ชีวิตคือความไม่แน่นอนแต่ในความไม่แน่นอนของชีวิตเรากลับพบความสวยงามของชีวิต
Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2552
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
3 พฤษภาคม 2552
 
All Blogs
 
อำลาชีวิตพนักงานธนาคาร

ทุกอย่างมีการเริ่มต้นและสุดท้ายแล้วย่อมมีการสิ้นสุด...

ย้อนเวลากลับไปเมื่อเกือบสองปีที่แล้ว...วันจันทร์ที่ ๒๕ มิถุนายน ผมตื่นแต่เช้าเพื่อจะไปเริ่มต้นงานวันแรกที่ธนาคาร ถึงแม้ว่าเราไม่เคยทำงานวงการธนาคารมาก่อนแต่เราเชื่อว่าประสบการณ์ในญี่ปุ่นน่าจะเป็นประโยชน์ต่อธนาคาร ธนาคารกสิกรไทยเป็นองค์กรที่เรารักเราจึงเลือกที่จะทำงานกับองค์กรนี้...

ชุดทำงานวันแรกออกจะแปลกไปจากชุดทำงานที่เคยสวม สมัยอยู่เมืองไทยก่อนไปเรียนหนังสือในญี่ปุ่นหรือช่วงที่เป็นครูสอนภาษาไทยในญี่ปุ่นก็สวมแต่เสื้อเชิ้ตไปทำงาน แต่เพราะวันเริ่มต้นทำงานวันนั้นตรงกับวันจันทร์ ธนาคารจึงเชิญชวนพนักงานให้ใส่เสื้อโปโลสีเหลืองที่มีตราสัญลักษณ์ครบรอบในหลวงทรงเจริญพระชนมายุ ๘๐ พรรษา





มีปฐมนิเทศพนักงานใหม่ชั้น ๑๒ ก่อนที่พนักงานจะแยกย้ายกันไปทำงานที่ฝ่ายตนเองสังกัดอยู่ ผมทำงานที่ชั้น ๑๙ แล้วชีวิตพนักงานธนาคารของผมก็เริ่มต้น...


ทุกเช้าตอน ๗ โมงครึ่งและตอนหลังเคารพธงชาติเวลา ๘ นาฬิกา เราจะได้ยินเสียงเพลงมาร์ชของธนาคารที่คุ้นหู ถึงจะดูล่ามภาษามือประกอบเพลงอยู่หลายครั้งแต่ถ้าให้ทำท่าทำทางแบบนั้น....บางคำผมก็จำไม่ได้ว่าต้องทำท่าอย่างไร

งานช่วงแรกๆดูเหมือนเยอะแยะจนเราคิดว่าธุรกิจธนาคารไม่แตกต่างจากธุรกิจโฆษณาที่เคยทำมาเพราะว่าอยู่จนดึกจนดื่นและกลับบ้านในเวลาไม่ต่างกัน ขาประจำที่กลับบ้านดึกๆพอๆกันก็มีเจ้พร ถึงจะอยู่คนละทีมแต่นั่งอยู่ใกล้ๆกันเราเลยกลายเป็นบัดดี้กันไปเลย เจ้พรมักจะเอื้อเฟื้ออาหารว่างยามเย็นให้อยู่บ่อยๆ มีเอ็มที่นั่งข้างๆ...เวลามีปัญหาอะไรเกี่ยวกับโปรแกรมคอมพิวเตอร์มักจะขอความรู้จากเอ็มอยู่บ่อยๆ เอ็มเห็นผมคุยโทรศัพท์เป็นภาษาญี่ปุ่นบ่อยๆ....เขาเลยอยากพูดได้บ้าง เผื่อเวลามีโทรศัพท์มาตอนผมไม่อยู่เอ็มจะได้ช่วยโต้ตอบแทน อุตส่าห์เขียนประโยคสนทนาทางโทรศัพท์ภาษาญี่ปุ่นให้เอ็มเอาไว้ใช้เผื่อไว้กรณีผมไม่อยู่....แต่จนแล้วจนรอดเอ็มกลับไม่มีโอกาสได้ใช้ ช่างน่าเสียดายสิ้นดี


ในชั้น ๑๙ แทบจะหาคนอายุมากกว่าผมไม่มีเลย เจ้พรแก่กว่าเดือนเดียว ดังนั้นเพื่อนในฝ่ายจึงเรียกเราว่า "พี่" เป็นส่วนใหญ่


มิตรภาพนี่มันเริ่มจากอะไร? เราควรให้เขาเป็นฝ่ายหยิบยื่นให้เราก่อนหรือว่าเราควรเป็นฝ่ายหยิบยื่นให้เขาก่อน? ไม่มีสูตรสำเร็จในความหมายของคำว่า "มิตรภาพ" ใครจะให้ก่อนให้หลังไม่สำคัญแต่สิ่งสำคัญมิตรภาพเป็นสิ่งที่มีคุณค่าและหอมหวลเมื่อเวลายิ่งผ่านไป ผมเห็นคุณค่าของสิ่งนี้ เราเชื่อว่า "มิตรภาพอยู่เหนือกาลเวลาและไร้พรมแดน"


ไม่รู้ว่าอะไรจูงใจให้ผมไปเกี่ยวข้องกับทีมของเรวดีทั้งๆที่งานของผมแทบจะไม่เกี่ยวข้องกับงานของเรวดีเลย ถ้าจะให้วิเคราะห์...น่าจะป็นกฎว่าด้วยแรงดึงดูด....ที่ทำให้คนสนใจเรื่องคล้ายๆกัน มีทัศนคติในการดำเนินชีวิตคล้ายๆกัน จะมาพบปะเกี่ยวข้องกัน จนสนิทสนมกันได้ในเวลาอันรวดเร็ว ผมกลายเป็นสมาชิกกิจกรรมของทีมเรวดีไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบ แต่เวลามีอะไรน้องๆในทีมของเรวดีจะนึกถึงผมแล้วแจ้งให้ทราบเสมอ

ที่นั่งทำงานใกล้ๆกันและกลายเป็นเพื่อนสนิทกันอาจเพราะด้วยวัยใกล้เคียงกัน อุปนิสัยคล้ายๆกัน ก็คือเคี้ยง มีคนแซวว่าเป็นบัดดี้กันเพราะเห็นไปกินข้าวด้วยกันบ่อยๆ โทรคุยกันบ่อยมาก เคี้ยงเข้ามาทำงานก่อนหน้าผมไม่กี่อาทิตย์ น้องๆในทีมเคี้ยงก็คุ้นเคยกัน คุยกันบ่อยๆ เพราะนั่งใกล้กัน แล้วเคยทำงานวิจัยด้วยกัน

