โจทย์ประจำหลักกิโลที่ 149 : ปมด้วย
ปมด้อย ทันทีที่ผมก้าวลงจากรถบรรทุกของสี่ล้อที่ดัดแปลงเป็นรถโดยสารท้องถิ่นใบหน้ากร้านของผมก็ปะทะกับลมร้อนคล้ายกับเป็นการรับขวัญจากเจ้าที่เจ้าทางของที่นี่ผมหันซ้ายแลขวาดูทิศดูทางรอบข้าง เห็นว่าโดยมากเป็นคนท้องถิ่นที่ผมรู้เพราะดูจากอากัปกิริยาและสายตาที่มีต่อคนมาใหม่อย่างผมแล้ว... ดูท่าจะไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไหร่ผมเปรยขึ้นกับตัวเอง บ่นอะไรกันล่ะพี่มาถึงนี่แล้ว อย่าบอกนะว่าจะให้หันหลังกลับ เสียงน้องสาวของติงใส่อยู่ด้านหลัง ถ้าจะกลับก็ยังไม่กลับตอนนี้ฉันบอกแล้วว่าจะพาแกไปอนามัยให้หมอที่นั่นดูแผลให้บอกพร้อมสูดอากาศเคล้าฝุ่นผสมกลิ่นของความแห้งแล้งไร้ชีวิตเข้าปอด และเราต้องหาไอ้เห่าดงให้เจอก่อน เห่าดงเพื่อนคนที่พี่บอกฉันน่ะหรือ ผมพยักหน้าไม่พูดอะไรอะไร คว้าข้อมือของน้องสาวเร็วไว แล้วเดินออกจากที่โล่งแจ้งสังเกตง่ายหาร้านขายของชำใกล้ๆ แถวนั้น เจ้าของร้านชำดูจะเป็นคนเดียวที่หน้าตาเป็นมิตรที่สุดเมื่อเทียบกับคนอื่นในละแวกใกล้ บุหรี่ขายมวนเท่าไหร่ครับผมถามชายวัยพ่อทันทีที่เขาละจากลูกค้าคนหนึ่ง เขามองผมด้วยใบหน้าประหลาดใจบุหรี่ไม่มีขายนานแล้ว มีแต่ยาปากแพรก เอ็งจะเอาไหม ยาปากแพรก? คนต่างถิ่นอย่างผมคงแสดงออกให้เห็นชัดเจนว่าไม่รู้จักยาอะไรที่เขาว่าพ่อค้าวัยอาวุโสจึงเดินเข้าไปในของสุดร้านแล้วยื่นห่อกระดาษหนังสือพิมพ์ขนาดเท่าซองบุหรี่ให้ เอ็งคงเป็นคนเมืองหลวงที่ไม่เคยออกต่างแดนบุหรี่ที่เอ็งถามหานั่นน่ะมันไม่มีไว้ขายให้กับพวกชนชั้นอย่างพวกสนิมเหล็กนั่นหรอก พวกสนิมเหล็กที่พ่อค้าพูดถึงคงหมายถึงกลุ่มชั้นแรงงานที่กำลังสรวลเสเฮฮากันอยู่ข้างรถบรรทุกคันโตพวกนั้นกระมังผมหันกลับมามองหน้าพ่อค้าอีกครั้ง ถ้างั้น ผมขอแค่น้ำดื่มสักขวด จะเอาแบบอย่างดีหรือพอกินได้ ? เอ่อ...ราคามันต่างกันมากหรือเปล่า ผมถามด้วยน้ำเสียงแปลกใจผมอาจจะอยู่ในเมืองหลวงนานเกินไปจนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับชายขอบประเทศเดียวกัน มาก เขาตอบผมโดยไม่บอกส่วนต่างของราคาในเมืองหลวง ผมใช้น้ำประปากินและอาบ ค่าประปาที่จ่ายไปนั้นก็รวมอยู่สวัสดิการพลเรือนผมจึงไม่เคยได้เสียสตางค์กับสิ่งที่อยู่ในปัจจัยสำคัญสำหรับชีวิตนี้เลย