ใช้โยเกิร์ตชนิดไม่ผสมผลไม้ใด ๆ นำมาผสมกับนมเปรี้ยว แช้ตู้เย็นให้เย็นสักหน่อย แล้วนำมาทาหน้า ซึ่งล้างและเช็ดสะอาด แล้วทาให้ทั่ว ทิ้งไว้ 15 - 30 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น ล้างซ้ำอีกทีด้วยน้ำเย็น ทำอย่างนี้สัปดาห์ละ 1 - 2 ครั้ง จะช่วยให้ผิวหน้านุ่มนวล เปล่งปลั่ง สดใสขึ้น

การยิ้ม หรือ หัวเราะบ่อย ๆ จะทำให้ใบหน้าได้บริหารไปในตัว ทำให้ผิวหน้าดูสดใสเต่งตึง และช่วยชะลอการเกิดริ้วรอย รวมทั้งรอยตีนกาก่อนวัยอันควร

เวลาจะทำความสะอาดใบหน้า หรือ บำรุงใบหน้า ด้วยวิธีใดก็ตาม ควรทำด้วยความเบามือ เพราะ ใบหน้า เป็นส่วนที่บอบบาง ซึ่งอาจจะเกิดอาการแพ้ระคายเคืองได้ง่าย

แสงจากโคมไฟ หรือ หลอดไฟ ทำให้เกิดริ้วรอยเหี่ยวย่น และ ผิวหน้าที่หมองคล้ำ ได้ทั้งนั้น จึงควรหลีกเลี่ยง เพราะ แสงอัลตราไวโอเลต จากหลอดไฟเหล่านี้ รุนแรงมากกว่าแสงแดดจริง ๆ ซะอีก

เหงื่อโชกจากการออกกำลังกาย จะช่วยขับสิ่งสกปรกที่อุดตัน ตามรูขุมขน ให้หมดไป และจะดียิ่งขึ้น ถ้าจะใช้พวกโทนเนอร์ เช็ดทำความสะอาดใบหน้าอีกครั้ง หลังการออกกำลังกาย

สำหรับผู้ที่มีใบหน้าเป็นสิว สบู่ยา หรือสบู่ที่มีฤทธิ์รักษาแบบอ่อน ๆ จะเหมาะกว่า เพราะ สบู่ชนิดนี้ จะมีฤทธิ์เป็นกรด ซึ่งสามารถลดการเกิดของสิวได้ แต่ถ้าเป็นสิวมาก ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

ผู้ที่มีผิวหน้าขาวเนียน เป็นธรรมชาติอยู่แล้ว เวลาถูกแสงแดด จะทำให้ใบหน้าไหม้ได้ง่าย ควรเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า เอสพีเอฟ 15 ขึ้นไป แต่ไม่ควรเกิน 30

สำหรับผู้ที่มีผิวหน้าสีแทน ตามธรรมชาติ ควรเลือกใช้ครีมกันแดด ที่มีค่า เอสพีเอฟ ตั้งแต่ 15 ลงมา

ครีมกันแดด โดยทั่วไปจะมีอายุ 3 เดือน หลังจากที่เปิดขวดใช้แล้ว และ ไม่ควรนำมาใช้ต่อหลังจากนั้น เพราะ จะทำให้เกิดอาการแพ้ได้

สำหรับผู้ที่มีผิวหน้าแห้ง ควรเลือกครีมกันแดดที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอร์ไรเซอร์ เพื่อช่วยให้ผิวหน้านุ่ม ชุ่มชื้น และไม่แห้งตึง นอกเหนือจากป้องกันแสงแดด

ผิวที่มันมาก ให้ใช้แอสทรินเจนท์ (สำหรับกลางวัน) และ คลีนเซอร์ (สำหรับกลางคืน) ที่มีกรด ผสม เช็ดหน้าเป็นประจำ จะทำให้ความมันลดลงอย่างได้ผล

การทาครีมกันแดด ควรทาบ่อย ๆ ทุก 2 - 3 ชั่วโมง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปกป้อง

ใช้น้ำตาลทรายหยาบ ๆ ผสมกับน้ำมันมะกอกสัก 2 - 3 หยด ใช้ลอกหน้าได้ดี

ดินสอพอง ผสมน้ำ คนให้เหนียว ใช้พอกหน้าทิ้งไว้ 10 นาที จึงค่อยล้างออก ผิวหน้าจะสะอาดนุ่มนวลขึ้น

ใช้แตงกวาสด ๆ มาปั่น แล้วนำมาพอกหน้า ทิ้งไว้สัก 10 นาที จึงล้างออกตามปรกติ จะช่วยให้ผิวหน้าสดชื่น และสะอาดจนรู้สึกได้

ในการขัดหน้า สำหรับผู้ที่มีผิวหน้าบอบบาง ให้ใช้สครับ ที่มีส่วนผสมของเมล็ดพืช เนื้อละเอียด แล้วผสมครีนซอร์ 1 หยดใหญ่ เพื่อให้เจลสครับเจือจางลง

ผิวที่มันมาก ให้หลีกเลี่ยงการใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์ ที่มีน้ำมันผสม เพราะ อาจทำให้รูขุมขนอุดตัน อันเป็นสาเหตุของการเกิดสิว

การทาครีมบำรุงผิว ในขณะที่ผิวยังชุ่มด้วยโทนเนอร์ หรือ แอสทรินเจนท์ จะช่วยให้ครีมซึมซาบเข้าสู่ผิวได้ดียิ่งขึ้น

สำหรับผู้ที่เป็นสิว ผลไม้เปลือกแข็งอย่างทุเรียน ซึ่งอุดมไปด้วยกำมะถัน ก็สามารถนำมาพอกหน้าได้ และ จะช่วยให้สิวแห้งเร็ว

ยามค่ำคืน เป็นช่วงที่เหมาะกับการบำรุงรักษาผิวหน้ามากที่สุด เพราะ เป็นช่วงที่ร่างกายได้พักผ่อน และ ทำการบำบัดรักษาตัวเอง

การขัดหน้าอีกวิธี ที่ทำได้ไม่ยาก คือ ให้ใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์ ที่ผสม เอเอชเอ (กรดผลไม้) ซึ่งจะช่วยลอกหน้าได้เป็นอย่างดี

ผู้ที่มีผิวหน้าหมอง การรับประทานถั่วอบแห้ง หอย และ เมล็ดพืชแห้ง ๆ ซึ่งอุดมไปด้วยวิตามินอี จะช่วยให้ผิวสดใสขึ้น

การล้างหน้าเกินกว่าวันละ 2 - 3 ครั้ง อาจทำให้ผิวหน้าแห้งแตกเป็นขุย และกระตุ้นให้เกิดสิวได้

การล้างหน้าด้วยโฟม อาจทำให้ผิวแห้ง มากกว่า การล้างหน้าด้วยสบู่อ่อน ๆ

หากใบหน้าเกิดสิว ให้ใช้ว่านหางจระเข้ทา สิวจะยุบตัวอย่างรวดเร็ว แถมไม่ทิ้งรอยแผลเป็นไว้บนใบหน้าด้วย

สำหรับผู้ที่มีผิวหน้า มีรูขุมขนกว้าง ให้ใช้ว่านหางจระเข้ ทาทุกวัน จะช่วยทำให้รูขุมขนแคบลง เพราะ ว่านหางจระเข้ มีสรรพคุณช่วยสมานผิว

ว่านหางจระเข้ มีสรรพคุณช่วยให้ผิวหดตัว จึงสามารถช่วยลบรอยย่นบนผิวหน้าได้