|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
31 | |
|
|
|
|
|
|
|
อำลาชีวิตพนักงานธนาคาร
ทุกอย่างมีการเริ่มต้นและสุดท้ายแล้วย่อมมีการสิ้นสุด...
ย้อนเวลากลับไปเมื่อเกือบสองปีที่แล้ว...วันจันทร์ที่ ๒๕ มิถุนายน ผมตื่นแต่เช้าเพื่อจะไปเริ่มต้นงานวันแรกที่ธนาคาร ถึงแม้ว่าเราไม่เคยทำงานวงการธนาคารมาก่อนแต่เราเชื่อว่าประสบการณ์ในญี่ปุ่นน่าจะเป็นประโยชน์ต่อธนาคาร ธนาคารกสิกรไทยเป็นองค์กรที่เรารักเราจึงเลือกที่จะทำงานกับองค์กรนี้...
ชุดทำงานวันแรกออกจะแปลกไปจากชุดทำงานที่เคยสวม สมัยอยู่เมืองไทยก่อนไปเรียนหนังสือในญี่ปุ่นหรือช่วงที่เป็นครูสอนภาษาไทยในญี่ปุ่นก็สวมแต่เสื้อเชิ้ตไปทำงาน แต่เพราะวันเริ่มต้นทำงานวันนั้นตรงกับวันจันทร์ ธนาคารจึงเชิญชวนพนักงานให้ใส่เสื้อโปโลสีเหลืองที่มีตราสัญลักษณ์ครบรอบในหลวงทรงเจริญพระชนมายุ ๘๐ พรรษา
มีปฐมนิเทศพนักงานใหม่ชั้น ๑๒ ก่อนที่พนักงานจะแยกย้ายกันไปทำงานที่ฝ่ายตนเองสังกัดอยู่ ผมทำงานที่ชั้น ๑๙ แล้วชีวิตพนักงานธนาคารของผมก็เริ่มต้น...
ทุกเช้าตอน ๗ โมงครึ่งและตอนหลังเคารพธงชาติเวลา ๘ นาฬิกา เราจะได้ยินเสียงเพลงมาร์ชของธนาคารที่คุ้นหู ถึงจะดูล่ามภาษามือประกอบเพลงอยู่หลายครั้งแต่ถ้าให้ทำท่าทำทางแบบนั้น....บางคำผมก็จำไม่ได้ว่าต้องทำท่าอย่างไร
งานช่วงแรกๆดูเหมือนเยอะแยะจนเราคิดว่าธุรกิจธนาคารไม่แตกต่างจากธุรกิจโฆษณาที่เคยทำมาเพราะว่าอยู่จนดึกจนดื่นและกลับบ้านในเวลาไม่ต่างกัน ขาประจำที่กลับบ้านดึกๆพอๆกันก็มีเจ้พร ถึงจะอยู่คนละทีมแต่นั่งอยู่ใกล้ๆกันเราเลยกลายเป็นบัดดี้กันไปเลย เจ้พรมักจะเอื้อเฟื้ออาหารว่างยามเย็นให้อยู่บ่อยๆ มีเอ็มที่นั่งข้างๆ...เวลามีปัญหาอะไรเกี่ยวกับโปรแกรมคอมพิวเตอร์มักจะขอความรู้จากเอ็มอยู่บ่อยๆ เอ็มเห็นผมคุยโทรศัพท์เป็นภาษาญี่ปุ่นบ่อยๆ....เขาเลยอยากพูดได้บ้าง เผื่อเวลามีโทรศัพท์มาตอนผมไม่อยู่เอ็มจะได้ช่วยโต้ตอบแทน อุตส่าห์เขียนประโยคสนทนาทางโทรศัพท์ภาษาญี่ปุ่นให้เอ็มเอาไว้ใช้เผื่อไว้กรณีผมไม่อยู่....แต่จนแล้วจนรอดเอ็มกลับไม่มีโอกาสได้ใช้ ช่างน่าเสียดายสิ้นดี
ในชั้น ๑๙ แทบจะหาคนอายุมากกว่าผมไม่มีเลย เจ้พรแก่กว่าเดือนเดียว ดังนั้นเพื่อนในฝ่ายจึงเรียกเราว่า "พี่" เป็นส่วนใหญ่
มิตรภาพนี่มันเริ่มจากอะไร? เราควรให้เขาเป็นฝ่ายหยิบยื่นให้เราก่อนหรือว่าเราควรเป็นฝ่ายหยิบยื่นให้เขาก่อน? ไม่มีสูตรสำเร็จในความหมายของคำว่า "มิตรภาพ" ใครจะให้ก่อนให้หลังไม่สำคัญแต่สิ่งสำคัญมิตรภาพเป็นสิ่งที่มีคุณค่าและหอมหวลเมื่อเวลายิ่งผ่านไป ผมเห็นคุณค่าของสิ่งนี้ เราเชื่อว่า "มิตรภาพอยู่เหนือกาลเวลาและไร้พรมแดน"
ไม่รู้ว่าอะไรจูงใจให้ผมไปเกี่ยวข้องกับทีมของเรวดีทั้งๆที่งานของผมแทบจะไม่เกี่ยวข้องกับงานของเรวดีเลย ถ้าจะให้วิเคราะห์...น่าจะป็นกฎว่าด้วยแรงดึงดูด....ที่ทำให้คนสนใจเรื่องคล้ายๆกัน มีทัศนคติในการดำเนินชีวิตคล้ายๆกัน จะมาพบปะเกี่ยวข้องกัน จนสนิทสนมกันได้ในเวลาอันรวดเร็ว ผมกลายเป็นสมาชิกกิจกรรมของทีมเรวดีไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบ แต่เวลามีอะไรน้องๆในทีมของเรวดีจะนึกถึงผมแล้วแจ้งให้ทราบเสมอ
