It is a happy end.

chommanee
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




A co-founder of BeautiBlyss.

And a human carotenoid wannabe. --- B A L D E R D A S H
Group Blog
 
 
กรกฏาคม 2550
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
17 กรกฏาคม 2550
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add chommanee's blog to your web]
Links
 

 
Before Sunrise กะ Before Sunset

ความทรงจำที่ไขว่คว้าคืนมาได้

อืมๆ ชีวิตบางทีก็เหมือนหนังบางเรื่อง แต่ชีวิตฉันไม่หนังเรื่องที่จะพูดถึงหรอก แต่ถ้าเป็นเรื่องอื่นก็ไม่แน่

วันนี้ฉันดูหนังความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืน Before Sunrise แล้วต่อด้วย Before Sunset ภาคต่อที่เล่าเรื่องเก้าปีต่อมาของสาวฝรั่งเศสและหนุ่มอเมริกันคู่นั้น

แต่ก่อนเคยดูบีฟอร์ ซันไรซ์ แต่ดูแบบไม่ค่อยใส่ใจเท่าไร ตอนนั้นภาษาอังกฤษห่วยๆ กว่านี้เยอะด้วยอ่ะ แล้วสมาธิก็สั้นสุดๆ เลยทำให้เบื่อกับหนังที่เหมือนชีวิตจริงที่ผู้คนคุยๆ กันไปมาตลอดเวลา และอีกเหตุผลหนึ่งตอนนั้นฉันคงสับสนกับสิ่งที่เรียกว่ารักจนเหม็นเบื่อเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ไปโข

ไม่ต้องชมภาคแรกให้เอิกเกริกเพราะใครๆ ก็รู้กันดีว่า นี่มันตำนานหนังของหนังรักที่ใครๆ ก็พูดถึง เพื่อนบางคนชอบก่อนพระอาทิตย์ขึ้นมากกว่าก่อนพระอาทิตย์ตก แต่ฉันชอบก่อนพระอาทิตย์ตกมากกว่านะ ฉันว่ามันจบดี มันตอบโจทย์ของหนังได้ดี

มันก็แค่เรื่องของคนที่เชื่อมันในความรักสองคน ต่างคนต่างมาเจอกันบนรถไฟสายยุโรป เจสซี่ หนุ่มอเมริกันเพิ่งเซ็งใจมาจากอดีตแฟนหมาดๆ เลยใช้โอกาสลอยชายทอดหุ่ยเก็บประสบการณ์ท่องยุโรป ส่วนซีลีน สาวปารีสจะไปไหนฉันจำไม่ได้แล้ว ทั้งสองคนกันถูกคอ ฉันแสนชอบพี่อีธาน ฮอร์คกับน้องจูลี่ เดลปีเสียจริง ก็บุคลิกของพี่ฮอร์คนั้นมันช่างดิบๆ ขี้เล่น มีชีวิตชีวา ส่วนน้องเดลปีนั้นก็เล่นได้เป็นสาวฝรั่งเศสที่ภาษาอังกฤษแสนจะดีกว่าสาวฝรั่งเศสทั่วไปล้านเท่าแต่ก็มีติดขัดให้รู้ว่าหนูไม่ได้พูดภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่นะ ฉันว่าเขาเขียนบทสนทนามาดี มันลื่นไหล และมีจังหวะจะโคน ถ้อยคำเหมือนคนปกติเขาพูดคุยกันจริงๆ ฉันว่าดาราเขาจับจังหวะการเล่นได้ดี บทที่เขียนมาง่ายแต่ดีมันเลยยิ่งดี

เมื่อน้องหนูซีลีนมาเจอพี่เจสซี่ ทั้งสองก็มีแรงดึงดูดเข้าหากันจริงๆ บทมันส่ง พอเจสซี่ชวนเธอลงรถไฟกลางทางไปตะลอนเวียนนาคืนนั้นกับเขาก่อนที่เขาจะต้องจับเครื่องบินที่เวียนนาบินกลับบ้านเมืองมะกันในเช้าวันถัดไป ซีลีนซึ่งพร้อมจะโดดลงจากรถไฟไปกับเขาด้วยแต่แรกก็ตอบตกลง

