นักฝันผู้ชอบเขียนเล่าเรื่อง
Group Blog
 
<<
กันยายน 2559
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
16 กันยายน 2559
 
All Blogs
 
โจทย์ประจำหลักกิโลที่ 163 : บ้านนอก









 โจทย์ตะพาบที่ 163 : บ้านนอก

สิ้นแสงสุรีย์ ตอนที่ 16

เสียงปืนดังสนั่นลั่นทุ่งหญ้าสูงพ้นหัวฉันตาค้างตกตะลึงยืนมือไม้สั่น ใจเต้นแรงถี่รัว หัวสมองหยุดทุกความคิดให้ชะงักงันทิ้งเรื่องที่กำลังทุ่มเถียงเหวี่ยงออกไปให้พ้นทาง

“พะ พี่ พี่มั่น !” ฉันรุดวิ่งตรงไปยังร่างพี่ชายที่นอนล้มลงหมอบหลังเสียงลั่นของปืนเห็นเลือดจากกายเขาหลั่งรดผืนดิน

“ทีแรก กูคิดว่าจะให้เวลามึงมากกว่านี้แต่พอรู้ว่ามึงมีจุดมุ่งหมายอะไร กูก็คงปล่อยมึงไว้ไม่ได้อีก”

เสียงห้าวนั่นทำให้ฉันเหลียวมองร่างของชายผู้หนึ่งปรากฏออกจากการหลบซ่อนและพงหญ้ารอบตัวแหวกออกต่างแหวกพร้อมเพรียงกัน

‘หมอ’

เสียงในหัวรำพึงสรรพนามของผู้ชายใบหน้าขึงขัง แววตาดุดันผิวกายคล้ำแดดกับการแต่งตัวในเครื่องแบบลายพราง องศาแขนยังยึดมั่นในตำเหน่งเดิมหากแต่ปลายทางของกระบอกขัดมันสีดำหาได้ส่องมาทางฉันไม่แต่จุดหมายปลายทางของมันเล็งเป้าไปที่พี่ชายสายโลหิตเดียวกับฉัน

ขาสั่นอย่างไร ใจกลัวแค่ไหนก็ต้องเกร็งกำลังที่มีวิ่งไปกั้นขวาง

“อย่า อย่าทำแบบนี้เลย” ฉันไหว้วอนขอร้อง “หมอ อย่าทำแบบนี้”

แต่มัจจุราชร้ายตนใดที่เข้าสิงสู่ในร่างของชายผู้เหมาะผู้ควรกับมีดผ่าตัดมากกว่าจับอาวุธห้ำหั่นเขายังก้าวเข้ามา เดินอาด ๆเข้ามาเหมือนหุ่นยนต์ไร้ความรู้สึกไม่ต่างกับชายฉกรรจ์ในเครื่องแบบเดียวกันอีกสามสี่คนที่กำลังล้อมกรอบเป็นวงกลม

“หมอ...”พี่ชายเอ่ยเรียกเจ้าของกระสุนที่ฝังในช่องท้องด้วยความรู้สึกไม่ต่างกับฉันเขาขยับตัวนั่ง กระถดถอยหลังออกเท่าที่กำลังของร่างกายยังพอมี

“ไอ้มั่น” เจ้าของเสียงห้าวลึกยังเดินดาหน้าเข้าหา “มึง...บอกกูมา มึงเป็นพวกใคร !”

“แล้วมึงล่ะ หมอ มึงเป็นพวกใคร !” พี่มั่นโต้เสียงแข็งปานกัน

เขาแยกเขี้ยวออกเป็นรอยยิ้มแต่ดวงตาแดงก่ำไม่บอกว่าอยากยิ้มตาม “กูมีนายเดียว หัวใจกูมีแค่นายอัศวินแต่หัวใจมึงล่ะไอ้มั่น มึงขายหัวใจให้ใคร”เสียงเขาหายไปเหมือนกำลังกล้ำกลืนความรู้สึก แต่แล้วก็ระเบิดพรวดออกมาอย่างเก็บไว้ไม่อยู่“มึงมันไอ้ทรพี มึงขี้รดหัวนายทั้งที่นายรักมึงอย่างลูก !”

“หัวใจกู... ก็มีแค่นายเดียว” คนที่ถอยกระถดเบื้องหลังเค้นคำพูด“นายของกูคือนายของมึง นายของกูคือนายของนายพลอัศวิน นายของกูคือประชาราษฎร์”

          “แล้วที่มึงทำ มันทำเพื่อนายของมึงตรงไหน !”

เปรี้ยง !

“พี่มั่น !”

