โจทย์ประจำหลักกิโลที่ 163 : บ้านนอก
โจทย์ตะพาบที่ 163 : บ้านนอก
สิ้นแสงสุรีย์ ตอนที่ 16 เสียงปืนดังสนั่นลั่นทุ่งหญ้าสูงพ้นหัวฉันตาค้างตกตะลึงยืนมือไม้สั่น ใจเต้นแรงถี่รัว หัวสมองหยุดทุกความคิดให้ชะงักงันทิ้งเรื่องที่กำลังทุ่มเถียงเหวี่ยงออกไปให้พ้นทาง พะ พี่ พี่มั่น ! ฉันรุดวิ่งตรงไปยังร่างพี่ชายที่นอนล้มลงหมอบหลังเสียงลั่นของปืนเห็นเลือดจากกายเขาหลั่งรดผืนดิน ทีแรก กูคิดว่าจะให้เวลามึงมากกว่านี้แต่พอรู้ว่ามึงมีจุดมุ่งหมายอะไร กูก็คงปล่อยมึงไว้ไม่ได้อีก เสียงห้าวนั่นทำให้ฉันเหลียวมองร่างของชายผู้หนึ่งปรากฏออกจากการหลบซ่อนและพงหญ้ารอบตัวแหวกออกต่างแหวกพร้อมเพรียงกัน หมอ เสียงในหัวรำพึงสรรพนามของผู้ชายใบหน้าขึงขัง แววตาดุดันผิวกายคล้ำแดดกับการแต่งตัวในเครื่องแบบลายพราง องศาแขนยังยึดมั่นในตำเหน่งเดิมหากแต่ปลายทางของกระบอกขัดมันสีดำหาได้ส่องมาทางฉันไม่แต่จุดหมายปลายทางของมันเล็งเป้าไปที่พี่ชายสายโลหิตเดียวกับฉัน ขาสั่นอย่างไร ใจกลัวแค่ไหนก็ต้องเกร็งกำลังที่มีวิ่งไปกั้นขวาง อย่า อย่าทำแบบนี้เลย ฉันไหว้วอนขอร้อง หมอ อย่าทำแบบนี้ แต่มัจจุราชร้ายตนใดที่เข้าสิงสู่ในร่างของชายผู้เหมาะผู้ควรกับมีดผ่าตัดมากกว่าจับอาวุธห้ำหั่นเขายังก้าวเข้ามา เดินอาด ๆเข้ามาเหมือนหุ่นยนต์ไร้ความรู้สึกไม่ต่างกับชายฉกรรจ์ในเครื่องแบบเดียวกันอีกสามสี่คนที่กำลังล้อมกรอบเป็นวงกลม หมอ...พี่ชายเอ่ยเรียกเจ้าของกระสุนที่ฝังในช่องท้องด้วยความรู้สึกไม่ต่างกับฉันเขาขยับตัวนั่ง กระถดถอยหลังออกเท่าที่กำลังของร่างกายยังพอมี ไอ้มั่น เจ้าของเสียงห้าวลึกยังเดินดาหน้าเข้าหา มึง...บอกกูมา มึงเป็นพวกใคร ! แล้วมึงล่ะ หมอ มึงเป็นพวกใคร ! พี่มั่นโต้เสียงแข็งปานกัน เขาแยกเขี้ยวออกเป็นรอยยิ้มแต่ดวงตาแดงก่ำไม่บอกว่าอยากยิ้มตาม กูมีนายเดียว หัวใจกูมีแค่นายอัศวินแต่หัวใจมึงล่ะไอ้มั่น มึงขายหัวใจให้ใครเสียงเขาหายไปเหมือนกำลังกล้ำกลืนความรู้สึก แต่แล้วก็ระเบิดพรวดออกมาอย่างเก็บไว้ไม่อยู่มึงมันไอ้ทรพี มึงขี้รดหัวนายทั้งที่นายรักมึงอย่างลูก ! หัวใจกู... ก็มีแค่นายเดียว คนที่ถอยกระถดเบื้องหลังเค้นคำพูดนายของกูคือนายของมึง นายของกูคือนายของนายพลอัศวิน นายของกูคือประชาราษฎร์ แล้วที่มึงทำ มันทำเพื่อนายของมึงตรงไหน ! เปรี้ยง ! พี่มั่น ! ฉันรีบผินหน้าหันไปมองระยะการเหนี่ยวไกเมื่อกี้ทำให้หัวใจฉันกระเด็นหลุดออกนอกอก ทว่า...