อืมๆ ใช่ล่ะ มันเหมือนจริง ใครเคยไปอีเลื่อยเฉื่อยแฉะเมืองนอกแล้วเจอใครบางคนกลางทางจะรู้ว่านั่นล่ะ บรรยากาศมันคล้ายๆ อย่างนั้น ถ้าเจอคนถูกคอถูกใจความสัมพันธ์มันก็อาจลึกซึ้งสุขใจได้เร็ว เขาคุยกันเกี่ยวกับตัวเอง ความคิดความอ่านเกี่ยวกับโลก ครอบครัว ฉันชอบตอนที่ซีลีนเล่าเรื่องแฟนเก่าที่เธอไม่ค่อยรักแต่พอเลิกกันก็ทำให้เธอถึงกับต้องไปหาจิตแพทย์ให้เจสซี่ฟังตอนเล่นพินบอลกันในผับ เธอถามคำถามน่าสนใจคือ ทำไมคนเราถึงคลั่งครุ่นคิดถึงคนที่ตัวเองไม่ชอบได้ขนาดนั้น นั่นน่ะสิ ทำไม

อีกทีฉันชอบตอนที่เดินเล่นกันอยู่ ซีลีนพูดอะไรสักอย่างเกี่ยวกับศัตรู แล้วพี่ฮอร์ค (ซึ่งไม่ใช่ของฉัน) ก็บอกว่า ผมว่าไม่มีใครเป็นศัตรูกันหรอก ทุกคนก็ต่างเจอเรื่องที่ไม่พอดีกันทั้งนั้น เด็กรวยมีมากเกินไป เด็กจนมีน้อยเกินไป บางคนได้รับความสนใจมากเกินไป บางคนน้อยเกินไป เหมือนทุกคนไม่ได้อะไรตามที่ตัวเองควรจะได้ และโลกมันก็เศร้าๆ แบบนี้ล่ะ

ก่อนพระอาทิตย์ตกทำให้ฉันถามตัวเองว่า อืม ฉันไม่ได้ทำอะไรสนุกๆ เหมือนในหนังมานานเท่าไรแล้วนะ เกือบสองปีมานี่ฉันบีบผลักตัวเองให้ชินกับการเป็นคนขี้กลัวไม่กล้าทำอะไรสักอย่าง หนังมันทำให้ฉันอารมณ์ดีเพราะเหมือนได้ย้อนกลับไปคิดถึงตอนยังสาวๆ อีกครั้ง

เจสซี่เดินเข้าไปขอไวน์แดงมาได้ขวดหนึ่งฟรีๆ จากผับ ส่วนซีลีนก็แอบฮุบแก้วไวน์จากผับมาได้สองใบ ก็ไม่มีตังค์ อยู่ในต่างแดน เจอคนมีใจถูกกันและเป็นคืนเดียวที่จะได้เจอกันเสียด้วย เรื่องสนุกๆ มันมักจะเกิดในสถานการณ์แบบนั้นล่ะ สองคนไปกินไวน์กันในสวนสาธารณะ เขาทั้งสองต้องการกัน แต่ผู้หญิงที่ไม่อยากบาดเจ็บจากการคิดถึงคนที่มีอะไรด้วยแล้วไม่เจอกันตลอดชาติก็ไม่อยากจะให้เซ็กซ์มันเกิดขึ้น เขาตกลงกันแบบนั้น ตกลงกันว่าจะไม่มีอะไรกันและไม่เจอกันอีก แต่อะนะ ของแบบนี้เหมือนน้ำมันใกล้ไฟ สักพักก็นัวเนียกันพอประมาณให้หนังตัดไปฉากอื่น ปล่อยให้คนดูงงๆ ว่ามันมีไรกันป่ะเนี่ย (นี่มันปมของหนังเลยนะ และเขาก็เอามาเล่นต่อในภาคสองได้ดี ฉันชอบ)

