ที่หลังเขาไกลออกไปสุดลูกหูลูกตานั่น ผมเดาตามความทรงจำในอดีตไปเองว่าคงจะมีหมู่บ้านเล็กๆขึ้นประปรายตามเชิงเขาหรือชายป่า ที่บอกแบบนี้เพราะผมไม่แน่ใจแล้วว่าทุกอย่างที่บันทึกในส่วนความจำของผมยังเป็นเรื่องเดิมที่เคยรู้หรือไม่เมื่อป่าที่เคยเป็นที่พึ่งพาอาศัยทั้งที่อยู่ ที่ทำกินและแหล่งอาหารของมนุษย์และสัตว์ทั้งหลายในตอนนี้กลายเป็นแหล่งผลิตพลังงานหลักให้กับอุตสาหกรรมรองลงมาคือเกษตรกรรมหลักที่ป้อนให้โรงงานอุตสาหกรรมหลักอีกทีหนึ่ง
เมื่อผมรู้ความเป็นจริงข้อนี้มากขึ้นผมจึงเข้าใจและไม่โกรธผู้ชายจากชุมชนต้นน้ำที่ปองร้อยผมเลยแม้แต่น้อยและเสียใจเสียดายที่ชีวิตของเขาถูกคร่าไปด้วยฝีมือของเพื่อนผมเองทั้งที่ไม่จำเป็นเลยที่ต้องทำร้ายกันถึงชีวิตและผมฉุกคิดได้อย่างหนึ่งตอนที่เริ่มออกเดินทางจากแหลมทอง ผมมีความรู้สึกว่า
เขาคนนั้นไม่ได้ตั้งใจทำร้ายผมเลย เพียงแต่เขามีความจำเป็นความจำเป็นของเขาที่ต้องทำตามคำสั่งหรือข้อแลกเปลี่ยนของใครบางคน
แต่มันคงเป็นโชคร้ายของเขา หรือเป็นโชคดีของผมที่ยังเป็นอิสระไม่ได้ถูกจับกุมโดยบุคคลใด ผมหมายถึงในตอนนี้ ผมยังมีชีวิตดีอยู่และยังเก็บความลับได้เหมือนเคย
คืนนี้เราจะพักที่นี่เห่าดงบอกทุกคนหลังจากที่เขามั่นใจว่าจอดรถยนต์ซ่อนในที่อับสายตาได้แนบเนียนดีแล้ว
นี่เราจะนอนที่มันเป็นที่เป็นทางกว่านี้ไม่ได้หรือไงมิ่งหันซ้ายหันขวาแล้วถามคนขับรถที่มีอำนาจสั่งการสูงสุดในยามนี้
ไม่ได้ ! เห่าดงตอบชัดเจน
ผมลูบหลังมิ่งเป็นการปลอบใจ น้องสาวของผมคนนี้คงไม่ชินกับการนอนในรถกลางทางจึงอาจจะดูน่าหวาดหวั่นสำหรับเธอ แม้ว่ามิ่งจะมีเพื่อนมากมาย แต่ก็ไม่ได้ไปค้างอ้างแรมที่ไหนบ่อยนักนั่นเป็นการดีสำหรับเธอเอง ส่วนผมที่ผ่านการนอนกลางป่ากลางเขามาแล้วจะนอนที่ไหนก็เหมือนกัน ขอแค่รู้สึกว่ามันปลอดภัยเพียงพอที่จะทำให้หลับตาลง แต่มีอยู่ที่เดียวที่พิเศษเหนือที่ใดก็คือที่บ้าน
เดินทะลุตรงไปเรื่อยๆ จะมีลำน้ำไหลถ้าใครอยากจะไปทำธุระก็ตามสบาย แต่ห้ามเดินข้ามลำธารไปเด็ดขาดเพราะลำธารนั่นเป็นเส้นแบ่งเขตปกครองตนเองของชุมชนต้นน้ำกับพื้นที่ของแหลมทอง
แบ่งแยกความเป็นเจ้าของแผ่นดินด้วยลำธารอย่างนั้นหรือผมติดใจคำพูดของเห่าดงก่อนหน้านั้นอยู่แล้ว แต่ไม่คิดว่าจะเจอกับตัวเร็วแบบนี้
พี่มั่น ฉันอยากล้างหน้าล้างตัวสักหน่อยพี่ไปกับฉันด้วยนะ คำพูดของเห่าดงคงทำให้มิ่งรู้สึกดีขึ้นบ้าง
ฉันไปกับเธอก็แล้วกันฉันคุ้นเคยกับที่ทางแถวนี้ดีกว่าพี่ชายเธอแล้วฉันก็อยากไปตักน้ำใส่กระติกไว้กินในวันพรุ่งนี้ด้วย หญิงสาวหน้ากลมดั่งดวงจันทร์อาสาแทนผม
ฉันจะไปด้วย ฉันเองก็อยากไปล้างหน้าสักหน่อยผมบอกเธอ ถึงผมจะไม่ได้อยากล้างหน้า ผมก็ต้องไปอยู่ดีคงไม่ปล่อยให้ผู้หญิงสองคนเดินเข้าไปกลางป่ายามวิกาลกันเองแน่ถึงเธอจะบอกว่าคุ้นเคยที่ทางแถวนี้ แต่อย่างไรเสียเธอก็เป็นผู้หญิง ส่วนเห่าดงยังคงง่วนอยู่กับการเครื่องยนต์ที่ด้านหลังฝากระโปรงรถจึงต้องเป็นหน้าที่ของสุภาพบุรุษอดีตพลทหารสังกัดหน่วยข่าวกรองอย่างผมที่ต้องทำหน้าที่คุ้มครองอิสตรี
แต่ใครจะรู้...ที่เธอบอกคุ้นเคยกับที่ทางแถวนี้ หมายถึงคุ้นเคยกับงูพิษแถวนี้ด้วย
ผมยืนขาเกร็งแขนเกร็งพร้อมกับแบกรับน้ำหนักของมิ่งไว้บนหลังไปด้วยในเวลาเดียวกันเพราะทันทีที่มีบางอย่างเคลื่อนไหวในพงหญ้ามิ่งก็รีบกระโดดขี่หลังผมรวดเร็วยิ่งกว่าผมวิ่งหนีลูกกระสุนน่าดีใจที่น้องสาวคนนี้มีสัญชาติญาณเอาตัวรอดสูงเหมือนผมเปี๊ยบ
คืนนี้เรามีอะไรกินกันแล้ว ไม่ต้องรอถึงเช้า พวกเธออยากกินแบบไหน
เอ่อ... ตามใจแม่ครัวเลยแล้วกันผมบอกพลางมองหญิงสาวคนนี้บีบปากของงูเห่า กดเขี้ยวลงกับโขดหินริมลำธารให้พิษร้ายหลั่งออกมาจนหมดท่าทางการจับงูและจัดการรีดพิษที่ชำนาญของเธอทำให้ผมเชื่อแล้วว่าเธออยู่กับเห่าดงได้อย่างไร ใบหน้าหมดจดไม่ได้เป็นตัววัดบุคลิกนิสัยของคนเราได้เลย
ดีนะที่มันเลื้อยข้ามมาอยู่ฝั่งนี้ถ้าหากเป็นฝั่งนั้น หมดสิทธิ์กันเลยล่ะ เธอพูดด้วยรอยยิ้มขณะใช้มีดพกคว้านท้องงู
แล้วพวกปลาในลำธารนั่น พวกเขาแบ่งกันยังไง ผมถามอย่างไม่รู้
เธอชำเลืองมองผมแล้วก้มหน้าจัดการกับซากงูต่อ เราทำได้แต่ดื่มน้ำในลำธารแต่สิ่งมีชีวิตใดก็ตามที่อยู่ในน้ำเป็นของรัฐทั้งชุมชนต้นน้ำกับแหลมทองไม่สิทธิ์ครอบครองไม่ว่าด้วยกรณีใดเธอหยุดมือแล้วเงยหน้าผมเต็มตา นานแล้วที่พวกเราผู้อยู่นอกเขตพัฒนาต้องต่อสู้ดิ้นรนเอาตัวรอดกันเองนี่เธอไม่รู้หรือแกล้งไม่รู้กัน หรือว่าถูกล้างสมองในกรอบกำแพงสูงนั่นไปแล้วฉันได้ยินเธอบอกว่าเธอมาจากภูผายาไม่ใช่หรือที่นั่นก็ไม่น่าจะต่างจากที่แถวนี้มากนักหรอก