เขม่าดำปรากฏบนแผ่นดินห่างจากกล่องดวงใจของพี่ชายไปแบบเส้นยาแดงผ่าแปด กูกำลังจะไปหานายอัศวินไปช่วยนายออกจากคุก พี่ชายฉันพูดด้วยเสียงหอบเหนื่อย แล้วทีแรกมึงหักหลังเขาทำไม ! ไม่ใช่เพราะมึงหรือนายถึงถูกลากหัวเข้าคุกอเวจี ! พูดไปมึงก็ไม่เข้าใจหรอกหมอ งั้นมึงก็อย่าพูดอีกเลย ฉันทรุดตัวไหว้ขอร้อง หมอ... อย่าฉันรู้ว่าหมอไม่ได้ต้องการทำแบบนี้ สายตาคู่นั้นหวั่นวูบ หากเขากำลังผ่าตัดใครจริงดวงตาคู่นั้นแสดงให้เห็นว่า ยังไม่พร้อมกับการกรีดมีดลงบนร่างกายของใคร ฉึก !!! ปืนในมือร่วงหล่น เมื่อมีดพกปริศนาฉวัดเฉวียนผ่านอากาศบาดมือเป็นแผลลึกไม่ได้มีแค่เล่มเดียว แต่มีดบินถูกขว้างว่อนไปทั่วลานหญ้าบ้างปักลำตัวของผู้ติดตามหมอ บ้างเฉี่ยวร่างกายเป็นบาดแผล หมอย่อตัวรายกับพื้นสั่งการให้ทุกคนทำตาม ใจฉันสั่งให้ฉกปืนขึ้นแล้วยกเล็งเป้าไปที่เจ้าของเดิมของมัน ซุนคลานต่ำตามมาขนาบข้างหล่อนช่วยดึงร่างพี่ชายของฉันไว้ให้ออกจากสนามมีดบิน ไอ้สันดาน ไอ้หมาลอบกัด ! หมอขบกรามสบถ รีบหนีกันตอนนี้เลย ซุนรีบบอกพวกเจ้าหนี้เดิมตามมาคิดบัญชีแค้นแล้ว ไม่ต้องบอกก็กำลังจะทำ ยังขับขาช้า ๆ ปืนในมือยังไม่ลดองศาแววตาที่มองมาของหมอทำให้ฉันหวาดหวั่น แต่นี่ไม่ใช่เวลาที่ต้องหาคำตอบ ไอ้มั่น มึงมันไอ้เนรคุณไอ้เห่ามันโง่ถึงยังหลงเชื่อมึงอยู่ หมอตะโกนท่ามกลางฝูงมืดบิน หมอ กูรู้ว่ามึงรักนายอัศวิน กูก็รักนายอัศวินแต่กูไม่อยากให้มีใครตายอีกแล้ว สักวัน.. สักวันมึงจะเข้าใจกู พี่ชายฉันพูดอย่างทุลักทุเล เขาคงเสียเลือดไปมากทีเดียวได้แต่หวังว่าเขาจะมีความอดทนพอแต่ฉันจะอดกลั้นความสั่นกลัวยามมือถืออาวุธไว้ได้นานแค่ไหน ฉันเกลียดความรุนแรงชิงชังการเข่นฆ่า ประณามผู้ไร้ความปราณีที่เห็นชีวิตเป็นเพียงใบไม้ใบหญ้า หมอ... ฉันเอ่ยคำ ฉันเคยเรียนว่าคนเป็นหมอถ้าจะช่วยคนก็ต้องช่วยใหสุด ฉันไม่รู้ว่าหมอทำอะไรอยู่แต่หากสิ่งที่หมอทำมันเห็นควรแล้ว