Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2550
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
13 สิงหาคม 2550
 
All Blogs
 
Malaysia # 2 - Melaka เมืองท่ามะละกา

28 กรกฎาคม 2550

ต้องตื่นนอนกันแต่เช้าอีกแล้ววันนี้ เพราะว่าวันนี้พวกเราต้องไปมะละกากัน วันนี้ได้ทานข้าวเช้าที่โรงแรมด้วย เพราะว่าเราจองห้อง+ Breakfast ไปด้วย กะว่าห้องอาหารเปิดเมื่อไรก็ต้องลุยเลย จะได้ไม่เสียเวลา ห้องอาหารเช้าของโรงแรมนี้เปิด 7 โมง พวกเราก็ยืนหน้าเคาเตอร์ยื่นคูปองให้พนักงานแล้วก็ลุย อาหารเช้าของโรงแรมนี้ก็ธรรมดา มีทั้งแบบอาหารประจำชาติ + อาหารสากลนิดหน่อย พวกนม ขนมปัง แยม ไส้กรอกเ ไข่เจียวแบบ Omelette ป็นต้น จริงๆ เราก็เป็นคนทานอะไรง่ายๆ แต่เจออาหารประจำชาติของที่นี่แล้ว ขอเลือกอาหารสากลแทนดีกว่า แต่ได้ลองถั่วผัดซอสแล้ว ก็อร่อยดีแฮะ

หลังจากอิ่มหมีพีมันแล้ว กองทัพก็เตรียมพร้อม โดยมีจุดหมายอยู่ที่ Pudu Raya Station หรือสถานีขนส่งปูดูรายา นั่นเอง (คล้ายๆ หมอชิตของเรา) ออกมากางแผนที่กัน ดูๆ ไปแล้วไม่น่าไกลจากโรงแรมเท่าไร กะว่าจะเดินกันไป เดินไปถามทางพนักงานโรงแรม เค้าบอกว่า very very far เดินไปไม่ได้หรอก เราก็เออๆ ออๆ เดินไม่ได้ก็เดินไม่ได้ แต่ก็ไม่ยอมแพ้ ไปถามทางข้างหน้ากับหญิงสาวที่เดินผ่านมาอีก คราวนี้ได้เรื่องหน่อย ว่าให้ไปขึ้น Monorail ที่สถานี “Bukit Buntang. แถวๆ โรงแรมเรานี่แหละ แล้วไปลงที่สถานี “Hang Tuah” ที่เป็นจุดเปลี่ยนรถไฟ เพื่อไปรถไฟ KL Rapid ชื่อสถานี “Hang Tuah” เหมือนกัน และจุดหมายของเราก็คือสถานี “Plaza Rakyat” ที่เป็นที่ตั้งของ Pudu Raya Station นั่นเอง

เดินออกมาจากสถานี มองหา Pudu Raya Station กันใหญ่ เราอาศัยตามน้ำเดินไปตามที่มีคนเดินเยอะๆ แล้วก็เจออาคารนึงที่มีคนเดินเข้าไปเยอะมาก เราก็เดินเข้าไป แต่เหมือนเป็นศูนย์อาหารก็เลยเดินออกมา มองๆ ไปไม่เห็นวี่แววของ Pudu Raya Station ก็เลยถามทางคนอีก เค้าก็ชี้ไปที่อาคารที่เราออกมาเมื่อกี้นี้ เราก็งงกันหละสิ เอาใหม่ เดินเข้าไปใหม่ คราวนี้เดินไปไกลหน่อย ในที่สุดก็เจอเคาน์เตอร์ขายตั๋วอยู่เรียงราย ไชโยๆๆ เจอแล้วๆๆ