เข้ามาทำงานที่ธนาคารได้ไม่นานก็ได้เดินทางไปญี่ปุ่นกับผู้บริหารระดับสูง ไม่อยากเชื่อว่าจะมีโอกาสได้กลับไปญี่ปุ่นอีก แต่คราวนั้นไปเรื่องงานซึ่งแตกต่างจากการเดินทางไปท่องเที่ยวทีเคยทำสมัยเรียนอยู่ในญี่ปุ่น เป็นครั้งแรกที่มีโอกาสเดินทางไปญี่ปุ่นเพื่อเรื่องงานโดยเฉพาะ เป็นประสบการณ์ที่ดีที่ได้มีโอกาสทำงานใกล้ชิดกับท่านผู้บริหารระดับสูงของธนาคาร ได้เรียนรู้อะไรอีกหลายๆอย่างจากการเดินทางไปธุรกิจในญี่ปุ่นครั้งนั้น หลังจากกลับมาจากญี่ปุ่นได้เดือนเศษๆก็มีเหตุผลให้เดินทางไปงานสัมมนาในญี่ปุ่น การเดินทางคราวนั้นมีปัญหามากมายตั้งแต่ก่อนเดินทาง ระหว่างเดินทาง และหลังจากเดินทางกลับมาถึงเมืองไทย แต่ปัญหามีไว้ให้แก้ไข...ดังนั้นจึงหาทางคลี่คลายปัญหาเหล่านั้นจนในที่สุดเรื่องเหล่านั้นก็ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป


ตอนกลับมาจากญี่ปุ่นได้ไปติดต่อกับฝ่ายจัดการบัญชีทำให้ทราบว่าพี่โจ้ที่พึ่งรู้จักได้ไม่นานจะเกษียณเดือนธันวาคม พี่โจ้เอ่ยปากเองว่า...มันช่างบังเอิญที่ได้รู้จักผมตอนขึ้นไปห้องพยาบาล...แล้วเหมือนถูกชะตากัน พี่เขาเลยเอ็นดูและคอยแนะนำช่วยเหลือเรื่องต่างๆให้แก่ผม พี่โจ้ทำงานจนถึงวันสุดท้าย มีโอกาสได้ถ่ายรูปกับพี่โจ้เป็นที่ระลึก ของที่ระลึกที่ทำให้พี่โจ้ในโอกาสเกษียณเป็นโปสการ์ดที่ทำเองมีรูปถ่ายที่ถ่ายด้วยกันพร้อมที่อยู่ติดต่อได้ ถึงวันนี้พี่โจ้จะเกษียณไปแล้วแต่ก็ยังติดต่อแจ้งข่าวให้ทราบเป็นระยะๆ


การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอีกครั้งก่อนปลายปีเมื่อธนาคารมีนโยบายตั้งฝ่ายใหม่ พวกเราที่ดูแลลูกค้าต่างประเทศ...โดนโอนไปอยู่ฝ่ายใหม่ซึ่งเราย้ายฐานบัญชาการไปอยู่ชั้น ๑๖ กัน มีผู้อำนวยการอาวุโสคนใหม่มาดูแลฝ่ายใหม่ที่มีสมาชิกเริ่มต้นเพียง ๑๐ คน พี่ตู่เชิญพวกเราไปทานข้าวกันแต่สาวๆติดธุระกันเลยมีแต่ชายหนุ่มไปทานข้าวมื้อแรกกับพี่ตู่ ชั้น ๑๖ ก่อนหน้านั้นเป็นอาณาเขตของฝ่ายวิเทศพาณิชย์แต่เราก็ไปขอเฉือนอาณาเขตมาเป็นของฝ่ายเรา

บรรยากาศชั้น ๑๖ ช่างแตกต่างกับชั้น ๑๙ มากๆ ผู้คนฝ่ายวิเทศพาณิชย์อายุเฉลี่ยน่าจะน้อยกว่าผม ๓-๔ ปีได้ ส่วนมากเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว บรรยากาศในการทำงานจึงดูเงียบกว่า เหมาะอย่างยิ่งกับงานที่ต้องใช้ความคิด

อาจเป็นเพราะเราอยู่ไม่สุขชอบไปเจ๊าะแจ๊ะกับชาวบ้าน ผลลัพธ์คือเพื่อนๆในฝ่ายวิเทศพาณิชย์จึงรู้จักเราเป็นอย่างดี กุลเป็นเพื่อนบ้านที่ชวนคุยได้บ่อยๆเพราะนั่งติดกันโดยมี Partition กั้นเอาไว้ เจ๊ไข่ปกติจะส่งเสียงดังจนวันไหนที่เจ๊ไข่ไม่อยู่สังเกตได้ง่ายเพราะเสียงจะเงียบผิดปกติ กชพูดรัสเซียได้เพราะเคยไปเป็นนักเรียนโครงการแลกเปลี่ยนที่นั่น กชเป็นคนเดียวที่เจอแล้วยกมือไหว้เสมอ...จนแอบปลื้มที่ยังมีเด็กรุ่นใหม่ที่รักษาวัฒนธรรมไทยดีๆแบบนี้เอาไว้ เพราะคนไทยส่วนมากที่เคยเห็นมักจะยกมือไหว้กันตอนรู้จักตอนแรก แต่หลังจากสนิทกันแล้วเจอกันก็ไม่ยกมือไหว้กันอีก แก้วไปๆมาๆระหว่างสำนักพหลโยธินกับสำนักงานใหญ๋ราษฎร์บูรณะ พี่ตู๋มักจะมีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเล่าให้ฟังอยู่เสมอๆเพราะเขาสนใจประวัติศาสตร์


มีน้องๆวัยจ๊าบทีมวิเทศพาณิชย์หลายคนที่รู้จัก....น้องในฝ่ายวิเทศคู่หนึ่งขึ้นไปแสดงงาน CBS Star Award ด้วย ผมก็ได้รับการขอร้องให้ไปแสดงในงานนี้เหมือนกัน