ฉัน... ประกายวูบปรากฏในแววตาของคนที่มีสรรพนามนำหน้ามากกว่าแค่คำว่านายมีหรือนางมาสรรพนามที่เรียกได้ว่าเป็นตัวแทนเทพ ไม่ใช่เจ้าฟ้า ไม่ใช่เจ้าสวรรค์แต่เป็นคำแสนธรรมดาว่า... หมอ เราไม่อาจเชื่อทุกสิ่งได้แค่หูฟัง คำที่เคยบอกนั้นแสนเบาเจือจาง ปลายปืนยังถูกยกสูงฉันก้าวถอยหลังเดิน สายตามองผู้ติดตามของอีกฝ่าย ระแวดระวังอันตรายที่อาจเกิดได้รอบตัวเราเพิ่งหนีศัตรูกลุ่มหนึ่งมาเพื่อที่จะพบกับอีกกลุ่มและทั้งสองกลุ่มมีเป้าหมายที่พี่มั่น พี่ชายนายทหารพลเรือนปลายแถว ไอ้มั่น ! หมอเอ่ยเสียงออกมาจุดหมายสายตาอยู่ที่คนด้านหลัง มึงหนีกูไม่พ้นหรอก กูจะตามไปชำระคดีกับมึง ฉะนั้นมึงห้ามตายก่อนกู ไม่ต้องฝากฝังคำพูดขนาดนั้นฉันก็รู้ว่าพี่มั่นไม่มีทางยอมตายง่ายๆ แต่ฉันไม่รู้ว่าเขาเอาตัวไปเสี่ยงกับอะไรถึงได้มีศัตรูหมายปองต้องการตัวขนาดนั้น และจุดแสงสีแดงที่ปรากฏบนศีรษะของหมอของฉัน และของคนอื่นคือการมาเยือนของศัตรูอีกกลุ่มที่ถูกลืมไปชั่วขณะ พวกมึง วางอาวุธลงเดี๋ยวนี้ ! ในที่สุดมือขว้างมีดก็ปรากฏตัวและเมื่อไร้อาวุธหมอจึงกลายเป็นคนไร้ทางสู้ เขายืนยกมือสองข้างเหนือหัวเลือดจากบาดแผลนั้นรินหลั่งลงหลังมือลงสู่ข้อแขน ความวัวยังไม่หายดี ความควายก็เข้ามาโถมทับใครหนอช่างคิดคำเปรียบเปรยได้ถึงใจภาษาบุร่ำบุราณที่เรียนไว้ไม่เคยเข้าใจความหมายก็วันนี้พวกต้นน้ำตามทันร่วมงานสังสรรค์ที่ฉันอยากให้มันเลิกราแต่แขกที่เพิ่งมาใหม่ยังไม่อยากให้งานนี้จบลงไปง่าย ๆ ทั้งพวกฉันและพวกของหมอจึงถูกล้อมกรอบด้วยชายฉกรรจ์ร่างสูงใหญ่ผู้มีอาวุธครบมือหลายคน ไง... แม่หนู หัวหน้าชุมชนต้นน้ำก้าวย่างเอื่อยเข้ามาทักทาย ใบหน้าแช่มชื่นอย่างผู้ชัย ถือปืนผ่าหน้าไม่แบบนี้ดูขัด ๆไม่เหมาะเอาซะเลย เสียใจที่ฉันยอมพูดต่อรองดี ๆ ตามที่เราตกลง แต่เธอก็เห็นใช่ไหมว่าพี่ชายของเธอมันปิดบังความลับอะไรไว้ แล้วความลับนั่นมันสำคัญขนาดต้องตามล่าพวกเราเลยหรือ ปล่อยพวกเราไปเถอะพ่อ ซุนพูดร้องขอจากด้านหลัง คงไม่ได้ ถ้าข้ายังไม่ได้ของจากไอ้แห้งนั่นดวงตามากหมายไปที่กระเป๋าเป้เปื้อนเขรอะ แล้วหันไปทางหมอหนุ่มที่ยังยกมือค้างไว้เดินตรงเข้าไปหาใช้ปลายนิ้วอูมเขี่ยเล่นที่ปลายคางเพ่งพินิจสลับไปมาระหว่างพวกฉันและหมอ ยิงปืนนัดเดียว ได้นกสองตัวเดาว่าพวกเอ็งคงจะแตกคอกันเองจนเป็นเหตุให้เผลอลืมไปว่าทุ่งหญ้าพันไมล์ยังเป็นพื้นที่ของชุมชนต้นน้ำ แล้วก็หัวเราะครึกครื้นพวกเอ็งไม่ได้เรียนรู้จากบรรพบุรุษในศตวรรษที่ผ่านมาหรือเขาเขียนนิทานเรื่องใหม่ให้พวกเอ็งอ่านทับนิทานเก่าปรำปราที่เล่าขานกันว่าโคตรเหง้าของพวกเอ็งแตกสลายไปเพราะการแตกหักขาดความสามัคคี แล้วพวกรามัญมีนิทานอะไรดีถึงได้เย่อยิ่งถึงอยากอวดผีบรรพบุรุษของตนข่มของคนอื่นกูเห็นชาวรามัญก็ยังเป็นแค่ชนกลุ่มน้อย ไร้บ้าน ไร้เมืองที่ระหกระเหินมาพึ่งใบบุญพระแม่ธรณีแห่งไทยะบุรีจนบัดนี้เชื้อไขที่นายเพ็งถ่ายทอดผ่านสายโลหิตให้ยังไร้แผ่นดินนอน นอกจากหมอจะใช้มีดผ่าตัดชำนาญแล้วฝีปากกล้าของเขาก็คมกริบผ่าลึกไปถึงหัวใจ พลั่ก !!! หมัดลุ่น ๆ ถูกเสยเข้าที่หน้า ริมฝีปากของคนสัญชาติไทยะเลือดไหลซึมตามรอยแตกของริมฝีปากที่กำลังแยกยิ้ม แล้วส่งเสียงหัวเราะดังลั่นไม่เกรงกลัวกองกำลังของอีกฝ่ายที่อาจฮึกเหิมเมื่อจุดศูนย์กลางของอาวุธมุ่งเป้าไปที่เขาเพียงผู้เดียวซ้ำยังเอ่ยวาจาคมกรีดลึกลงไปถึงก้นบึงหัวใจคนฟัง ไอ้เดโชมันยื่นใบครอบครองแผ่นดินให้พวกมึงหรือไรถึงได้ยอมเก็บความชังเข้าหีบฝังดินแล้วให้มันใส่ปลอกคอ ส่วนมึงมันก็หน้ามืดตามัวหลงใหลในความเพ้อฝันไอ้อัศวินของมึงน่ะหรือจะปลดปล่อยอิสรภาพที่แท้จริงได้ขนาดตัวมันเองยังถูกฝังจมในคุกนรกขุมสุดท้ายมึงก็ต้องตามไปอยู่บ้านเดียวกับมันในไม่ช้า! เมื่อสิ้นคำพูดหัวหน้าชุมชนต้นน้ำก็ต้องถึงกับเดือดดาลเมื่อหมอหนุ่มพ่นน้ำลายใส่หน้าแล้วแสยะยิ้มอย่างสะใจนรกขุมอเวจีนั่นก็บ้านเก่ามึงไม่ใช่หรือ งั้นกูขอส่งมึงกลับบ้านก่อน ! ง้างปืนยาวด้วยความไวเล็งล็อคเป้านิ่งไว้ อย่า ! เสียงห้ามขอมพี่มั่นลั่น หัวใจฉันหยุดเต้นนิ้วขี้ของหัวหน้าชุมชนต้นน้ำกระดิก หมอปิดเปลือกตาลงรอรับใบสั่งตายจากปลายนิ้วอย่างทระนง ปี๊น ! ปี๊น ! ปี๊น ! ฉลับพลันนั้นเอง มีเสียงเครื่องยตน์ดังกระหึ่มยอดหญ้าสูงล้มระเนระนาดเปิดทางให้รถกระบะขับเคลื่อนด้วยน้ำมันคันเก่าซอมซ่อก็พุ่งทะยานออกจากกำแพงทุ่งหญ้าบุกเข้าสู่กลางวงชนร่างของเหล่านักรบแห่งชุมชนต้นน้ำกระจัดกระจายคนเป็นหัวหน้าใหญ่กระโดดหลบได้ฉับไว