ภูผายาเป็นถิ่นอุดม เขาสูงป่าไม้ครึ้มน้ำมากมีตามธรรมชาติ ผมรีบบอก
เธอเลิกคิ้วยิ้มที่มุมปากเหมือนสิ่งที่ผมพูดเป็นเรื่องขำของเด็กๆ ผมพ่นลมหายใจออกเสียงดังแต่ฉันไม่ได้กลับไปนานมากแล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเป็นอย่างไรแล้วตอนนี้
ไม่มีที่ไหนในรัฐไทยะที่เหมือนเดิมหรอก...แม้แต่ตัวเมืองหลวงเองก็ตาม เธอพูดเหมือนรำพึงกับตัวเอง รัฐใหม่กำลังจะเริ่มต้นพวกเขากำลังรวบรวมแผ่นดินเล็กแผ่นน้อยที่แตกแยกกันออกเป็นผืนเดียว ไม่แน่เราอาจจะได้เห็นอะไรๆ เปลี่ยนแปลงไปมากกว่าเดิม
เธอเชื่อว่าผู้นำคนใหม่จะปิดรอยร้าวได้อย่างนั้นหรือผมรีบถามทันที เพราะน้อยนักที่จะได้ยินคนนอกเขตพัฒนาจะพูดถึงความหวัง ความฝันหรืออุดมการณ์ของนายพันเดโชในแง่เห็นด้วย
ฉันไม่ได้บอกว่าฉันเชื่อในตัวผู้นำแต่ฉันกำลังจะบอกว่า เราอาจได้เห็นการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจากผู้นำหรือจากใครก็ตามที่เชื่อว่าสักวัน เราจะได้กลับมารวมตัวเป็นชาติอีกครั้ง ไม่ใช่เป็นรัฐเป็นชุมชน หรือเป็น กลุ่มคนที่ถูกแบ่งแยกตามลัทธิความเชื่อพวกเราจะถูกปกครองด้วยกฎหมายเดียวกัน ไม่รุกรานกันและกัน
แต่มันต้องใช้เวลาผมสนใจที่จะคุยเรื่องนี้กับเธอ จึงขอพูดความคิดที่เก็บไว้คนเดียวไม่เคยได้ถกกับใคร ผลของสงครามมันสร้างความแตกแยก เพิ่มรอยร้าวให้เลวร้ายขึ้นกลุ่มคนที่แพ้สงครามยังคงมีความแค้นหลงเหลืออยู่แม้ฉันจะเป็นทหารของไทยะที่ชนะสงคราม แต่ก็รู้ความรู้สึกของคนอีกฝ่ายดีเป็นไปได้น้อยมากที่คนแพ้กับคนชนะจะกลับมาญาติดีกันรอยร้าวของแผ่นดินไม่ลึกเท่ารอยร้าวของหัวใจ
เธอมองผมนิ่งไม่ตอบโต้คำพูด และกลับไปสนใจกับเสบียงอาหาร ปล่อยให้ความเงียบเป็นคำตอบของบทสนทนาหรือว่าการทำอาหารไว้เป็นเสบียงอาจเป็นเรื่องน่าสนใจมากกว่าเรื่องที่ผมพูด แต่ผมอยากรู้เรื่องของเธอให้มากขึ้น เธอเกิดที่แหลมทอง ?
