Unseen of The World Japan Alps Trip With 103Likefm PartII
มาถึงตอนที่ 2 วันที่ 4 ของการเดินทางแล้ว ยาวจริงอะไรจริง 55 ใครยังไม่ได้อ่านตอนแรกเชิญที่ลิงค์นี้ก่อนเลยจ้า
วันนี้เราจะเดินทางขึ้นสู่เจแปนแอลป์กันแล้วค่า กรี๊ดกร๊าด ๆ ตื่นเต้น ออกจากที่พักเราเดินทางสู่สถานีทาเทยามะ
หลังจากนั้นเราจะขึ้นรถรางไฟฟ้าสู่ที่ราบบิโจไดร่าเพื่อเปลี่ยนเป็นรถโค้ชสายธรรมชาติ
รถรางมาแล้วขึ้นได้เลยจ้า
พอขึ้นไปถึงที่ราบบิโจไดร่า (Bijodaira) ก็ต้องไปต่อแถวเพื่อต่อรถโค้ช ของเรามาเป็นกรุ๊ปทัวร์ก็จะได้ยืนรอในช่องโซนนี้
ที่เที่ยวที่นี่ก็เป็นอีกที่นึงที่มีตราแสตมป์ให้สะสม แรก ๆ ก็ได้แสตมป์หรอก หลังๆลืม 55
รถโค้ชจอดรอเราอยู่นั่นแล้วค่า
ตอนนี้เราจะเดินทางขึ้นสู่ยอดดอยมุโรโด ระหว่างทางก็จะเป็นป่าสนดึกดำบรรพ์ที่มีอายุกว่า 1,000 ปี
ชมน้ำตกที่สูงที่สุดของประเทศญี่ปุ่น
แล้วก็เดินทางผ่านกำแพงหิมะ ตอนอยู่ในรถได้เห็นหิมะแล้วตื่นเต้นมาก
กรุ๊ปเราแวะลงที่ Midagahara เพื่อทานอาหารกลางวัน
หิมะขาว ๆ ตัดกับฟ้าใส ๆ จริง ๆ ค่า
มื้อกลางวันเรามาทานที่ Midagahara Hotel
ห้องอาหารเปิด 11.00 - 14.00 น. Last Order 13.45 น.
เป็นเซ็ตแบบเบนโตะ นู่นนิด นี่หน่อย น่ารักดี มีหม้อไฟกระดาษด้วย
ทานไปชมวิวหิมะไป สวยฝุด ๆ ค่า ใครมาเที่ยวเส้นทางนี้สิ่งสำคัญอีกอย่างนึงคือแว่นกันแดดนะคะ สว่างโร่ขาวโพลนไปหมดเลยค่า
รีบทำเวลากินข้าวเสร็จก็วิ่งออกมาเริงร่าบนหิมะกัน
พอถึงเวลาก็กลับไปขึ้นรถบัสกันต่อเพื่อเดินทางสู่มุโรโด (Murodo)ซึ่งเป็นจุดชมวิวสูงสุดของเส้นทางนี้
จุดนี้เค้าจะให้เราลงไปเดินถ่ายรูปเก็บภาพบรรยากาศกับกำแพงหิมะ
ปีนี้กำแพงหิมะสูงจริง ๆ ค่ะ
สูงถึง 19 เมตรเลยทีเดียว
อากาศบนนี้ - 2 องศา คนที่ไม่ขี้หนาวเค้าก็ใส่เสื้อกันหนาวบาง ๆ กันนะ ส่วนเรามีโค้ทแล้วยังงัดถุงมือมาใส่ด้วย บรึ๋ยๆ
ต่อจากนั้นเราก็นั่งรถโค้ชไฟฟ้าทะลุอุโมงค์ใต้ภูเขามาต่อกันที่ที่ราบไดคัมโป (Daikanbo)
หน้าตารถโค้ชไฟฟ้าที่เรานั่งมากันค่ะ
เราจะมาขึ้นกระเช้ากันที่ที่ราบไดคัมโปนี่แหละค่ะ แต่ก็ต้องรอคิวกันนิดนึง ระหว่างที่ไกด์ไปจัดการเรื่องรอบ เราก็มีร้านของที่ระลึกให้ได้ช้อปปิ้งละลายเงินเยนกัน
พอถึงเวลาก็เข้าคิวรอขึ้นกระเช้าค่า
กระเช้าจะพาเราผ่านเหวลึกไปยังคุโรเบะไดร่า (Kurobedaira)