ผมล้วงกระเป๋ากางเกงหาธนบัตรเพื่อใช้แลกกับน้ำดื่มผมขอเอา... อย่างดีก็หนึ่งพันบอลล์ถ้าพอดื่มได้ ข้ามีให้เอ็งกินฟรี เขาบอกผมก่อนที่ผมจะหาเงินเจอ ตามมา ผมรีบหันไปพยักหน้าให้น้องสาวเดินตามไปด้วยทันทีในใจก็ยังงุนงงอยู่บ้าง แล้วก็ระแวงไปในตัวขณะที่เดินตามพ่อค้าไปด้านหลังของร้านที่แสงสว่างน้อยกว่ายิ่งเดินลึกเข้าไปก็ยิ่งได้กลิ่นอับกับแมลงเดินตามชั้นวางของก็มีให้เห็นมากด้านนอกทั้งสองข้างของทางแคบๆ มีแต่ข้าวของเครื่องใช้สำหรับยังชีพส่วนมากที่ผมเห็นจะเป็นอาหารกระป๋องสำเร็จรูป อุปกรณ์การเดินทาง น้ำมันเครื่องสีเขียวบรรจุในขวดพลาสติกเสื้อผ้าเก่าๆขนาดใหญ่กว่าผู้คนสายพันธ์เอเชีย เขาพวกผมและน้องเดินมาสุดทางงัดกลอนเปิดประตูเหล็กออกกว้างให้แสงสว่างจากด้านนอกสอดแทรกเข้ามา จากกลิ่นอับกลับกลายเป็นกลิ่นคล้ายดินหรือหญ้าแต่ผมกับน้องหยุดยืนด้วยความลังเลใจก่อนที่พ่อค้าคนเดิมจะชะโงกหน้ากลับเข้ามาอีกครั้ง ถ้าเอ็งไม่รีบเข้าล่ะก็เอ็งคงจะต้องเสียเงินหลายพันบอลล์เพื่อแลกกับน้ำดื่มรสแปร่งๆเขาบอกด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ผมกับน้องสบตากันเชิงหยั่งถามกันและกันและเป็นผมที่เดินนำทางออกไปก่อน ที่ด้านนอกนั้นเป็นเพียงผืนดินชุ่มที่มีวัชพืชขึ้นแซมเป็นบางจุดประตูมีกำแพงปูหนาสูงคล้ายกับเป็นด้านหลังของสามชั้นปิดกั้นโดยรอบมองไม่ออกจากด้านนอกเลยว่า ร้านชำแห่งนี้มีสถานที่แบบนี้ซ่อนอยู่ภายใน ผมแหงนหน้ามองด้านบนทำให้แน่ใจว่าที่ตรงนี้จงใจหลบซ่อนจากโลกภายนอกเพราะเหนือหัวผมนั้นมีเถาวัลย์และกิ่งก้านของไม่เลื้อยสานขัดกันเป็นหลังคาธรรมชาติหนาแน่นปกปิดสายตาจากใครก็ตาม แต่ยอมให้ผ่านแค่แสงของดวงอาทิตย์ รอข้าเดี๋ยวพ่อค้าคนนั้นบอกขณะที่เขายืนอยู่ข้างขอบบ่อที่ก่อด้วยอิฐ ฉันว่าเราเสียเงินซื้อน้ำกินจะกว่านะพี่น้องของผมพูดพลางเกาะแขนผมแน่น มองพ่อค้าหย่อนถังไม้ที่มีเชือกรอดผ่านรูแล้วผูกไว้สำหรับดึงถังค่อยๆ ปล่อยลงในบ่อนั้น ดูท่าทางมันจะลึกมากพอดู เพราะสักพักใหญ่เขาถึงจะออกแรงดึงมันขึ้นมา สงสัยเอ็งจะเป็นคนมีโชคเขาเอ่ยพร้อมรอยยิ้มกว้าง ข้าตักน้ำได้มากกว่าทุกวัน แล้วเอียงถังไม้ให้พวกผมดู มากกว่าทุกวันของเขานั้นเทียบเท่ากับน้ำปริมาณหนึ่งขวดเล็ก