สุดท้ายก็ต้องจากกัน ร่ำลากัน และเปลี่ยนใจว่าจะมาเจอกันอีกภายในหกเดือน (ฉันชอบตอนนี้ เพราะสองคนต่างไก๋รอให้อีกฝ่ายพูดก่อน ความรักนี่มันทำให้คนปากหนักได้มากจริงๆ ทั้งที่ต้องการกันแทบตาย แต่แบบ อ้าวก็ฉันกลัวผิดหวัง เลยรอให้เธอพูดก่อนไง) ด้วยความเป็นเด็ก (คนเคยเป็นเด็กคงเข้าใจ) พี่เจสซี่กับน้องซีลีนก็ไม่ได้แลกเบอร์ติดต่อกันไว้ด้วย

หนังจบแบบนั้น เราไม่รู้ว่าเขากับเธอจะมีใครรักษาสัญญาหรือเปล่า แต่มันก็จบแบบเนิบนาบสุขใจ ต่างคนต่างมา พอเจอกันก็เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขและลืมไม่ลงของชีวิต แล้วก็ต่างคนต่างไปโดยไม่รู้ว่าจะได้เจอกันหรือเปล่า อีกฝ่ายจะมาตามที่นัดหรือเปล่า ถ้าเป็นฉัน ฉันคงห่วงตัวเองว่าฉันจะไปตามนัดหรือเปล่า ฉันว่าฉันคงผิดนัดล่ะ :)

พอมาภาคสอง พี่เจสซี่เขาเขียนนิยายโดยเอาความรักข้ามคืนนั้นอ่ะมาเขียน แล้วก็ไปได้สวยได้มาตะเวนโปรโมตหนังสือในหลายประเทศในยุโรป จนมาถึงที่สุดท้ายคือปารีสแล้วก็ได้เจอกับน้องซีลีนในร้านหนังสือที่ตัวเองไปพูดนั่นล่ะ โอ๊ย เป็นฉันคงรู้สึกสั่นๆ ใจมันสั่น พี่เจสซี่ต้องจับเครื่องบินประมาณทุ่มครึ่ง ไม่ได้เจอกันนานเก้าปีและมีความหลังร่วมกันแบบนั้นก็เลยไปกินกาแฟแล้วก็เดินปารีสพูดๆๆๆๆ คุยๆๆๆ กันเหมือนเดิม ฉันว่าปารีสโรแมนติกกว่าเวียนนาเยอะเลย แถมสนุกกว่าเพราะภาคแรกมันมีหน้าที่ปูที่ปูทางให้รู้ว่าสิ่งที่เกิดมันโคตรจะพิเศษ คนสองคนมาเจอกันต่างคนต่างเป็นสิ่งที่อีกฝ่ายชอบ มีพลังงานและเคมีที่ต้องกัน ซึ่งมันไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ เลย ภาคสองมันเอาสิ่งที่มีมาใช้ต่อ ฉันชอบบทสนทนาที่แสนจะจริงมาก อย่างตอนที่เขาถามกันว่า หกเดือนต่อจากที่เจอกันครั้งแรกได้มารอเจอกันหรือเปล่า น้องซีลีนไม่ได้มาเพราะคุณย่าหรือคุณยายที่แสนรักเหลือเกินตายก่อนวันไปหา (ทั้งที่เธอตั้งตารอจะเจอเขาแทบแย่) เจสซี่น่ะโกหกว่าไม่ได้มา (มันเจ็บปวดและรองบ่อนจะแย่ถ้าต้องบอกว่า ฉันมารอเธอนะ) พอสาวเจ้าถามเหตุผลว่าแล้วทำอะไรถึงไม่มา เขาก็ปั้นน้ำให้เป็นตัวไม่ได้ ซีลีนเลยรู้ว่าเจสซี่รักษาสัญญานะ

ในเรื่องน้องซีลีนเป็นสาวแอ๊กติวิสต์เต็มตัวทำงานในองค์กรกู้โลก กำลังมีความสัมพันธ์กับช่าวภาพข่าวหรือโฟโต้เจอนัลลิสต์ เธออธิบายแพทเทิร์นความสัมพันธ์ของตัวเองว่า เป็นแบบมาอยู่ด้วยกันแป๊บนึง สนุกตื่นเต้นแล้วเขาก็ไปทำงาน ซึ่งเธอคิดว่าเป็นเรื่องดี เพราะเธอทนไม่ได้ที่ต้องอยู่กับแฟนแต่รู้สึกเหมือนเหงาอยู่คนเดียว และยังความรู้สึกพลุ่งพล่านใจเวลาต้องอยู่ใกล้กับคนรักตลอดเวลาอีก เธอทนความรู้สึกพวกนั้นไม่ได้จริงๆ