โดยสลิงของกระเช้าจากต้นทางถึงปลายทางจะไม่มีเสาค้ำสลิงคั่นกลางเป็นระยะทาง 1,700 เมตร ซึ่งเป็นที่มาของชื่อกระเช้าพาโนราม่า
พอถึงคุโรเบะไดร่า (Kurobedaira) เราต้องเปลี่ยนจากกระเช้าเป็นรถรางไฟฟ้าขั้นบันไดอีกรอบ เพื่อนั่งลงไปสู่คุโรเบะ (Kurobeko)
ตรงจุดนี้เราจะได้เดินชมวิวสันเขื่อนคุโรเบะ (Kurobe Dam) เขื่อนขนาดยักษ์ที่มีความยาวของสันเขื่อน 800 เมตร
วิวตรงสันเขื่อนนี่สวยมาก ๆ ค่า
อากาศก็เย็นฝุด ๆ ด้วย ลมพัดหน้าชา 555
จุดกึ่งกลางของเขื่อน
ด้านล่างยังเป็นหิมะอยู่เลยค่า ตอนอยู่ตรงนี้ต้องควักถุงมือมาใส่อีกรอบ เย็นมากก
จากสันเขื่อนคุโรเบะ (Kurobe Dam) เราต้องนั่งรถโค้ชไฟฟ้า ทะลุอุโมงค์ใต้ภูเขาลงมาที่สถานีโองิซาว่า (Ogizawa) เป็นอันจบเส้นทาง Alpine Route กำแพงหิมะ พูดตรง ๆ เส้นทางนี้ถ้าไม่ได้มากับทัวร์นี่งง และเหนื่อยกว่านี้แน่เลย เพราะแต่ละจุดต้องไปจองคิวต่อรถต่อกระเช้า ถ้ามาเองก็ไม่รู้ติดต่อตรงไหน ไปยังไงต่อ ยังไงใครจะมาเที่ยวเส้นทางนี้ลองศึกษาดูนะคะ ถ้าไม่ซื้อทัวร์มาจากไทยจะไปยังไงได้บ้าง
หลังจากมาถึงสถานีโองิซาว่า (Ogizawa) รถโค้ชของเราก็จะมาจอดรอเราอยู่ที่นี่ และเดินทางต่อไปยังทะเลสาปซูวะระหว่างนี้ก็เพลียสลบสไลกันไปค่า ถึงที่พักสำหรับคืนนี้ Lake Suwa Beniya ก็ทานอาหารเย็นกันที่นี่และผ่อนคลายกับการแช่ออนเซ็น
มื้อเช้าหลังจากทานอาหารเช้าและเช็คเอ้าท์ออกจากรร. ก็เดินทางกันต่อเพื่อมายังหมู่บ้านน้ำใส (Oshino Hakkai)
หมู่บ้านน้ำใส (Oshino Hakkai) เป็นหมู่บ้านที่มีบ่อน้ำ 8 บ่อซึ่งเกิดจากการละลายของน้ำบนภูเขาไฟฟูจิ
น้ำในแต่ละบ่อใสมาก ๆ
ชมบ่อได้ไม่นาน มุมของฝากก็ดึงดูดเราอีกแล้ว อิอิ มีภาษาไทยด้วย แสดงว่าคนไทยมาเที่ยวเยอะ ขนมแนวนี้แม่ชอบ จัดไปแบบรวม 1 กล่อง อร่อยเป็นบางอันนะ
ของที่ระลึกมีฟูจิซังด้วย
นั่นเป็นเพราะที่หมู่บ้านนี้ถ้าฟ้าเปิดจะสามารถมองเห็นฟูจิซังด้วยนะคะ เสียดายวันที่ไปฟ้าไม่เปิด มองไม่เห็นยอดเลย รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับหมู่บ้านดูได้ที่นี่ค่า
มื้อกลางวันเรามาทานอาหารกลางวันเป็นเซ็ตหมูย่างสไตล์ญี่ปุ่นที่ร้านนี้ ไม่มีพิกัดเพราะหารายละเอียดส่วนนี้ไม่ได้เลยค่า
มื้อนี้เราจะย่างหมูบนหินภูเขาไฟกันค่ะ