เขาใช้ขันโลหะใบเล็กตักน้ำขึ้นมาแล้วยื่นให้ผม ทางการเขาจะปล่อยน้ำจากเขื่อนในช่วงเวลานี้แหละแต่น้ำในเขื่อนไม่ได้มีให้พวกคนแถวนี้หรอกเขาส่งไปให้โรงงานในเขตอุตสาหกรรมฝั่งเขาโน้นข้ากับคนแถวนี้จะหานำกินน้ำใช้ก็ต้องซื้อหาจากพวกนายหน้าขายน้ำ ผมยื่นขันที่มีน้ำสีไม่ใสเสียทีเดียวให้น้องสาวกินก่อนแล้วชาวนาชาวไร่เขาใช้น้ำจากไหนกัน คงเป็นเพราะผมถามอย่างคนไม่รู้เรื่องโลกพ่อค้าจึงหัวเราะลั่นราวกับผมเป็นเด็กเล็กถามปัญหาอะไรน่าขบขัน ก็ซื้อน้ำจากท่อส่งน่ะสิน้ำคุณภาพดีเร่งให้พืชผลจากเมล็ดพันธุ์เติบโตแบบผิดธรรมชาติ ซื้อน้ำทำนา ? เออซิวะชายขอบนอกเมือง มันไม่หาอะไรฟรีจากทางการเขาไม่ได้มานานแล้วทุกอย่างมันคือเงินทั้งนั้นแล พวกคนหลังสู้ฟ้า หน้าสู้ดินก็ไม่ทางเลือก หากไม่ทำนาเขาก็ไม่มีอาชีพไม่มีอาชีพก็ไม่มีกิน ยังดีนะที่น้ำสำหรับทำนาไม่ต้องเสียภาษีค่าหัวจ่ายไม่งั้นก็ไม่มีข้าวขาว ข้าวม่วง ข้าวแดงข้าวดำให้คนเมืองเขาได้ซื้อกินกันดอก ผมตะลึงงันสับสนกับสิ่งรู้ และสิ่งที่ได้ยิน มัน... เป็นแบบนี้มานานแล้วหรือ เขามองผมด้วยปลายตาแหงนหน้ามองนกกระจิบที่เล็ดลอดหลบแสงร้อนแรงของแดดยามบ่ายเข้ามาเกาะหาความเย็นใต้กิ่งเถาวัลย์ถ้าเอ็งเป็นเด็กในเมืองหลวง ข้าจะไม่หัวเราะดอกแต่หน้าตาเอ็งมันไม่คล้ายพวกหน้าขาว จมูกโด่งในกรุงนั่น เอ็งเกิดบางไหน ผมกับน้องเกิดที่ภูผายาแต่ผมเป็นทหารพลเรือน ก็เคยออกรบกับพวกชนกลุ่มน้อยทางฝั่งทะเลระนองนับว่าผมก็ผ่านความกันดารของสมรภูมิรบมามาก แต่ไม่รู้ว่าภายในเขตแดนประเทศพวกเขาก็ต้องสู้กับความแร้นแค้นของชีวิตไม่ต่างกัน น้ำจากขันใบเล็กผมกินจนหมดไม่เหลือสักหยดนั้นมันช่วยดับกระหายของลำคอแต่ความกระหายใคร่รู้ของผมในตอนนี้ล่ะ จะหาอะไรมาดับมันได้ ทหารอย่างเอ็งลำบากที่สุดก็คือตอนบาดเจ็บ สบายตลอดชาติก็คือยามตาย แต่ในยามสงครามสงบพวกเอ็งก็ยังได้ผ่อนคลาย แต่... พวกชาวนา พวกข้า ไม่มีเวลาได้ผ่อนคลายแบบนั้นทุกวันคือการต่อสู้ ต่อสู้กับความหิวโหย อดอยาก ในสงครามผมสู้รบกับผู้รุกรานอธิปไตย ในหัวใจ ผมเฝ้าต่อต้านใครก็ตามที่คิดร้ายต่อประเทศประเทศที่หนังสอนผมมาตั้งแต่อ่านออกเขียนได้ว่า พวกเรามีหน้าที่ต้องปกป้องรักษาไว้ให้ลูกหลานหน้าที่ของผม ของพวกผม เหล่าทหารคือจับปืน ยิงศัตรูของชาติ เพื่อชาวไทยเพื่อลูกหลานชาวไทยได้มีแผ่นดินไว้ทำกิน ไว้หลับนอน ไว้สร้างครอบครัวพงศ์เผ่าสืบไป พวกกูเรียกคนวัยอย่างพวกเอ็งว่าเป็นพวกปมด้อยของชนรุ่นหลัง เขาเรียกผมตื่นจากความคิดตัวเองขณะนั้นผมก็รู้สึกว่ามือของน้องสาวกำชับมือผมแน่นขึ้นอีก ปมด้อย...