ความงามท่ามกลางสายฝน "พระราชวังต้องห้าม" และ "พระราชวังฤดูร้อน"
ไกด์บอกไว้ตั้งแต่เมื่อวานแล้วว่า วันนี้เราจะต้องเดินกันประมาณ 7-8 กม. เตรียมพร้อม ลุย!!!!! โปรแกรมหลักๆ สำหรับวันนี้คือ เที่ยว 2 พระราชวัง ได้แก่ พระราชวังต้องห้าม และพระราชวังฤดูร้อน ฝนตกลงมาตั้งแต่เมื่อคืน จนถึงเช้านี้ก็ยังไม่หยุดตก วันนี้อุณหภูมิต่ำกว่า 10 องศาแน่นอน ยังดีนะที่ดูพยากรณ์อากาศมาล่วงหน้า เตรียมเสื้อกันหนาว และร่มกันฝนมาเรียบร้อย เดินถ่ายรูปไปเรื่อย เพื่อนในกลุ่มบอกว่า ยังมีอารมณ์ถ่ายรูปอีกเนอะ ฝนตกหนักซะขนาดนี้ อ้าว...แล้วจะให้ทำยังไงได้ล่ะ มาเที่ยวก็ต้องถ่ายรูปดิ แต่สงสารกล้องจัง เจอฝนมาตั้งหลายงานแล้ว ในปี 2530 ยูเนสโกได้ประกาศให้พระราชวังต้องห้ามร่วมกับพระราชวังเสิ่นหยางเป็นหนึ่งในมรดกโลก ชื่อว่า "พระราชวังหลวงแห่งราชวงศ์หมิงและราชวงส์ชิงในปักกิ่งและเสิ่นหยาง" ครอบคลุมพื้นที่ 720,000 ตร.ม. อาคาร 800 หลัง มีห้องทั้งหมด 9,999 ห้อง พระที่นั่ง 75 องค์ หอพระสมุด ห้องหับต่างๆ อีกมาก รวมทั้งยังมีสวน ลานกว้าง ทางเดินเชื่อมกันโดยตลอด มีคูและกำแพงที่สูงถึง 11 เมตรล้อมรอบ ใช้ระยะเวลาก่อสร้างประมาณ 14 ปี ตั้งแต่ปี 1949-1963 วันนี้เราเริ่มเดินจากข้างหลังมาข้างหน้า ไกด์บอกว่า ถ้าเตินตามคนอื่นเค้า คนเยอะมาก... แวะตามตำหนักต่างๆ ไกด์ก็บอกเล่าความเป็นมาให้ฟัง แต่จำอะไรไม่ได้เลย รู้แต่ว่า แต่ละจุดใหญ่โตมาก บางจุดเวลาถ่ายรูปก็ต้องเอาหน้าเอากล้องส่องเข้าไป เพราะเค้ากั้นกระจกเอาไว้ แถมไม่มีไฟอีกต่างหาก หนึ่งในที่ประทับของฮ่องเต้ ช่วงนี้เป็นช่วงที่คนจีนจากต่างถิ่นเค้าก็ออกเที่ยวเหมือนกัน ก็เลยทำให้คนล้มหลามซะขนาดนี้ ส่วนใหญ่ซื้อทัวร์มาเที่ยวกัน เพราะน้ำมัน ทางด่วน ที่จอดรถแพงมาก ถ้ามากับทัวร์จะถูกกว่ามาเที่ยวกันเอง สิงโตหน้าตำหนักไท่เหอเป็นสิงโตคู่ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตำหนักไท่เหอเป็นตำหนักเอกที่สำคัญและใหญ่ที่สุดในพระราชวังหลวง อยู่จุดกึ่งกลางเมืองเป่ยจิงพอดี ใช้เป็นสถานที่ที่ฮ่องเต้ออกว่าราชการแผ่นดิน รับการเข้าเฝ้าจากขุนนาง