เพื่อนทรายของเราหาข้อมูลมาเยอะพอสมควร บอกว่าต้องจองตั๋วไม่ของบริษัท Delima ก็ Transnasional เท่านั้น (จากคำแนะนำของผองเพื่อนในห้อง Blueplanet ของ pantip.com) เราก็เลยปล่อยๆ พี่อีก 3 คนนั่งพักไปก่อน ส่วนเรากะทรายวิ่งๆ ตามหาเคาน์เตอร์ที่ว่ากัน ว่าแล้ว แต่นๆ แต้น แตน เราก็เจอเคาน์เตอร์ Transnasional ที่แลดูดีมากๆ ในสายตาเรา (เปรียบเทียบกับเคาน์เตอร์อื่นๆ ที่มีผู้ชายหน้าตาโหดๆ คอยเรียกลูกค้า ) พวกเราก็เลยเดินไปขอซื้อตั๋วที่จะไป Melaka กัน ปรากฏว่ารอบเร็วสุดคือ 11.00 น. เอาไงดี ถ้าได้รอบนี้พวกเราเที่ยวไม่ทันแน่ๆ เพราะแค่ระยะเวลาเดินทางก็ 2 ชั่วโมงแล้ว เลยเดินออกมาหาเคาน์เตอร์ของ Delima ทางเลือกที่สองของเรา ถามหาเคาน์เตอร์กับผู้ชายหน้าโหดๆ ในที่สุดก็เจอเคาน์เตอร์ Delima แอบหลบมุมอยู่เป็นเคาน์เตอร์น้อยๆ ก็เลยถามว่าตั๋วไป Melaka รอบเร็วสุดคือกี่โมง เค้าบอกว่า 9.30 น. พวกเราเลยรีบตกลงเอาเลย เพราะตอนนี้ก็ประมาณเวลา 8.30 น. แล้ว ได้รอบนี้แหละดีสุดๆ แล้ว เราก็เลยถามหาตั๋วขากลับ ของ Delima รอบสุดท้าย 19.00 น. พวกเราว่ามันเร็วไป ก็เลยขอคิดดูก่อน แล้วก็เดินกลับมาที่เคาน์เตอร์ Transnasional กันต่อ รอบสุดท้าย 20.00 น.พวกเราเลยรีบซื้อตั๋วขากลับเลย เย้ๆๆ ได้ตั๋วครบหมดทั้งขาไป และ ขากลับ (ราคาเท่ากันที่ 9.40 RM หรือประมาณ 90 กว่าบาท) ได้เวลาตะลุยมะละกาแล้ว

ได้ขึ้น Platform ที่ 12 รอไปแปบๆ รถออกตอน 9.35 น. ช้าไปแค่ 5 นาทีเอง ถือว่าโอเคสำหรับเราเลย เราได้นั่งที่นั่งท้ายสุดกัน ตัวเราก็ไม่เก่าไม่ใหม่มาก แอร์ก็เย็นๆ ถือว่าโอเคเลยหละ







ระหว่างทางฝนก็ตกตามทางไปเรื่อยๆ ใจคอเราเริ่มไม่คอดีแล้วหละ เพราะไม่อยากให้ฝนตกอ่ะ แต่ฟ้าฝนก็เป็นใจ เพราะตอนไปถึง Melaka ฝนก็หยุดตกแล้ว เย้ๆๆ ถึงสถานีแล้วเราก็ไปหา Bus terminal เพื่อนั่งรถสาย 17 เข้าไปในเมือง Melaka ตรง Christ Church กัน







นั่งไปไม่นานก็ถึง “Christ Church” หรือ “จัตุรัส Dutch Square” แล้ว จุดสังเกตุง่ายๆ ก็คือเป็นอาคารทาสีแดงเหมือนสีปูนที่กินกับหมากเลยหละ พอลงมาปุบก็รีบตั้งท่าถ่ายรูปกันใหญ่ เพราะอาคารสีแดง แลดูขลังและสวยดี แถวๆ นี้มีรถสามล้อที่ประดับประดาด้วยดอกไม้และตกแต่งตามสไตล์จอดเรียงรายเรียกลูกค้ากันใหญ่ พวกเราก็ได้แต่ไปถ่ายรูป ไม่ได้นั่งรถหรอก เพราะลองๆ ถามราคาแล้ว 1 ชม ก็ประมาณ 40 RM หรือประมาณแ 400 บาท พวกเราขอใช้พลังขาแทนดีกว่า