ฉันรีบผินหน้าหันไปมองระยะการเหนี่ยวไกเมื่อกี้ทำให้หัวใจฉันกระเด็นหลุดออกนอกอก ทว่า...เขม่าดำปรากฏบนแผ่นดินห่างจากกล่องดวงใจของพี่ชายไปแบบเส้นยาแดงผ่าแปด

“กูกำลังจะไปหานายอัศวินไปช่วยนายออกจากคุก” พี่ชายฉันพูดด้วยเสียงหอบเหนื่อย

“แล้วทีแรกมึงหักหลังเขาทำไม ไม่ใช่เพราะมึงหรือนายถึงถูกลากหัวเข้าคุกอเวจี !”

“พูดไปมึงก็ไม่เข้าใจหรอกหมอ”

“งั้นมึงก็อย่าพูดอีกเลย”

ฉันทรุดตัวไหว้ขอร้อง “หมอ... อย่าฉันรู้ว่าหมอไม่ได้ต้องการทำแบบนี้”

สายตาคู่นั้นหวั่นวูบ หากเขากำลังผ่าตัดใครจริงดวงตาคู่นั้นแสดงให้เห็นว่า ยังไม่พร้อมกับการกรีดมีดลงบนร่างกายของใคร

ฉึก !!!

ปืนในมือร่วงหล่น เมื่อมีดพกปริศนาฉวัดเฉวียนผ่านอากาศบาดมือเป็นแผลลึกไม่ได้มีแค่เล่มเดียว แต่มีดบินถูกขว้างว่อนไปทั่วลานหญ้าบ้างปักลำตัวของผู้ติดตามหมอ บ้างเฉี่ยวร่างกายเป็นบาดแผล หมอย่อตัวรายกับพื้นสั่งการให้ทุกคนทำตาม

ใจฉันสั่งให้ฉกปืนขึ้นแล้วยกเล็งเป้าไปที่เจ้าของเดิมของมัน ซุนคลานต่ำตามมาขนาบข้างหล่อนช่วยดึงร่างพี่ชายของฉันไว้ให้ออกจากสนามมีดบิน

“ไอ้สันดาน ไอ้หมาลอบกัด !” หมอขบกรามสบถ

“รีบหนีกันตอนนี้เลย” ซุนรีบบอก“พวกเจ้าหนี้เดิมตามมาคิดบัญชีแค้นแล้ว”

ไม่ต้องบอกก็กำลังจะทำ ยังขับขาช้า ๆ ปืนในมือยังไม่ลดองศาแววตาที่มองมาของหมอทำให้ฉันหวาดหวั่น แต่นี่ไม่ใช่เวลาที่ต้องหาคำตอบ

“ไอ้มั่น มึงมันไอ้เนรคุณไอ้เห่ามันโง่ถึงยังหลงเชื่อมึงอยู่” หมอตะโกนท่ามกลางฝูงมืดบิน

“หมอ กูรู้ว่ามึงรักนายอัศวิน กูก็รักนายอัศวินแต่กูไม่อยากให้มีใครตายอีกแล้ว สักวัน.. สักวันมึงจะเข้าใจกู”

พี่ชายฉันพูดอย่างทุลักทุเล เขาคงเสียเลือดไปมากทีเดียวได้แต่หวังว่าเขาจะมีความอดทนพอแต่ฉันจะอดกลั้นความสั่นกลัวยามมือถืออาวุธไว้ได้นานแค่ไหน ฉันเกลียดความรุนแรงชิงชังการเข่นฆ่า ประณามผู้ไร้ความปราณีที่เห็นชีวิตเป็นเพียงใบไม้ใบหญ้า

“หมอ...” ฉันเอ่ยคำ “ฉันเคยเรียนว่าคนเป็นหมอถ้าจะช่วยคนก็ต้องช่วยใหสุด ฉันไม่รู้ว่าหมอทำอะไรอยู่แต่หากสิ่งที่หมอทำมันเห็นควรแล้ว ฉัน...”

ประกายวูบปรากฏในแววตาของคนที่มีสรรพนามนำหน้ามากกว่าแค่คำว่านายมีหรือนางมาสรรพนามที่เรียกได้ว่าเป็นตัวแทนเทพ ไม่ใช่เจ้าฟ้า ไม่ใช่เจ้าสวรรค์แต่เป็นคำแสนธรรมดาว่า... ‘หมอ’   

‘เราไม่อาจเชื่อทุกสิ่งได้แค่หูฟัง’

คำที่เคยบอกนั้นแสนเบาเจือจาง ปลายปืนยังถูกยกสูงฉันก้าวถอยหลังเดิน สายตามองผู้ติดตามของอีกฝ่าย ระแวดระวังอันตรายที่อาจเกิดได้รอบตัวเราเพิ่งหนีศัตรูกลุ่มหนึ่งมาเพื่อที่จะพบกับอีกกลุ่มและทั้งสองกลุ่มมีเป้าหมายที่พี่มั่น พี่ชายนายทหารพลเรือนปลายแถว