ยังไง มันก็คล้ายเชื้อโรคอย่างหนึ่งที่แพร่ระบาดเฉพาะคนวัยอย่างพวกเอ็ง เป็นหนักในหมู่คนที่ถูกอ่อนไหว และถูกล้างสมองได้ง่ายอย่างพวกเอ็งพวกที่มัวเมาลุ่มหลงง่ายกับคำกล่าวเพ้อฝันกับอุดมการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นไม่ว่าจะไทบุรี หรือที่ไหนๆ บนโลก! แก..เป็นใคร ผมรู้สึกว่าเสียงที่เปล่งออกไปมันแข็ง และกร้าวในทีลืมไปชั่ววินาทีว่าน้ำที่เพิ่งไปนั้นมาจากน้ำใจของเขา แต่จากที่เคยชุ่มคอก่อนหน้านั้นมันกลับรู้สึกแสบ และร้อนราวกับไฟเผาขาและแขนของผมตึงและชาเหมือนกับกำลังกลายเป็นอัมพาตฉับพลัน ข้าก็เป็นคนแปลกหน้าชาวบ้านธรรมดา พ่อค้าผู้มีน้ำที่คนอย่างเอ็งไว้ใจดื่มน้ำจากขันที่ข้าให้ยังไงล่ะ ใบหน้าเป็นมิตรเปลี่ยนโฉมได้เร็วรากลับพลิกไพ่ พี่ตัวฉันชาไปหมดแล้ว ผมพาน้องสาวมาเข้าตาจนอีกครั้งหากจะบอกว่าปมด้อยของผมคือการมัวเมา ลุ่มหลง เชื่ออุดมการณ์จอมปลอมง่ายๆ นั้นผมขอเถียงในใจอย่างแข็งขัน เพราะแม้แต่อยากจะขยับปากที่กำลังชาบอกมันว่า ปมด้อยที่แท้จริงของกูก็คือ ผู้นำพาความซวยมาสู่พวกพ้วง! จะวิ่งก็ไม่ได้จะเหวี่ยงแขนก็ยกขึ้นยากเต็มทำได้แค่ปัดหาลมไปมาใกล้ตัว นี่ผมทำได้แต่มองสิ่งที่กำลังจะเกิดกับตนและผู้เป็นน้องหรือ ไม่ต้องกลัวพวกมึงยังไม่ตายตอนนี้ดอก ไอ้ที่มึงกินเข้าไปก็แค่พิษคางคกป่าแค่นั้นมันจะทำให้กล้ามเนื้อของมึงเป็นอัมพาตชั่วขณะ ผมไม่ได้อยากฟังมันสาธยายอิทธิฤทธิ์ของสิ่งมีชีวิตใดๆในตอนนี้ แต่อยากรู้ว่ามันทำอย่างนี้กับพวกผมทำไม และมันเป็นใครกัน พวกเขาสอนให้พวกมึงปกป้องประชาชนแต่ประชาชนก็ต้องก็ต้องกินต้องใช้ อาหาร ยา และน้ำในบ่อนั่นจะได้เป็นของพวกกูโดยที่ไม่ต้องเสียเงินซื้อน้ำกินไปตลอดชีวิตไม่ได้กินแค่อุดมการณ์วาดฝันไปวันๆ แต่คือสิ่งที่กินได้จริงๆ มึงเข้าใจกูเถิดรางวัลที่กูได้จากการส่งตัวมึงแค่คนเดียว หาเลี้ยงพวกกูไปได้หลายรุ่นมึงเข้าใจกูเถิด กูยัอยากมีชีวิตรอดต่อไป มือหนากับเชือกกล้วยในมือกำลังคืบคลานเข้ามาผมหมดหนทางสู้ในศาล