ที่นั่งทำงานใกล้ๆกันและกลายเป็นเพื่อนสนิทกันอาจเพราะด้วยวัยใกล้เคียงกัน อุปนิสัยคล้ายๆกัน ก็คือเคี้ยง มีคนแซวว่าเป็นบัดดี้กันเพราะเห็นไปกินข้าวด้วยกันบ่อยๆ โทรคุยกันบ่อยมาก เคี้ยงเข้ามาทำงานก่อนหน้าผมไม่กี่อาทิตย์ น้องๆในทีมเคี้ยงก็คุ้นเคยกัน คุยกันบ่อยๆ เพราะนั่งใกล้กัน แล้วเคยทำงานวิจัยด้วยกัน
เข้ามาทำงานที่ธนาคารได้ไม่นานก็ได้เดินทางไปญี่ปุ่นกับผู้บริหารระดับสูง ไม่อยากเชื่อว่าจะมีโอกาสได้กลับไปญี่ปุ่นอีก แต่คราวนั้นไปเรื่องงานซึ่งแตกต่างจากการเดินทางไปท่องเที่ยวทีเคยทำสมัยเรียนอยู่ในญี่ปุ่น เป็นครั้งแรกที่มีโอกาสเดินทางไปญี่ปุ่นเพื่อเรื่องงานโดยเฉพาะ เป็นประสบการณ์ที่ดีที่ได้มีโอกาสทำงานใกล้ชิดกับท่านผู้บริหารระดับสูงของธนาคาร ได้เรียนรู้อะไรอีกหลายๆอย่างจากการเดินทางไปธุรกิจในญี่ปุ่นครั้งนั้น หลังจากกลับมาจากญี่ปุ่นได้เดือนเศษๆก็มีเหตุผลให้เดินทางไปงานสัมมนาในญี่ปุ่น การเดินทางคราวนั้นมีปัญหามากมายตั้งแต่ก่อนเดินทาง ระหว่างเดินทาง และหลังจากเดินทางกลับมาถึงเมืองไทย แต่ปัญหามีไว้ให้แก้ไข...ดังนั้นจึงหาทางคลี่คลายปัญหาเหล่านั้นจนในที่สุดเรื่องเหล่านั้นก็ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป
ตอนกลับมาจากญี่ปุ่นได้ไปติดต่อกับฝ่ายจัดการบัญชีทำให้ทราบว่าพี่โจ้ที่พึ่งรู้จักได้ไม่นานจะเกษียณเดือนธันวาคม พี่โจ้เอ่ยปากเองว่า...มันช่างบังเอิญที่ได้รู้จักผมตอนขึ้นไปห้องพยาบาล...แล้วเหมือนถูกชะตากัน พี่เขาเลยเอ็นดูและคอยแนะนำช่วยเหลือเรื่องต่างๆให้แก่ผม พี่โจ้ทำงานจนถึงวันสุดท้าย มีโอกาสได้ถ่ายรูปกับพี่โจ้เป็นที่ระลึก ของที่ระลึกที่ทำให้พี่โจ้ในโอกาสเกษียณเป็นโปสการ์ดที่ทำเองมีรูปถ่ายที่ถ่ายด้วยกันพร้อมที่อยู่ติดต่อได้ ถึงวันนี้พี่โจ้จะเกษียณไปแล้วแต่ก็ยังติดต่อแจ้งข่าวให้ทราบเป็นระยะๆ
การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอีกครั้งก่อนปลายปีเมื่อธนาคารมีนโยบายตั้งฝ่ายใหม่ พวกเราที่ดูแลลูกค้าต่างประเทศ...โดนโอนไปอยู่ฝ่ายใหม่ซึ่งเราย้ายฐานบัญชาการไปอยู่ชั้น ๑๖ กัน มีผู้อำนวยการอาวุโสคนใหม่มาดูแลฝ่ายใหม่ที่มีสมาชิกเริ่มต้นเพียง ๑๐ คน พี่ตู่เชิญพวกเราไปทานข้าวกันแต่สาวๆติดธุระกันเลยมีแต่ชายหนุ่มไปทานข้าวมื้อแรกกับพี่ตู่ ชั้น ๑๖ ก่อนหน้านั้นเป็นอาณาเขตของฝ่ายวิเทศพาณิชย์แต่เราก็ไปขอเฉือนอาณาเขตมาเป็นของฝ่ายเรา
บรรยากาศชั้น ๑๖ ช่างแตกต่างกับชั้น ๑๙ มากๆ ผู้คนฝ่ายวิเทศพาณิชย์อายุเฉลี่ยน่าจะน้อยกว่าผม ๓-๔ ปีได้ ส่วนมากเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว บรรยากาศในการทำงานจึงดูเงียบกว่า เหมาะอย่างยิ่งกับงานที่ต้องใช้ความคิด
