นอกจากงานด้านดนตรีของคุณประภาสตัวเราก็ได้ติดตามงานเขียนของศิลปินท่านนี้อยู่เนืองๆ ถ้าจะให้บอกผลงานที่ชื่นชมและชอบมากๆที่สุดคงจะเป็นบทเพลง นิทานหิงห้อย
เนื้อร้องที่เป็นการเล่าเรื่องความเชื่อในตำนานหิงห้อยของเด็กน้อยคนหนึ่งกับท่วงทำนองดนตรีแสนไพเราะทำให้เป็นบทเพลงนิทานแสนอมตะและสำคัญที่สุดคือการแทรกคติดีๆ ว่า
หิ่งห้อยในกล่องตอนนี้เหมือนหนอนตัวหนึ่งไม่สวยดังซึ่งตอนอยู่
ใต้ต้นลำพูส่องแสง ยายจึงยิ้มแล้วสอนตาม
"จะมองเห็นความงามที่จริง อย่าขังความจริงที่เห็น อย่าขังความงาม"
มาในวันนี้ได้เห็นหนังสือชื่อเรื่องดึงดูดใจ จึงหยิบขึ้นมาอ่านบอกตามตรงค่ะว่าซื้อเพราะชื่อคุณประภาสจริงๆ แต่ก่อนชำระก็เปิดผ่านๆ นะคะและเห็นว่ามีเรื่องราวน่าสนใจทีเดียว
หนังสือเล่มนี้นำเอาคำปรึกษาที่เพื่อน พี่ และน้องๆ ที่ชื่นชม หรือเป็นคนที่ทำงานร่วมกันมาตอบให้คำแนะนำในเชิงยกตัวอย่างจากบุคคลในสังคม ทั้งสังคมโลกและสังคมไทย
และบุคคลเหล่านั้นคือบุคคลที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นครู
และ ครูในหนังสือเล่มนี้เปรียบเสมือนเป็นภูเขา อย่างชื่อหนังสือว่าค่ะ ถ้าเข้าใจเองชื่อหนังสือนี้ คุณประภาสใช้คำว่า เพื่อน
แต่สำหรับตัวเราแล้วบุคคลที่คุณประภาสหยิบยกมาให้เราศึกษาความคิดในการดำเนินชีวิตไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน เรื่องการครอบครัว นั้นล้วนน่าสรรเสริญเราจึงตั้งชื่อในใจเล่นๆว่า มีครูเป็นภูเขา
มาถึงเนื้อหานะคะอย่างที่กล่าวไว้คุณประภาสนำคำปรึกษามาเรียบเรียงและให้ข้อเสนอแนะตามแนวความคิดบวก ถ้าถามว่าแล้วต่างกับหนังสือฮาวทู หรือฟีลกู้ดอย่างไร?
ตอบได้ว่าต่างค่ะ ต่างตรงที่ใช้การเล่าอัตชีวประวัติของคนๆ หนึ่ง ในมุมมองที่เราไม่เคยรู้มาก่อนนั่นหมายความว่า การที่เราจะเรียนรู้และเอาอย่างใครว่าทำไมเขาได้ดิบได้ดีก็ต้องสังเกตจากสิ่งที่เขาเป็น สิ่งที่เป็นแรงบันดาลใจ และหลักความคิด
ทุกคนมีความพยายามเท่ากันแน่ค่ะแต่ต่างกันตรงที่หลักความคิดและอุปนิสัยบางอย่าง ที่เลียนแบบได้ถ้าเข้าใจ บทที่ชอบเห็นจะเป็นบทของชาลีแชปปลินครูนักแสดงตลกชื่อก้องโลก กับบทของคุณจรัญ มโนเพชร
บางหน้าของหนังสือที่ถูกใจจนอยากเอาบอกต่อ(ขออนุญาตคุณประภาส ณ ที่นี้นะคะ)
อุ ..
ทรัพย์สิน มี ค่า ..