เดินย้อนไปอีกหน่อย เพื่อไปโบสถ์เซ็นฟรังส์อีกที่นึง โบสถ์เป็นสีขาว แถมปิดไม่ให้เราเข้าไปในโบสถ์อีก ก็เลยได้ถ่ายรอบๆ นอกแทน







จากนั้นก็ไปถ่ายรูปกับรูปปั้นของ St. Francis Xavier กับนักบูญชาวญี่ปุ่นที่ชื่อ Yajiro ที่หน้าโบสถ์กัน







แล้วพวกเราก็เดินย้อนกลับมาแถวข้างๆ Christ Church ที่เค้าขายของที่ระลึกกัน มาเจอจักรยานคันนึงจอดอยู่ริมทางขึ้นเนิน ดูแล้วน่ารักดี ได้อารมณ์ประมาณศิลปินปั่นจักรยานมาจอดเลย







แล้วก็ค่อยๆ เดินขึ้นเนินไป “Stadthuys. หรือ “สแตดฮายส์” ที่ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์แฃะชนชาติประจำเมือง แต่เราไม่ได้แวะเข้าไปดูกัน เพราะเวลาน้อย เลยเดินผ่านกันไป







ฝนตกโปรยปรายลงมาแล้ว เลยวิ่งหาที่หลบฝนกัน เผอิญเจอ “Muzium Seni Bina” หรือพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับสถาปัตยกรรมเข้าก็เลยแวะเข้าไปชมแกมหลลฝนกัน โชคดีที่พิพิธภัณฑ์นี้ไม่เสียค่าเข้าชมด้วย เลยเพลินเลยหละ เราดูๆ ไป ไม่ค่อยซึมซับเท่าไร ถ้าพวกสถาปนิกมาได้ดูที่นี่ คงจะได้อะไรๆ ไปเยอะเลยหละ







พอฝนซาก็รีบเดินกันต่อ เราไปเนิน St. Paul กัน ที่อยู่ติดกับพิพิธภัณฑ์นี้เลยหละ เดินๆ ไปก็เหนื่อยเหมือนกัน แต่ก็สู้ๆ ในที่สุดก็ถึงโบสถ์ St. Paul แฮ่กๆ เหนื่อยพอตัวเลยหละ







ตอนนี้ตัวอาคารโบสถ์ St. Paul เหลือแต่ซากปรักหักพัง เป็นสิ่งที่หลงเหลือมาจากการทำสงครามยุคล่าอาณานิคมของ Melaka เค้า น่าเสียดายจัง หน้าโบสถ์มีรูปปั้น St. ฟรานซิส เซเวียร์ ลองสังเกตุกันดีๆ ว่า มือขวาของรูปปั้นหายไป







จากนั้นก็เดินไปตามทางเรื่อยๆ ผ่านอาคารสีแดงหลายๆ อาคาร ไม่ว่าจะเป็น พิพิธภัณฑ์ศาสนาอิสลามแห่งมะละกา , ที่ทำการพรรคอัมโนแห่งรัฐมะละกา หรืออีกหลายๆ อาคาร







เริ่มๆ หิว กันแหละ เพราะตอนนี้ก็ประมาณเกือบๆ บ่ายสองแล้วหละ เลยมองหาแหล่งอาหารกันใหญ่ สายตาก็ไปเจอะกับศูนย์อาหารแห่งหนึ่งเข้า เพราะตัวอาคารเป็นกระจก ทำให้เราเห็นศูนย์อาหารกัน เหอๆ หาของทานยากเหมือนกัน เพราะไม่รู้ว่าจะทานอะไร ศูนย์อาหารของที่นี่ เค้าให้เราซื้ออาหารจากนั้นรับใบเสร็จไปแลกเงินที่เคาน์เตอร์แล้วก็เอาคูปองมาให้ร้านค้าอีกที งงดีแฮะเรา เราสั่ง Laksa มาทาน เพราะติดใจจากที่เคยไปกินที่ปีนัง ปรากฏว่ารสชาติไม่ค่อยประทับใจเท่าไร