“ไอ้มั่น !” หมอเอ่ยเสียงออกมาจุดหมายสายตาอยู่ที่คนด้านหลัง “มึงหนีกูไม่พ้นหรอก กูจะตามไปชำระคดีกับมึง ฉะนั้นมึงห้ามตายก่อนกู”

ไม่ต้องฝากฝังคำพูดขนาดนั้นฉันก็รู้ว่าพี่มั่นไม่มีทางยอมตายง่ายๆ แต่ฉันไม่รู้ว่าเขาเอาตัวไปเสี่ยงกับอะไรถึงได้มีศัตรูหมายปองต้องการตัวขนาดนั้น และจุดแสงสีแดงที่ปรากฏบนศีรษะของหมอของฉัน และของคนอื่นคือการมาเยือนของศัตรูอีกกลุ่มที่ถูกลืมไปชั่วขณะ

“พวกมึง วางอาวุธลงเดี๋ยวนี้ !”

ในที่สุดมือขว้างมีดก็ปรากฏตัวและเมื่อไร้อาวุธหมอจึงกลายเป็นคนไร้ทางสู้ เขายืนยกมือสองข้างเหนือหัวเลือดจากบาดแผลนั้นรินหลั่งลงหลังมือลงสู่ข้อแขน

ความวัวยังไม่หายดี ความควายก็เข้ามาโถมทับใครหนอช่างคิดคำเปรียบเปรยได้ถึงใจภาษาบุร่ำบุราณที่เรียนไว้ไม่เคยเข้าใจความหมายก็วันนี้พวกต้นน้ำตามทันร่วมงานสังสรรค์ที่ฉันอยากให้มันเลิกราแต่แขกที่เพิ่งมาใหม่ยังไม่อยากให้งานนี้จบลงไปง่าย ๆ ทั้งพวกฉันและพวกของหมอจึงถูกล้อมกรอบด้วยชายฉกรรจ์ร่างสูงใหญ่ผู้มีอาวุธครบมือหลายคน

“ไง... แม่หนู” หัวหน้าชุมชนต้นน้ำก้าวย่างเอื่อยเข้ามาทักทาย ใบหน้าแช่มชื่นอย่างผู้ชัย “ถือปืนผ่าหน้าไม่แบบนี้ดูขัด ๆไม่เหมาะเอาซะเลย เสียใจที่ฉันยอมพูดต่อรองดี ๆ ตามที่เราตกลง แต่เธอก็เห็นใช่ไหมว่าพี่ชายของเธอมันปิดบังความลับอะไรไว้”

“แล้วความลับนั่นมันสำคัญขนาดต้องตามล่าพวกเราเลยหรือ”

“ปล่อยพวกเราไปเถอะพ่อ” ซุนพูดร้องขอจากด้านหลัง

“คงไม่ได้ ถ้าข้ายังไม่ได้ของจากไอ้แห้งนั่น”ดวงตามากหมายไปที่กระเป๋าเป้เปื้อนเขรอะ แล้วหันไปทางหมอหนุ่มที่ยังยกมือค้างไว้เดินตรงเข้าไปหาใช้ปลายนิ้วอูมเขี่ยเล่นที่ปลายคางเพ่งพินิจสลับไปมาระหว่างพวกฉันและหมอ

“ยิงปืนนัดเดียว ได้นกสองตัวเดาว่าพวกเอ็งคงจะแตกคอกันเองจนเป็นเหตุให้เผลอลืมไปว่าทุ่งหญ้าพันไมล์ยังเป็นพื้นที่ของชุมชนต้นน้ำ” แล้วก็หัวเราะครึกครื้น“พวกเอ็งไม่ได้เรียนรู้จากบรรพบุรุษในศตวรรษที่ผ่านมาหรือเขาเขียนนิทานเรื่องใหม่ให้พวกเอ็งอ่านทับนิทานเก่าปรำปราที่เล่าขานกันว่าโคตรเหง้าของพวกเอ็งแตกสลายไปเพราะการแตกหักขาดความสามัคคี”

“แล้วพวกรามัญมีนิทานอะไรดีถึงได้เย่อยิ่งถึงอยากอวดผีบรรพบุรุษของตนข่มของคนอื่นกูเห็นชาวรามัญก็ยังเป็นแค่ชนกลุ่มน้อย ไร้บ้าน ไร้เมืองที่ระหกระเหินมาพึ่งใบบุญพระแม่ธรณีแห่งไทยะบุรีจนบัดนี้เชื้อไขที่นายเพ็งถ่ายทอดผ่านสายโลหิตให้ยังไร้แผ่นดินนอน”

นอกจากหมอจะใช้มีดผ่าตัดชำนาญแล้วฝีปากกล้าของเขาก็คมกริบผ่าลึกไปถึงหัวใจ

พลั่ก !!!