1 เซ็ตจะได้ประมาณนี้ค่ะ มีหมูสันนอก มีผัก มีกุ้ง ซุปมิโสะ น้ำจิ้มและข้าวสวย
ผัดไปคีบเข้าปากไป เพลิดเพลินฝุดๆค่า
ตบท้ายด้วยน้ำเลมอนเนดเปรี้ยวๆซ่าๆชื่นใจ
ภาคบ่ายมุ่งหน้าเข้าสู่โตเกียว เราจะไปช้อปปิ้งที่ชินจูกุกันค่า
ก๊อดซิล่าบุกโตเกียว อิอิ
วันที่เราไปเป็นวันอาทิตย์โชคดีมากเค้าปิดถนนให้คนลงไปเดิน เดินช้อปปิ้งกันสนุกสนานมากค่ะ แต่เวลาให้น้อยไปหน่อย 2 ชม.ครึ่งวิ่งไปมายังไม่ทันครบก็หมดเวลาละ
เจอ Croissant Taiyaki อยู่เมืองไทยคิวยาวยังไม่ได้ชิมเลย
มาญี่ปุ่นคิวไม่ยาวมาก ขอแวะเลยละกัน อิอิ
จัดมาคนละชิ้น ไส้คัสตาร์ด 210 เยน กับไส้ช็อคโกแลต 250 เยน แป้งอบออกมาร้อน ๆ กรอบอร่อยมาก ชอบ ๆ ส่วนตัวชอบไส้คัสตาร์ดมากกว่าไส้ช็อคค่า
ต่อจากครัวซองค์ไทยากิก็มุ่งหน้ามาตามหาร้าน Pablo ร้านอยู่ในสถานีรถไฟนะคะ ทางลงวกวนงงมาก ทางแยกของแต่ละประตูเยอะอ่ะ สุดท้ายถามคนญี่ปุ่นเอาค่ะ เค้าก็จะชี้ทางให้เอง
มีเมนู April Limited ด้วย น่ากินแต่กลัวเละ ชาเขียวออกใหม่ก็น่ากิน
สุดท้ายเลือกแบบออริจินอลที่เค้าฮิต ๆ กันมานั่นแหละ
มี 2 แบบให้เลือกคือแรร กับมีเดี่ยม เราเลือกมีเดี่ยมเพราะกลัวเละ จับแช่เย็นไว้ 1 คืนเลยไม่ค่อยเยิ้มเท่าไหร่ แต่อร่อยนะ ชอบ ๆ
จบจากขนมมีเวลาอีกนิดก็ไปดูพวกรองเท้า รองเท้า Converse รุ่นกาละสีเรือ น่ารักอ่ะ แต่ใกล้เวลานัดแล้วไม่มีเวลาลองอดเลย
มื้อเย็นเรามาทานอาหารค่ำที่ภัตตาคาร Sunshine Cruise ซึ่งอยู่บนชั้น 58 ของตึก Sunshine
หลังจากนั้นก็เข้าพักที่รร. Keio Plaza ย่านชินจูกุ
แน่นอนว่าพักย่านนี้กลางคืนก็ออกมาช้อปปิ้งกันต่อค่า 555 ขอบคุณพี่เอ๊ะ-ละอองฟองมาก เป็นไกด์นอกเวลาเสมอ กลางคืนพาสมาชิกในกรุ๊ปไปเดินเที่ยวต่ออีก ไม่ได้พี่ไม่ได้ของเยอะขนาดนี้แน่ อิอิ อ้อ ขอบคุณทีมงาน 103Likefm ด้วยนะคะที่พาสมาชิกทุกคนออกไปช๊อป แถมยังพากลับมาส่งรร.ตอนดึกดื่น อดช๊อปอดเที่ยวของตัวเองเลย แหะๆ
เช้าวันสุดท้ายของการเดินทาง หลังจากเช็คเอ้าท์จากรร.ก็มุ่งหน้าสู่วัดอาซาคุสะ แคนนอน จริงๆ ชื่อว่าวัดเซ็นโซจิ แต่อยู่ในย่านอาซาคุสะก็เลยเรียกเป็นวัดอาซาคุสะ วัดนี้เป็นวัดที่อยากมามาก ได้มาซะที เย่
เดินมาด้านหน้าทางเข้าเจอพ่อหนุ่มรถลากเรียกให้นั่งรถเล่น 55 ไม่มีเวลาอ่ะนะ แต่รับโบชัวร์มาด้วยใครสนใจแวะสอบถามได้ที่หน้าทางเข้าหลักจ้า Tokyo Rickshaw เค้าจะมีหลายเส้นทางให้เลือก แบบสั้นสุด easy try 3,000 เยน/คน ถ้านั่ง 2 คนคิด 4,000 เยน Half around 7,000 เยน/คน ถ้านั่ง 2 คนคิด 9,000 เยน Full Circle 15,000 เยน/คน ถ้านั่ง 2 คนคิด 20,000 เยน รายละเอียดเพิ่มเติมไปดูในนี้
ผ่านประตูโคมแดงเข้าไปก็จะเจอถนนนากามิเซะ (Nakamise Dori) ที่ 2 ข้างทางจะเต็มไปด้วยร้านขนม ของฝากมากมาย
ก่อนจะช้อปเรามาไหว้พระขอพรกันก่อนดีกว่าค่า มุ่งหน้าตรงมาที่นี่เลย
แต่ยังไม่ต้องเข้าไปนะคะ เดินไปด้านข้างจะมีบ่อน้ำให้ล้างมือ บ้วนปากก่อน หลังจากนั้นก็ซื้อธูปกำละ 100 เยนแล้วก็มาจุดตรงนี้ค่ะ จุดเสร็จก็นำมาปักในกระถางธูปที่อยู่ใกล้ ๆ กันแล้วก็กวักควันธูปเข้าหาตัว
หลังจากนั้นก็ขึ้นไปไหว้เจ้าแม่กวนอิมกันค่า
ใครจะเข้าวัด ไหว้พระอย่าลืมเตรียมเหรียญ 5 เยนมาด้วยนะคะ 5 ในภาษาญี่ปุ่นออกเสียงว่าโกะเอ็น ซึ่งพ้องเสียงกับคำว่าโชคดี ไกด์เค้ามีบอกวิธีไหว้ไว้เหมือนกันนะ แต่ลืม 555
ไหว้เจ้าแม่กวนอิมเสร็จก็ขอเสี่ยงเซียมซีซะหน่อย หยอดไป 100 เยนแล้วก็เขย่าเลยจ้า ถ้าได้คำทำนายดีก็เก็บเป็นเครื่องราง ถ้าได้คำทำนายไม่ดีก็จะนำไปผูกไว้เพื่อแก้เคล็ด
ไหว้พระเรียบร้อยมุ่งหน้าสู่ Aeon ใกล้สนามบินนาริตะค่า มาช้อปปิ้งก่อนขึ้นเครื่อง รูปตอนช้อปไม่มีเพราะทำเวลามาก ถ่ายมาแต่ขนมแหละ ทางทัวร์ให้เวลาทั้งช้อปทั้งทานข้าว เรามัวแต่ช้อปสุดท้ายก็เลยวิ่งมาฝากท้องง่าย ๆ กับร้านที่คุ้นเคย
ทาโกะยากิร้าน Gindaco ที่วัดอาซากุสะก็มีนะแต่ตอนนั้นยังไม่หิวไง มาเจอที่ Aeon ก็จัดซะ ทาโกะยากิราดมายองเนสผสมไข่ปลา โรยด้วยชีสสสส 8 ลูก 650 เยน ลืมไปว่าจะรีบกินดันสั่งทาโกะยากิ ปากแทบพอง 555
กินเสร็จกระโดดขึ้นรถตามเวลานัดเพื่อเดินทางไปนาริตะ เตรียมขึ้นเครื่องบินกลับประเทศไทยค่า ระหว่างรอเวลาก็ช้อปปิ้งทั้งก่อนเข้าตม.และหลังเข้าตม. ที่นาริตะมี 2 Terminal นะ ใครบินการบินไทยก็ต้องมาที่ Terminal 1 คราวที่แล้วเรามาเปลี่ยนเครื่องที่นาริตะเราใช้บริการที่ Terminal 2 พวกร้านรวงด้านนอกตม.เพียบ พอเข้าไปด้านในไม่มีอะไรให้ช้อปเลยมีร้านเล็ก ๆ นิดนึง แต่ที่ Terminal 1 ร้านทั้งด้านนอกด้านในตม.ของเพียบค่า ช้อปส่งท้ายกันกระจุย เดี๋ยวรอดูตอนหน้าหมวดรวมฮิตของฝากละกัน
ไฟลท์นี้บินกับการบินไทยเหมือนเดิม เที่ยวบิน TG677 รอบ 17.25 น.
ถึงเวลากลับบ้านกันล้าวววว แต่ละที่นั่งมีหมอนผ้าห่มให้ตามปกติค่ะ
ขากลับเราได้นั่ง AIRBUS A380-800 จัดที่นั่งแบบ 3-4-3 เครื่องลำใหญ่ ที่นั่ง Economy กว้างขวาง นั่งสบาย
มีจอส่วนตัวทุกที่นั่ง Entertainment ครบทั้งเกมส์ หนัง เพลง
รีโทมคอนโทรลและจอยสติ๊ก
snack เป็นขนมข้าวพองสไตล์ญี่ปุ่น เสิร์ฟคู่กับน้ำผลไม้ ยี่ห้อนี้อร่อยดีเราซื้อมาตอนไปโอกินาว่าคราวก่อน กินคนเดียวหมด 55
บินไปซักพักก็เสิร์ฟอาหาร มีให้เลือก 2 อย่างเรากับน้องก็เลือกคนละอย่างเหมือนเคย
ของน้องเลือกเมนูนี้ค่ะ
สลัดผักสดกรอบ ไม่เหี่ยวไม่ดำ
แอบชิมไปหน่อยอร่อยดีนะ
โรลเค้กนุ่มใช้ได้นะ
เราเลือกอีกเซ็ตแต่ของหมดตรงเราพอดี ทางสายการบินเลยให้เลือกระหว่างอาหารแบบเดียวกับของน้องเรา หรือจะรับเป็นอาหารของ Royal Silk Class 555 ไม่ต้องคิดเลือกของ Royal Silk Class สิค้า
สตูว์แกะกับมันบด ปกติเราไม่ค่อยชอบทานแกะเท่าไหร่นะ แต่จานนี้แกะนุ่มแถมยังมีกลิ่นสาปแกะน้อยมาก เลิฟเลยค่า
ระหว่างกินน้องเราก็แกะกาชาปองฟูจิโกะมาเล่น มีสจ๊วตเดินมาแอบแซวด้วย 55 ขำ ๆ กันไป
ของว่างอีกรอบเป็นไอศครีมชาเขียวจากกูลิโกะค่า ดีเลยมาเที่ยวนี้ยังไม่ได้กินไอศครีมกูลิโกะพอดี จัดไป
หลังจากนั้นก็เดินทางกลับถึงสุวรรณภูมิโดยสวัสดิภาพค่า ตอนถึงสนามบินนี่หมดสภาพกันหล่ะ แค่แบกของที่หิ้วกลับมาก็ไม่ไหวแล้ว เลยไม่มีภาพช่วงนี้อีกเช่นกัน จบกันดื้อ ๆ ด้วยรูปไอศครีมเลยเนอะ เดี๋ยวตอนหน้ามาต่อกันที่ของฝาก ขนม ของเล่นที่หอบหิ้วกลับมานะค้า ตอนสุดท้ายและท้ายสุดแล้ว
Create Date : 21 ตุลาคม 2558 |
|
25 comments |
Last Update : 21 ตุลาคม 2558 21:44:54 น. |
Counter : 5735 Pageviews. |
|
|
|
กำแพงหิมะขาว ๆ รู้สึกเย็นฉ่ำชื่นใจ
ของกินก็น่ากินทุกอย่างเลยจ้า