อาจเป็นเพราะเราอยู่ไม่สุขชอบไปเจ๊าะแจ๊ะกับชาวบ้าน ผลลัพธ์คือเพื่อนๆในฝ่ายวิเทศพาณิชย์จึงรู้จักเราเป็นอย่างดี กุลเป็นเพื่อนบ้านที่ชวนคุยได้บ่อยๆเพราะนั่งติดกันโดยมี Partition กั้นเอาไว้ เจ๊ไข่ปกติจะส่งเสียงดังจนวันไหนที่เจ๊ไข่ไม่อยู่สังเกตได้ง่ายเพราะเสียงจะเงียบผิดปกติ กชพูดรัสเซียได้เพราะเคยไปเป็นนักเรียนโครงการแลกเปลี่ยนที่นั่น กชเป็นคนเดียวที่เจอแล้วยกมือไหว้เสมอ...จนแอบปลื้มที่ยังมีเด็กรุ่นใหม่ที่รักษาวัฒนธรรมไทยดีๆแบบนี้เอาไว้ เพราะคนไทยส่วนมากที่เคยเห็นมักจะยกมือไหว้กันตอนรู้จักตอนแรก แต่หลังจากสนิทกันแล้วเจอกันก็ไม่ยกมือไหว้กันอีก แก้วไปๆมาๆระหว่างสำนักพหลโยธินกับสำนักงานใหญ๋ราษฎร์บูรณะ พี่ตู๋มักจะมีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเล่าให้ฟังอยู่เสมอๆเพราะเขาสนใจประวัติศาสตร์
มีน้องๆวัยจ๊าบทีมวิเทศพาณิชย์หลายคนที่รู้จัก....น้องในฝ่ายวิเทศคู่หนึ่งขึ้นไปแสดงงาน CBS Star Award ด้วย ผมก็ได้รับการขอร้องให้ไปแสดงในงานนี้เหมือนกัน
ผมหลวมตัวไปร่วมแสดงในงาน CBS Star Award ตั้งแต่ตอนที่เข้ามาใหม่ๆ น้องๆเห็นแวว...เวลาเขาจัดงานเลยมาขอร้องให้ไปช่วยแสดงในงานนี้ซึ่งปีนึงจัด ๒ ครั้ง ไอ้ที่่ไปแสดงให้เขาไม่ใช่อยากดังหรือว่าเป็นพวก Born to be performer แต่มองว่าเวลาองค์กรเขาจัดกิจกรรมอะไรขึ้นมา ไม่ว่ามันจะลงทุนจัดแค่ไหน ถ้าไม่มีใครให้ความร่วมมืองานก็จะไม่สนุก เวลาขอให้น้องๆช่วยอะไรเขาช่วยเหลือเราเป็นอย่างดีถ้าเขาจะขอร้องอะไรเราบ้างจะทำให้เขาบ้างไม่ได้เชียวหรือ เวลาเขามาขอให้แสดงอะไรก็เลยไม่ขัด พอเขาเห็นแสดงออกมาแล้วคนดูชอบใจ..งานนี้ก็เลยทาบทามเอาไว้ก่อนแล้วก็รู้ว่าเราไม่ปฏิเสธ
งาน CBS Star Award เป็นงานแจกรางวัลให้แก่พนักงานธนาคารที่มีผลงานดีเด่นในรอบผลการดำเนินงานระยะเวลาครึ่งปีแรกและครึ่งปีหลัง เราไม่ใช่พนักงานดีเด่นอะไรหรอก แต่การแสดงบนเวทีเขาก็มีรางวัลให้นักแสดงด้วย บังเอิญมีกองเชียร์ที่รู้จักเราอยู่เยอะ...เวลาแสดงบนเวทีเลยมีคนกรี๊ดให้ แล้วเขาก็โหวตให้เราแม้ว่าฝ่ายเราจะมีคนมาร่วมงานน้อยก็ตาม คนที่ไม่รู้จักกันแต่ชอบที่เรากล้าทำอะไรแบบนั้นบนเวที...ก็เทคะแนนมาให้ผม การแสดงบนเวทีเลยมีรางวัลติดปลายนวมลงมาทั้งสองครั้ง จนตัดสินใจว่าควรปลดระวางแล้วให้คนอื่นแสดงบ้าง...ไม่ยึดติดกับตำแหน่งว่าผมต้องเป็นตัวแสดงของฝ่ายเอาไว้คนเดียว รุ่นน้องมาใหม่เลยเกลี้ยกล่อมให้เขาเป็นตัวแทนของฝ่ายไปแสดงซึ่งได้ผล...น้องรายนั้นหลวมตัวจริงๆ
หลังจากรอมานานว่าเมื่อไหร่มหาวิทยาลัยจะอนุมัติปริญญาเอกให้เสียที และแล้วเมือปลายเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้วคณะกรรมการของมหาวิทยาลัยก็มีมติให้อนุมัติปริญญาบัตรให้แก่ผม ทันทีที่ส่งข่าวแจ้งเรื่องที่ผมสำเร็จการศึกษาออกไปผ่านอีเมล....มีข้อความแสดงความยินดีจากเพื่อนๆกว่า ๓๐ ข้อความ อ่านอย่างอารมณ์ดี ตามมาด้วยงานเลี้ยงแสดงความยินดีที่สำเร็จการศึกษา แล้วก็บินไปรับปริญญาบัตรพร้อมกับครอบครัวที่มหาวิทยาลัยเคโอที่ญี่ปุ่น กลับมาถึงที่ทำงานก็เอาปริญญามาถ่ายรูปร่วมกับเพื่อนที่ธนาคารซึ่งไม่สามารถบินไปร่วมงานได้ จะมีก็แต่คุณยามาดะที่เขาลาพักร้อนช่วงนั้นและอยู่ที่ญี่ปุนพอดี คุณยามาดะก็จบจากสถาบันเดียวกัน...ดังนั้นต้องถือว่าคุณยามาดะเป็นรุ่นพี่เหมือนกัน คุณยามาดะให้เกียรติไปร่วมพิธีรับปริญญาด้วย