หมัดลุ่น ๆ ถูกเสยเข้าที่หน้า ริมฝีปากของคนสัญชาติไทยะเลือดไหลซึมตามรอยแตกของริมฝีปากที่กำลังแยกยิ้ม แล้วส่งเสียงหัวเราะดังลั่นไม่เกรงกลัวกองกำลังของอีกฝ่ายที่อาจฮึกเหิมเมื่อจุดศูนย์กลางของอาวุธมุ่งเป้าไปที่เขาเพียงผู้เดียวซ้ำยังเอ่ยวาจาคมกรีดลึกลงไปถึงก้นบึงหัวใจคนฟัง

“ไอ้เดโชมันยื่นใบครอบครองแผ่นดินให้พวกมึงหรือไรถึงได้ยอมเก็บความชังเข้าหีบฝังดินแล้วให้มันใส่ปลอกคอ”

“ส่วนมึงมันก็หน้ามืดตามัวหลงใหลในความเพ้อฝันไอ้อัศวินของมึงน่ะหรือจะปลดปล่อยอิสรภาพที่แท้จริงได้ขนาดตัวมันเองยังถูกฝังจมในคุกนรกขุมสุดท้ายมึงก็ต้องตามไปอยู่บ้านเดียวกับมันในไม่ช้า“

เมื่อสิ้นคำพูดหัวหน้าชุมชนต้นน้ำก็ต้องถึงกับเดือดดาลเมื่อหมอหนุ่มพ่นน้ำลายใส่หน้าแล้วแสยะยิ้มอย่างสะใจ“นรกขุมอเวจีนั่นก็บ้านเก่ามึงไม่ใช่หรือ”

“งั้นกูขอส่งมึงกลับบ้านก่อน !” ง้างปืนยาวด้วยความไวเล็งล็อคเป้านิ่งไว้

“อย่า !”

เสียงห้ามขอมพี่มั่นลั่น หัวใจฉันหยุดเต้นนิ้วขี้ของหัวหน้าชุมชนต้นน้ำกระดิก หมอปิดเปลือกตาลงรอรับใบสั่งตายจากปลายนิ้วอย่างทระนง

ปี๊น ! ปี๊น ! ปี๊น !

ฉลับพลันนั้นเอง มีเสียงเครื่องยตน์ดังกระหึ่มยอดหญ้าสูงล้มระเนระนาดเปิดทางให้รถกระบะขับเคลื่อนด้วยน้ำมันคันเก่าซอมซ่อก็พุ่งทะยานออกจากกำแพงทุ่งหญ้าบุกเข้าสู่กลางวงชนร่างของเหล่านักรบแห่งชุมชนต้นน้ำกระจัดกระจายคนเป็นหัวหน้าใหญ่กระโดดหลบได้ฉับไว ส่วนหมอม้วนตัวหนีออกห่างจ้องเขม็งไปที่ตำเหน่งสารถีตีนผีที่เข้ามาช่วยชีวิตได้ทันเหตุการณ์

“ไอ้หมอ มึงเป็นหนี้ชีวิตกู !”

เสียงตะโกนแสนกักขฬะนั้นจะเป็นใครอื่นไม่ได้นอกจาก ‘นายเห่าดง’ ฉันรีบลุกขึ้นวิ่งช่วยซุนหิ้วปีกพี่ชายรอจังหวะให้รถที่กำลังวิ่งเป็นวงกลมปัดท้ายมาใกล้และหยุดเบรกในระยะกระชั้นชิดแทบเหยียบปลายเล็บเท้า

ประตูรถสับปะรังเคเปิดอ้าห้อยร่องแร่งฉันกับซุนรีบดันร่างของผู้บาดเจ็บเข้าไป แล้วเอื้อมมือจะปิดประตูแต่นายเห่าดงเหยียบคันเร่งออกรถกระชากแรงจนประตูที่ฉันหวังใช้มันเป็นบังเกอร์กันกระสุนหลุดกระเด็นจากไป

“ก้มหัว !”

เห่าดงตะโกนลั่นแล้วหมุนพวงมาลัยเหวี่ยงรถเป็นวงกลมอีกครั้งให้ฝุ่นดินฟุ้งตลบมองไม่เห็นทางกวาดกระแทกเอาพวกมือปืนที่กำลังกราดห่ากระสุนใส่ไม่หยุดให้ลอยกระเด็นส่วนไอ้ที่นอนแอ้งแม้งเลือดสาดที่หน้ากระจกรถนายเห่าดงก็สะบัดตัวรถให้เหวี่ยงร่างไร้วิญญาณปลิวออกไป

“ไอ้เวรตะไล !”

เสียงด่ากราดเป็นภาษาโบราณของหัวหน้าชุมชนแว่วดังท่ามกลางเสียงร้องโอดครวญของนักรบแห่งต้นน้ำเสียงที่ตามมาคือเสียงโหวกเหวกตะโกนเมื่อนายเห่าดงโยนวัตถุทรงกลมออกนอกหน้าต่างทิ้งไว้เป็นของฝากดูต่างหน้า

ตู้ม !!!

