกี่แผนที่กางกันเต็มรถ จุดแรกที่แวะกันก็คือ บ้านของพระนางมะสุหรีที่เป็นตำนานของเมืองลังกาวีเลย ที่โดนกลั่นแกล้งให้รับโทษตาย โดยที่ตัวเองไม่ได้ทำผิด ก่อนตายก็เลยสาปแช่งไม่ให้เกาะลังกาวีเจริญรุ่งเรืองไป 7 ชั่วคน จริงๆ ก็ไม่มีอะไรมาก แต่คนที่นั่งข้างๆ บนเรือเค้าบอกว่า ถ้ามาลังกาวีแล้วไม่มาเยี่ยมบ้านของนางมะสุหรีก็เหมือนไม่ได้มาลังกาวี เราก็ต้องมากันหน่อย ค่าเข้าชมที่นี่คนละ 3 RM ภายในก็มีการเล่าประวัติของนางมะสุหรี มีการฉายบรรยายเล่าเรื่องประวัติของมะสุหรีเป็นภาษามาเลย์ เราแปลไม่ออกหรอก เดาจากภาพเอา 5 5 5 5 หลังจากนั้นก็ต้องขับรถไปหาที่พักกัน แต่เจอจุดแวะอีกที่เค้าบอกในแผนที่ว่าเป็นจุดน่าสนใจ พวกเราก็เลยลงไปเที่ยวเยี่ยมเยียน เป็น Beras Terbakar : Field of Burnt rice เป็นจุดที่สมัยก่อนกลังจากเกาะโดนคำสาปของพระนางมะสุหรี ก็มีแต่สงครามเข้ามาที่เกาะ ครั้งหนึ่งไทยก็เข้ามารุกราน เจ้าเกาะสมัยก่อนเลยเผายุ้งข้าว เพื่อไม่ให้ข้าศึกได้เปรียบเมื่อยึดยุ้งข้าวได้ จุดนี้เค้าก็เลยจัดให้เป็นจุดท่องเที่ยวไป

เราเลือกที่พักที่หาด Pentai Cenang กัน ที่พักต่อคืน 50RM / 3 คน / คืน มีห้องแอร์ ห้องน้ำในตัว ไม่มีคนพักเลย เหมือนพวกเราเป็นเจ้าของรีสอร์ทกันเองเลย จากนั้นก็ไปหาอาหารเย็นกัน เลือกอาหารอินเดียตามเคย กินข้าวราดแกงไก่ (ไม่มีผักอีกแล้ว) หลังจากกินอิ่ม สายตาเหลือบไปเห็นโรตี ก็เลยสั่งกันอีก โรตีที่เค้าเอาแป้งไปตีข้างโอ่งร้อนๆ แล้วก็ใส่เนยเยอะมาก โห กินร้อนๆ อร่อยดี แต่ก็เลี่ยนพอตัว เดินตัวกลมชมวิว ชมหาดมืดๆ ชมร้านริมหาด แวะร้านต่างๆ ชอบมากกับประโยคที่ติดในร้าน
Nice To see ,
Nice To Hold,
Once Broken,
Considered Sold
แปลตรงตัวเลย “ดูก็ดี จับก็ดี แตกเมื่อไร จ่ายเมื่อนั้น” เหอๆ หลังจากนั้นกลับที่พัก นอนตัวกลมต่อไป

คำศัพท์ประจำวันนี้
Tandas = ห้องน้ำ
Pulau = เกาะ
Talan = ถนน
Cukai = Duty

Create Date : 23 พฤศจิกายน 2548

Last Update : 23 พฤศจิกายน 2548 22:58:31 น.

7 comments

Counter : 648 Pageviews.

อยากไปเที่ยวแบบนี้มั่งจัง แต่ถ้าคนที่นั้น ไม่พูดภาษาอังกฤษ คงสื่อสารกันลำบากเหมือนกัน

โดย: Christian Chang

วันที่: 23 พฤศจิกายน 2548 เวลา:23:05:39 น.

zai

โดย: 24 พฤศจิกายน 2548 IP: วันที่: 13:59:48 เวลา:202.183.197.15 น.

อยากไป บ้างจังเลย เมือง ลังกาวี เพราะได้ยินประวัติ นางมะสุหรี หรือ พระนางเลือดขาว มานานแล้ว ถ้ามีโอกาสจะไปบ้าง ส่วนปีนังไปมาแล้วกินอาหารที่นั่นแล้วคิดถึงอาหารไทยจัง

โดย: vic_zai IP: 202.183.197.15 วันที่: 24 พฤศจิกายน 2548 เวลา:14:04:48 น.

ม่ะรู้จะ comment ไรดี

เพราะยังไม่เคยไป ถ้าไปเมื่อไหร่จะมาตอบอีกทีนะ

(จะมีโอกาสได้ไปมั้ยเนี่ย)

ปล.แต่อาหารอินเดียเลี่ยนจริง ๆ นะ กินแล้วรู้สึกอืด ๆ ไงชอบกลไม่รู้

โดย: Nunobi... 8-D IP: 202.183.197.9 วันที่: 24 พฤศจิกายน 2548 เวลา:14:16:39 น.

สนุกจังเลย... เล่าเรื่องได้น่าประทับใจมาก...ทำให้อยากไปเที่ยวที่นี่บ้างจัง...อยากไปอ่ะ :)

โดย: สาวหมวยหลงทาง IP: 202.183.197.9 วันที่: 24 พฤศจิกายน 2548 เวลา:14:17:21 น.

อยากไปบ้างจัง จะมีรอบ 2 มะน้องฉอฉิ่ง อยากไปจิงๆๆ อะ ทำไง ปีหน้ามีโครงการมะ

โดย: P'Maew IP: 210.86.190.116 วันที่: 30 พฤศจิกายน 2548 เวลา:8:02:04 น.

อยากทราบชื่อโดรงแรมที่พักหน่อยค่ะ ว่าชื่ออารัย เห็นถูกดี อิอิอิ เพราะว่าจะไปเที่ยวสิ้นเดือนนี้ค่ะ

โดย: โดราเอม่อน IP: 58.137.22.166 วันที่: 18 มกราคม 2550 เวลา:1:11:13 น.