เหน็ดเหนื่อยจัง
ไม่มีวันว่างเลย...เดินทางท่องเที่ยวทุกวันหยุด
ยังไม่ได้อัพเรื่องไปภูชี้ฟ้า ....ฯลฯ
เสาร์อาทิตย์นี้ไปชลบุรี ทริป(บังคับ) เล็ก ๆ สนุกสนานกับการกินและ ฮา....



ย้อนกลับมาปิดบล็อกโมร็อกโกเสียที
เป้าหมายของการเดินทางวันนี้คือ Marrakesh เมืองสีชมพู
หลังอาหารเช้าเราออกเดินทางสู่เมือง ไอท์เบนฮาดดู Ait Benhaddou เมืองที่มีชื่อเสียงจากอุตสาหกรรมภาพยนตร์ เส้นทางข้ามเทือกเขาไฮแอตลาส ตื่นตากับวิถีชีวิตชาวพื้นเมือง
แวะป้อม Ait Benhaddou เป็นป้อมหินทรายตั้งอยู่ท่ามกลางสวนอัลมอนต์ ใช้ถ่ายทำภาพยนตร์หลายเรื่อง เช่น Lawrence of Arabia , Jesus of Nazareth และ Gladiator (ปัจจุบันอยู่ในความดูแลของยูเนสโก)
ผ่าน คัสบาห์ หลายร้อยแห่งเรียงรายตามเส้นทาง





บางช่วงเป็นหนทางคดเคี้ยว สลับซับซ้อน ผ่านทิวเขาสูงน้อยใหญ่ สีสันแตกต่างน่าดูจริง ๆ




ฉันมีความรู้สึกว่ารถทะยานขึ้นที่สูงละลิ่ว หักเลี้ยวซ้ายก็..โอ้โอ สวยมาก แล้วก็หักเลี้ยวขวา...อู้ฮู สวยจริง ๆ ตัวงี้กระเด้งกระดอน เซไปทางซ้าย ย้ายมาทางขวา แล้วพุ่งทะยานสูงขึ้นอีก ภาพสวยต่าง ๆ อยู่ในมุมต่ำ ตัวเราเหมือนจะสัมผัสท้องฟ้าได้...ยังไงยังงั้น แฮ่ะ ๆ เว่อร์ไปมั้ยคะ





เราแวะชมพระราชวังบาเอีย (Bahia Palace) บ้างก็แปลว่า พระราชวังของผู้เป็นคนโปรด หรือบ้างก็ว่า Palace of the beautiful
มีเรื่องราวมากมาย ที่ไกด์ท้องถิ่นและกาลีเล่าให้ฟังเกี่ยวกับห้องต่าง ๆ เป็นอาคารหมู่ที่มีห้องมากมาย (จนเราแอบอู้ เพราะเมื่อยจัด)
ประดับตกแต่งด้วยงานไม้แกะสลัก กระเบื้องเซลลิจ ปูนปั้นทาสีและลงทองคำเปลวอย่างงดงาม มีการใช้วัสดุล้ำค่า
บริเวณสวนมีน้ำพุและสวนดอกไม้ บริเวณสวนกลางอาคารหมู่ปลูกต้นส้ม มะเดื่อ กล้วยและอื่น ๆ
ผ่านประตูที่แกะสลักไม้สวยงาม ลวดลายอ่อนช้อยละเมียดละไม เดินตรงไปจะพบลานกว้างให้ความรู้สึกโปร่งสบาย ฯลฯ
ชมสุสานซาเดียน สวนสวยภายนอกสร้างใหม่ตามแบบ Allah’s Paradise
ชมมัสยิดคูตูเบีย Koutoubia Mosque มัสยิดเก่าแก่ที่สุด มีหอคอยสูง 226 ฟิต ใกล้จตุรัสเจมา เอลฟนา Place Jemaa el-Fna




ใครที่มา Marrakesh แล้วไม่ได้มาเดินจตุรัส Place Jemaa el-Fna นับว่ามาไม่ถึงมาราเกซ
ที่นี่แหละที่ฉันรอคอยจะได้มาสัมผัสบรรยากาศ สีสันและความมีชีวิตชีวาที่น่าตื่นตาตื่นใจโดยแท้จริง
หลังนัดหมายกันเรียบร้อย เราก็แยกย้ายกันเข้าไปสัมผัสเสน่ห์อันร้อนแรงและลิ้มลองล้วงลึกด้วยตนเองตามอัธยาศัยและความชอบส่วนตัว
ฉันชอบอะไร...นั่นซีนะ
ตอบได้ว่า ชอบ “ความมีชีวิตที่เป็นเอกลักษณ์ของที่นี่” ....ชอบทุกอย่าง