“ฮ่า ๆ ๆ ๆ ฮิ้ว มันชิบหาย”

เขาหัวเราะบอกอย่างสะใจก่อนพารถทั้งคันกับพวกเราพุ่งทะยานเข้าป่าดอกอ้อไปทิ้งคำสรรเสริญไว้ที่ด้านหลังมากมาย

“เราจะไปที่นครนครา”

นายเห่าดงพูดกับพวกเราเมื่อออกจากเขตชุมชนต้นน้ำมาทางทิศตะวันออกเฉียงใต้เข้าสู่แนวเขตดินแดนทางชายฝั่งทะเลพื้นที่ ๆ ยังเป็นอิสระจากการครอบครอง

“พี่จะกลับไปที่นั่นทำไม” ซุนถามขึ้นขณะช่วยฉันพันแผลให้พี่ชายด้วยเศษเสื้อที่ฉีกขาด

“ไปตั้งหลัก หาหนทางไปคุกอเวจีตอนนี้มีไอ้พวกที่เข้ากับเดโชดักรอโจมตีเราเต็มไปหมดตอนนี้ข้ารอพวกเอ็งก็โดนซุ่มทำร้ายมาเหมือนกัน” นายเห่าดงเล่าแล้วเอี้ยวใบหน้าทางฉัน “ไอ้หมอมันทำอะไรเธอตอนที่เธอไปเอากระสุนออก”

ฉันจะไปมีสติรับรู้อะไรได้ก็เพราะพอไปถึงก็สลบเหมือดเหมือนตายแล้ว แต่ยังไงก็ต้องตอบไปเป็นพิธีว่า

“ไม่รู้”

ได้ยินเสียงคำรามฮึ่ม แต่เขาไม่ได้ตอบโต้วาจากับฉันหันความสนใจไปที่พี่ชายแทน“ไอ้มั่น พอกูพาพวกเราไปถึงที่นั่นให้มึงเล่าเรื่องตอนที่มึงอยู่ในไทยะบุรีให้กูฟังให้หมด”

“กูจำได้ว่ามึงเคยบอกกูว่ามึงจะไม่กลับไปนครนครา”

นายเห่าดงเงียบไปอึดใจฉันลอบเห็นความกังวลบางอย่างจากใบหน้าที่เห็นเพียงข้างเดียว “กูไม่มีที่ไปนอกจากติดตามนายก็มีแค่นคราที่ยังถือว่าเป็นบ้านของกู”

ไม่รู้ทำไมฉันถึงคิดว่าเข้าใจความรู้สึกของนายเห่าดงตอนนี้แม้เขาจะดูห่ามโหดแต่ก็ยังมีความเป็นผู้เป็นคนกับเขาบ้าง “ฉันยังไม่เคยไปนครนครา”ที่พูดน่ะไม่ได้อยากไปหรอกนะ แก็แค่อยากเพิ่มเสียงให้คนคิดถึงบ้านเท่านั้น“พี่มั่น ถ้าเรากลับภูผายาไม่ได้ แต่หาที่หลบอันตรายสักพักก็ดี”

นายเห่าดงเอี้ยวสายตามองฉันแวบหนึ่ง แต่ฉันทำเป็นไม่เห็นหันออกไปมองทุ่งหญ้าปลิวลมนอกหน้าต่าง รู้สึกได้บุญแปลก ๆ

“นคราเป็นนครที่มีอารยะธรรมไม่ใช่หมู่บ้านหลังเขาเหมือนภูผายา”

แต่เสียงคนหลังพวงมาลัยทำให้ฉันอยากทำบาปขึ้นมาทันที“อารยะธรรมแบบที่นายเป็นน่ะหรือ” สุดฉุนที่ในคำพูดดูถูกถิ่นฐานบ้านเกิด“ที่ฉันเรียนมา นคราก็เป็นแค่เกาะเล็ก ๆ กลางทะเลเป็นหมู่บ้านชาวเลหากินกับการจับปลา ก็ไม่ได้ต่างกับภูผายาบ้านนอกคอกดินเหมือนกัน”

นายเห่าดงหัวเราะในลำคอแต่ไม่มีวาจาโต้แย้งเมื่อไม่มีการทุ่มเถียง ความเงียบก็ครอบครองยานพาหนะโดยสารซุนผล็อยหลับอีกฝั่งของพี่มั่นหัวโงนเงนไปตามแรงเหวี่ยงของรถที่วิ่งไปตามถนนขรุขระซุนจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตามทีว่าพี่ชายของฉันต้องอุทิศบ่าตัวเองให้หญิงสาวชาวรามัญเป็นครั้งเป็นคราวส่วนพี่มั่นก็กำลังขบคิดหรือตกอยู่ในห้วงภวังค์อะไรสักอย่าง เพราะปากที่ขยับเบา ๆคล้ายกับกำลังพูดสนทนากับใคร