ผมหลวมตัวไปร่วมแสดงในงาน CBS Star Award ตั้งแต่ตอนที่เข้ามาใหม่ๆ น้องๆเห็นแวว...เวลาเขาจัดงานเลยมาขอร้องให้ไปช่วยแสดงในงานนี้ซึ่งปีนึงจัด ๒ ครั้ง ไอ้ที่่ไปแสดงให้เขาไม่ใช่อยากดังหรือว่าเป็นพวก Born to be performer แต่มองว่าเวลาองค์กรเขาจัดกิจกรรมอะไรขึ้นมา ไม่ว่ามันจะลงทุนจัดแค่ไหน ถ้าไม่มีใครให้ความร่วมมืองานก็จะไม่สนุก เวลาขอให้น้องๆช่วยอะไรเขาช่วยเหลือเราเป็นอย่างดีถ้าเขาจะขอร้องอะไรเราบ้างจะทำให้เขาบ้างไม่ได้เชียวหรือ เวลาเขามาขอให้แสดงอะไรก็เลยไม่ขัด พอเขาเห็นแสดงออกมาแล้วคนดูชอบใจ..งานนี้ก็เลยทาบทามเอาไว้ก่อนแล้วก็รู้ว่าเราไม่ปฏิเสธ

งาน CBS Star Award เป็นงานแจกรางวัลให้แก่พนักงานธนาคารที่มีผลงานดีเด่นในรอบผลการดำเนินงานระยะเวลาครึ่งปีแรกและครึ่งปีหลัง เราไม่ใช่พนักงานดีเด่นอะไรหรอก แต่การแสดงบนเวทีเขาก็มีรางวัลให้นักแสดงด้วย บังเอิญมีกองเชียร์ที่รู้จักเราอยู่เยอะ...เวลาแสดงบนเวทีเลยมีคนกรี๊ดให้ แล้วเขาก็โหวตให้เราแม้ว่าฝ่ายเราจะมีคนมาร่วมงานน้อยก็ตาม คนที่ไม่รู้จักกันแต่ชอบที่เรากล้าทำอะไรแบบนั้นบนเวที...ก็เทคะแนนมาให้ผม การแสดงบนเวทีเลยมีรางวัลติดปลายนวมลงมาทั้งสองครั้ง จนตัดสินใจว่าควรปลดระวางแล้วให้คนอื่นแสดงบ้าง...ไม่ยึดติดกับตำแหน่งว่าผมต้องเป็นตัวแสดงของฝ่ายเอาไว้คนเดียว รุ่นน้องมาใหม่เลยเกลี้ยกล่อมให้เขาเป็นตัวแทนของฝ่ายไปแสดงซึ่งได้ผล...น้องรายนั้นหลวมตัวจริงๆ






หลังจากรอมานานว่าเมื่อไหร่มหาวิทยาลัยจะอนุมัติปริญญาเอกให้เสียที และแล้วเมือปลายเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้วคณะกรรมการของมหาวิทยาลัยก็มีมติให้อนุมัติปริญญาบัตรให้แก่ผม ทันทีที่ส่งข่าวแจ้งเรื่องที่ผมสำเร็จการศึกษาออกไปผ่านอีเมล....มีข้อความแสดงความยินดีจากเพื่อนๆกว่า ๓๐ ข้อความ อ่านอย่างอารมณ์ดี ตามมาด้วยงานเลี้ยงแสดงความยินดีที่สำเร็จการศึกษา แล้วก็บินไปรับปริญญาบัตรพร้อมกับครอบครัวที่มหาวิทยาลัยเคโอที่ญี่ปุ่น กลับมาถึงที่ทำงานก็เอาปริญญามาถ่ายรูปร่วมกับเพื่อนที่ธนาคารซึ่งไม่สามารถบินไปร่วมงานได้ จะมีก็แต่คุณยามาดะที่เขาลาพักร้อนช่วงนั้นและอยู่ที่ญี่ปุนพอดี คุณยามาดะก็จบจากสถาบันเดียวกัน...ดังนั้นต้องถือว่าคุณยามาดะเป็นรุ่นพี่เหมือนกัน คุณยามาดะให้เกียรติไปร่วมพิธีรับปริญญาด้วย





ช่อดอกไม้ที่ได้รับจากทีม Japanese-SME ไม่ได้ขว้างทิ้งภายหลังจากมันเหี่ยวไปแล้ว...ผมมาจัดเรียงเป็นดอกไม้แห้งแล้วเคลือบลามิเนตเก็บไว้ดูตลอดไป ความรู้สึกดีๆที่เพื่อนแสดงความยินดีกับเราโดยเฉพาะโอกาสเรียนจบด็อกเตอร์ซึ่งในชีวิตนี้คงมีแค่ครั้งเดียว มันน่าจะเก็บความรู้สึกดีๆแบบนั้นเอาไว้นานที่สุด






ภายหลังจากย้ายมาอยู่ฝ่ายพัฒนาธุรกิจต่างประเทศเมื่อต้นปีที่แล้ว...มีเหตุการณ์และกิจกรรมมากมายเกิดขึ้นภายในฝ่ายนี้ มีพนักงานเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ขณะเดียวกันก็มีเพื่อนในฝ่ายบางคนอำลาจากไป...ด้วยหลากหลายเหตุผล






แล้ววันที่ทำงานครบรอบ ๑ ปีที่ธนาคารก็มาถึง วันนั้นตรงกับวันพุธ อารมณ์ดีถ่ายภาพกับเพื่อนร่วมงานจนมีคนสงสัยว่าถ่ายเนื่องในโอกาสอะไร ตอบไปว่าเพราะทำงานครบรอบ ๑ ปีที่ธนาคารเลยอยากถ่ายภาพเป็นที่ระลึก















เมื่อเวลาผ่านไปก็เฝ้าถามตัวเองว่าเป้าหมายในชีวิตคืออะไร? งานที่ทำมันตอบโจทย์ไหม? เรายังสนุกกับมันอยู่ไหม? มนุษย์กินเงินเดือนหลายๆคนคงเคยมีความรู้สึกแบบนี้

ในขณะเดียวกันเราก็กลับมาดูกิจการครอบครัวที่เป็นธุรกิจค้าส่งที่บริหารโดยพ่อแม่เรา เขาทำกันสองคนตายายจนอายุเขามากขึ้นเรื่อยๆ กิจการนี้เราเห็นมาตั้งแต่ตอนก่อตั้งที่เริ่มต้นจากไม่มีอะไรเลย แล้วกิจการนี้ถ้าไม่มีคนไปสานต่อในที่สุดก็จะหายไป พ่อแม่เราจะทำต่อไปได้อีกกี่ปี? ตอนนี้ยังมีคนสอนและถ่ายทอดความรู้ให้เราได้ควรที่จะรีบเรียนรู้ ถ้าวันนึงกิจการตรงนี้ไม่มีคนรับช่วงหายไปแล้ว...ไม่ว่าเราจะโหยหาอย่างไรมันก็ไม่กลับคืนมา ในฐานะลูกชายการดูแลพ่อแม่ในยามสูงอายุมันเป็นพันธะและความผูกพันและการสานต่อกิจการครอบครัวให้คงอยู่และก้าวต่อไปข้างหน้าเป็นหน้าที่

