ตายเร็วไป อยู่นานเกินไป เจ็บป่วยหนักเกินไป อุบัติเหตุมากเกินไป เตรียมพร้อมกันหรือยัง จะทำอย่างไรกับคนข้างหลัง และ ค่าใช้จ่ายต่างๆ ให้เราช่วยวางแผนสิคะ
Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2556
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
2 พฤษภาคม 2556
 
All Blogs
 

มะเร็งกระดูกในเด็ก

ชื่อผลงาน : มะเร็งกระดูกในเด็ก...โรคเศร้าที่เราต้องพบเจอ

ผู้นำเสนอผลงานและที่อยู่ติดต่อ : สายฝน สงฆ์อุทก: งานการพยาบาลผู้ป่วยออร์โธปิดิกส์ ฝ่ายการพยาบาล โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่

สิ่งที่ได้เรียนรู้"... การพยาบาลเด็กแต่ละครอบครัวมีความแตกต่างกัน ซึ่งต้องคำนึงถึงหลายอย่าง ทั้งสภาพคนไข้ตอนนั้น ความเหมาะสมของเวลา สถานที่ อารมณ์ ความรู้สึก ความรู้ รวมไปถึงภูมิหลังของแต่ละครอบครัว ..."

 


รายละเอียด
ถ้ากล่าวถึงหอผู้ป่วยออร์โธปิดิกส์เด็ก หลายคนคิดว่าจะเป็นเด็กป่วยด้วยอุบัติเหตุเท่านั้น จริงๆ แล้วไม่ใช่เพราะมันมีบางสิ่งที่น่ากลัวแทรกอยู่ มันคือมะเร็งร้ายของกระดูกที่ไม่น่าจะมาเกิดกับเด็กๆ ที่กำลังจะเจริญเติบโตไปข้างหน้าเด็กควรอยู่บ้านหรือโรงเรียนมากกว่าที่จะมานอนในโรงพยาบาล ภาวะความเจ็บป่วยของเด็กถือว่าเป็นวิกฤตของเด็กและบิดามารดา รวมไปถึงญาติพี่น้องด้วย มีเรื่องที่สะเทือนใจและโด่งดัง ถ้าท่านได้ติดตามข่าวทั้งหน้าหนังสือพิมพ์ หน้าจอโทรทัศน์ ตาม web site และเรื่องนี้ยึดพื้นที่ข่าวอยูนานจนกระทั่งน้องได้เสียชีวิต น้องคนนี้ผ่านออกจาก ward เราไปแล้วไม่กลับมารักษาต่อตามที่แพทย์นัด แต่ไปปรากฏตัวที่สถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่ง ในสภาพของเด็กป่วยมีก้อนเนื้อโตบริเวณขา ตัวผอมๆ สื่อก็คงทำหน้าที่ของเขาตามมุมมองและสิ่งที่เขาจะนำเสนอได้ เราในฐานะผู้ชมและพยาบาลอดสงสัยไม่ได้ว่าเพราะอะไร ไม่มีทางอื่นแล้วหรือที่จะแก้ไขและบรรเทาทุกข์ของผู้ป่วยและญาติ สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้พวกเราต้องกลับมาทบทวนการพยาบาลของเรา

เหตุการณ์คราวนั้นจึงทำให้เกิดโครงการกำลังใจสู่วันฟ้าใสขึ้น โครงการดังกล่าวมุ่งเน้นไปที่ผู้ป่วยโรคมะเร็งกระดูกที่มีอาการลุกลามจนไม่สามารถรักษาอวัยวะส่วนที่เกิดโรคไว้ได้ แพทย์ต้องตัดบางส่วนออกเพื่อรักษาส่วนที่สำคัญที่สุดของคนเรานั่นก็คือชีวิต ชีวิตที่มีค่าสำหรับอีกหลายชีวิต(พ่อ-แม่-พี่น้อง-ปู่-ย่า ฯ) และชีวิตที่เหลืออยู่เราก็อยากให้เป็นชีวิตที่มีความสุข ชีวิตที่ได้ไปในที่ที่เด็กควรไป เช่นโรงเรียน สวนสัตว์ ได้เล่นอย่างที่เด็กคนอื่นเล่นกัน อยากเห็นรอยยิ้มและอยากได้ยินเสียงหัวเราะ แม้ว่าก่อนที่สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นเราต้องใช้และให้เวลากับการตัดสินใจทั้งตัวผู้ป่วยเองและครอบครัว เรามีทั้งถ้อยคำบอกเล่า วิดีทัศน์ รูปภาพก่อนและหลังการตัดอวัยวะส่วนที่เกิดโรคให้ดู เพื่อประกอบการตัดสินใจ มีเด็กและครอบครัวหลายคนบอกเสมอว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะตัดสินใจ คนที่เป็นพ่อเป็นแม่แค่ลองคิดว่าถ้าลูกเราเป็นมะเร็งก็ยังใจหายไม่กล้าคิดเลย ไม่ต้องบอกก็รู้จากสีหน้าและท่าทาง มันน่าใจหายมากที่แขนหรือขาที่เคยอยู่กับเรามาตั้งแต่เกิดต้องจากเราไป ตัดแล้วจะหายไหม เดินได้เหมือนเดิมไหม ไปโรงเรียนได้หรือเปล่า หลากหลายคำถามที่ตอบอยากแต่ก็ต้องตอบ คำคอบและแนวทางการตัดสินใจจึงรวมอยู่ในโครงการดังกล่าว

โครงการเริ่มดำเนินแล้ว และช่วยเป็นแนวทางแก่ผู้ป่วยและครอบครัวในการตัดสินใจมีผู้ป่วยหลายคนที่กลับมาเยี่ยมเยือนเจ้าหน้าที่ด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะอย่างที่เราอยากเห็นและอยากได้ยิน ไม่มีผู้ป่วยไปออกโทรทัศน์ให้พวกเราต้องมานั่งดูด้วยความรันทดใจ และเรื่องราวที่จะเล่าถึงคือเด็กชาย 2 คนที่เข้ามาร่วมในโครงการดังกล่าวและทำให้เกิดความประทับใจแก่เจ้าหน้าที่มาก

เด็กชายนามสมมุติ อ๊อฟ อายุ12 ปี มาด้วยอาการก้อนโตที่เข่าขวามารับการรักษาตามขั้นตอนของแพทย์ทุกอย่าง ทั้งเจาะเลือด X-ray MRI เจาะชิ้นเนื้อไปตรวจ ผลตรวจเป็นมะเร็งแม้ว่าทุกคนจะภาวนาไม่ให้มันใช่ แต่ความจริงก็คือความจริง เมื่อแพทย์แจ้งให้ทราบสร้างความเศร้าโศกให้ทั้งครอบครัว พ่อ แม่ ลูก และเจ้าหน้าที่พยาบาลแล้วจะรักษายังไงคือคำถามของพ่อ เด็กชายอ๊อฟเริ่มรับการรักษาด้วยการรับยาเคมีบำบัด น้องย้ายไปรักษาต่อที่ตึกกุมาร ชั้น6 เพื่อสกัดกั้นการลุกลามของก้อนเนื้อ (คล้ายกับการกระชับพื้นที่) น้องต้องเข้า-ออกโรงพยาบาลหลายครั้งเพื่อมารับยาเคมีบำบัด เกือบทุกครั้งที่มารักษาที่ชั้น 6 บิดามักจะลงมาแจ้งข่าวและอาการให้ทราบ แม่บอกว่าน้องกลายเป็นเด็กติดพ่อทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้นจะไปไหนกับแม่บ่อยครั้งกว่า แม่บอกว่าพ่อเป็นผู้พาน้องมาโรงพยาบาลทุกครั้ง ส่วนแม่บางครั้งไม่สามารถมาได้เนื่องจากมีลูกอีกคนที่ต้องคอยดูแล พ่อพานั่งรถเข็น พาเข้าห้องน้ำ ซื้อของที่ชอบให้ทาน พ่อขับรถจากจังหวัดแพร่พาน้องมารักษาทุกครั้งที่แพทย์นัด ไม่เคยสักครั้งที่จะพลาดโอกาสการรักษา ด้วยความหวังว่าลูกจะหาย แต่โชคชะตาไม่เข้าข้างหรือเจ้ามะเร็งร้ายมันดื้อด้านก็ไม่รู้ ยาเคมีบำบัดที่ให้ไปไม่สามารถทำให้ก้อนเนื้อลดขนาดลง ก้อนเริ่มโตขึ้น วันหนึ่งเด็กชายอ๊อฟกลับมา admit ที่ ward ด้วยขนาดของก้อนที่โตขึ้นจนมองเห็นเส้นเลือดบริเวณก้อนได้ชัดเจน วันนี้น้องมาพร้อมกันทั้งพ่อและแม่ด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก พ่อบอกว่าคุณหมอให้มานอนเพื่อตัดขา พ่อและแม่รู้แล้วแต่น้องยังไม่รู้พ่อบอกว่ายังไม่รู้จะบอกน้องอย่างไรดีแต่ก็จะค่อยๆบอกให้น้องทราบ ขอเวลาให้น้องได้ทำใจ เมื่อแพทย์ผู้รักษามาดูอาการได้แจ้งแนวทางการรักษาที่แน่ชัดซึ่งก็คือการตัดขาเหนือเข่าขึ้นไป พ่อยังมีสีหน้าไม่ดีขึ้นทั้งๆ ที่ทำใจไว้บ้างแล้ว ส่วนแม่ได้แต่ร้องไห้สงสารลูก ยิ่งแม่ร้องไห้ก็ยิ่งทำให้น้องอ๊อฟตัดสินใจไม่ได้ หลังจากที่พยาบาลและแพทย์สายอธิบายให้ครอบครัวทราบอย่างละเอียดแล้ว พี่หัวหน้าหอผู้ป่วยได้ไปขอความร่วมมือกับแพทย์ท่านหนึ่งซึ่งท่านป่วยด้วยโรคมะเร็งและได้รับการตัดขาไปแล้ว มาคุยกับผู้ป่วยและพ่อแม่ ท่านพูดว่า “การตัดขาไม่ใช่จุดสิ้นสุดของการรักษา แต่เป็นการเริ่มต้นของการรักษาเท่านั้น ถ้าพ่อแม่ยังทำใจไม่ได้ คงไม่หวังให้ลูกทำใจได้” มันเหมือนเป็นการ empowerment ให้ครอบครัว ให้พ่อแม่ได้หันมาเห็นความสำคัญของตนเอง ให้กำลังใจลูก ทำตนให้เข้มแข็ง หลังจากนั้นแม่เริ่มหยุดร้องไห้หรือแสดงอาการเศร้าโศก น้องอ๊อฟก็หยุดร้องไห้ รับฟังข้อมูลมากขึ้น เริ่มช่วยกันวางแผนการรักษากับทีมแพทย์พยาบาล ให้ครอบครัวมาดูรูปผู้ป่วยอื่นๆ ที่ตัดขาแล้ว สามารถเดินได้ มาดูวิดีทัศน์ ทุกคนรู้สึกดีขึ้น ผู้ป่วยยินยอมรับการรักษา มันดูเหมือนง่าย แต่ขั้นตอนดังกล่าวมีรายละเอียด หลังผ่าตัดน้องอ๊อฟอาการดี น้องบอกว่ารู้สึกเบาขึ้น ไม่ต้องแบกก้อนไว้ที่ขาแล้ว สุขสบายกว่าตอนที่มีก้อนกาฝากมาเกาะขาอยู่ น้องอ๊อฟกลับบ้านพร้อมคุณพ่อคนเก่งในเช้าวันที่ฝนไม่ตกกับพ่อสองคน ส่วนป้าๆน้าๆ พยาบาลทางนี้ก็รอน้องอ๊อฟมาเยี่ยมเยือนในวันที่แพทย์นัดครั้งต่อไป

อีกตัวอย่างหนึ่งคือ น้องอาตง เด็กชายจากดอยวาวีอายุ 3 ขวบ มาด้วยพบก้อนบริเวณไหปลาร้า แพทย์มีแผนการรักษาด้วยการฉายแสง ทุกวัน เป็นเวลาประมาณ 2 เดือน การต้องมารักษาอย่างต่อเนื่องทุกวันทำให้คุณพ่อคุณแม่ต้องออกจากงานเพื่อพาลูกมารักษา แต่เจ้าหน้าที่ไม่เคยเห็นความท้อถอย เศร้าโศกจากพ่อและแม่คู่นี้เลย แม่หัวเราะได้ตลอดเวลา ทุกอย่างเป็นเรื่องธรรมดาและสามารถหัวเราะได้ เมื่อไม่สามารถทำงานประจำได้ พ่อจึงหันมาเลี้ยงไก่ขาย วันหยุดก็ไปรับผลไม้จากบนดอยบ้านเกิดมาขาย นอกจากป้าๆ จะดูแลอาตงอย่างเต็มที่ ให้ความสะดวกสบายเต็มความสามารถแล้ว ป้าๆ น้าๆ ทั้งหลายก็ช่วยกันซื้อผลไม้ของอาตงด้วย ซื้อเพราะอยากให้ครอบครัวนี้มีรายได้บ้างเท่านั้น จากการติดตามข่าวเมื่ออาตงรับการรักษาครบแล้ว พ่อกับแม่ก็กลับไปทำงานที่เดิมได้ นี่เป็นตัวอย่างของการปรับตัวของพ่อกับแม่ที่ประทับใจมากจริงๆ เรื่องนี้ทำให้เราเรียนรู้ว่าการให้ข้อมูล ให้การพยาบาลเด็กแต่ละครอบครัวไม่เหมือนกัน เราต้องคำนึงถึงหลายอย่าง ทั้งสภาพคนไข้ตอนนั้น ความเหมาะสมของเวลา สถานที่ อารมณ์ ความรู้สึก ความรู้ รวมไปถึงภูมิหลังของแต่ละครอบครัวด้วย

 

 

 

หากเรื่องนี้เกิดขึ้นกับเรา หรือคนที่เรารัก จะทำอย่างไรกันนะ นี่เป็นคำถามแรกหลังจากอ่านบทความนี้จบ จึงอยากเอามาแบ่งปันกันนะคะ





 

Create Date : 02 พฤษภาคม 2556
1 comments
Last Update : 2 พฤษภาคม 2556 10:35:39 น.
Counter : 857 Pageviews.

 

ดิฉันเป็นคนหนึ่งต้องเสียลูกสาววัย 5 ขวบอันเป็นที่รัก ไปเมื่อเดือนมิถุนายน 2556 ที่ผ่านมา ในตอนแรกที่รักษาก็เหมืนอจะดี ทั้งตัดขาแล้วทำคีโมแล้ว ซึ่งการตัดขาก็ไม่ใช่แค่ตัดเหนือเข่า ถอนออกทั้งขาเลย แต่ไอ่มะเร็งเจ้ากรรมก็ไม่ได้ปราณีเด็กเลย มันไปใหญ่เต็มปอด และช่วงเวลาอาทิตย์เดียว มันก็ไปสมองจนน้องตายในที่สุดซึ่งขณะตายน้องตายไปพร้อมกับอ๊อกซิเจนที่ติดกับจมูก ซึ่งตอนที่ตัดขาหมอบอกว่าน้องจะอยู่ได้ถึงเป็นสาว และตอนที่ให้คีดมน้องไม่มีอาการข้างเคียงเลย แข็งแรงทุกอย่างแต่ทำไม ดิฉันอยากคิดให้เป็นแค่ฝันร้าย ไม่อยากให้เกิดกับครอบครัวเราเลย ยังไม่ทันได้ดูแลเค้าเต็มที่ อยากดูแลเค้าจนเค้าประสบผลสำเร็จในชีวิตก่อนด้วยซ้ำ

 

โดย: สุกัญญา IP: 110.164.94.196 30 มิถุนายน 2556 10:24:38 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ichiko
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




สวัสดีค่ะ ชื่อณภัทรนะคะ ตอนนี้ทำงานบริษัทด้านการพัฒนากระบวนการผลิตในโรงงานอุตสาหกรรมค่ะ
ชอบการพัฒนาทั้งตัวเอง และสิ่งรอบข้างนะคะ จันทร์ ถึง ศุกร์ จะอยู่ที่ศรีราชา ชลบุรี เสาร์ และอาทิตย์ วนเวียนอยู่แถว กทม และนนทบุรีค่ะ

นอกจากนี้สิ่งที่ทำอีกอย่างหนึ่งก็คือ เป็นตัวแทนประกันชีวิตของ AIA ค่ะ โดยมีเลขที่ใบอนุญาต คือ 5601029476
สามารถดูแลลูกค้าได้ทั้ง ชลบุรี ระยอง กรุงเทพ นนทบุรี นะคะ ไม่ต้องห่วงค่ะ มีบ้านอยู่ทั้ง ชลบุรี และนนทบุรี ค่ะ

เนื่องจากเคยโดนตัวแทนประกันทำไม่ได้เรื่องไว้กับที่บ้าน
จึงตั้งใจเป็นตัวแทนที่ดี ไม่ให้เสียชื่อครอบครัวค่ะ

หากสนใจต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมรายละเอียดของการทำประกันชีวิต

หรือหากมีข้อเสนอแนะไปยังบริษัท และตัวแทนของ AIA ก็ สามารถแจ้งข่าว สอบถาม แลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้เลยนะคะ

สามารถติดต่อได้อีกช่องทางหนึ่งผ่านเฟซบุค naphat krutthai นะคะ หรือผ่านหน้าเพจ ประกันชีวิต ค่ะแอดมาได้ทั้งสองช่องทางค่ะ ขอบคุณค่ะ

ขอบพระคุณค่ะ

สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม

ณภัทร 095 524 4261
Friends' blogs
[Add ichiko's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.