ช่อดอกไม้ที่ได้รับจากทีม Japanese-SME ไม่ได้ขว้างทิ้งภายหลังจากมันเหี่ยวไปแล้ว...ผมมาจัดเรียงเป็นดอกไม้แห้งแล้วเคลือบลามิเนตเก็บไว้ดูตลอดไป ความรู้สึกดีๆที่เพื่อนแสดงความยินดีกับเราโดยเฉพาะโอกาสเรียนจบด็อกเตอร์ซึ่งในชีวิตนี้คงมีแค่ครั้งเดียว มันน่าจะเก็บความรู้สึกดีๆแบบนั้นเอาไว้นานที่สุด
ภายหลังจากย้ายมาอยู่ฝ่ายพัฒนาธุรกิจต่างประเทศเมื่อต้นปีที่แล้ว...มีเหตุการณ์และกิจกรรมมากมายเกิดขึ้นภายในฝ่ายนี้ มีพนักงานเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ขณะเดียวกันก็มีเพื่อนในฝ่ายบางคนอำลาจากไป...ด้วยหลากหลายเหตุผล
แล้ววันที่ทำงานครบรอบ ๑ ปีที่ธนาคารก็มาถึง วันนั้นตรงกับวันพุธ อารมณ์ดีถ่ายภาพกับเพื่อนร่วมงานจนมีคนสงสัยว่าถ่ายเนื่องในโอกาสอะไร ตอบไปว่าเพราะทำงานครบรอบ ๑ ปีที่ธนาคารเลยอยากถ่ายภาพเป็นที่ระลึก
เมื่อเวลาผ่านไปก็เฝ้าถามตัวเองว่าเป้าหมายในชีวิตคืออะไร? งานที่ทำมันตอบโจทย์ไหม? เรายังสนุกกับมันอยู่ไหม? มนุษย์กินเงินเดือนหลายๆคนคงเคยมีความรู้สึกแบบนี้
ในขณะเดียวกันเราก็กลับมาดูกิจการครอบครัวที่เป็นธุรกิจค้าส่งที่บริหารโดยพ่อแม่เรา เขาทำกันสองคนตายายจนอายุเขามากขึ้นเรื่อยๆ กิจการนี้เราเห็นมาตั้งแต่ตอนก่อตั้งที่เริ่มต้นจากไม่มีอะไรเลย แล้วกิจการนี้ถ้าไม่มีคนไปสานต่อในที่สุดก็จะหายไป พ่อแม่เราจะทำต่อไปได้อีกกี่ปี? ตอนนี้ยังมีคนสอนและถ่ายทอดความรู้ให้เราได้ควรที่จะรีบเรียนรู้ ถ้าวันนึงกิจการตรงนี้ไม่มีคนรับช่วงหายไปแล้ว...ไม่ว่าเราจะโหยหาอย่างไรมันก็ไม่กลับคืนมา ในฐานะลูกชายการดูแลพ่อแม่ในยามสูงอายุมันเป็นพันธะและความผูกพันและการสานต่อกิจการครอบครัวให้คงอยู่และก้าวต่อไปข้างหน้าเป็นหน้าที่
ถึงแม้ว่าจะกลับไปสานต่อกิจการครอบครัวในต่างจังหวัด ในต่างจังหวัดก็ยังมีโอกาสที่จะทำอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อท้องถิ่นได้มากมาย ความรู้และประสบการณ์ที่เก็บเกี่ยวมาตลอดเวลาที่ผ่านมา การใช้ชีวิตในฐานะนักเรียนในญี่ปุ่นกว่า ๙ ปี คงเป็นประโยชน์ต่อเด็กรุ่นใหม่ที่อยู่ต่างจังหวัดซึ่งไม่ค่อยจะมีใครอยากไปถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ให้มากนัก ถ้ารู้จักบริหารเวลาให้ดีพอก็จะสามารถถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ให้แก่เด็กรุ่นใหม่เหล่านั้น ร่วมกันสร้างคนรุ่นใหม่ที่มีคุณภาพให้แก่ท้องถิ่นต่อไป
ภายหลังจากได้ปรึกษากับเพื่อนสนิท พ่อแม่ ญาติพี่น้องและเจ้านายที่ทำงานเก่าซึ่งเป็นคนที่เราให้ความเคารพ ใช้เวลาไตร่ตรองอยู่นานหลายเดือนจนในที่สุดก็ได้ความคิดที่ตกผลึก ตัดสินใจยื่นใบลาออกวันที่ ๓๐ มีนาคมที่ผ่านมา วันนั้นตรงกับวันจันทร์พอดี ดูเหมือนเรามีความสุขมากที่หาทางออกที่ดีที่สุดให้กับตัวเองได้