ต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะเข้าพระราชวังต้องห้ามโดยทางประตูเทียนอันเหมินนี้ เหตุที่เรียกพระราชวังต้องห้าม เนื่องมาจากชาวจีนถือคติในการสร้างวังว่า จักรพรรดิเปรียบเสมือนบุตรแห่งสวรรค์ ดังนั้นวังของบุตรแห่งสวรรค์จึงต้องเป็น ที่ต้องห้าม คนธรรมดาสามัญไม่สามารถล่วงล้ำเข้าไปได้
ออกจากพระราชวังต้องห้ามก็ได้เวลาอาหารเที่ยงพอดี ซึ่งเราต้องเดินกลับมายังที่จอดรถอีกด้านหนึ่ง บริเวณนี้ตามหลักฮวงจุ้ยถือว่าเป็นช่วงลำตัวของมังกร ฉะนั้นห้ามสร้างสิ่งปลูกสร้างสูงเกินไป หน้าบ้านหลังหนึ่งที่เค้าอนุรักษ์เอาไว้ ซึ่งปัจจุบันก็ยังมีผู้คนอาศัยกันอยู่ พวกเราลงความเห็นกันว่า อาหารกลางวันมื้อนี้อร่อยที่สุดเลย เป็นอาหารจีนเสฉวน ซึ่งจะถูกปากคนไทยอย่างเราด้วย วันนี้เลยเติมข้าวไป 3 ถ้วย อร่อยจริงๆ โปรแกรมช่วงบ่ายไปพระราชวังฤดูร้อน หรืออวี้เหอหยวน (Summer Palace) กษัตริย์ราชวงศ์ชิงทรงใช้เป็นที่เสด็จแปรพระราชฐานหนีความร้อนจากเป่ยจิงมาประทับที่นี้ เป็นที่ยอมรับกันว่าอุทยานแห่งนี้เป็นอุทยานหลวงที่งดงามที่สุดของจีน เข้ามาเจอต้นงามๆ ดอกบานสะพรั่งต้นนี้ ตื่นตาตื่นใจกันอีกแล้ว ต้นนี้มีชื่อว่า "อวี้หลัน (Yulan Magnolia/ 玉蘭花)" เป็นพระนามของซูสีไทเฮา พระราชวังฤดูร้อนมีพื้นที่ 2.9 ตร.กม. ประกอบด้วยเนินเขาสูง 60 เมตร มีพระตำหนักอยู่บนเนิน และทะเลสาบคุนหมิง มีเนื้อที่ 2.2 ตร.กม. คิดเป็น 3 ใน 4 ของพื้นที่ทั้งหมด โดยทะเลสาบนี้เกิดจากการใช้แรงงานคนขุดดินขึ้นไปถมเป็นเนินเขา สำหรับสร้างพระตำหนัก ในปี 2541พระราชวังฤดูร้อนพร้อมด้วยอุทยานอี๋เหอหยวนได้รับลงทะเบียนเป็นมรดกโลก ภายใต้ชื่อ "พระราชวังฤดุร้อนและอุทยานในกรุงปักกิ่ง" ไกด์เตือนไว้ว่า เกาลัดพวกนี้อย่าได้หลงซื้อเชียวนะ ทำเป็นคั่วอยู่ตลอดเวลา ทำเหมือนจะร้อน แต่จริงๆ แล้วเตาข้างล่างไม่มีไฟ และที่เห็นควันเยอะๆ ก็พวกฝุ่นจากเกาลัดนั่นล่ะ เราก็เลยแอบดูใต้เตา เป็นเช่นนั้นจริงๆ ด้วย ขาย 10 ร้าน ไม่มีไฟสักร้าน เทคนิคดีจริงๆ....
Create Date : 04 พฤษภาคม 2553 |
|
52 comments |
Last Update : 4 พฤษภาคม 2553 10:19:33 น. |
Counter : 4768 Pageviews. |
|
|
|