จตุรัส Place Jemaa el-Fna ยามย่ำค่ำ
ลานกว้าง...จตุรัสใหญ่ที่สุดกลางใจเมือง รวมวิถีชีวิตคนเมืองมาราเกซไว้อย่างหลากหลายสมบูรณ์แบบ
คุณจะหาอะไรที่นี่ล่ะ
รอบ ๆ จตุรัสเป็นร้านค้า สรรพสินค้าค่ะ มีทุกชนิด เครื่องอุปโภค บริโภค ของใช้ในบ้าน ในครัวเรือน เสื้อผ้า ของที่ระลึก รองเท้า กระเป๋า ....มีทุกชนิดค่ะ
กลางลานมีซุ้มขายอาหาร ตั้งโต๊ะเก้าอี้ เสียบเนื้อแพะ แกะ วัว ย่างกันควันโขมง ร้านทอดปลาก็ทอดปลาสารพันชนิด (เพราะเราไม่รู้จักนี่นา...) เทโครมรวม ๆ กันลงในกะทะทีเดียว

ซุ้มน้ำผลไม้คั้น ซุ้มผลไม้แห้ง


ผู้คนเดินหาความสำราญบันเทิงกันขวักไขว่ มีนักดนตรีเปิดหมวก
แม่ค้าตื้อลูกค้าให้เขียนลายเฮนน่าที่มือ เท้าและแขน เก้าอี้เรียงเป็นวงสำหรับดูโชว์

มีมุมนักเล่านิทานที่ลูกค้าสุมหัวกันเข้าไปฟัง (เสียตังค์นิดหน่อยเป็นค่าตอบแทน)
นักมายากลตะเบ็งเสียงเรียกลูกค้า ฉันยืนดูอยู่พักนึง ไม่เห็นทำอะไรเลย...
หมองูเป่าปี่เรียกงู
ช่างตัดผมให้บริการกลางลานกว้างท่ามกลางฝูงชน
หมอฟันนั่งกลางลานปูผ้ารับถอนฟันสด ๆ (ชะเง้อเข้าไปดู เห็นซี่ฟันเรียงรายแต่ไม่เห็นมีคนเข้าไปใช้บริการ)



บางกิจกรรมที่มีการเรียกเก็บเงิน คุณจะเข้าไปถ่ายรูปเฉย ๆ ไม่ได้นะ ต้องจ่ายค่าถ่ายรูปด้วย (อันนี้ต้องระวัง...อีนี้แขกน่ากลัวนะ...)

คุณจิมบอกเล่าถึงภาพนี้ว่า
“แม่เขายืนถือขนมขายอยู่ข้างๆครับ ผมเดินเอาเงินไปให้น้องเค้า 10 Dirham แม่เค้าเห็นก็เดินเอาขนมมาให้ผมเลยครับ ผมไม่เอาก็ยัดใส่มือเลย จังหวะนั้น น้องคนที่ได้เงินไป รีบวิ่งไปร้านน้ำส้มเลยครับ...สงสัยอยากกินมาก”

เสียงเพลง เสียงดนตรี เสียงหัวเราะ เสียงปี่กลอง เสียงตะโกนอื้ออึง เป็นเสน่ห์ของจตุรัสนี้ค่ะ
ฉันได้ซื้ออินทผลัมชั้นหนึ่ง (แพงมั่ก ๆ กิโลละเกือบ 7- 8 ร้อยบาท)
แวะลิ้มรสจัดจ้านของน้ำส้มคั้นสด ๆ และแวะเวียนชิมโน่นชิมนี่ (ชิมแล้วชิ่ง...อิ่มกันเลยทีเดียว)

เราอำลาสวนสนุก จตุรัส Place Jemaa el-Fna อย่างอ้อยอิ่ง จะโอ้เอ้ก็มิได้เพราะอาหารค่ำมื้อนี้เป็นอาหารไทยที่ร้านที่มีชื่อเสียงของคนไทย
ทางเข้าลึกลับไปสักหน่อย เข้าไปก็มีที่ให้นั่งรอ เราเห็นชาวต่างชาติแต่งกายสวยงามมาดินเนอร์ใต้แสงเทียนในบรรยากาศโรแมนติกกันหลายคู่ บรรยากาศดูดี คลาสสิกเชียว
(มองดูตัวเราแล้วออกจะขัดเขิน แต่งชุดนี้ตั้งแต่เช้า ไปไหนต่อไหน ไปลุยจตุรัสเก็บกลิ่นสารพัดมาเรียบร้อยแล้ว... เอาเถอะ ไม่เป็นไรน่า...เราเป็นนักท่องเที่ยวนี่นา...)

อาหารอร่อยสมคำโฆษณาของคุณก้องและคุณจิมแห่งไฮไลท์ทัวร์
ต้อนรับดี บรรยากาศสุดเริ่ด มีโชว์พ่นไฟด้วย ร้านสวย ห้องน้ำสวย โต๊ะอาหารเป็นสัดส่วน (ปล่อยให้รอนานไปนิดนึง)
ที่นี่ เราพบคุณกรณ์ จาติกวณิชย์และครอบครัวมาทานอาหารร้านนี้ด้วย ได้ทักทายกัน ท่านเดินมาหาพวกเราถึงโต๊ะ...น่ารักทั้งครอบครัวเลยค่ะ

หลังอาหารค่ำ เราไปชมโชว์พื้นเมือง (Fantasia Show) เริ่มแสดงตอน 5 ทุ่ม
เป็นการโชว์การรบบนหลังม้า การทำสงครามกู้บ้านเมือง (ดูแล้วแอบนินทาว่า โปรดักชั่นแย่มาก ๆ) ดูไม่รู้เรื่อง
อันเรื่องนี้มาทราบทีหลังว่าเป็นโชว์การรบบนหลังม้าของชาว Berber เป็นการแสดงถึงความภาคภูมิใจในรากเหง้าแห่งบรรพบุรุษของตน
ฉันอยากให้เขาปรับปรุงการแสดงให้น่าดูกว่านี้ ให้ตัวละครมีชีวิตชีวาหน่อยและที่สำคัญให้มีการบรรยายให้อิชั้นรู้เรื่องหน่อย อาจทำแผ่นพับอธิบายการแสดงด้วยก็ได้ (...อิชั้นด้อยสติปัญญาค่ะ)


มีแถมโชว์ระบำ...เสร็จศึกมีงานฉลอง....

คืนนี้ที่พักดีมาก หรูหรา (แต่นอนแป๊บเดียว)
คืนนี้เหนื่อยกับการจัดกระเป๋า...จัดโน่นรื้อนี่ กว่าจะได้นอนก็ล่วงเข้าวันใหม่แล้ว....วันที่เราจะต้องกลับบ้านซะที

เช้าวันนี้เดินทางไปชมสวน Majorelle Garden หรือ Jardin Majorelle & Museum of Islamic Art สวนสวรรค์ย่านนิวทาวน์เมืองมาราเกซ
รวบรวมพันธุ์ไม้จากทั่วโลก โดยเฉพาะต้นกระบองเพชร


เดิมเป็นบ้านของศิลปินฝรั่งเศสดีไซนเนอร์ชื่อก้องโลก Yves Saint Lauren ที่มาหลงรักมาราเกซ ได้สร้างบ้านและสวนสวยเอาไว้เพื่อพักอาศัยและสร้างสรรค์งานของเขา
เจ้าของปัจจุบัน คือ Jacques Majorelle ได้ปรับปรุงวิลล่าสีน้ำเงินสด ตกแต่งด้วยกระถางดินเผาสีสด







เรากลับสู่คาซาบลังก้าเพื่อขึ้นเครื่องกลับบ้าน
ขอบคุณเพื่อนร่วมทริปที่ช่วยสร้างสรรค์ความสนุกสนานและประทับใจร่วมกัน
ขอบคุณคนบ้านเดียวกัน ฮั้วและคุณหมอ ที่เพิ่งมารู้จักและรู้ใจกัน
ขอบคุณกลุ่มคุณหมอทั้ง 2 กลุ่ม คุณหมอวิสัญญี และคุณหมอฟัน-เภสัชฯ
ขอบคุณกลุ่มอาเจ้ที่กินข้าวด้วยกันทุกมื้อ และทุก ๆ คน
ขอบคุณผู้ร่วมอุดมการณ์ถ่ายรูป (สวมวิญญาณช่างภาพมืออาชีพ)
ขอบคุณคุณก้อง ขอบคุณคุณจิมและไฮไลท์ทัวร์
และที่สำคัญ...ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านค่ะ



ประทับใจไม่รู้ลืม

Create Date : 20 ธันวาคม 2553
Last Update : 20 ธันวาคม 2553 14:03:35 น.		60 comments
Counter : 14043 Pageviews.
Share Tweet