ส่วนหมอม้วนตัวหนีออกห่างจ้องเขม็งไปที่ตำเหน่งสารถีตีนผีที่เข้ามาช่วยชีวิตได้ทันเหตุการณ์ ไอ้หมอ มึงเป็นหนี้ชีวิตกู ! เสียงตะโกนแสนกักขฬะนั้นจะเป็นใครอื่นไม่ได้นอกจาก นายเห่าดง ฉันรีบลุกขึ้นวิ่งช่วยซุนหิ้วปีกพี่ชายรอจังหวะให้รถที่กำลังวิ่งเป็นวงกลมปัดท้ายมาใกล้และหยุดเบรกในระยะกระชั้นชิดแทบเหยียบปลายเล็บเท้า ประตูรถสับปะรังเคเปิดอ้าห้อยร่องแร่งฉันกับซุนรีบดันร่างของผู้บาดเจ็บเข้าไป แล้วเอื้อมมือจะปิดประตูแต่นายเห่าดงเหยียบคันเร่งออกรถกระชากแรงจนประตูที่ฉันหวังใช้มันเป็นบังเกอร์กันกระสุนหลุดกระเด็นจากไป ก้มหัว ! เห่าดงตะโกนลั่นแล้วหมุนพวงมาลัยเหวี่ยงรถเป็นวงกลมอีกครั้งให้ฝุ่นดินฟุ้งตลบมองไม่เห็นทางกวาดกระแทกเอาพวกมือปืนที่กำลังกราดห่ากระสุนใส่ไม่หยุดให้ลอยกระเด็นส่วนไอ้ที่นอนแอ้งแม้งเลือดสาดที่หน้ากระจกรถนายเห่าดงก็สะบัดตัวรถให้เหวี่ยงร่างไร้วิญญาณปลิวออกไป ไอ้เวรตะไล ! เสียงด่ากราดเป็นภาษาโบราณของหัวหน้าชุมชนแว่วดังท่ามกลางเสียงร้องโอดครวญของนักรบแห่งต้นน้ำเสียงที่ตามมาคือเสียงโหวกเหวกตะโกนเมื่อนายเห่าดงโยนวัตถุทรงกลมออกนอกหน้าต่างทิ้งไว้เป็นของฝากดูต่างหน้า ตู้ม !!! ฮ่า ๆ ๆ ๆ ฮิ้ว มันชิบหาย เขาหัวเราะบอกอย่างสะใจก่อนพารถทั้งคันกับพวกเราพุ่งทะยานเข้าป่าดอกอ้อไปทิ้งคำสรรเสริญไว้ที่ด้านหลังมากมาย เราจะไปที่นครนครา นายเห่าดงพูดกับพวกเราเมื่อออกจากเขตชุมชนต้นน้ำมาทางทิศตะวันออกเฉียงใต้เข้าสู่แนวเขตดินแดนทางชายฝั่งทะเลพื้นที่ ๆ ยังเป็นอิสระจากการครอบครอง พี่จะกลับไปที่นั่นทำไม ซุนถามขึ้นขณะช่วยฉันพันแผลให้พี่ชายด้วยเศษเสื้อที่ฉีกขาด ไปตั้งหลัก หาหนทางไปคุกอเวจีตอนนี้มีไอ้พวกที่เข้ากับเดโชดักรอโจมตีเราเต็มไปหมดตอนนี้ข้ารอพวกเอ็งก็โดนซุ่มทำร้ายมาเหมือนกัน นายเห่าดงเล่าแล้วเอี้ยวใบหน้าทางฉัน ไอ้หมอมันทำอะไรเธอตอนที่เธอไปเอากระสุนออก ฉันจะไปมีสติรับรู้อะไรได้ก็เพราะพอไปถึงก็สลบเหมือดเหมือนตายแล้ว แต่ยังไงก็ต้องตอบไปเป็นพิธีว่า ไม่รู้ ได้ยินเสียงคำรามฮึ่ม แต่เขาไม่ได้ตอบโต้วาจากับฉันหันความสนใจไปที่พี่ชายแทนไอ้มั่น พอกูพาพวกเราไปถึงที่นั่นให้มึงเล่าเรื่องตอนที่มึงอยู่ในไทยะบุรีให้กูฟังให้หมด