พี่ชายของฉันมีอาการแบบนี้ตั้งแต่เหตุจลาจลที่จัตุรัสเสรีชัยหากมองจากแพทย์ฝึกหัด ฉันเรียกอาการนี้ว่าจิตเภททางบวก มองโลกผิดแผกจากคนทั่วไปฉันไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นในตึกว่าการรัฐไทยะบุรีบ้างรู้แต่ว่าฉันสูญเสียคนสำคัญคนหนึ่งในชีวิตไปอย่างไม่มีวันกลับ

“เธอเสียใจเรื่องอะไร”

ฉันเผลอทำตัวอ่อนแอได้ยังไงกัน ยกมือเช็ดน้ำตาปรับเสียงพูด“เปล่า”

“แล้วไอ้ที่ออกจากตานั่นเรียกว่าน้ำอะไร”

“น้ำตา มันเรียกว่าน้ำตา”ปากตอบแต่สายตายังมองทิวหญ้ากว้างขนานกับเส้นขอบฟ้าสีครามเข้มเจือแสงสีส้มทองของแสงสายันต์“น้ำตาไหลไม่ได้มาจากความเสียใจอย่างเดียว ดีใจก็ร้อง เจ็บก็ร้อง ผงเข้าตาก็ร้อง”

“แล้วความโกรธล่ะ ทำให้เราร้องไห้ได้หรือเปล่า”

ฉันพ่นลมหายใจ นี่เขานึกสนใจเรื่องละเมียดละไมนี้ด้วยหรือ“โกรธก็ทำให้เราร้องไห้ได้ไม่ว่าอะไรที่ทำมันกระทบกระเทือนทั้งภายนอกและภายในที่ไม่อาจต้านทานสมองจะสั่งให้น้ำตาไหลเพื่อเป็นการบรรเทาอาการเหล่านั้น”

“เธอเป็นหมอ?”

“ยังเป็นหมอฝึกหัด”

“ฉันเกลียดหมอ”

“มีแต่คนบ้าเท่านั้นที่เกลียดหมอ”

“ฉันเป็นคนบ้า”

ฉันพ่นลมหายใจแรงถอดเสื้อเชิ้ตแขนยาวตัวนอกออกคลุมหน้าทำทีอยากหลับมากกว่าอยากเสวนากับคนบ้าเสียงหัวเราะเบา ๆ ลอยมา รถยนต์เก่าคลาคล่ำยังแล่นต่อไปทุ่งหญ้ากว้างสีทองถูกฉาบทับด้วยม่านสีดำของรัติกาล ดาวประกายพฤกษ์สุกสว่างรายล้อมด้วยหมู่ดาวเคราะห์ระยิบระยับที่อาจส่องแสงได้ด้วยตัวเอง

คิดถึงท้องฟ้าที่ภูผายา

คิดถึงบ้านนอกคอกนาของฉัน

คิดถึงตักอุ่นของแม่

คิดถึงกลิ่นดินควันถ่านกลิ่นฟาง

คิดถึงป่าขุนเขาและสายน้ำ

ฉันถามตัวเองอีกครั้งว่าฉันเข้าเมืองใหญ่เพื่ออะไรไปศึกษาหาความรู้ประดับปัญญาให้เลอเลิศกว่าใคร ๆ ใช่ไหมวิชาชีพที่ได้มาจากการขยันหมั่นเพียรมันมีคุณค่ามากเท่าไหร่

จะมีผู้ทรงคุณวุฒิในไทยะบุรีที่กำลังแก่งแย่งชิงอำนาจคนไหนบอกเด็กจากบ้านนอกคนนี้ได้บ้างว่า...เขาเอาอารยะธรรมของผู้เจริญแล้วไปซ่อนไว้ที่ไหนในก้นบึ้งหัวใจ

น้ำตาฉันไหลอีกครั้ง ภายใต้เสื้อเชิ้ตผืนบางน้ำตาครั้งนี้มันไหลออกมาเพราะความกลัว อีกเหตุผลหนึ่งของน้ำตาที่ฉันไม่ได้บอกเห่าดง



---------------------------

ตรงโจทย์เอาตอนท้ายนี่แหละ แหมกว่าจะปูมาได้นะ

ปลายเรื่องจะไปยังไงต่อล่ะ

จขบ เด็กเกิดในมหานครนะ แต่ระหกระเหินไปเติบโตที่ศรีมาหโพธิ์ ปราจีน แล้วกลับมาเข้ากรุงต่อในวัย อนุบาล จากนั้นก็ย้ายบ้านไปนนทบุรี แต่เรียนจน ป ตรี ที่นครปฐม

ชีวิตปัจจุบันมาจมอยู่ที่ชลบุรี


ว้ย ๆ เป็นคนหลายแผ่นดิน




Create Date : 16 กันยายน 2559
Last Update : 19 กันยายน 2559 11:35:45 น. 28 comments
Counter : 630 Pageviews.

