|
|
Adrift & The Pursuit of HappyYness หนัง based on True Story สองแบบที่แตกต่างกัน
Adrift หรือ ชื่อไทยว่า "วิกฤติหนีตาย ลึกเฉียดนรก" หนังฟอร์มเล็กๆ ที่ไม่ค่อยมีคนได้ยินชื่อหนังเรื่องนี้เท่าไร เพราะโดนรัศมีของหนังไทยเรา ตำนานพระนเรศวรมหาราชบดบังไปหมด เหอๆ แต่อ่ะนะ เราก็ไปดูตำนานพระนเรศวรมหาราชมาแล้ว ก็ต้องแอบไปดูหนังเรื่องอื่นบ้างหละนะ มีบัตรฟรีของเครือ SF ก็เลยต้องไปใช้ก่อน เพราะมันจะหมดอายุปลายเดือนนี้แล้ว ดูรอบเย็นๆ แล้ว ไม่มีหนังเรื่องไหนเลยที่เราจะได้ดูได้ นอกจาก Adrift ที่ Central World ก็เลยต้องไปดูนะ แต่ขอบอกก่อนว่าเราไม่มีข้อมูลอะไรของหนังเรื่องนี้เลยหละ
Adrift ก็เป็นเรื่องราวของเพื่อนรักสมัยเรียนกลุ่มหนึ่งทั้งหมดหกคน ที่นัดกันออกไปล่องทะเลบนเรือยอร์ชสุดหรู แต่กลับต้องเผชิญกับเหมือนความฝันร้าย เมื่อทั้งหมดกระโดดลงไปว่ายน้ำในมหาสมุทรโดยลืมหย่อนบันไดสำหรับปีนกลับขึ้นเรือลงไป เรือที่สูงกว่าจะปีนถึง ทำให้ทั้งหมดหกคนอยู่ในสภาพที่คับขัน
Adrift คือสถานการณ์จากเรื่องจริงที่กลุ่มผู้โชคร้ายต้องแข่งขันกับเวลาและความตึงเครียด สำหรับเราถ้าเจอเหตุการณ์แบบนี้ก็เครียดเหมือนกันหละ
หนังก็เดินเรื่องไปเรื่อยๆ ให้พวกเราเดาๆ ไปว่าใครจะรอดไม่รอด แต่ขอบอกว่าหนังเรื่องนี้จบไม่ค่อยสวยเท่าไร ทำให้เราไม่ค่อยประทับใจเท่าไร จัดว่าเป็นหนังฟอร์มเล็กๆ ที่ถ้าไปดูเล่นๆ อาจจะรู้สึกเสียดายเงินนิดๆ แต่โชคดีที่เราตั๋วฟรีนะ ไม่อย่างนั้นน้องที่เราชวนไปดูด้วยกระทืบเราแหงๆ แหะๆ
เรื่องที่สองในรอบสัปดาห์นี้ที่ไปดูกันติดๆ ได้แก่เรื่อง The Persuit of HappYness ที่ชื่อหนังจงใจเขียนคำว่า Happiness ให้เป็น HappYness แทนนะ ชื่อหนังภาษาไทย "ยิ้มไว้ก่อน พ่อสอนไว้" ทำให้เรานึกถึงหนังสือเล่มหนึ่งขึ้นมาเลยหละ น่าจะชื่อเรื่อง "พ่อรวยสอนลูกนะ" ไม่รู้มันจะเกี่ยวกันไหม เหอๆ
เรื่อง The Pursuit of HappyYness ก็เป็นเรื่องจริงที่ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์อีกเรื่องนึง เป็นเรื่องของ คริส การ์ดเนอร์ วีรบุรุษนักขายฝีมือดีที่กลายเป็นตำนานของอเมริกา
กว่าเค้าจะมาเป็นยอดนักขายฝีมือได้ ต้องฝ่าฝันอุปสรรคต่างๆ มากมาย ทั้งลินดา ภรรยาของคริสที่ทิ้งเขา และลูกชายวัย 5 ขวบ คริสโตเฟอร์ให้เผชิญกับความยากจนชนิดที่ไม่มีที่นอนจนต้องไปนอนในห้องน้ำชายเลยทีเดียว และก็เพราะเพราะความใจสู้ ความฉลาด และความรักลูกของเขา ได้ทำให้คริสประสบความสำเร็จได้
หนังเหมือนจะไม่เศร้ามาก แต่ก็มีฉากที่ทำให้เราเกือบจะร้องไห้ได้ เหมือนมีก้อนอะไรมาจุกที่คอเลยหละ ก็ฉากที่บริษัทการเงินยักษ์ใหญ่ตกลงรับคริสเข้าทำงานนะแหละ ฝึกงานหกเดือน และคัดคนจาก 20 คนให้เหลือคนเดียว ฉากตอนที่ผู้จัดการทั้งสามบอกผลเค้า ทำให้เราเกือบจะร้องไปแล้ว เหอๆ
ส่วนฉากที่ขำๆ ก็มีเยอะ เราจำได้ไม่หมดหรอก แต่จำได้ฉากนึงที่ว่า..... ผู้จัดการคนนึงสัมภาษณ์งานคริสและถามคริสที่แต่งตัวมอซอว่า "จะเป็นยังไง ถ้าเขารับคนที่ไม่ใส่เสื้อเข้าทำงาน" คริสก็บอกว่า "แสดงว่าคนๆ นั้นกางเกงต้องจ๊าบมากๆ " ฉากนี้ฮาดีนะ
อาทิตย์นี้เราดูแต่หนังที่สร้างจากเรื่องจริงทั้งสองเรื่องเลยนะ แต่มันคนละแนวกันจริงๆ เรื่องแรก Adrift ก็เป็นการต่อสู้เพื่อให้มีชีวิตรอดจากความตาย เรื่องที่สอง The Pursuit of HappyYness ก็เป็นการต่อสู้เพื่อให้มีชีวิตรอดจากความจน
Credit Picture : //www.pantip.com/cafe/chalermthai/newmovie/pursuitofhappyness/poh.html
| Create Date : 23 กุมภาพันธ์ 2550 |
| Last Update : 23 กุมภาพันธ์ 2550 1:04:16 น. |
|
5 comments
|
| Counter : 720 Pageviews. |
 |
|
|
| โดย: ริเริ่ม IP: 125.25.69.185 วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:1:18:42 น. |
|
|
|
| โดย: Vicky IP: 58.9.83.189 วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:19:46:36 น. |
|
|
|
| โดย: Nunobi... 8-D IP: 202.183.197.9 วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:22:22:30 น. |
|
|
|
| โดย: เ IP: 124.121.71.52 วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:19:23:16 น. |
|
|
|
| โดย: เหมือนจะไม่คิดถึง IP: 124.121.71.52 วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:19:27:58 น. |
|
|
|
|
|
|
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [