มาร์คชอบอวด แต่ทวดชอบแฉ คนกรุงชอบตอแหล แต่รากหญ้าชอบความจริง
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2554
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
20 ตุลาคม 2554
 
All Blogs
 
ขอพื้นที่ให้ข้าฯได้ระบายสักวันเถอะนะ

ใช่แล้ว คนอย่างข้าฯเกิดมายากจน ความรู้การศึกษาก็เลยด้อยตามไปด้วย ดังนั้นเมื่อพวกเอ็งบอกว่าข้าฯโง่ ข้าฯก็ยอมรับ พวกเอ็งบอกว่าข้าฯไม่รู้จักประชาธิปไตย ข้าฯก็เชื่อ แต่ที่พวกเอ็งบอกว่าข้าฯเลือกผู้นำเองไม่ได้ เรื่องนี้ข้าฯขอเถียง ยิ่งมีคนบอกว่าคนกรุงใกล้ชิดกับข้อมูลข่าวสารมากกว่าคนต่างจังหวัด ยิ่งทำให้ข้าฯเริ่มสงสัยว่า ตกลงแล้วข้าฯฉลาดน้อยกว่าจริงหรือ

ก้อชีวิตข้าฯผ่านมาแล้วหลายรัฐบาล ทุกครั้งที่ข้าฯเลือกรัฐบาลของข้าฯ ข้าฯมักจะได้รัฐบาลที่ทำให้ประเทศก้าวหน้า ไม่ว่าจะเป็นนายกฯชาติชาย ไม่ว่าจะเป็นนายกฯทักษิณ ทั้ง 2 คนล้วนแต่ทำให้รากหญ้าอย่างข้าฯรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลง รู้สึกถึงความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น แต่ดูคนที่พวกท่านเลือกเข้ามาสิ นายกฯชวนอย่างนี้ ที่พวกท่านบอกว่าซื่อแสนซื่อขนาดไหน มีหลักการแค่ไหน แต่ที่ข้าฯได้สัมผัสก็คือความก้าวหน้าของประเทศที่ดำเนินไปอย่างเชื่องช้า นายกฯที่ข้าฯเลือก ล้วนแต่ฟังเสียงของข้าฯ ส่วนนายกฯคนซื่อกลับไม่ค่อยจะฟังเสียงของข้าฯเลย เอะอะก็อ้างแต่ต้องเป็นไปตามขบวนการ ซึ่งบางอย่างมันรอไม่ได้ แล้วอย่างนี้ยังจะได้ใจข้าฯอย่างนั้นหรือ?

ยิ่งต่อมาข้าฯได้เห็นถึงกระแสของคนกรุงเทพ ที่เทคะแนนเสียงให้กับผู้ว่าฯคนหนึ่งที่หาเสียงด้วยป้ายหาเสียงแบบใหม่ โดยเน้นความสมถะ แค่นั้นเองก็ได้รับการตอบรับอย่างมากมายจากคน กทม. ใช่แล้วล่ะ คนนั้นก็คือคุณจำลองคนนี้นั่นเอง แล้วกาลเวลาก็ได้พิสูจน์แล้วว่า อะไรคือของจริงอะไรคือของปลอม อย่างนี้หรือที่พวกเอ็งบอกว่าเลือกผู้นำได้ดีกว่าข้าฯ