อิ่มท้องแล้วก็ลุยต่อ เดินผ่านอาคารทาสีชมพูหวานแหววเลยหละ แต่เป็นที่ตั้งของตึกประกาศเอกราช จากนั้นก็ต่อกันที่ “วังสุลต่านมะละกา” (Melaka Sultanate) ที่เค้าบอกว่าเป็นพระราชวังที่สวยที่สุดในโลก ค่าเข้าชมคนละ 2 RM สำหรับความคิดเรา พระราชวังนี้จัดว่าสวยแบบเรียบๆ ให้บรรยากาศสบายๆ ร่มรื่น ตัวอาคารเป็นไม้ทั้งหมด เป็นเหมือนความเรียบง่ายในความขลัง แต่ถ้าจะบอกว่าเป็นพระราชวังที่สวยที่สุดในโลกหรือเปล่าเราก็ไม่แน่ใจอ่ะ







แล้วก็มาถ่ายรูปกับป้อมประตูซานดิเอโก แต่ไมได้ขึ้นไปบนเนินเขานะ เพราะหมดแรง หมดสภาพกันไปตามๆ กัน ต้องวิ่งๆปุเลงๆ ไป เพราะอยากจะไปพิพิธภัณฑ์การเดินเรือทะเลที่ตัวอาคารเป็นเรือลำนึงเลยหละ แต่พอไปถามทางคน เค้าบอกว่าตอนนี้พิพิธภัณฑ์การเดินเรือทะเลปิดปรับปรุง พวกเราเลยจ๋อยเลย







ไม่เป็นไร ยังมีที่เที่ยวอีกเยอะ ตอนนี้ก็ประมาณ 4 โมงกว่าๆ แล้วหละ เลยกะว่าจะไปเดินแถวๆ Jonker Street ดีกว่า จะไปหาร้านข้าวมันไก่ก้อนกลมๆ มารอรถเมล์แถว Christ Church เหมือนเดิม ปรากฏว่ารอไปรอมาไปถามทางคน เค้าบอกว่า Jonker Street แค่เดินข้ามสะพานข้างหน้าไปก็ถึงแล้ว เหอๆ หลงนั่งรอรถตั้งประมาณ 15 นาที ที่แท้ก็เดินไปนิดเดียวเอง







ว่าแล้วก็เดินเท้าต๊อกๆ ต่อไปที่ Jonker Street มองดู ๆ ผ่านแล้วเหมือนเดินแถวๆ ฮอยอันเลยหละ เพราะบรรยากาศมันคล้ายๆ กัน มีร้านค้าขายสองข้างทาง เดินแวะร้านนู้นร้านนี้ไปเรื่อยๆ เจอร้านขายข้าวมันไก่กลมๆ สองสามร้านแต่ไม่ได้แวะเข้าไปทานหรอกนะ เพราะว่ายังอิ่มกันอยู่







พอเหลือบมองเวลาปั๊บก็ประมาณหกโมงแล้วหละ พวกเราต้องเตรียมตัวนั่งรถไปที่ท่ารถแล้วหละ แต่ขอเลือกหาอะไรมารองท้องกันหน่อย เห็นร้านนึงคนเยอะมากก็เลยขอลองนั่งทานบ้าง อาหารมีขายหลายอย่าง แต่พวกเราเลือกกินขนมหวานของมะละกาแทน จริงๆ เราอยากทาน Laksa มากๆ แต่ท้องยังอิ่มอยู่







เราก็เลยเลือกทานขนมหวานแทน (หลังจากเมื่อกี้ที่ศูนย์อาหารมะละกาได้ไปทานมาแล้ว 1 ถ้วย) มีราดน้ำหวานดำๆ เป็นเอกลักษณ์ของขนมหวานที่นี่ แต่เราไม่รู้หรอกว่ามันคืออะไร พี่ที่มาด้วยบอกว่า สงสัย น้ำตาลอ้อย เราก็เออๆ ออๆ ไป รู้แต่ว่าอร่อยๆ ก็พอ







จากนั้นก็เดินหน้าตั้งมาที่ Christ Church กัน ระหว่างทางก็ยังอุตส่าห์แวะไปเรื่อยๆ เพราะร้านค้าสองข้างทางเริ่มพลิกร้านให้เป็นเหมือนถนนคนเดินแล้วหละ คล้ายๆ ถนนคนเดินที่เชียงใหม่เลย ของที่ระลึกต่างๆ ของน่ารักๆ ก็ขายถูกดี