ถึงแม้ว่าจะกลับไปสานต่อกิจการครอบครัวในต่างจังหวัด ในต่างจังหวัดก็ยังมีโอกาสที่จะทำอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อท้องถิ่นได้มากมาย ความรู้และประสบการณ์ที่เก็บเกี่ยวมาตลอดเวลาที่ผ่านมา การใช้ชีวิตในฐานะนักเรียนในญี่ปุ่นกว่า ๙ ปี คงเป็นประโยชน์ต่อเด็กรุ่นใหม่ที่อยู่ต่างจังหวัดซึ่งไม่ค่อยจะมีใครอยากไปถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ให้มากนัก ถ้ารู้จักบริหารเวลาให้ดีพอก็จะสามารถถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ให้แก่เด็กรุ่นใหม่เหล่านั้น ร่วมกันสร้างคนรุ่นใหม่ที่มีคุณภาพให้แก่ท้องถิ่นต่อไป

ภายหลังจากได้ปรึกษากับเพื่อนสนิท พ่อแม่ ญาติพี่น้องและเจ้านายที่ทำงานเก่าซึ่งเป็นคนที่เราให้ความเคารพ ใช้เวลาไตร่ตรองอยู่นานหลายเดือนจนในที่สุดก็ได้ความคิดที่ตกผลึก ตัดสินใจยื่นใบลาออกวันที่ ๓๐ มีนาคมที่ผ่านมา วันนั้นตรงกับวันจันทร์พอดี ดูเหมือนเรามีความสุขมากที่หาทางออกที่ดีที่สุดให้กับตัวเองได้







พี่ตู่ให้โอกาสเราพูดกับเพื่อนในฝ่ายในที่ประชุมเช้าวันจันทร์ถึงเหตุผลในการลาออกที่จะมีผลตั้งแต่วันที่ ๑ พฤษภาคม เพื่อนในฝ่ายหลายคนตกใจ เพื่อนฝ่ายอื่นที่สนิทกัน...หลายคนใจหายเพราะไม่คิดว่าวันที่เราลาออกจากธนาคารจะมาถึงเร็วขนาดนี้ เมื่อทุกคนทราบว่าเราจะไปสานต่อกิจการของครอบครัวและกลับไปดูแลพ่อแม่ เพื่อนๆต่างสนับสนุนและให้กำลังใจเราขอให้เราประสบความสำเร็จในสิ่งที่เราตัดสินใจเลือก

ช่วงสุดท้ายของการทำงานที่ธนาคารผมมีโอกาสบันทึกภาพสถานที่ต่างๆภายในธนาคารเก็บไว้เป็นที่ระลึก เพราะว่าภายหลังจากลาออกจากธนาคารแล้วคงหาโอกาสจะบันทึกภาพเหล่านี้จากมุมที่ดีที่สุดภายในธนาคารลำบาก







มีโอกาสได้ไปร่วมการแข่งขันมินิมาราธอนรายการ ๑๒๑ ปีศิริราชวิ่งผสานชุมชนซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่ทำในเดือนสุดท้ายของการทำงานที่ธนาคาร

มีโอกาสได้เจอคุณแบทแมนคนเดียวกับที่เป็นฮีโร่ไปปิดวาล์วรถแก๊สที่แฟลตดินแดงช่วงที่เกิดเหตุการณ์จลาจลในเทศกาลสงกรานต์ เขาเป็นคนที่มีน้ำใจมาก วิ่งๆไปก็เป่านกหวีดคอยโบกรถให้นักวิ่ง วิ่งๆไปหยุดคอยให้บริการน้ำดื่มแก่นักวิ่ง เขาวิ่งโดยไม่สนใจเรื่องของเวลาเลย เอามัน-ฮา เข้าไว้ เท่าที่ทราบจากข่าว....คุณแบทแมนเป็นนักวิ่งมาราธอนตัวจริง เขาลงแข่งหลายๆรายการ...เป็นคนอุบลราชธานีมีอาชีพเป็นเซลส์ขาย Talking-Dict.









พี่อัศวชัยที่อยู่ห้องพยาบาลก็เป็นนักวิ่งตัวจริง พี่อัศวชัยลงวิ่งหลายรายการ ผมมักเจอพี่อัศวชัยโดยบังเอิญในระหว่างที่วิ่่งหลายรายการแต่เราไม่เคยถ่ายภาพด้วยกัน วันที่วิ่งรายการ ๑๒๑ ปีศิริราชเดินวิ่งผสานชุมชนก็เลยถือโอกาสบอกพี่อัศวชัยว่าจะลาออกจากธนาคารแล้วและถ่ายภาพเก็บไว้เป็นที่ระลึก






แม่บ้านชั้น ๑๖ พี่บุญมีและแม่บ้านชั้น ๑๙ พี่ฉลวย ทั้งคู่นี้สนิทกับผม พอบอกพี่เขาว่าเราจะลาออกแล้ว....เขาก็ไม่อยากเชื่อ ใจหายเหมือนกัน ขอสองสาวถ่ายรูปด้วยที่ห้อง Pantry ชั้น ๑๖ พยายามจะโชว์วิวของคุ้งแม่น้ำเจ้าพระยาที่สวยมากเมื่อมองจากชั้น ๑๖ แต่ไม่สำเร็จได้แค่รู้ว่ามีแม่น้ำเป็นฉากหลัง






ปกติเวลาไม่สบายขึ้นไปห้องพยาบาลจะเจอคุณหมอวิลาวรรณ์ ตอนไปร่ำลาก็คิดว่าคงไม่ได้มาใช้บริการห้องพยาบาลอีกแล้ว แต่ก็มีเหตุเกิดอาการคอเคล็ดเพราะนั่งหลับนกหน้าจอคอมพิวเตอร์ในยามค่ำคืนเพราะมัวเล่นบล็อกแบบนี้ เลยขึ้นไปขอครีมนวดบรรเทาอาการเคล็ดขัดยอกกล้ามเนื้อจากคุณหมอแหม่ม เลยได้รูปนี้เก็บไว้เป็นที่ระลึก ไม่ได้เอากล้องขึ้นไปด้วยใช้กล้องจากโทรศัพท์มือถือถ่ายรูปนี้ วันนั้นเป็นวันศุกร์สุดท้ายที่ทำงานที่ธนาคารกสิกรไทย







ศุกร์เย็นไปไหว้พระบรมสารีริกธาตุกับทีมของเรวดีที่วัดยานนาวาแล้วชวนกันไปทานอาหารญี่ปุ่นที่ร้าน "ฮานาย่า" ย่านถนนสี่พระยา มีคนพูดถึงร้านนี้กันมากว่าเป็นร้านอาหารญี่ปุ่นร้านแรกในเมืองไทย รสชาติก็ใช้ได้เพียงแต่รู้สึกแปลกที่เขาไม่ใช้ข้าวจาโปนิกามาเสิร์ฟและเสิร์ฟด้วยชาจีนแทนที่จะเป็นชาเขียว????