ดังนั้นเมื่อพวกเอ็งบอกว่า คนบ้านนอกเลือกนายกฯ คนกรุงเทพไล่นายกฯ แถมสื่อฯต่างๆก็ยังให้ความสำคัญกับเรื่องแบบนี้อีก ทำยังกับว่า คะแนนเสียงของคนกรุงมีค่ามากกว่าคะแนนเสียงของคนบ้านนอก แบบนี้หรือที่บอกว่าคนอย่างข้าฯไม่รู้จักประชาธิปไตย ตอนนี้ข้าฯเริ่มลังเล ก็เห็นบอกว่า ประชาธิปไตยเป็นการใช้เสียงส่วนมากในการตัดสิน เห็นบอกว่า หนึ่งคนมีหนึ่งสิทธิ์เท่าๆกัน แล้วทำไมเมื่อเสียงส่วนใหญ่ตัดสินไปแล้ว พวกเอ็งถึงไม่ยอมรับ? หรือว่าประชาธิปไตยในแบบของพวกเอ็งคือพวกเอ็งต้องเป็นผู้กำหนดทิศทางของประเทศเสียเอง พวกเอ็งจะเห็นว่าเป็นประชาธิปไตยก็ต่อเมื่อพวกเอ็งได้ชัยชนะอย่างนั้นหรือ

ข้าฯผิดด้วยหรือที่ข้าฯจะเลือกผู้นำที่ทำให้ความเป็นอยู่ของข้าฯดีขึ้น ข้าฯผิดด้วยหรือที่ข้าฯจะเลือกผู้นำที่ฟังเสียงข้าฯ ข้าฯผิดด้วยหรือที่เลือกคนที่เอื้ออาทรต่อความเป็นอยู่ของข้าฯ และข้าฯก็ไม่เคยเรียกร้องอะไรเลย เมื่อคนที่ข้าฯเลือกได้คะแนนเสียงน้อยกว่าที่พวกเอ็งเลือก ข้าฯยอมก้มหน้าก้มตาทำงานเลี้ยงชีพไปตามประสา แม้จะได้รัฐบาลที่ข้าฯไม่ถูกใจ แต่พอคนที่ข้าฯเลือกได้เป็นรัฐบาลบ้าง พวกเอ็งกลับไม่ยอมรับ กลับทำทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้รัฐบาลของข้าฯได้บริหารประเทศอย่างสะดวก สุดท้ายยอมเอาความก้าวหน้าของประเทศไปแลกกับการขับไล่รัฐบาลของพวกข้าฯ ยอมแม้กระทั่งสร้างความแตกแยกให้กับคนในชาติ เพียงเพื่อขับไล่นายกฯคนที่ประชาชนรักมากมายอย่างที่ไม่เคยมาก่อน นี่หรือคือความฉลาดของคนที่มีความรู้อย่างพวกเอ็ง ถ้าเป็นข้าฯล่ะก้อ อยากบอกพวกเอ็งตามตรงเลยว่า ข้าฯขอโง่ของข้าฯต่อไปดีกว่า

ก้อดูสิ่งที่พวกเอ็งทำกับประเทศบ้างสิ พวกเอ็งชุมนุมปิดถนน พวกเอ็งปิดเอ็นบีที พวกเอ็งยึดทำเนียบ พวกเอ็งปิดรัฐสภา จนรัฐบาลของข้าฯต้องหนีกระเซอะกระเซิงแทบเอาตัวไม่รอด พวกเอ็งถึงขั้นก่ออาชญกรรมเป็นผู้ก่อการร้ายปิดสนามบิน แต่พวกท่านเรียกว่า นั่นคือ การชุมนุมตามสิทธิรัฐธรรมนูญที่สงบอหิงสา แล้วพวกเอ็งก็ทำกันงุบงิบไปจัดตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร จนได้รัฐบาลที่พวกเอ็งต้องการ ซึ่งเป็นที่น่าอับอายขายหน้าไปทั่วโลกถึงการเป็นรัฐบาลอย่างไม่ชอบธรรม พอพวกข้าฯทำเลียนแบบพวกเอ็งบ้าง แค่ปิดถนนของพวกไฮโซในกลุ่มของพวกเอ็งบ้าง พวกเอ็งกลับใช้กองทัพออกมาปราบปรามข้าฯ โดยไม่คำนึงถึงมนุษยธรรม จนมีคนตายเกือบร้อย บาดเจ็บอีกเป็นพัน พร้อมข้อหาผู้ก่อการร้าย นี่คือประชาธิปไตยที่พวกเอ็งพูดถึงอย่างนั้นหรือ

ชีวิตข้าฯในประเทศนี้ทำไมจึงด้อยข้าฯนัก เกิดมาเป็นคนไทย ข้าฯก็ทำทุกอย่างที่กฎหมายกำหนด ข้าฯเสียภาษีทุกอย่างโดยไม่รู้ว่าการหลีกเลี่ยงเขาทำกันอย่างไร ข้าฯก็ทำทุกอย่างที่คนดีเขาทำกัน แต่ทำไมคุณค่าทางสังคมของข้าฯจึงด้อยกว่าคนอื่นๆ อันนี้ข้าฯสงสัยนัก

ข้าฯมองเห็นคนที่ถูกปราบปรามในประเทศอื่น เมื่อเป็นข่าวถึงประเทศไทย ข้าฯเห็นตัวอักษรวิ่งในทีวี ที่มีผู้คนแสดงความคิดเห็นถึงความโหดร้ายของผู้นำชาติอื่นมากมาย แล้วชีวิตพวกพ้องข้าฯในประเทศนี้กลับไม่เคยเอ่ยอ้างถึง ทำไมชีวิตพวกข้าฯจึงไม่ได้เทียบเท่ากับพลเมืองประเทศอื่น?

ข้าฯมองเห็นทีวีออกข่าวถึงการวิสามัญของเจ้าหน้าที่ต่อพวกพ่อค้ายาเสพติด ข้าฯเห็นคนหลายคนแสดงความคิดเห็นว่า เป็นการทำเกินกว่าเหตุหรือไม่ ส่วนพวกพ้องข้าฯที่ถูกกระทำด้วยอาวุธสงคราม มีการลอบยิงบนตึกสูง กลับไม่มีใครพูดถึงสิทธิมนุษยชนของพวกข้าฯ หรือพวกข้าฯยังเปรียบไม่ได้กับพวกค้ายาบ้าอย่างนั้นหรือ?

ข้าฯมองเห็นสังคมที่ให้ความเอื้ออาทรต่อผู้ที่ได้รับความอยุติธรรมเป็นรายๆไป บางครั้งกลายเป็นกระแสที่ทุกคนให้ความเห็นใจ มีการช่วยเหลือกันอย่างมากมาย แต่สำหรับพวกข้าฯที่บาดเจ็บล้มตายมากมาย กลับไม่มีใครใส่ใจ หรือพวกข้าฯไม่ใช่พลเมืองของประเทศนี้ไปแล้ว?

และที่ข้าฯสะเทือนใจมากมายก็คือ ภาพข่าวที่มีคนกลุ่มหนึ่ง จับสุนัขขังกรงหลายร้อยตัว เพื่อส่งต่อไปยังประเทศเพื่อนบ้าน จะเอาไปทำอะไรข้าฯก็ไม่รู้ แต่ที่ข้าฯรู้ก็คือสังคมให้ความสังเวช ให้ความสงสารสุนัขเหล่านั้นอย่างมากมาย แต่พวกข้าฯที่ถูกจับขังในคุกมากมาย หลายคนอาจเป็นผู้บริสุทธิ์ หลายคนยังไม่ได้การพิจารณาคดี คนเหล่านี้ สังคมกลับไม่ให้ความสนใจ หรือพวกข้าฯยังเปรียบไม่ได้กับชีวิตของสุนัขพวกนั้น?

เมื่อเหตุการณ์เป็นอย่างนี้ ทำให้ข้าฯคงต้องรับสภาพความเป็นพลเมืองชั้นสองในสังคมไทยนี้ เมื่อพวกเอ็งต้องการนายกฯคนนี้บริหารต่อไป พวกข้าฯก็จำต้องยอมรับกับมันให้ได้ เมื่อพวกเอ็งบอกว่านายกฯคนนี้เป็นคนที่ดีที่สุดของประเทศไทย ข้าฯก็จำต้องเชื่อ เมื่อพวกเอ็งบอกว่า นายกฯคนนี้เป็นโชคดีของประเทศไทย แม้ข้าฯจะไม่ยอมรับ แต่ก็ต้องทนกับมัน เพื่อให้ประเทศได้เดินหน้าต่อไป

แล้วดูดิ คนดีของพวกเอ็ง นอกจากไม่สามารถทำให้เกิดความปรองดองในชาติได้แล้ว ยังทำให้เกิดความขัดแย้งกับเพื่อนบ้านอีก นอกจากไม่สามารถทำให้ความเป็นอยู่ของข้าฯดีขึ้น กลับทำให้ค่าครองชีพเพิ่มสูงขึ้นกว่ารายได้ที่ข้าฯได้รับ นอกจากไม่สามารถทำให้ทุจริตลดน้อยลง กลับเพิ่มคอรัปชั่นมากกว่ารัฐบาลที่ผ่านมา นอกจากไม่สามารถทำให้องค์กรอิสระมีความเป็นอิสระจริงๆ กลับทำให้องค์กรเหล่านั้นหมดความน่าเชื่อถือ นอกจากไม่สามารถแก้ไขการแทรกแซงข้าราชการ กลับมีการโยกย้ายอย่างไม่เป็นธรรม นอกจากไม่สามารถทำให้ประเทศได้เดินหน้าต่อไป แต่กลับนำพาประเทศตกหล่มอยู่กลับความขัดแย้งที่เพิ่มมากขึ้น จนยากที่จะบริหารประเทศจนครบวาระ เพพวกเอ็งบอกว่า ที่ไม่สามารถทำอะไรในเรื่องต่างๆที่ผ่านมา เพราะว่า ไม่ได้เป็นรัฐบาลเพียงพรรคเดียว ดังนั้นพวกเอ็งจึงยอมยุบสภา เพื่อให้ประชาชนกำหนดทิศทางของประเทศ เป็นอย่างนั้นไม่ใช่หรือ?

แต่เมื่อผลการเลือกตั้งออกมาแล้ว ประชาชนตัดสินใจแล้ว และก็เป็นผลการเลือกตั้งที่ประชาชนต้องการให้เกิดความเปลี่ยนแปลง ดังนั้นคะแนนเสียงจึงออกมาในทิศทางเดียวกัน คือ อยากให้ประเทศได้เดินหน้าต่อ อยากได้รัฐบาลใหม่มาบริหารดู ด้วยกันให้คะแนนเสียงแก่พรรคๆเดียว เพื่อให้รัฐบาลใหม่มีเสถียรภาพมากขึ้น ดังนั้นถ้ารัฐบาลนี้ยังบริหารไม่ได้อีก จะมาโทษว่าเป็นรัฐบาลพรรคเดียวคงไม่ได้อีกแล้ว เพียงแต่ว่า พวกเราควรให้โอกาสพวกเขาบริหารก่อนไม่ใช่หรือ?

ไม่ใช่จะอาศัยรัฐประหารทางกฎหมายดังที่สื่อฯนอกเขาวิจารณ์ ไม่ใช่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องต่างๆทั้งๆที่ยังได้ตั้งรัฐบาล ไม่ใช่ออกมาตั้งข้อสังเกตต่างๆที่ไม่เอื้อต่อความก้าวหน้าของประเทศ เรื่องเหล่านี้ล้วนแต่เป็นการทำลายความเชื่อมั่นของพลเมืองทั้งไทยและเทศทั้งสิ้น หรือว่า พวกเอ็งต้องการให้ประเทศย่ำอยู่กับที่ เพียงเพราะผลประโยชน์ของพวกเอ็ง

ก้อดูพวกเอ็งทำดิ พยายามจะขัดขวางไม่ให้รัฐบาลใหม่ได้ทำตามนโยบายที่ได้นำเสนอกับประชาชน พวกเอ็งคิดยังไงของพวกเอ็งกันเหอ ประชาชนเลือกพรรคนี้อย่างถล่มทลายก็เพราะชอบใจในนโยบาย ดังนั้นพวกเอ็งควรจะรอให้รัฐบาลทำตามนโยบายให้ได้ก่อน ไม่ใช่ตีโพยตีพายในเรื่องที่ยังไม่เกิดในอนาคต พวกเอ็งยังจำได้ไหม ก่อนหน้านั้น พวกเอ็งก็ออกมาคัดค้านกันแข็งกร้าวว่า โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ไม่มีทางทำได้ เพราะรัฐบาลไม่มีเงิน เพราะโรงพยาบาลจะขัดทุนมหาศาล แล้วเดี๋ยวนี้เป็นไงบ้าง มีใครหน้าไหนที่กล้าบอกว่า 30 บาทตายทุกโรคอีกหรือเปล่า มีแต่พยายามจะขยายกรอบการประกันสุขภาพของประชาชนให้ได้กว้างขวาง ลึกซึ้งและรอบด้านมากยิ่งกว่าที่เคยทำมาแล้ว ไม่เห็นมีใครหน้าไหนที่เคยต่อว่าโครงการนี้อย่างสาดเสียเทเสีย แล้วกล้ายกเลิกโครงการนี้ พวกเอ็งจำได้หรือเปล่าเหอ?

ที่ข้าฯขัดใจที่สุดก็เห็นจะการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท ก็เห็นพวกเอ็งออกมาคัดค้านกันอึงคะนึง กลัวไปสารพัด กลัวว่า ผู้ประกอบการจะอยู่ไม่ได้ ทำยังกับว่า การขึ้นค่าแรง 300 บาทนี้จะนำพาให้ประเทศสู่ความหายนะอย่างใหญ่หลวง แต่เอ็งกลับไม่เคยกลัวว่าแรงงานเหล่านี้จะอยู่ไม่ได้ จิตใจพวกเอ็งทำด้วยอะไรกันเหอ เอ้อ ข้าฯก็เห็นแต่รัฐบาลทุกยุคทุกสมัยของพวกเอ็งพยายามช่วยเหลือพวกเอ็งมาตลอด แล้วทำไมจะมีรัฐบาลที่เห็นแก่พวกผู้ใช้แรงงานไม่ได้เชียวหรือ ที่ผ่านมาพวกเอ็งยังกอบโกยกันไม่พออีกหรือ พวกเอ็งคงไม่เคยเห็นการประเมินจากการศึกษาของคณะกรรมการสมาน ฉันท์แรงงานไทย (ครสท.) ค่าแรงขั้นต่ำที่พวกเขาต้องการอย่างแท้จริงคือ 421 บาทต่อวัน ดังนั้นการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำแค่ 300 บาท เพียงแค่ช่วยผ่อนคลายค่าครองชีพของพวกข้าฯเท่านั้นเอง ยังไม่สามารถทำให้พวกข้าฯมีเงินเก็บได้ แล้วอย่างนี้พวกเอ็งยังมาร้องแรกแหกกระเชออยู่ได้ ข้าฯรำคาญพวกเอ็งเต็มทน