 
น้ำตานี่ไหลได้ทุกสถานการณ์จริงๆ นะ ไม่ว่าจะดีใจ เสียใจ โกรธ หรือหัวเราะ

แวะมาชื่นชมในสำนวนการเขียน เนื้อเรื่องชวนติดตาม

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ชลบุรีมามี่คลับ Literature Blog


โดย: comicclubs วันที่: 16 กันยายน 2559 เวลา:12:57:21 น.  

 
ความทุกข์ กลัวรอยยิ้ม ที่คุณพิมพ์ ทิ่มทางใน
สายตา ภาษาใบ้ ใบหน้าใส ให้ไต่ถาม
ความทุกข์ กลัวรอยยิ้ม รสร้อยลิ้ม ชิมชวนงาม
บ่งบอก นอกเนื้อนาม แต่งเติมตาม ต้องเตรียมตัว
ต้นกล้า อาราดิน


โดย: ต้นกล้า อาราดิน วันที่: 16 กันยายน 2559 เวลา:14:10:21 น.  

 
อ้าว เด็กบ้านนอกเหมือนกัน คิดว่าเด็กเตป

อะไม่ใช่ซิ เด็กเตป ไปอยู่ ตจว.มา ปูทางมาไกลเลย
นะครับ 555
ชลบุรีมามี่คลับ Literature Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


โดย: ไวน์กับสายน้ำ วันที่: 16 กันยายน 2559 เวลา:14:59:40 น.  

 
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
กาบริเอล Travel Blog ดู Blog
ชลบุรีมามี่คลับ Literature Blog ดู Blog



ฉันเยาว์ ฉันเขลา (จากบ้านนอก)
ฉันจึงมาหาความหมาย..ในเมืองกรุง


โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 16 กันยายน 2559 เวลา:17:05:35 น.  

 
โกรธจนถึงขั้นร้องไห้ได้นี่คือต้องรู้สึกคับแค้นใจมากเลยนะครับ แต่เจอนะคนที่โกรธได้ขนาดนี้

เดินทางไปทั่วเลยนะครับ ไม่แน่อนาคตอาจจะมาอยู่ที่กรุงเทพฯ อีกก็ได้

ชลบุรีมามี่คลับ Literature Blog
+


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 17 กันยายน 2559 เวลา:1:22:02 น.  

 
อ่านสนุกดีค่ะ เขียนเก่งจัง


โดย: ALDI วันที่: 17 กันยายน 2559 เวลา:2:26:26 น.  

 
ย้ายบ้านหลายครั้งเลยนะครับ
ของผมเองย้าย 3 จังหวัดครับ
กลาง อิสาน เหนือ
ขนาดภาคใต้ครับที่ยังไม่เคยไปอยู่



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 17 กันยายน 2559 เวลา:6:33:08 น.  

 
หมอไม้ได้ต้องการแบบนี้ ตกตรงนี้ไปจึ๋งนึง

สำนวนดีอ่ะ เพลิน


โดย: เป็ดสวรรค์ วันที่: 17 กันยายน 2559 เวลา:16:34:20 น.  

 
ส่งกำลังใจกันก่อนนะคะ อยู่บ้านป่าค่ะ

kae+aoe Parenting Blog ดู Blog
Close To Heaven Travel Blog ดู Blog
ชลบุรีมามี่คลับ Literature Blog ดู Blog


โดย: ภาวิดา (คนบ้านป่า ) วันที่: 17 กันยายน 2559 เวลา:18:56:29 น.  

 
ตามมาอ่านตะพาบค่ะ

เขียนได้สำนวนน่าอ่านน่าติดตามมากค่ะ


โดย: ซองขาวเบอร์ 9 วันที่: 17 กันยายน 2559 เวลา:20:39:31 น.  

 


หนังสือชุดเจ้าอู๊ดสนุกดีครับ
ผมอ่านจบ 6 เล่มเลย


โดย: กะว่าก๋า วันที่: 17 กันยายน 2559 เวลา:23:11:04 น.  

 
ต้องเปิดชัตเตอร์รับแสงนานๆครับ ปกติก็ใช้ฟิลเตอร์ลดแสงหน้ากล้อง ถ้าพระอาทิตย์ตกแล้วก็เปิดได้โดยไม่ต้องใช้ฟิลเตอร์ครับ


โดย: เป็ดสวรรค์ วันที่: 18 กันยายน 2559 เวลา:1:29:21 น.  

 

สวัสดียามเช้าครับคุณบุ๋ม



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 18 กันยายน 2559 เวลา:6:09:37 น.  