อาทิตย์สุดท้ายของการทำงานเพื่อนๆจัดงานเลี้ยงอำลาให้...ต้องขอบคุณในน้ำใจที่ทุกคนมีให้ ระลึกถึงกัน อาลัยในยามที่ต้องจากกัน บรรยากาศของการทำงานตั้งแต่วันแรกจนมาถึงอาทิตย์สุดท้ายของการทำงานมันมีสีสันที่หลากหลาย....เป็นความทรงจำที่ดีในระหว่างที่ทำงานที่ธนาคารแห่งนี้







คงจะไม่ลืมความประทับใจที่เกิดขึ้นในโรงอาหารของธนาคารกสิกรไทยสำนักงานใหญ่ราษฎร์บูรณะ พี่จั๊กจั่นร้านเบอร์ ๒ มักจะจำได้เสมอว่าตอนเช้าผมจะทานข้าวกล้องในปริมาณมากกว่าปกติ ทุกครั้งที่ยืนหน้าร้านแกจะส่งยิ้มให้แล้วก็คดข้าวกล้องใส่จานแล้วก็ให้ปริมาณเพิ่มโดยที่ผมไม่เคยพูด น่ายกย่องว่าแม้แต่ร้านอาหารเล็กๆก็ยังใส่ใจรายละเอียดเล็กๆน้อยๆของลูกค้า ลูกค้าประทับใจก็อยากจะมาใช้บริการร้านนี้อีก พอบอกว่าจะลาออก...พี่เขาใจหายคิดว่าผมพูดเล่น ทำการ์ดให้พี่จั๊กจั่นเป็นรูปข้างล่างนี้พร้อมพิมพ์ข้อความว่า

"ขอบคุณที่ทำอาหารอร่อยให้ผมทานระหว่างที่ผมทำงานที่ธนาคารกสิกรไทยสำนักงานใหญ่ราษฎร์บูรณะ"






คุณนรินทร์เป็นน้องในฝ่ายที่สนิทกันมาก พอรู้ว่าผมทำการ์ดให้พี่จั๊กจั่นเกิดอาการอยากได้การ์ดเป็นที่ระลึกบ้าง... เลยถ่ายภาพนี้แล้วก็ทำการ์ดให้ตามคำขอไม่อย่างนั้นจะเกิดอาการน้อยใจ ผมลาออกจากธนาคารแล้วนรินทร์คงจะเหงาเพราะขาดเพื่อนคุย ขาดคนให้คำปรึกษา






ไม่ได้ออกไปติดต่อธุระข้างนอกนานมากแล้ว ตอนฝ่ายจัดงานเลี้ยงส่งให้ผม ผมขอใช้บริการของพี่วิลาศซึ่งเป็นคนขับรถของฝ่าย พี่วิลาศยินดีและเต็มใจให้บริการขับรถพาผมและน้องในฝ่ายไปทานอาหารมื้อกลางวันมื้อนั้น มามีโอกาสเจอพี่วิลาศหน้าลิฟต์ในวันทำงานวันสุดท้าย ขอร้องให้พี่วิลาศถ่ายรูปด้วยกันเป็นที่ระลึก ผมส่งรูปนี้ผ่าน MMS ให้พี่วิลาศทันที แต่โชคไม่ดีที่พี่วิลาศยังไม่เปิดใช้บริการ MMS







ตอนฝ่าย Channel เลี้ยงส่งผม....พี่เอ็ดดี้ที่ชอบถ่ายภาพเสนอความคิดที่จะถ่ายภาพผมกับสถานที่รอบๆธนาคารให้ ไม่คิดมาก่อนว่าจะมีคนจะทำเรื่องแบบนี้ให้เรา

พี่เอ็ดดี้อยู่ในวัยใกล้เคียงกัน มีโลกทัศน์และมุมมองการใช้ชีวิตเหมือนๆกัน ที่สำคัญชอบถ่ายภาพเหมือนกัน






ปกติช่างภาพจะไม่ค่อยมีรูปตัวเองเท่าไหร่ แล้วก็จะหาคนที่ถ่ายภาพในรูปแบบที่ตัวเองต้องการยาก การที่พี่เอ็ดดี้เสนอตัวถ่ายภาพให้...เป็นความกรุณาสูงสุดที่ไม่อาจจะลืมได้ ต้องขอบคุณอย่างมาก


เคยเป็นแต่ช่างภาพแล้วก็อยู่หลังเลนส์นานๆ ถ่ายภาพระยะหลังผมไม่ค่อยเน้นภาพตัวเองเท่าไหร่ พอมาเป็นนายแบบบ้าง...งานนี้เกิดอาการเขิน ตอนที่เรากำลังโพสทฺ์ท่าอยู่แล้วมีพนักงานธนาคารเดินผ่าน พวกเขาก็มองมาแล้วก็อาจจะเกิดคำถามว่าหมอนี่มาโพสท์ท่าถ่ายแบบทำไม? งานถ่ายแบบเริ่มตอนห้าโมงครึ่งมาเสร็จเอาตอนพระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว ตอนพี่เอ็ดดี้ Write CD ให้ผมมาเฉลยให้ฟังว่า...บันทึกภาพผมไปกว่า ๖๐๐ รูป!!!!!!! ฟังแล้วตกใจเพราะไม่เคยถ่ายภาพตัวเองมากขนาดนี้มาก่อน น้องๆในฝ่ายพี่เอ็ดดี้บางคนรู้เข้าเกิดอาการตัดพ้อต่อว่าที่รู้ว่างานนี้ผมแอบไปถ่ายแบบจำนวนภาพมากตามลำพังขนาดนั้นโดยไม่ชวนนางแบบเข้ากล้องด้วย