พี่ตู่ให้โอกาสเราพูดกับเพื่อนในฝ่ายในที่ประชุมเช้าวันจันทร์ถึงเหตุผลในการลาออกที่จะมีผลตั้งแต่วันที่ ๑ พฤษภาคม เพื่อนในฝ่ายหลายคนตกใจ เพื่อนฝ่ายอื่นที่สนิทกัน...หลายคนใจหายเพราะไม่คิดว่าวันที่เราลาออกจากธนาคารจะมาถึงเร็วขนาดนี้ เมื่อทุกคนทราบว่าเราจะไปสานต่อกิจการของครอบครัวและกลับไปดูแลพ่อแม่ เพื่อนๆต่างสนับสนุนและให้กำลังใจเราขอให้เราประสบความสำเร็จในสิ่งที่เราตัดสินใจเลือก
ช่วงสุดท้ายของการทำงานที่ธนาคารผมมีโอกาสบันทึกภาพสถานที่ต่างๆภายในธนาคารเก็บไว้เป็นที่ระลึก เพราะว่าภายหลังจากลาออกจากธนาคารแล้วคงหาโอกาสจะบันทึกภาพเหล่านี้จากมุมที่ดีที่สุดภายในธนาคารลำบาก
มีโอกาสได้ไปร่วมการแข่งขันมินิมาราธอนรายการ ๑๒๑ ปีศิริราชวิ่งผสานชุมชนซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่ทำในเดือนสุดท้ายของการทำงานที่ธนาคาร
มีโอกาสได้เจอคุณแบทแมนคนเดียวกับที่เป็นฮีโร่ไปปิดวาล์วรถแก๊สที่แฟลตดินแดงช่วงที่เกิดเหตุการณ์จลาจลในเทศกาลสงกรานต์ เขาเป็นคนที่มีน้ำใจมาก วิ่งๆไปก็เป่านกหวีดคอยโบกรถให้นักวิ่ง วิ่งๆไปหยุดคอยให้บริการน้ำดื่มแก่นักวิ่ง เขาวิ่งโดยไม่สนใจเรื่องของเวลาเลย เอามัน-ฮา เข้าไว้ เท่าที่ทราบจากข่าว....คุณแบทแมนเป็นนักวิ่งมาราธอนตัวจริง เขาลงแข่งหลายๆรายการ...เป็นคนอุบลราชธานีมีอาชีพเป็นเซลส์ขาย Talking-Dict.
พี่อัศวชัยที่อยู่ห้องพยาบาลก็เป็นนักวิ่งตัวจริง พี่อัศวชัยลงวิ่งหลายรายการ ผมมักเจอพี่อัศวชัยโดยบังเอิญในระหว่างที่วิ่่งหลายรายการแต่เราไม่เคยถ่ายภาพด้วยกัน วันที่วิ่งรายการ ๑๒๑ ปีศิริราชเดินวิ่งผสานชุมชนก็เลยถือโอกาสบอกพี่อัศวชัยว่าจะลาออกจากธนาคารแล้วและถ่ายภาพเก็บไว้เป็นที่ระลึก
แม่บ้านชั้น ๑๖ พี่บุญมีและแม่บ้านชั้น ๑๙ พี่ฉลวย ทั้งคู่นี้สนิทกับผม พอบอกพี่เขาว่าเราจะลาออกแล้ว....เขาก็ไม่อยากเชื่อ ใจหายเหมือนกัน ขอสองสาวถ่ายรูปด้วยที่ห้อง Pantry ชั้น ๑๖ พยายามจะโชว์วิวของคุ้งแม่น้ำเจ้าพระยาที่สวยมากเมื่อมองจากชั้น ๑๖ แต่ไม่สำเร็จได้แค่รู้ว่ามีแม่น้ำเป็นฉากหลัง
ปกติเวลาไม่สบายขึ้นไปห้องพยาบาลจะเจอคุณหมอวิลาวรรณ์ ตอนไปร่ำลาก็คิดว่าคงไม่ได้มาใช้บริการห้องพยาบาลอีกแล้ว แต่ก็มีเหตุเกิดอาการคอเคล็ดเพราะนั่งหลับนกหน้าจอคอมพิวเตอร์ในยามค่ำคืนเพราะมัวเล่นบล็อกแบบนี้ เลยขึ้นไปขอครีมนวดบรรเทาอาการเคล็ดขัดยอกกล้ามเนื้อจากคุณหมอแหม่ม เลยได้รูปนี้เก็บไว้เป็นที่ระลึก ไม่ได้เอากล้องขึ้นไปด้วยใช้กล้องจากโทรศัพท์มือถือถ่ายรูปนี้ วันนั้นเป็นวันศุกร์สุดท้ายที่ทำงานที่ธนาคารกสิกรไทย
ศุกร์เย็นไปไหว้พระบรมสารีริกธาตุกับทีมของเรวดีที่วัดยานนาวาแล้วชวนกันไปทานอาหารญี่ปุ่นที่ร้าน "ฮานาย่า" ย่านถนนสี่พระยา มีคนพูดถึงร้านนี้กันมากว่าเป็นร้านอาหารญี่ปุ่นร้านแรกในเมืองไทย รสชาติก็ใช้ได้เพียงแต่รู้สึกแปลกที่เขาไม่ใช้ข้าวจาโปนิกามาเสิร์ฟและเสิร์ฟด้วยชาจีนแทนที่จะเป็นชาเขียว????