เจสซี่แต่งงานแล้วกับยูนิเวอร์ซีตี้ สวีทฮาร์ทของเขา หลังจากความสัมพันธ์แบบลักปิดลักเปิดจนสุดท้ายก็ต้องแต่งงานกันเพราะแฟนท้อง มีลูกด้วยกัน แต่ขอบอกหลายอย่างในความสัมพันธ์ไม่ได้ทำให้เขามีความสุขเลย

พออยู่ใกล้กันและต่างก็เป็นปมรักของกันและกัน ฉันบอกได้เลยว่า ชอบจังที่เขาเขียนบทให้สองคนนี้ปากไม่ตรงกับใจที่สุด แล้วพอพูดความจริงกันออกมามันเลยน่ารักดีแฮะ ฉันชอบตอนที่สาวเจ้าเสียจริตในรถที่คนจากร้านหนังสือมาส่งเธอที่บ้านก่อนจะต้องพาเจสซี่ไปสนามบิน ซีลีนบอกว่า หนังสือที่เขาเขียนมันทำให้เธอเศร้า เพราะมันต่างกับเธอตอนนี้โดยสิ้งเชิง เธอแต่ก่อนไนอีฟกว่า และมีศรัทธาในความรักมากกว่านี้ (ก่อนหน้านี้ตอนเดินคุยกัน พี่เจสซี่ก็บอกว่า มีงานวิจัยนะว่าคนเรามันไม่เคยเปลี่ยน มันมีแก่นบางอย่างที่ทำให้เราเป็นเราไปตลอดชีวิต) ตอนที่ฉันชอบมากกว่าคือ ตอนที่เจสซี่คุยกันเรื่องเซ็กซ์ในสวนสาธารณะเมื่อเก้าปีก่อน สาวเจ้าบอกว่าไม่นะเราไม่ได้มีเซ็กซ์กัน เป็นฉันคงเซ็ง แม่ง สำคัญนะเฟ้ย ลืมไปได้ไงกัน แม่สาวเจ้ามาเฉลยตอนหลังว่า เธอจำได้ ก็แหม มีเซ็กซ์กันต้องสองครั้งเลยนะ แต่ก็ทำให้ตัวเองลืมๆ ไปเพราะมันไปพัวพันกับที่ตัวเองต้องสูญเสียญาติคนสำคัญ แถมมันไม่ใช่ความรักที่เธอจะไขว่คว้าไว้ได้เสียด้วย มันก็ต้องไก๋เป็นธรรมดา

ชายหนุ่มหาข้ออ้างให้ต่อเวลาอยู่ด้วยกันตลอด ทั้งที่จะต้องไปสนามบิน ทั้งที่รถที่จะไปส่งก็จอดรถอยู่ข้างล่างแล้ว แต่เขาก็ให้หญิงสาวเล่นกีต้าร์ให้ฟัง ตอนน้องซีลีนร่ายเพลงว่ามีไรบ้าง เขาก็เลือกเพลงได้ถูกเสียจริง ก็วอล์ซไพเราะเสียงใสเพลงนั้นมันเป็นเรื่องเกี่ยวกับเขาและเธอแล้วความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืนซึ่งในเนื้อเพลงแสนหวานมันก็บอกอยู่เต็มๆ ว่าเธอถวิลหาเขาอยู่ตลอดเวลา จบเพลงอีตาเจสซี่ดันถามว่า คุณเล่นเพลงนี้ให้ทุกคนที่มาหาฟังแล้วใส่ชื่อพวกเขาลงไปในเพลงทุกครั้งเหรอ สาวเจ้าก็ทำไก๋ตามน้ำไปอีก เฮ้อ ความรักที่อิหลักอีเหลื่อมันก็อย่างนี้ละน๊า