เชิญชมภาพนายแบบสมัครเล่นครับ






วันที่ลงไปเจอเพื่อนที่ฝ่ายบุคคลชั้น ๑๒ ได้มีโอกาสเจอดร.ภัทท์ ที่เป็นผู้บริหารการจัดการองค์ความรู้ของธนาคาร มารู้จักกับดร.ภัทท์ตอนที่ไปอบรมเรื่องการจัดการองค์ความรู้ ที่คิดว่าจะหลับในรถกลายเป็นว่าเม้าท์แตกกับดร.ภัทท์และบีจนไปถึงศูนย์การเรียนรู้บางปะกง งานนี้ลูกน้องดร.ภัทท์จัดให้ตามคำขอ...บรรจงถ่ายภาพนี้ให้ไว้เป็นที่ระลึก







ในธนาคารมีผู้บริหารที่ผมเคารพนับถือหลายคน หนึ่งในจำนวนนั้นที่สนิทกันมากคือคุณนิตะโดริ(似鳥)คุณนิตะโดริสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเดียวกับผม นิสัยอาจจะเป็นคนช่างพูดและพูดตรงเหมือนกัน คุณนิตะโดริช่วยเหลือและคอยแนะนำหลายๆเรื่องตลอดระยะเวลาที่ทำงานในธนาคาร รู้สึกซาบซึ้งในความกรุณาที่ได้รับ อาจจะเป็นเรื่องของกรรมในอดีตชาติที่เคยทำร่วมกันมาจึงมีส่วนทำให้ผมเข้ามาทำงานที่ธนาคารกสิกรไทยแล้วได้รู้จักผู้คนที่มีน้ำใจช่วยเหลือเกื้อกูลต่อกัน คุณนิตะโดริเขียนการ์ดที่ระลึกให้ผมในวันสุดท้ายของการทำงาน มันเป็นข้อคิดในการดำเนินชีวิตที่มีความหมายมากๆ







สภาพโต๊ะทำงานที่ผมนั่งทำงานประจำที่ธนาคารในวันสุดท้ายของการทำงาน ผมจัดการเก็บข้าวของบนโต๊ะจนเรียบร้อยเพื่อพร้อมให้พนักงานใหม่ที่จะเข้ามาใช้โต๊ะทำงานตัวนี้สามารถทำงานได้ต่อไปทันที








เกือบ ๕ โมงครึ่งของวันพฤหัสบดีที่ ๓๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๒ สมบัติชิ้นสุดท้ายที่เก็บจากโต๊ะทำงานคือ

ข้อความเตือนสติของอาจารย์พุทธทาสที่ผมเคลือบกรอบรูปเอาไว้

สมบัติชิ้นนี้นำมาวางบนโต๊ะทำงานตั้งแต่วันแรกที่มาทำงานที่ธนาคาร







ทีมเรวดีขอนัดเลี้ยงส่งมื้อเย็น บังเอิญทีมเขามีงานด่วนเข้ามา ผมเลยนั่งรอและพูดคุยกับเพื่อนฝ่ายเก่าที่ทำงานอยู่ชั้น ๑๙ ในระหว่างนั้นธรรมชาติเป็นใจ...ผมได้ภาพบรรยากาศดวงอาทิตย์ใกล้จะตกดินเป็นของที่ระลึก






งานเลี้ยงอำลาที่ทีมเรวดีจัดให้ผม เราไปทานอาหารค่ำกันที่ย่านประชาอุทิศ น้องๆในทีมเรวดีเปิดโอกาสให้ร้องเพลงคาราโอเกะที่อยากจะร้อง

ตอนไปอบรม Knowledge Management มีคนแซวว่าผมคงถนัดร้องได้แต่เพลงแนวสุนทราภรณ์ น้องคนนั้นมารู้ทีหลังว่าผมเคยเป็นสมาชิกชมรมนักร้องประสานเสียงมาก่อนสมัยเรียนที่จุฬาฯ ดังนั้นเพลงอะไรก็ร้องได้ แต่เจียมเนื้อเจียมตัวว่าไม่ใช่คนร้องเพลงที่น้ำเสียงเลอเลิศดังนั้นไม่จำเป็นก็จะไม่ค่อยชอบร้องเพลงโชว์ต่อหน้าผู้คน

ช่วงสุดท้ายของงานเลี้ยงส่ง...น้องๆในทีมเรวดีรวมทั้งแม่หมอปุ๊กและสามี มอบสมุด Friendship ให้ผม นี่คือสิ่งที่ผมอยากได้จริงๆจากเพื่อนๆที่เคยทำงานด้วยกันมากกว่างานเลี้ยงส่ง เพราะคุณค่าของข้อความที่เพื่อนๆเขียนให้มันมีความหมายต่อเรา ความรู้สึกดีๆที่ถ่ายทอดลงบนตัวอักษร ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่ปี...กลับมาอ่านใหม่ก็สามารถสัมผัสความรู้สึกดีๆที่เพื่อนร่วมงานถ่ายทอดให้เราณ.วันที่เราอำลาจากธนาคาร






คนเราพบกันแล้วก็ต้องทำใจว่าวันนึงก็จะต้องพลัดพรากจากกัน...
แต่การพลัดพรากกันก็เพื่อที่จะกลับมาพบกันใหม่วันนึงในอนาคต
วันที่กรรมจัดสรรให้คนสองคนได้กลับมาพบกันใหม่
ในระหว่างนี้ชีวิตอาจจะมีเรื่องราวต่างๆผ่านเข้ามามากมาย
แม้จะไม่ได้เจอกัน...แต่ก็ยังระลึกถึงกัน
คอยเป็นกำลังใจ ห่วงใยซึ่งกันและกัน
ขอบคุณทุกคนที่เป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวดีๆในชีวิต
ดูแลสุขภาพดีๆ
จนกว่าเราจะพบกันใหม่...







Create Date : 03 พฤษภาคม 2552
Last Update : 29 พฤษภาคม 2552 15:47:21 น. 25 comments
Counter : 4286 Pageviews.

 
ความทรงจำที่ดีๆมีค่ามากกว่าสิ่งใดคือภาพถ่าย


โดย: qoomaew IP: 118.172.181.127 วันที่: 5 พฤษภาคม 2552 เวลา:14:20:05 น.  