อันนี้ก็น่ารัก








เรามาที่ Christ Church กันเพื่อนั่งรถเมล์สายเดิม หรือสาย 17 กลับเข้าไปที่ Melaka Central หรือสถานีรถทัวร์ของมะละกา …………..ขณะนี้เวลา 19.15 แต่พวกเรายังอยู่กันที่ Christ Church จะไปขึ้นรถรอบ 20.00 กันทันไหมหนอ ไม่รู้ด้วยว่ารถจะวนแบบไหน พอนั่งรถปุ๊บก็ลุ้นปั๊บ บอกกระเป๋าว่าจะไปสถานีขนส่ง ขึ้นรถรอบ 20.00 ทันไหม กระเป๋าก็บอกว่าทัน รถใช้เวลาแค่ 30 นาทีก็ถึงแล้ว ปรากฏว่ารถขับไปเรื่อยๆ เหมือนไม่มีที่สิ้นสุด เราก็ลุ้นกันจนเหนื่อยมากๆ ประมาณ 19.55 มองเห็นหลังคาสถานีรถทัวร์อยู่ลิบๆ อยากจะวิ่งลงไปใจจะขาด รถก็แน่นๆ กระเป๋าก็บอกว่า กี่โมงแล้วหละ ไม่ต้องรีบหรอก เราก็ตะโกนบอกว่า Seven fifty five หรือ 7.55 แบบว่าอยากจะเหาะไปเลยหละ

20.00 เป๊ง รถจอดที่สถานี คราวนี้วิ่งๆ กันหัวบานเลยหละ หา terminal กัน แล้วก็เจอ เย้ๆๆ ทันด้วยเรา ขึ้นมาถึงปุ๊บก็มองหาที่นั่งกันใหญ่ เอๆๆ เราได้ที่นั่งเบอร์ A1 A2 A3…… ทำไมมีผู้ชายและครอบครัวใหญ่ๆ มานั่งแทนที่พวกเราหมดหละ เราขึ้นมาคนแรก ไม่ได้การแหละ เราก็ถามว่าทำไมมานั่งที่นี่ กระทาชายก็ตอบกลับมาประมาณว่า “นั่งตรงไหนก็ได้ไม่เป็นไรหรอก เค้านั่งกันตามสบาย” คิดเหรอว่าเราจะยอม เราก็ตอบกลับไปพร้อมกับสะบัดตั๋วไปว่า “No No ….I reserve it” แถมหน้าเราคงดุมากๆ กระทาชายคนนั้นลุกหายจ๋อยไปเลย ให้รู้ซะบ้าง ว่าใครเป็นใคร (แต่ถ้าเรามาคนเดียว คงไม่กล้านะ 555)

ใช้เวลาสองชั่วโมงเหมือนเดิม หรือประมาณ 4 ทุ่มกว่าๆ รถก็มาถึง Pudu Raya พวกเราก็เดินกันแบบหมดแรงกลับโรงแรมกัน โดยใช้เส้นทางเดิมในการกลับ ถึงแม้ว่าจะเหนื่อยเพียงใด พวกเราก็ยังสามารถแวะแถวๆ โรงแรมกินอาหารมื้อดึกกันอีก มีสั่งไก่สะเต๊ะมา หน้าตาน่าทานไหม (แต่รสชาติไม่ไหวๆๆ เพราะไม่โดนใจเรา)







ส่วนเราก็สั่งเกี๊ยวน้ำทาน กุ้งในเกี๊ยวตัวเบ้อเริ่มเลย กินได้สบายท้อง จากนั้นก็เดินกลับโรงแรมกันด้วยความเหนื่อยแต่ก็สนุกจ้า







พรุ่งนี้ตื่นแต่เช้าอีกแล้ว เพราะต้องไปเอาตั๋วขึ้นปิโตรนาสกันแต่เช้า และก็ต้องตะลุยในตัวเมืองกัวลาลัมเปอร์ต่อ แฮ่กๆ ไม่อยากจะคิดเลยจ้า

สำหรับมะละกา น่าเสียดายเหมือนกันที่ไปแบบเช้าไป เย็นกลับ เลยไม่ค่อยได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศเมืองมะละกามากเท่าไร ถ้าหากว่ามีเวลามากกว่า คงเก็บเกี่ยวความประทับใจของมะละกาได้มากกว่านี้


Create Date : 13 สิงหาคม 2550
Last Update : 15 สิงหาคม 2550 23:06:17 น. 10 comments
Counter : 792 Pageviews.