ลูกหลานนายเพ็ง สายเลือดตรง
แล้ว... พี่น้อง หรือครอบครัวเธอล่ะเขายังอยู่ในแหลมทองหรือเปล่า เธอชำเลืองมองผมทันทีที่ผมพูดจบ สายตาคมคู่นั้นทำเอาผมรู้สึกร้อนผะผ่าวทั่วใบหน้าคือ ตอนที่เธอมากับพวกเรา ฉันไม่เห็นเธอไปบอกลาใคร เลยแค่สงสัยแต่ถ้าเธอไม่อยากบอก ก็ไม่เป็นไร
แลกกันกับคำถามของฉันบ้างไหมล่ะ
ผมเลิกคิ้ว เธอลุกขึ้น เช็ดมือกับกางเกง แล้วชี้มาที่กระเป๋าที่ผมสะพายติดตัวมาด้วยฉันเห็นเธอห่วงแต่กระเป๋าใบนั้น มีอะไรสำคัญในนี้งั้นหรือ ถึงไม่ทิ้งมันไว้ในรถ
เธอสังเกตผมด้วยหรือ รู้สึกดีขึ้นมาอย่างประหลาดถูกของเธอ ผมไม่ปล่อยให้กระเป๋าใบสำคัญที่มีของสำคัญจากหญิงสาวที่ยอมตายเพื่อมันห่างตัวเกินกว่าห้านาทีบางครั้งที่แวะข้างทางเพื่อปลดทุกข์ ผมยังต้องสะพายมันไปด้วย มันมีของที่...เพื่อนของฉันฝากไว้ ของสำคัญมาก ฉันต้องเอาไปคืนเขาในเร็ววันนี้
ผมโล่งใจที่เธอพยักหน้ารับรู้ และไม่ถามอะไรต่อ เพราะถ้าหากถูกถามเธออีกผมก็ไม่รู้ว่าจะเลี่ยงไม่ตอบคำถามได้อย่างไร เพราะเวลาเธอมองผมสายตาของเธออาจทำให้ความสามารถในการเก็บความลับของผมด้อยสมรรถภาพเกรงว่าจะพลั้งเผลอพูดอะไรไปก่อนที่จะให้การในชั้นศาลหากเธอถามเรื่องของในกระเป๋าอีก ผมคงต้องเลี่ยงบอกเธอว่า
ผมต้องการคุยกับทนายของผมก่อน
กรี๊ดดดด!
มิ่ง ! จิตใจผมกลับเข้าสู่ความจริงนี่เรากำลังอยู่กลางป่า โมโหตัวเองที่ทิ้งให้มิ่งไปอาบน้ำเพียงลำพังได้อย่างไรรีบรุดวิ่งไปตรงริมธารที่เห็นกองเสื้อผ้าของมิ่งวางทิ้งไว้ร้องเรียกหาน้องสาวจากริมโขดหิน
มิ่ง มิ่ง แกอยู่ไหน ! มิ่ง !
ทุกอย่างรอบตัวมิดสนิท ผมได้ยินแต่เสียงของน้ำกระทบโขดหินเห็นแต่เงาไม้ไหว แล้วน้องสาวของผมหลายไปไหน น้องสาวคนเดียวของผมหายไปไหน
มิ่ง !
พวกคนต้นน้ำ เสียงของหญิงสาวหน้ากลมบอกผมขณะที่เดินมายืนด้านข้างใช้แสงไฟฉายชี้ให้ผมดูหลักฐานสำคัญบนโขดหิน เป็นสัญลักษณ์เขียนด้วยสีแดงเป็นตัวอักษรรามัญอย่างที่เธอบอก รอยร้าวของคนแพ้สงครามยังหลงเหลืออยู่ เป็นแบบนี้ เธอเริ่มรู้สึกอยากสมานรอยร้าวเพื่อรวมชาติหรือยัง
ตอนที่ผ่านมา
ตอนที่ 1 ที่เธอถาม
................................................................
ขอบคุณเพื่อนบล็อกที่แวะเวียนมานะคะ รอบนี้ขอส่งการบ้านก่อนวันหยุดยาว คืนนี้ต้องเตรียมตัวเดินทาง สำหรับบล็อกของเพื่อนๆ และงานตะพาบของเพื่อนๆ ขอกลับมาอ่านแบบยาวๆ หลังวันหยุดนะจ๊ะ
วันสงกรานต์ ปีใหม่ไทย ขอให้ทุกคนมีความสุข เย็นกาย เย็นใจ ถ้วนหน้า ไปเที่ยวกลับมา แล้วจะอัพบล็อกเที่ยวกันอีกที
ขอบคุณค่ะ
จุ๊บๆ ม้วฟๆ
ขอบคุณที่แวะมาเจิมตะพาบค่ะ