 
" ชีวิตคือความไม่แน่นอน
แต่ในความไม่แน่นอนของชีวิต
เรากลับพบความสวยงามของชีวิต "

จะติดตามอ่านเรื่องราวต่างๆของชีวิตพี่ต่อไปนะคะ


โดย: tanta-wan IP: 202.28.78.136 วันที่: 5 พฤษภาคม 2552 เวลา:16:08:51 น.  

 
มิตรภาพอันแสนหวาน
กับความทรงจำที่งดงาม
อ่านแล้วคิดถึงเพื่อนๆเก่าๆ
พี่เงี๊ยบโชคดีนะคะ
สู้ๆๆๆ


โดย: ต๊อก IP: 113.53.168.192 วันที่: 5 พฤษภาคม 2552 เวลา:17:09:49 น.  

 
สุดยอดพี่ ในที่สุดก็ได้อ่าน สุน ทอ รา โพ๊ด ของพี่ซะที โชคดีคร๊าบ ไว้จาไปเยี่ยมเยียนคร๊าบ


โดย: T IP: 202.44.72.5 วันที่: 6 พฤษภาคม 2552 เวลา:9:28:24 น.  

 
good, worth reading, see you


โดย: Ple Nuchreeya IP: 210.1.19.154 วันที่: 6 พฤษภาคม 2552 เวลา:18:01:25 น.  

 
แล้ววันหลังจะแวะไปเยี่ยมที่น.ว.


โดย: ต๋อง IP: 209.129.155.253 วันที่: 6 พฤษภาคม 2552 เวลา:21:17:23 น.  

 
お疲れ様でした。


これからがんばってください。よろしくお願いします。


โดย: 。 ゆうか 。 (YUCCA ) วันที่: 8 พฤษภาคม 2552 เวลา:4:43:39 น.  

 
สวัสดีค่ะพี่เงี้ยบ
ขอโทษทีมาเช็คเมลล์ช้าไปมากๆๆๆเลย อ่านแล้วเห็นภาพเลยค่ะ(แฮะๆๆ ก้อเห็นจริงๆอะ มีภาพประกอบด้วย)

สบายดีนะค่ะ


โดย: น้อง IP: 210.1.40.235 วันที่: 11 พฤษภาคม 2552 เวลา:9:29:07 น.  

 
สบายดีนะคะ พี่เงี๊ยบ
อ่าน Blog ของพี่เงี๊ยบแล้ว อยากเขียนบ้างจัง
ประทับใจจริงจริง


โดย: อุ๋ม IP: 125.25.146.167 วันที่: 11 พฤษภาคม 2552 เวลา:20:42:08 น.  

 
ขอบคุณเพื่อนๆที่แวะมาอ่านกัน

มีเพื่อนที่ธนาคารมาอ่านแล้วชอบในสิ่งที่เขียน มันเป็นความทรงจำที่ดีที่ครั้งหนึ่งได้มาทำงานที่นี่ มีเพื่อนร่วมงานดีๆหลายๆคน และทุกคนทำให้ประสบการณ์ในการทำงานที่ธนาคารมีคุณค่า

ขอบคุณนะน้องที่แวะมาอ่าน...เซิฟเวอร์ใช้งานไม่ได้อยู่หลายวัน วันนี้พึ่งกลับมาใช้ได้ตามเดิมตรงกับวันที่พระโคในพระราชพิธีแรกนาขวัญกินงาพอดี

อุ๋มลองเริ่มเขียนอะไรไปเรื่อยๆ...อีกหน่อยก็จะเห็นพัฒนาการทางการเขียนที่ดีขึ้นไปเรื่อยๆ แล้ววันนั้นผมจะแวะไปเยี่ยมบล็อกของอุ๋มบ้าง

ゆうかさん。。。いつも私の内容を読んで頂いて有難うございました。今後とも応援して下さい。よろしくお願いします。


โดย: ชีวประภา วันที่: 11 พฤษภาคม 2552 เวลา:22:47:33 น.  

 
แวะเข้ามาอ่านจนจบเสียที หลังจาก อ่านได้ครึ่ง ๆ กลาง ๆ ก็ง่วงแล้ว หรือไม่ก็ดูละคร

แค่สงสัยว่าพีใช้เวลาเขียนบล๊อกนี้นานแค่ไหนคะ (^^)


โดย: กู้ IP: 58.9.173.114 วันที่: 12 พฤษภาคม 2552 เวลา:22:16:51 น.  

 
มีคนบอกว่าผมเขียนเล่าเรื่องละเอียดแต่ยาวมากๆ

เรื่องในบล็อกนี้ใช้เวลาเขียนหลายวันเพราะต้องโหลดรูปลงด้วย ถ้าดูโน้ตบันทึกตอนท้ายของกระทู้จะเห็นว่าเริ่มร่างวันที่ ๓ พฤษภาคมแต่มาสมบูรณ์เอาวันที่ ๕ พฤษภาคม

เรื่องราวที่เกิดขึ้นมันมีหลากหลายมุมแล้วเกี่ยวข้องกับคนหลายคน...แม้ว่าจะใช้เวลากับการทำงานที่ธนาคารเพียง ๑ ปีกับ ๑๐ เดือน


โดย: ชีวประภา วันที่: 13 พฤษภาคม 2552 เวลา:16:19:25 น.  

 
มาอ่านแล้วนะพี่ แล้วจะแวะมาเยี่ยมบลอกบ่อยๆ นะคะ


โดย: Mew IP: 203.148.162.195 วันที่: 15 พฤษภาคม 2552 เวลา:18:51:49 น.  

 
ขอบคุณหมิวที่แวะมาเยี่ยมบล็อกผม ไม่อยากเชื่อเลยว่าผมลาออกจากธนาคารผ่านไป ๒ อาทิตย์แล้ว...เร็วมากเลย เหมือนพึ่งผ่านไปไม่กี่วัน

Time and tide wait for no man


โดย: ชีวประภา วันที่: 15 พฤษภาคม 2552 เวลา:23:09:53 น.  

 
ในที่สุดก้อได้อ่าน blog ของพี่เงี๊ยบซะที ขอบคุณที่รู้สึกดี ๆ กับทีมเรนะคะ น้อง ๆ ทุกคนก็เอาใจช่วยขอให้พี่เงี๊ยบประสบความสำเร็จในชีวิตนะคะ


โดย: rae IP: 58.9.251.210 วันที่: 17 พฤษภาคม 2552 เวลา:15:15:11 น.  

