|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
|
|
|
|
|
|
|
นกสีชมพูสวน
นกสีชมพูสวน Dicaeum cruentatum ( Scarlet-backed Flowerpecker) เป็นนกกาฝาก 1 ใน 11 ชนิดที่พบในประเทศไทย มีความยาวจากปลายปากจรดปลายหางเพียง ประมาณ 9 เซนติเมตร ตัวผู้ ตัวเมีย และตัวไม่เต็มวัย มีความแตกต่างทางด้านสีสันชัดเจนมาก กล่าวคือ ตัวผู้จะมีลำตัวด้านล่างสีขาว ด้านข้างของอก หน้าและหางสีดำ ปีกสีดำเหลือบน้ำเงิน มีแถบกว้างสีแดงจากโคนปากด้านบน หัว ท้ายทอย หลัง ตะโพกไปจนถึงขนคลุมหางด้านบน สะดุดตา ปาก ขา เล็บเป็นสีดำ
ขณะที่นกตัวเมียมีสีทั้งตัวเป็นสีน้ำตาลแกมเทา เว้นแต่ขนคลุมตะโพกและโคนหางเป็นสีแดง ส่วนนกวัยเด็กคล้ายนกตัวเมีย แต่มีสีออกเหลืองอมส้มที่ตะโพกและโคนหาง มีปากสีส้ม ปลายปากดำ
นกชนิดนี้เป็นนกที่ไม่อยู่นิ่งมักบินไปมาหากินอยู่บนยอดไม้ระดับสูง ทำให้มองเห็นตัวได้ค่อนข้างยาก แต่บ่อยครั้งก็มาเกาะสายไฟข้างถนนให้ดูเล่นๆเสียอย่างนั้น เป็นนกที่คนที่รู้จักมักได้ยินเสียงดังมาก่อนตัวเช่นเดียวกับนกตีทอง (Coppersmith Barbet) ซึ่งมักส่งเสียงร้องออกจากลำคอว่า กุ๊ก กุ๊ก กุ๊ก แต่สำหรับนกสีชมพูสวนจะร้อง ตึ๊ก ตึ๊ก ตึ๊ก เป็นจังหวะกระชั้น ออกแนวเมทัลลิกนิดๆ ซึ่งถ้าเราเข้าไปในบริเวณที่นกอยู่ จะได้ยินเสียงมาก่อน จึงจะหาตัวเจอ
ต้นไม้ที่นกชนิดนี้ชอบไปหากินคือต้นไม้ที่มีต้นกาฝากเกาะอาศัยอยู่หนาแน่น อย่างต้นพู่นายพลต้นนี้มีต้นกาฝากซึ่งกำลังออกดอกพราว บ้างก็กลายเป็นผลแล้ว นกสีชมพูสวนคู่หนึ่งพาลูกนกมาหากินที่นี่ทุกวัน โดยนกจะอาศัยมุดหัวลงไปกินทั้งน้ำหวานจากดอกกาฝาก จนหัวเลอะเทอะไปด้วยละอองเกสรและอาศัยเด็ดกินผลกาฝาก โดยการเด็ดมาทั้งผล ใช้ปากที่แข็งแรงบีบผลตามแนวขวางจนเมล็ดข้างในที่มีสารกลูโคสเคลือบอยู่ผลุบออกมา และใช้ความชำนาญขยับผลจนด้านที่เมล็ดออกมาหันเข้ามาทางปาก และกินเข้าไป ทิ้งเปลือกให้หล่นลงบนพื้น เมล็ดของกาฝากนี้มียางเหนียวเคลือบอยู่ เมื่อนกกินเมล็ดเข้าไปและถ่ายออกมา เมล็ดก็จะติดอยู่กับกิ่งก้านของต้นไม้ใหญ่ เมื่อได้โอกาสเหมาะสมก็แทงรากเข้าดูดกินน้ำเลี้ยงของต้นไม้ใหญ่และเจริญเติบโตต่อไป
อย่างไรก็ตาม อาหารของนกชนิดนี้ก็ไม่ได้มีแค่ผลกาฝากและน้ำหวานจากดอกของกาฝากเท่านั้น แต่ยังมีแมลง แมงมุม ลูกไม้เล็กสุกอื่นๆเช่นลูกตะขบ ลูกไทร และน้ำหวานจากดอกไม้ชนิดอื่นด้วย
ในประเทศไทย นกชนิดนี้มักจะทำรังวางไข่ช่วงเดือน มกราคมถึงเมษายน ทั้งคู่ช่วยกันทำรัง แต่ตัวเมียจะทำมากกว่า ลักษณะของรังคล้ายกระเป๋าสตางค์ห้อยลงมาจากกิ่งไม้ที่มีใบ มีทางเข้าออกเล็กๆพอให้ตัวนกเล็กๆเข้าออกได้อยู่ด้านบน ทำจากหญ้าแห้ง และรากฝอยแห้งๆ รัดเข้าด้วยกันด้วยใยแมงมุม รองรังด้วยเยื่อใยนุ่มๆ รังหาค่อนข้างยากเพราะห้อยติดปลายกิ่งไม้ที่มีใบบังมิดชิดในสวนผลไม้ ชอบทำรังบนต้นไม้สกุลมะม่วง วางไข่ครั้งละ2-3ฟอง ขนาด 14 มม.x 10.3 มม. ตัวเมียกกไข่ โดยมีตัวผู้เกาะให้กำลังใจข้างๆ
นกสีชมพูสวนเป็นนกประจำถิ่นที่พบได้ง่ายมากๆ กระจายพันธุ์ทั่วประเทศไทย พบได้ตั้งแต่ตามสวนสาธารณะ หมู่บ้านที่พอจะมีต้นไม้ใหญ่ ป่าโปร่ง ป่าละเมาะ สวนผลไม้ และอาจพบได้ตามไหล่เขาที่ระดับความสูงถึง 1200 เมตรทีเดียว
ข้อมูลจาก :
//www.bird-home.com
หนังสือ A Field Guide to the Birds of Thailand โดย Craig Robson
Create Date : 01 กันยายน 2549 |
|
5 comments |
Last Update : 25 กันยายน 2549 20:09:40 น. |
Counter : 6159 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: bigwores 13 กันยายน 2549 9:02:22 น. |
|
|
|
| |
โดย: Link_conner55 (Link_conner55 ) 19 พฤศจิกายน 2549 18:19:21 น. |
|
|
|
|
|
|
|
นึกไม่ออกว่าตอนอยู่เมืองไทยเคยเห็นบ้างหรือเปล่าน๊ะ