 
กระทู้ของเพื่อนเราจ้า //www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E5697180/E5697180.html


โดย: หลังจอ วันที่: 13 สิงหาคม 2550 เวลา:16:15:13 น.  

 
บรรยากาศดี บ้านเมืองสวยงามครับ ชอบที่มีรถสามล้อประดับด้วยดอกไม้ ไอเดียดีครับ

ท้ายสุด อาหารที่นั้นคล้ายแถวๆบ้านเรามากเลย โดยเฉพาะเจ้าไก่ย่างหน่ะครับ (ข้าวเหนียวอยู่ไหน????)


โดย: pompier วันที่: 13 สิงหาคม 2550 เวลา:16:44:59 น.  

 
น่าไปเที่ยวมากเลยครับ ผมไปคาเมรอน กัวลา และเก็นติ้ง แล้ว
แต่ที่มะละกา ยังไม่เคยไป เห็นภาพแล้ว คราวหน้าอาจจะต้องไปมั่ง


โดย: พิกกี้เม้าส์ วันที่: 13 สิงหาคม 2550 เวลา:20:03:52 น.  

 
ตามมาเที่ยวด้วยคนจ้า


โดย: maxpal วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:0:49:36 น.  

 
เจ้ดำๆ
หายดำยัง โบ๊ะครีมเยอะๆหน่อยนะ 555


โดย: น้องสาวสุดสวย-อิมมี่ IP: 203.144.157.251 วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:14:58:06 น.  

 
อิจฉาจังเลย อยากไปเที่ยวด้วย


โดย: um IP: 203.148.174.126 วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:15:25:32 น.  

 
สวยดีอ่ะ ออกแนวยุโรปเหมือนกันนิ เห็นแล้วก็อยากไปบ้าง > <

ของที่ระลึกหน้าตาน่ารักมากกกก ว่าแต่ .. ของเราอันไหน ^^"


โดย: Nessa* (ขี้เกียจล็อกอิน) IP: 58.137.15.18 วันที่: 15 สิงหาคม 2550 เวลา:9:36:53 น.  

 
ฮั่นแน่ ปายเที่ยวมาเหรอคะ กรี๊ดดด ตุ๊กตาน่ารักมากเลยค่ะ ชอบ ๆ


โดย: Beee (Beee_bu ) วันที่: 18 สิงหาคม 2550 เวลา:17:58:21 น.  

 
แงงงงงงงงงงงงงงง
เค้าอยากได้ของเล่นกับกินนำแข็งใส


โดย: cherry_Abac IP: 203.151.10.4 วันที่: 20 สิงหาคม 2550 เวลา:13:03:53 น.  

 
ขอบคุณมากมายเลยนะคะสำหรับข้อมูล
ละเอียดและเป็นประโยชน์มากเลยค่ะ
กำลังจะไปเที่ยวมะละกา
ออกจากแถว ๆ Bukit Bintang เหมือนกันเลย
ตอนแรกว่าจะงม ๆ ไปมั่ว ๆ คนเดียว
ได้ข้อมูลมากขนาดนี้ ดีกับตัวเองมากเลยค่ะ
ไม่งั้นต้องแย่แน่ ๆ

ไปมาเป็นยังไงแล้วจะมาบอกนะคะ
ขอบคุณอีกทีค่ะ


โดย: นางสาวดุ่บดั่บ วันที่: 26 พฤษภาคม 2551 เวลา:18:52:44 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

หลังจอ
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ผ่านมาเพื่อผ่านไป โลกยังกว้างทางยังไกล ครั้งหนึ่งใช่ไหมที่เรารู้จักกัน
Friends' blogs
[Add หลังจอ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.