 
อ่านแล้วรู้สึก ตำหนิตัวเอง ไร้ซึ่งความละเอียด ละเมียด ละไม ทางความคิด
วันๆ คิดแต่ว่า จะทำงานให้เสร็จ ถูกใจ นาย และรีบกลับบ้าน ไปดูลูกๆ
จนคิดว่า ชีวิตนี้ เกิดมาใช้กรรม

ผมว่า ท่าน ดูมีความสุข ดีนะ

ผมไม่เคย ไม่เคยคิด และคิดว่า จะไม่
เข้าอ่าน Blog อะไร พวกนี้ ของใครก็ตาม

แต่ท่านทำให้ผม เปลี่ยนความคิด
ผมรู้สึกดี กับ Blog ก็เริ่มที่ของท่านนี่แหละ

ว่าแล้ว ต้องรีบศึกษา ให้ลึกซึ้ง

พี่เงี๊ยบรู้ไหม
มีอีก หลาย ต่อหลายเรื่อง
ผมอิจฉา คุณมากๆๆๆๆ

สำหรับเรื่องที่คุณ ( อาจ ) จะอิจฉา ผม

อย่าได้คิด

ฉากหน้า ผมดู Happy ลื่นไหล

ฉากหลัง ผมเศร้า มากนะ

โคตร เก็บกดเลย ไม่รู้จะบ่น หรือ ทำไง กับมันดี

เออ...ว่าแล้วก็มาบ่นเรื่องตัวเอง

ขอโทษนะ


โดย: ลูกจีน IP: 203.148.162.195 วันที่: 1 มิถุนายน 2552 เวลา:18:21:43 น.  

 
เฮีย(ลูกจีน)ไม่ต้องคิดมากครับ ถ้าเราฝึกคิดอะไรแปลกๆใหม่ๆเราก็ได้โลกใบใหม่ให้เราสนุกสนาน...ตรงกันข้ามถ้าเราใช้ชีวิตแบบเดิมๆอยู่แบบเดิมๆคิดแบบเดิมๆ..โลกใบนี้มันก็ไม่มีความน่าสนใจอะไร

ไม่อิจฉาชีวิตใครทั้งนั้นหรอกครับ...เพราะว่า

เบื้องหลังความสวยงามและความสำเร็จของผู้คนมีคราบน้ำตาและความยากลำบากอยู่เบื้องหลังครับ

ใช้ชีวิตให้คุ้มค่าสมกับที่ยังมีลมหายใจครับ


โดย: ชีวประภา วันที่: 1 มิถุนายน 2552 เวลา:21:47:29 น.  

 
Hi P'Niab... dropped by to say hello ja. How r u?


โดย: Jan IP: 61.90.31.197 วันที่: 2 มิถุนายน 2552 เวลา:20:53:50 น.  

 
อุ๊ย มีรูปเราตอนหัวฟูด้วย ตลกจัง :P


โดย: กุล IP: 58.9.51.209 วันที่: 7 มิถุนายน 2552 เวลา:16:39:21 น.  

 
หวัดดีค่ะ เป็นคนนึงที่ลาออกจากธนาคารมา 3 เดือนกว่าแล้ว ตอนนี้ยังว่างงานอยู่ อ่านแล้วรู้สึกดีจัง แต่เราอาจผ่านเรื่องต่างๆมาไม่เหมือนกัน จึงทำให้เราออกมาเป็นคนว่างงาน รู้สึกดีจังที่คุณมีอะไรทำ น่าอิจฉาด้วย ขอบคุณที่มีโอกาสได้อ่านอะไรแบบเนี้ยะั


โดย: aoy IP: 124.120.171.176 วันที่: 22 มิถุนายน 2552 เวลา:13:21:39 น.  

 
ขอบคุณ นะคะสำหรับสิ่งที่พี่นำมาถ่ายทอดให้ฟัง
หนูก็ทำฝ่ายวิเทศ พี่พหลฯ
หนูอ่านเเล้วรู้สึกว่าถ้าอยากทำงานให้ดีต่อไป
มีแบบอย่างที่ดี เเละพี่เก็บรายละเอียดในชีวิตพี่ได้อย่างดีมากๆ


โดย: aom IP: 192.168.50.235, 58.11.75.220 วันที่: 1 กรกฎาคม 2552 เวลา:3:14:19 น.  

 
ยินดีที่ได้เข้ามาพบตอนที่คุณจากกสิกรไทยไปแล้ว โชคดีครับ สำหรับธุรกิจใหม่ ส่วนพนักงานสาขาที่อยู่สู้ต่อไปสำหรับการบริการและการขายแบบไร้ขีดจำกัด เสียดายที่คุณไม่ได้ลงมาสัมผัส


โดย: สมศักดิ์ (ผจส.ซอยวัชรพล) IP: 124.121.46.132 วันที่: 7 กรกฎาคม 2552 เวลา:21:56:29 น.  

 
นาน มาอ่าน ได้กำลังใจดีเหมือนกัน ให้กำลังใจดีดีกลับไปที่เธอด้วย


โดย: พี่นุ IP: 88.247.126.200 วันที่: 17 กรกฎาคม 2552 เวลา:21:33:39 น.  

 
เสียดายจังที่เพิ่งได้อ่านข้อความของพี่ ถึงหนูจะเป็นเพื่อนต่างธนาคารฯ แต่ได้อ่านเรื่องของพี่แล้วรู้สึกดีจังที่พี่โชคดีที่ได้ทำงานในองค์กรที่ดี ๆ มีเพื่อนร่วมงานดี ๆ น่าอิจฉาจริง ขอบคุณสำหรับบทความที่ว่า " มิตรภาพอยู่เหนือกาลเวลาและไร้พรมแดน " เป็นคำพูดที่ไพเราะมากเลย


โดย: หนูนง IP: 117.47.70.52 วันที่: 12 พฤศจิกายน 2552 เวลา:20:47:45 น.  

 
ผมไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับพี่โดยตรงนะครับ เเต่บังเอิญเปิดมาอ่านแล้วชอบเรื่องราวที่พี่เขียนอ่านทุกตัวอักษรอย่างเข้าใจความรู้สึกครับ และชื่นชอบในมิตรภาพที่พี่และคนอื่นๆมอบให้กันครับ ปีที่พี่ลาออกจากธนาคารกสิกรไทยก็เป็นปีเเรกที่ผมเริ่มงานกับธนาคารแห่งนี้เช่นกันคัรบ ขอให้พี่ประสพเเต่ความสำเร็จในชีวิตนะครับผม


โดย: อิฐ พนักงานสาขา IP: 192.168.10.253, 171.98.127.19 วันที่: 12 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:23:15:06 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ชีวประภา
Location :
พิษณุโลก Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add ชีวประภา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.