 
อ่านแล้วลุ้นตามเลยครับ

ชลบุรีมามี่คลับ Literature Blog ดู Blog


โดย: The Kop Civil วันที่: 18 กันยายน 2559 เวลา:10:25:44 น.  

 
ชลบุรีร้อนจัด
แต่เชียงใหม่ฝนตกทั้งวันเลยครับ
ช่วงเช้านี้ตกแบบไม่ลืมหูลืมตาเลยล่ะครับ



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 18 กันยายน 2559 เวลา:17:48:16 น.  

 

สวัสดียามเช้าครับ



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 19 กันยายน 2559 เวลา:6:25:19 น.  

 
คุณบุ๋มมีความรู้เรื่องภาษาญี่ปุ่นด้วย
ผมอ่านชิตตะกะครั้งแรก
คิดถึงเห็ดชิตาเกะครับ 5555



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 19 กันยายน 2559 เวลา:15:22:59 น.  

 

สวัสดียามเช้าครับคุณบุ๋ม



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 20 กันยายน 2559 เวลา:6:28:07 น.  

 
คนที่โกรธจนร้องไห้นี่น่าจะแบบว่าสุดๆเลยนะคะนั่น

ชลบุรีมามี่คลับ Literture Blog ดู Blog


โดย: zungzaa วันที่: 20 กันยายน 2559 เวลา:8:43:44 น.  

 
ผมชอบเซ็น
เพราะเซ็นสอนว่า
คนเรามีพุทธจิตเหมือนกัน
อยู่ที่ใครจะบรรลุธรรมก่อนกันเท่านั้นเอง

เจ้าอู๊ดชิตตะกะเป็นเซ็นที่น่ารัก สนุก
และแฝงแง่คิดที่ดีเลยล่ะครับ



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 20 กันยายน 2559 เวลา:22:06:00 น.  

 

สวัสดียามเช้าครับคุณบุ๋ม



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 21 กันยายน 2559 เวลา:6:06:07 น.  

 
ขอบคุณนะคะที่แวะไปเยี่ยมค่ะ

เกาะสุกรถือว่าเป็นเกาะที่น่าเที่ยวธรรมชาติยังสด ชาวบ้านน่ารักมากๆเลยล่ะค่ะ


โดย: zungzaa วันที่: 21 กันยายน 2559 เวลา:14:21:36 น.  

 
เล่มนี้พิมพ์ซ้ำหลายรอบมากครับ
มีหลายปกเลยล่ะครับ



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 22 กันยายน 2559 เวลา:20:30:39 น.  

 


สวัสดียามเช้าครับคุณบุ๋ม



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 23 กันยายน 2559 เวลา:6:25:08 น.  

 
การ์ตูนตาหวานผมไม่ได้อ่านเลยครับ
แต่เพื่อนผู้หญิงชอบกันมาก
โดยเฉพาะเรื่องคำสาปฟาโรห์




โดย: กะว่าก๋า วันที่: 24 กันยายน 2559 เวลา:23:11:43 น.  

 
ทักทายตอนดึกค่ะ..
เขียนเก่งจังค่ะ อ่านแล้วลุ้น!!
ขอบคุณที่แวะไปเยี่ยมเยียนชีวิตบ้านนอกค่ะ


โดย: ไม้น้ำ (เจ็บไม่อั้น ) วันที่: 24 กันยายน 2559 เวลา:23:51:20 น.  

 

สวัสดียามเช้าครับคุณบุ๋ม



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 25 กันยายน 2559 เวลา:6:37:02 น.  

 
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ชลบุรีมามี่คลับ Literature Blog ดู Blog


โดย: newyorknurnse IP: 192.99.15.166 วันที่: 26 กันยายน 2559 เวลา:2:59:02 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ชลบุรีมามี่คลับ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 13 คน [?]




เป็นนัก(หัด)เขียนนิยายพาร์ทไทม์ เป็นคุณแม่ทำงานที่ชอบฝันกลางวันแบบฟูลไทม์ด้วย

บล็อกนี้มีเรื่องเล่ามากมาย เข้ามาค้นหาสิ่งที่อยากรู้ได้ตามสบาย


ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมชมนะคะ
สำหรับนักอ่านที่ติดตามนิยายของ จขบ
สามารถอานได้ทั้งทางเวบ

Hongsamut : https://hongsamut.com/writerdetail.php?writerid=3992

และทางเว็บ Dek D ค่ะ
https://my.dek-d.com/redapplels/


เนื้อหา ภาพถ่าย ในบล็อกนี้
ได้รับความคุ้มครอง
ตามกฏหมายพ.ร.บ.
สิขสิทธิ์พ.ศ. 2537 ห้าม
นำไปใช้ คัดลอก ดัดแปลง
แก้ไขส่วนหนึ่งส่วนใดโดย
เด็ดขาดนะจ๊ะ

คนดี...


New Comments
Friends' blogs
[Add ชลบุรีมามี่คลับ's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friends


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.