พวกเอ็งพูดว่า ข้าฯเรียนน้อย ข้าฯจน สิ่งเหล่านี้พวกเอ็งคิดว่าข้าฯเลือกเองอย่างนั้นสิ เปล่าเลย ข้าฯอยากรวยเหมือนพวกเอ็ง ข้าฯอยากเรียนหนังสือสูงๆเหมือนพวกเอ็ง แต่พวกเอ็งให้โอกาสข้าฯหรือเปล่า แค่ค่าแรง 300 บาทต่อวัน พวกเอ็งยังไม่ยอมให้ข้าฯเลย พวกเอ็งรู้บ้างหรือเปล่า ทุกวันนี้คนมีรายได้น้อย พวกกินค่าแรงรายวัน มันจะตายกันหมดแล้ว ตอนนี้ทุกคนส่วนใหญ่ต้องทำงานล่วงเวลา เพื่อความอยู่รอด ต้องใช้เวลาในการหาเงินวันนึงเป็นสิบชั่วโมง แล้วจะเอาเวลาที่ไหนอยู่กับครอบครัว เอาเวลาไหนไปอบรมสั่งสอนลูกเต้า แต่พวกเอ็งก็ได้แต่ตำหนิปัญหาของสังคมที่ฟอนเฟะ แต่ไม่ยอมแก้ไข ไม่ยอมเสียสละเงินกำไรในแต่ละปีที่มากมายของพวกเอ็ง มาให้ข้าฯได้มีเวลาอบรมสั่งสอนบ่มเพาะให้ลูกหลานมีโอกาสขยับขึ้นเป็นพลเมืองชั้นหนึ่งเช่นเดียวกับพวกเอ็ง จะได้ไม่ต้องมาดูถูกดูแคลนว่า ด้อยการศึกษา ด้อยการพัฒนา ขาดวิจารณญาณในการเลือกผู้นำ เป็นปัญหาของการเติบโตของประชาธิปไตย เข้าใจหรือยังเหอพวกเอ็งน่ะ

ข้อสำคัญ ในขณะที่ประเทศพึ่งการส่งออกเพียงอย่างเดียว ซึ่งบางครั้งสถานการณ์ของตลาดโลกไม่อำนวย สิ่งที่พวกเอ็งและข้าฯต้องพึ่งพานั่นคือการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ แล้วพวกเอ็งรู้บ้างหรือเปล่าว่า พวกรากหญ้าอย่างพวกข้าฯนี่แหละที่กล้าจับจ่าย กล้าใช้สอย พวกข้าฯจึงเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายในอย่างแท้จริง พวกเอ็งมองแต่ในด้านลบ ทำไมไม่มองทางด้านบวกบ้างล่ะ ถ้าสังคมไทยมีการหมุนเวียนเม็ดเงินแล้ว ทุกฝ่ายย่อมดีขึ้นกันทั้งนั้น แล้วผู้ประกอบการที่พวกเอ็งห่วงใย อาจจะมีรายได้เพิ่มมากขั้น จนทำให้ธุรกิจเอสเอ็มอีเพิ่มขึ้นก็ได้ใครจะรู้

ดังนั้นข้าฯจึงอยากบอกพวกเอ็งว่า ข้าฯเข้าใจกับความรู้สึกของพวกเอ็งดี พวกเอ็งคุ้นเคยกับนโยบายที่พูดแล้วไม่ทำ ครั้นมีรัฐบาลที่พยายามทำตามนโยบายที่นำเสนอ พวกเอ็งย่อมรับไม่ได้ เพราะพวกเอ็งคิดว่า จะต้องเสียผลประโยชน์ที่เคยได้เคยมี แต่พวกเอ็งจะต้องรู้ด้วยว่า สังคมจะมีความสุข ต้องมีความสมดุล ไม่ใช่นายทุนกำไรกันจนสะดือปลิ้น แล้วปล่อยให้ลูกจ้างต้องอดตายเพราะไม่พอกิน

สุดท้ายข้าฯขอจบเพียงแค่นี้ ขอบคุณที่มีพื้นที่ให้คนจนอย่างข้าฯได้มีโอกาสระบายบ้าง เพราะสังคมไม่ค่อยยอมรับฟังคนจนๆอย่างข้าฯหรอกข้าฯรู้ เมื่อสังคมไม่รับฟัง ข้าฯก็ขอแค่ได้ระบายบ้างเพื่อไม่ให้อกแตกตาย หวังว่าคงเข้าใจถึงหัวอกของคนจนอย่างข้าฯบ้าง แค่นั้นแหละข้าฯก็ดีใจแล้ว



Create Date : 20 ตุลาคม 2554
Last Update : 20 ตุลาคม 2554 14:38:51 น. 0 comments
Counter : 661 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ทวดเอง
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทวดเอง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.