กูจำได้ว่ามึงเคยบอกกูว่ามึงจะไม่กลับไปนครนครา นายเห่าดงเงียบไปอึดใจฉันลอบเห็นความกังวลบางอย่างจากใบหน้าที่เห็นเพียงข้างเดียว กูไม่มีที่ไปนอกจากติดตามนายก็มีแค่นคราที่ยังถือว่าเป็นบ้านของกู ไม่รู้ทำไมฉันถึงคิดว่าเข้าใจความรู้สึกของนายเห่าดงตอนนี้แม้เขาจะดูห่ามโหดแต่ก็ยังมีความเป็นผู้เป็นคนกับเขาบ้าง ฉันยังไม่เคยไปนครนคราที่พูดน่ะไม่ได้อยากไปหรอกนะ แก็แค่อยากเพิ่มเสียงให้คนคิดถึงบ้านเท่านั้นพี่มั่น ถ้าเรากลับภูผายาไม่ได้ แต่หาที่หลบอันตรายสักพักก็ดี นายเห่าดงเอี้ยวสายตามองฉันแวบหนึ่ง แต่ฉันทำเป็นไม่เห็นหันออกไปมองทุ่งหญ้าปลิวลมนอกหน้าต่าง รู้สึกได้บุญแปลก ๆ นคราเป็นนครที่มีอารยะธรรมไม่ใช่หมู่บ้านหลังเขาเหมือนภูผายา แต่เสียงคนหลังพวงมาลัยทำให้ฉันอยากทำบาปขึ้นมาทันทีอารยะธรรมแบบที่นายเป็นน่ะหรือ สุดฉุนที่ในคำพูดดูถูกถิ่นฐานบ้านเกิดที่ฉันเรียนมา นคราก็เป็นแค่เกาะเล็ก ๆ กลางทะเลเป็นหมู่บ้านชาวเลหากินกับการจับปลา ก็ไม่ได้ต่างกับภูผายาบ้านนอกคอกดินเหมือนกัน นายเห่าดงหัวเราะในลำคอแต่ไม่มีวาจาโต้แย้งเมื่อไม่มีการทุ่มเถียง ความเงียบก็ครอบครองยานพาหนะโดยสารซุนผล็อยหลับอีกฝั่งของพี่มั่นหัวโงนเงนไปตามแรงเหวี่ยงของรถที่วิ่งไปตามถนนขรุขระซุนจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตามทีว่าพี่ชายของฉันต้องอุทิศบ่าตัวเองให้หญิงสาวชาวรามัญเป็นครั้งเป็นคราวส่วนพี่มั่นก็กำลังขบคิดหรือตกอยู่ในห้วงภวังค์อะไรสักอย่าง เพราะปากที่ขยับเบา ๆคล้ายกับกำลังพูดสนทนากับใคร พี่ชายของฉันมีอาการแบบนี้ตั้งแต่เหตุจลาจลที่จัตุรัสเสรีชัยหากมองจากแพทย์ฝึกหัด ฉันเรียกอาการนี้ว่าจิตเภททางบวก มองโลกผิดแผกจากคนทั่วไปฉันไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นในตึกว่าการรัฐไทยะบุรีบ้างรู้แต่ว่าฉันสูญเสียคนสำคัญคนหนึ่งในชีวิตไปอย่างไม่มีวันกลับ เธอเสียใจเรื่องอะไร ฉันเผลอทำตัวอ่อนแอได้ยังไงกัน ยกมือเช็ดน้ำตาปรับเสียงพูดเปล่า แล้วไอ้ที่ออกจากตานั่นเรียกว่าน้ำอะไร น้ำตา มันเรียกว่าน้ำตาปากตอบแต่สายตายังมองทิวหญ้ากว้างขนานกับเส้นขอบฟ้าสีครามเข้มเจือแสงสีส้มทองของแสงสายันต์น้ำตาไหลไม่ได้มาจากความเสียใจอย่างเดียว