เรื่องมันก็ดำเนินมาถึงตอนจบน่ะ แหมก็ปูทางกันมานานว่า ต่างเชื่อมั่นในความรัก ความทรงจำดีๆ ทำให้ต่างโหยหากันมาตลอด ทั้งสองมีความสัมพันธ์ที่ห่วยและตามสูตรนิยายช่างฝันเขาบอกว่า "ไม่ใช่คนคนนั้น" แถมปมรักที่ต่างเจอหลังจากนั้นมันก็บอกอยู่แล้วว่าต่างคนต่างเหมาะเจาะกันแค่ไหน ทีนี้พอมาเจอกันอีกครั้ง ฉันว่ามันก็สมเหตุสมผลดีล่ะที่จะจบแบบนั้น

ซีลีนทำท่าเลียนแบบนักเปียโนก้นโตแสนยั่วยวนซึ่งเธอเพิ่งเล่าเรื่องคอนเสริ์ตของเธอให้เจสซี่ฟังหมาดๆ "Baby, you're gonna miss the plane"
เจสซี่นั่งน่ารักบนโซฟา ข้อศอกเท้าไว้ที่ขาต่างข้าง มือประสานกันพร้อมยิ้มกริ่ม พูดออกมาคำเดียวว่า "I know"
หนังมันจบแบบนั้นล่ะ

ถ้าคุณไม่ใช่คนช่างฝันสักเท่าไร และหนังมันก็บอกอยู่ทนโท่แล้วว่า สองคนนี้ดูดกันแค่ไหน แล้วก็ต่างเสียเวลามาตั้งเก้าปีแล้วนะ คุณคงคิดเหมือนฉันว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ความรักเป็นเรื่องยากอย่างที่ซีลีนพูด และมันยากจริงๆ ล่ะที่จะรักด้วยไม่ทำร้ายใครในสถานการณ์แบบนั้น




Create Date : 17 กรกฎาคม 2550
Last Update : 17 กรกฎาคม 2550 21:51:24 น. 7 comments
Counter : 732 Pageviews.

 
เป็นหนังในดวงใจตลอดกาลค่ะ ดูกี่ทีๆ ก็ไม่เคยเบื่อเลย


โดย: Pebbles วันที่: 17 กรกฎาคม 2550 เวลา:22:09:21 น.  

 
ชอบพระเอกเรื่องนี้มากๆคะ
แต่ชอบฺ Before Sunrise มากกว่าอะคะ ชวนฝันดีจริงๆ


โดย: off_elmas วันที่: 17 กรกฎาคม 2550 เวลา:23:04:50 น.  

 
อ่านแล้วนึกภาพตามได้ทุกช็อตเลย

เป็นหนังรักในดวงใจเรื่องหนึ่งเลยนะ

คือทั้งสอง before ก็อินไปตามช่วงอายุเลย

ตอนนั้นเด็กๆ ดูแล้วก็เพ้อฝัน อยากไปเที่ยวแล้วเจอะเจอแบบนี้มั่ง

มาตอนโต หนังก็เป็นบทสนทนาของคนที่ผ่านโลกมาแล้วช่วงหนึ่งอีก ก็แสนจะอิน

เขียนดีจัง อ่านเพลินเลยค่ะ


โดย: MaRiMeKKo วันที่: 17 กรกฎาคม 2550 เวลา:23:19:22 น.  

 
รักหนังคู่นี้มากมายครับ
แบบว่าเหมือนจะง่ายๆ แต่สร้างยากมาก
บทดีสุดๆ หนังอะไร เดินบ่นกันทั้งเรื่องแต่โรแมนติคมากมาย

enjoy your day


โดย: Holden Caulfield วันที่: 18 กรกฎาคม 2550 เวลา:10:26:31 น.  

 
-ขอบคุณที่ส่งมาให้อ่านนะ


โดย: แอบชอบ คห. ข้างล่าง วันที่: 20 กรกฎาคม 2550 เวลา:5:12:32 น.  

 
รักหนังเรื่องนี้คะ


โดย: Love_TemPo วันที่: 27 สิงหาคม 2551 เวลา:22:39:47 น.  

 
แนะนำเว็บดูหนังซีรีย์เกาหลีฟรี


โดย: koreaserie (loveyoupantip ) วันที่: 6 สิงหาคม 2554 เวลา:11:58:29 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.