อาทิตย์สุดท้ายของการทำงานเพื่อนๆจัดงานเลี้ยงอำลาให้...ต้องขอบคุณในน้ำใจที่ทุกคนมีให้ ระลึกถึงกัน อาลัยในยามที่ต้องจากกัน บรรยากาศของการทำงานตั้งแต่วันแรกจนมาถึงอาทิตย์สุดท้ายของการทำงานมันมีสีสันที่หลากหลาย....เป็นความทรงจำที่ดีในระหว่างที่ทำงานที่ธนาคารแห่งนี้
คงจะไม่ลืมความประทับใจที่เกิดขึ้นในโรงอาหารของธนาคารกสิกรไทยสำนักงานใหญ่ราษฎร์บูรณะ พี่จั๊กจั่นร้านเบอร์ ๒ มักจะจำได้เสมอว่าตอนเช้าผมจะทานข้าวกล้องในปริมาณมากกว่าปกติ ทุกครั้งที่ยืนหน้าร้านแกจะส่งยิ้มให้แล้วก็คดข้าวกล้องใส่จานแล้วก็ให้ปริมาณเพิ่มโดยที่ผมไม่เคยพูด น่ายกย่องว่าแม้แต่ร้านอาหารเล็กๆก็ยังใส่ใจรายละเอียดเล็กๆน้อยๆของลูกค้า ลูกค้าประทับใจก็อยากจะมาใช้บริการร้านนี้อีก พอบอกว่าจะลาออก...พี่เขาใจหายคิดว่าผมพูดเล่น ทำการ์ดให้พี่จั๊กจั่นเป็นรูปข้างล่างนี้พร้อมพิมพ์ข้อความว่า
"ขอบคุณที่ทำอาหารอร่อยให้ผมทานระหว่างที่ผมทำงานที่ธนาคารกสิกรไทยสำนักงานใหญ่ราษฎร์บูรณะ"
คุณนรินทร์เป็นน้องในฝ่ายที่สนิทกันมาก พอรู้ว่าผมทำการ์ดให้พี่จั๊กจั่นเกิดอาการอยากได้การ์ดเป็นที่ระลึกบ้าง... เลยถ่ายภาพนี้แล้วก็ทำการ์ดให้ตามคำขอไม่อย่างนั้นจะเกิดอาการน้อยใจ ผมลาออกจากธนาคารแล้วนรินทร์คงจะเหงาเพราะขาดเพื่อนคุย ขาดคนให้คำปรึกษา
ไม่ได้ออกไปติดต่อธุระข้างนอกนานมากแล้ว ตอนฝ่ายจัดงานเลี้ยงส่งให้ผม ผมขอใช้บริการของพี่วิลาศซึ่งเป็นคนขับรถของฝ่าย พี่วิลาศยินดีและเต็มใจให้บริการขับรถพาผมและน้องในฝ่ายไปทานอาหารมื้อกลางวันมื้อนั้น มามีโอกาสเจอพี่วิลาศหน้าลิฟต์ในวันทำงานวันสุดท้าย ขอร้องให้พี่วิลาศถ่ายรูปด้วยกันเป็นที่ระลึก ผมส่งรูปนี้ผ่าน MMS ให้พี่วิลาศทันที แต่โชคไม่ดีที่พี่วิลาศยังไม่เปิดใช้บริการ MMS
ตอนฝ่าย Channel เลี้ยงส่งผม....พี่เอ็ดดี้ที่ชอบถ่ายภาพเสนอความคิดที่จะถ่ายภาพผมกับสถานที่รอบๆธนาคารให้ ไม่คิดมาก่อนว่าจะมีคนจะทำเรื่องแบบนี้ให้เรา
พี่เอ็ดดี้อยู่ในวัยใกล้เคียงกัน มีโลกทัศน์และมุมมองการใช้ชีวิตเหมือนๆกัน ที่สำคัญชอบถ่ายภาพเหมือนกัน
ปกติช่างภาพจะไม่ค่อยมีรูปตัวเองเท่าไหร่ แล้วก็จะหาคนที่ถ่ายภาพในรูปแบบที่ตัวเองต้องการยาก การที่พี่เอ็ดดี้เสนอตัวถ่ายภาพให้...เป็นความกรุณาสูงสุดที่ไม่อาจจะลืมได้ ต้องขอบคุณอย่างมาก
เคยเป็นแต่ช่างภาพแล้วก็อยู่หลังเลนส์นานๆ ถ่ายภาพระยะหลังผมไม่ค่อยเน้นภาพตัวเองเท่าไหร่ พอมาเป็นนายแบบบ้าง...งานนี้เกิดอาการเขิน ตอนที่เรากำลังโพสทฺ์ท่าอยู่แล้วมีพนักงานธนาคารเดินผ่าน พวกเขาก็มองมาแล้วก็อาจจะเกิดคำถามว่าหมอนี่มาโพสท์ท่าถ่ายแบบทำไม? งานถ่ายแบบเริ่มตอนห้าโมงครึ่งมาเสร็จเอาตอนพระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว ตอนพี่เอ็ดดี้ Write CD ให้ผมมาเฉลยให้ฟังว่า...บันทึกภาพผมไปกว่า ๖๐๐ รูป!!!!!!! ฟังแล้วตกใจเพราะไม่เคยถ่ายภาพตัวเองมากขนาดนี้มาก่อน น้องๆในฝ่ายพี่เอ็ดดี้บางคนรู้เข้าเกิดอาการตัดพ้อต่อว่าที่รู้ว่างานนี้ผมแอบไปถ่ายแบบจำนวนภาพมากตามลำพังขนาดนั้นโดยไม่ชวนนางแบบเข้ากล้องด้วย
เชิญชมภาพนายแบบสมัครเล่นครับ