ดีใจก็ร้อง เจ็บก็ร้อง ผงเข้าตาก็ร้อง แล้วความโกรธล่ะ ทำให้เราร้องไห้ได้หรือเปล่า ฉันพ่นลมหายใจ นี่เขานึกสนใจเรื่องละเมียดละไมนี้ด้วยหรือโกรธก็ทำให้เราร้องไห้ได้ไม่ว่าอะไรที่ทำมันกระทบกระเทือนทั้งภายนอกและภายในที่ไม่อาจต้านทานสมองจะสั่งให้น้ำตาไหลเพื่อเป็นการบรรเทาอาการเหล่านั้น เธอเป็นหมอ? ยังเป็นหมอฝึกหัด ฉันเกลียดหมอ มีแต่คนบ้าเท่านั้นที่เกลียดหมอ ฉันเป็นคนบ้า ฉันพ่นลมหายใจแรงถอดเสื้อเชิ้ตแขนยาวตัวนอกออกคลุมหน้าทำทีอยากหลับมากกว่าอยากเสวนากับคนบ้าเสียงหัวเราะเบา ๆ ลอยมา รถยนต์เก่าคลาคล่ำยังแล่นต่อไปทุ่งหญ้ากว้างสีทองถูกฉาบทับด้วยม่านสีดำของรัติกาล ดาวประกายพฤกษ์สุกสว่างรายล้อมด้วยหมู่ดาวเคราะห์ระยิบระยับที่อาจส่องแสงได้ด้วยตัวเอง คิดถึงท้องฟ้าที่ภูผายา คิดถึงบ้านนอกคอกนาของฉัน คิดถึงตักอุ่นของแม่ คิดถึงกลิ่นดินควันถ่านกลิ่นฟาง คิดถึงป่าขุนเขาและสายน้ำ ฉันถามตัวเองอีกครั้งว่าฉันเข้าเมืองใหญ่เพื่ออะไรไปศึกษาหาความรู้ประดับปัญญาให้เลอเลิศกว่าใคร ๆ ใช่ไหมวิชาชีพที่ได้มาจากการขยันหมั่นเพียรมันมีคุณค่ามากเท่าไหร่ จะมีผู้ทรงคุณวุฒิในไทยะบุรีที่กำลังแก่งแย่งชิงอำนาจคนไหนบอกเด็กจากบ้านนอกคนนี้ได้บ้างว่า...เขาเอาอารยะธรรมของผู้เจริญแล้วไปซ่อนไว้ที่ไหนในก้นบึ้งหัวใจ น้ำตาฉันไหลอีกครั้ง ภายใต้เสื้อเชิ้ตผืนบางน้ำตาครั้งนี้มันไหลออกมาเพราะความกลัว อีกเหตุผลหนึ่งของน้ำตาที่ฉันไม่ได้บอกเห่าดง
--------------------------- ตรงโจทย์เอาตอนท้ายนี่แหละ แหมกว่าจะปูมาได้นะ ปลายเรื่องจะไปยังไงต่อล่ะ จขบ เด็กเกิดในมหานครนะ แต่ระหกระเหินไปเติบโตที่ศรีมาหโพธิ์ ปราจีน แล้วกลับมาเข้ากรุงต่อในวัย อนุบาล จากนั้นก็ย้ายบ้านไปนนทบุรี แต่เรียนจน ป ตรี ที่นครปฐม ชีวิตปัจจุบันมาจมอยู่ที่ชลบุรี
ว้ย ๆ เป็นคนหลายแผ่นดิน
Create Date : 16 กันยายน 2559 |
Last Update : 19 กันยายน 2559 11:35:45 น. |
|
28 comments
|
Counter : 630 Pageviews. |
|
|
แวะมาชื่นชมในสำนวนการเขียน เนื้อเรื่องชวนติดตาม
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ชลบุรีมามี่คลับ Literature Blog