และกำลังตายอย่างพยานนอกศาล ในหัวผมตอนนี้ได้แต่คิดถึงเครื่องอัดเสียงในกระเป๋าหากผมเป็นอะไรไป แล้วใครจะปกป้องมันได้ หากผมผิดคำสัญญาที่ผมให้ไว้กับคนก่อนตายมันจะเป็นบาปติดตามตัวผมไปในโลกใหม่หรือไม่แล้วอะไรจะเกิดขึ้นหากสิ่งที่ผู้หญิงคนนั้นแลกมันด้วยชีวิตของเธอตกไปอยู่ในมือของผู้ใช้อำนาจในทางผิด แต่ถ้าชีวิตอยู่ยากนักมึงก็เลือกตายไปสิวะ ! ฉึก !!! เร็วจนมองไม่ทันสัมผัสได้เพียงแค่ความเคลื่อนไหวของสายลมมีดพกเล่มสั้นแค่คมปักอยู่ตรงกลางหน้าผากพ่อค้าสู้ชีวิตเหมาะเหม็งเหมือนจับวางดวงตาของเป้ามีดสั้นเบิกกว้าง ปากสั่นราวกับกำลังป่าวร้องขอความช่วยเหลือจากผมผู้มีปมด้อย ร่างสูงเพรียวลมเดินเข้ามาเฉียดอย่างเชื่องช้ามองดูชายที่ล้มพับลงไปรอให้ลมหายใจเฮือกสุดท้ายหมดไป ยังไม่สาแก่ใจของพิพากษาความตายเขาใช้เท้าเหยียบย่ำมีดซ้ำตอกลึกลงไปให้จมความคมเป็นการส่งวิญญาณให้ถึงมือยมทูตเร็วขึ้นไปอีก อดีตผู้เชี่ยวชาญฝ่ายจู่โจมแห่งพงไพรไม่เคยทิ้งคมเขี้ยวพิษและลดความเหี้ยมเลยสักนิด แม้ในยามที่กำลังถูกล่าเขาก็สามารถเป็นผู้ล่าได้ในเกมเดียวกัน เห่าดง คือเพื่อนของผมผู้ยืนตระหง่านเบื้องหน้าคนนี้
..................................................................... ซีรี่ย์งานตะพาบฉบับพิเศษปี 2016
นึกว่าจะไปไม่รอดกับโจทย์ครั้งนี้ แต่ก็รอดไปได้อีกตอนนะคะ เขียนไปปก็ลุ้นไปว่าจะไปเจอกับโจทย์เมื่อไหร่ -_- แต่ก็มาได้ถึงตอนที่สามแล้วสำหรับเรื่องราวของพลทหารคนหนึ่ง... ที่ยังไม่ได้ถูกเอ่ยนาม (อย่าบอกนะว่าลืมตั้งชื่อ เปล่า ค่ะเปล่า ) โครงพิเศษที่ตัวเองทึกทักตั้งเอง เอาโจทย์ตะพาบมาเป็นส่วนหนึ่งของเนื้อเรื่องที่... เอ่อ ยังไม่มีชื่อเรื่อง เป็นงานเขียนที่ค่อนข้างหาเรื่องใส่ตัว ค่ะ หาเรื่องใส่ตัวจริงๆ ทั้งปีเลยก็ว่าได้
เอาเป็นว่า ถ้าอยากรู้ตอนก่อนหน้าว่ามันเป็นยังไง ทำไมพลทหาร (ที่ยังไม่ได้ถูกเอ่ยนาม) ถึงต้องหนี และหนีอะไร
ก็คลิกที่ลิงค์เลยค่ะ
ตอนที่ 1 ที่เธอถาม ตอนที่ 2 นอกหน้าต่าง
Create Date : 25 กุมภาพันธ์ 2559 |
Last Update : 25 กุมภาพันธ์ 2559 22:48:01 น. |
|
27 comments
|
Counter : 1474 Pageviews. |
|
|
แต่หัวใจหมดกระเป๋า โหวดก็หมดตะกร้าค่ะ
มาแปะพรุ่งนี้นะคะ