วันที่ลงไปเจอเพื่อนที่ฝ่ายบุคคลชั้น ๑๒ ได้มีโอกาสเจอดร.ภัทท์ ที่เป็นผู้บริหารการจัดการองค์ความรู้ของธนาคาร มารู้จักกับดร.ภัทท์ตอนที่ไปอบรมเรื่องการจัดการองค์ความรู้ ที่คิดว่าจะหลับในรถกลายเป็นว่าเม้าท์แตกกับดร.ภัทท์และบีจนไปถึงศูนย์การเรียนรู้บางปะกง งานนี้ลูกน้องดร.ภัทท์จัดให้ตามคำขอ...บรรจงถ่ายภาพนี้ให้ไว้เป็นที่ระลึก
ในธนาคารมีผู้บริหารที่ผมเคารพนับถือหลายคน หนึ่งในจำนวนนั้นที่สนิทกันมากคือคุณนิตะโดริ(似鳥)คุณนิตะโดริสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเดียวกับผม นิสัยอาจจะเป็นคนช่างพูดและพูดตรงเหมือนกัน คุณนิตะโดริช่วยเหลือและคอยแนะนำหลายๆเรื่องตลอดระยะเวลาที่ทำงานในธนาคาร รู้สึกซาบซึ้งในความกรุณาที่ได้รับ อาจจะเป็นเรื่องของกรรมในอดีตชาติที่เคยทำร่วมกันมาจึงมีส่วนทำให้ผมเข้ามาทำงานที่ธนาคารกสิกรไทยแล้วได้รู้จักผู้คนที่มีน้ำใจช่วยเหลือเกื้อกูลต่อกัน คุณนิตะโดริเขียนการ์ดที่ระลึกให้ผมในวันสุดท้ายของการทำงาน มันเป็นข้อคิดในการดำเนินชีวิตที่มีความหมายมากๆ
สภาพโต๊ะทำงานที่ผมนั่งทำงานประจำที่ธนาคารในวันสุดท้ายของการทำงาน ผมจัดการเก็บข้าวของบนโต๊ะจนเรียบร้อยเพื่อพร้อมให้พนักงานใหม่ที่จะเข้ามาใช้โต๊ะทำงานตัวนี้สามารถทำงานได้ต่อไปทันที
เกือบ ๕ โมงครึ่งของวันพฤหัสบดีที่ ๓๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๒ สมบัติชิ้นสุดท้ายที่เก็บจากโต๊ะทำงานคือ
ข้อความเตือนสติของอาจารย์พุทธทาสที่ผมเคลือบกรอบรูปเอาไว้
สมบัติชิ้นนี้นำมาวางบนโต๊ะทำงานตั้งแต่วันแรกที่มาทำงานที่ธนาคาร
ทีมเรวดีขอนัดเลี้ยงส่งมื้อเย็น บังเอิญทีมเขามีงานด่วนเข้ามา ผมเลยนั่งรอและพูดคุยกับเพื่อนฝ่ายเก่าที่ทำงานอยู่ชั้น ๑๙ ในระหว่างนั้นธรรมชาติเป็นใจ...ผมได้ภาพบรรยากาศดวงอาทิตย์ใกล้จะตกดินเป็นของที่ระลึก
งานเลี้ยงอำลาที่ทีมเรวดีจัดให้ผม เราไปทานอาหารค่ำกันที่ย่านประชาอุทิศ น้องๆในทีมเรวดีเปิดโอกาสให้ร้องเพลงคาราโอเกะที่อยากจะร้อง
ตอนไปอบรม Knowledge Management มีคนแซวว่าผมคงถนัดร้องได้แต่เพลงแนวสุนทราภรณ์ น้องคนนั้นมารู้ทีหลังว่าผมเคยเป็นสมาชิกชมรมนักร้องประสานเสียงมาก่อนสมัยเรียนที่จุฬาฯ ดังนั้นเพลงอะไรก็ร้องได้ แต่เจียมเนื้อเจียมตัวว่าไม่ใช่คนร้องเพลงที่น้ำเสียงเลอเลิศดังนั้นไม่จำเป็นก็จะไม่ค่อยชอบร้องเพลงโชว์ต่อหน้าผู้คน
ช่วงสุดท้ายของงานเลี้ยงส่ง...น้องๆในทีมเรวดีรวมทั้งแม่หมอปุ๊กและสามี มอบสมุด Friendship ให้ผม นี่คือสิ่งที่ผมอยากได้จริงๆจากเพื่อนๆที่เคยทำงานด้วยกันมากกว่างานเลี้ยงส่ง เพราะคุณค่าของข้อความที่เพื่อนๆเขียนให้มันมีความหมายต่อเรา ความรู้สึกดีๆที่ถ่ายทอดลงบนตัวอักษร ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่ปี...กลับมาอ่านใหม่ก็สามารถสัมผัสความรู้สึกดีๆที่เพื่อนร่วมงานถ่ายทอดให้เราณ.วันที่เราอำลาจากธนาคาร
คนเราพบกันแล้วก็ต้องทำใจว่าวันนึงก็จะต้องพลัดพรากจากกัน... แต่การพลัดพรากกันก็เพื่อที่จะกลับมาพบกันใหม่วันนึงในอนาคต วันที่กรรมจัดสรรให้คนสองคนได้กลับมาพบกันใหม่ ในระหว่างนี้ชีวิตอาจจะมีเรื่องราวต่างๆผ่านเข้ามามากมาย แม้จะไม่ได้เจอกัน...แต่ก็ยังระลึกถึงกัน คอยเป็นกำลังใจ ห่วงใยซึ่งกันและกัน ขอบคุณทุกคนที่เป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวดีๆในชีวิต ดูแลสุขภาพดีๆ จนกว่าเราจะพบกันใหม่...
Create Date : 03 พฤษภาคม 2552 |
Last Update : 29 พฤษภาคม 2552 15:47:21 น. |
|
25 comments
|
Counter : 4286 Pageviews. |
|
|
|
โดย: qoomaew IP: 118.172.181.127 วันที่: 5 พฤษภาคม 2552 เวลา:14:20:05 น. |
|
|
|
โดย: tanta-wan IP: 202.28.78.136 วันที่: 5 พฤษภาคม 2552 เวลา:16:08:51 น. |
|
|
|
โดย: ต๊อก IP: 113.53.168.192 วันที่: 5 พฤษภาคม 2552 เวลา:17:09:49 น. |
|
|
|
โดย: T IP: 202.44.72.5 วันที่: 6 พฤษภาคม 2552 เวลา:9:28:24 น. |
|
|
|
โดย: Ple Nuchreeya IP: 210.1.19.154 วันที่: 6 พฤษภาคม 2552 เวลา:18:01:25 น. |
|
|
|
โดย: ต๋อง IP: 209.129.155.253 วันที่: 6 พฤษภาคม 2552 เวลา:21:17:23 น. |
|
|
|
โดย: 。 ゆうか 。 (YUCCA ) วันที่: 8 พฤษภาคม 2552 เวลา:4:43:39 น. |
|
|
|
โดย: น้อง IP: 210.1.40.235 วันที่: 11 พฤษภาคม 2552 เวลา:9:29:07 น. |
|
|
|
โดย: อุ๋ม IP: 125.25.146.167 วันที่: 11 พฤษภาคม 2552 เวลา:20:42:08 น. |
|
|
|
โดย: ชีวประภา วันที่: 11 พฤษภาคม 2552 เวลา:22:47:33 น. |
|
|
|
โดย: กู้ IP: 58.9.173.114 วันที่: 12 พฤษภาคม 2552 เวลา:22:16:51 น. |
|
|
|
โดย: ชีวประภา วันที่: 13 พฤษภาคม 2552 เวลา:16:19:25 น. |
|
|
|
โดย: Mew IP: 203.148.162.195 วันที่: 15 พฤษภาคม 2552 เวลา:18:51:49 น. |
|
|
|
โดย: ชีวประภา วันที่: 15 พฤษภาคม 2552 เวลา:23:09:53 น. |
|
|
|
โดย: rae IP: 58.9.251.210 วันที่: 17 พฤษภาคม 2552 เวลา:15:15:11 น. |
|
|
|
โดย: ลูกจีน IP: 203.148.162.195 วันที่: 1 มิถุนายน 2552 เวลา:18:21:43 น. |
|
|
|
โดย: ชีวประภา วันที่: 1 มิถุนายน 2552 เวลา:21:47:29 น. |
|
|
|
โดย: Jan IP: 61.90.31.197 วันที่: 2 มิถุนายน 2552 เวลา:20:53:50 น. |
|
|
|
โดย: กุล IP: 58.9.51.209 วันที่: 7 มิถุนายน 2552 เวลา:16:39:21 น. |
|
|
|
โดย: aoy IP: 124.120.171.176 วันที่: 22 มิถุนายน 2552 เวลา:13:21:39 น. |
|
|
|
โดย: aom IP: 192.168.50.235, 58.11.75.220 วันที่: 1 กรกฎาคม 2552 เวลา:3:14:19 น. |
|
|
|
โดย: สมศักดิ์ (ผจส.ซอยวัชรพล) IP: 124.121.46.132 วันที่: 7 กรกฎาคม 2552 เวลา:21:56:29 น. |
|
|
|
โดย: พี่นุ IP: 88.247.126.200 วันที่: 17 กรกฎาคม 2552 เวลา:21:33:39 น. |
|
|
|
โดย: หนูนง IP: 117.47.70.52 วันที่: 12 พฤศจิกายน 2552 เวลา:20:47:45 น. |
|
|
|
โดย: อิฐ พนักงานสาขา IP: 192.168.10.253, 171.98.127.19 วันที่: 12 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:23:15:06 น. |
|
|
|
|
|
|
|