|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
เอากันให้ชัดๆระหว่างรัฐบาล 2 รัฐบาล
หลังจากผ่านพ้นการยึดอำนาจจากรัฐบาลที่มาจากเสียงส่วนใหญ่ของประเทศจนครบ 4 ปี วันนี้ผมอยากจะเปรียบเทียบถึงข้อกล่าวหาของรัฐบาลคุณทักษิณที่เป็นสาเหตุให้เกิดการยึดอำนาจกับรัฐบาลที่ได้รับการยอมรับจากผู้ใหญ่ของประเทศว่าเป็นโชคดีของประเทศไทยและอภิสิทธัตถะ มาให้เพื่อนๆรับไว้พิจราณาด้วยครับ
การทุจริตคอรัปชั่น รัฐบาลทักษิณ ที่เห็นชัดๆก็คงเป็นการเอื้อผลประโยชน์ให้กับธุรกิจของตัวเอง ถ้าแม้จะจริง แต่ผลประโยชน์ที่รัฐต้องเสียไป ก็ได้ตอบแทนกลับคืนมาในรูปแบบของภาษีต่างๆไม่ว่าจากทางตรงหรือทางอ้อม ประเทศได้ประโยชน์กลับคืนมาในแง่ของการสร้างงาน เศรษฐกิจโทรคมนาคมขยายตัวมากมาย ประชาชนได้คืนกลับมาในเรื่องค่าใช้จ่ายที่ถูกลง นักธุรกิจได้คืนกลับมาในด้านความสะดวกในการติดต่อธุรกิจ ทำให้ลดค่าใช้จ่ายในด้านติดต่อจัดซื้อจัดจ้างมากมาย ส่วนเรื่องซื้อขายที่ดินรัชดาที่ประมูลได้ด้วยราคาสูงสุด แต่ต้องคดีเพียงเพราะการเป็นนายกฯที่เป็นสามีของผู้ชนะประมูลเท่านั้นเอง
รัฐบาลอภิสิทธิ์ ก็คงหนีไม่พ้นการทุจริตในเรื่องการคิดค่าหัวคิวในโครงการต่างๆ การเรียกเก็บจากการแต่งตั้งในระบบราชการต่างๆ ซึ่งในความเห็นผมน่าจะสร้างความเสียหายให้กับประเทศมากกว่ามากนัก ไม่ว่าจะเป็นการนำนมบูด ปลากระป๋องเน่า ข้าวสารขึ้นรา นอกจากเป็นการทุจริตเงินภาษีแล้ว ยังเป็นการทำร้ายซ้ำเติมกับคนที่กำลังรอการช่วยเหลือ ส่วนการชักหัวคิวที่มากที่สุดตั้งแต่ 10-30 เปอร์เซ็นต์ มากที่สุดตั้งแต่มีการชักหัวคิวกัน นั่นเป็นผลให้ประเทศได้รับคุณภาพของสินค้าต่ำกว่าสเปค หรือไม่ก็แพงเกินจริง ไม่ว่าจะเป็นเสาธงต้นละห้าแสน เครื่องตรวจระเบิดที่ไม่มีประสิทธิภาพ หรือกระทั้งเรื่อเหาะที่ใช้งานไม่ได้ เป็นต้น อย่างนี้แล้ว ใครสร้างความเสียหายได้มากกว่ากัน แล้วมายึดอำนาจรัฐบาลของผมทำไม?
การแทรกแซงองค์กรอิสระ สมัยคุณทักษิณ มีแต่ข้อกล่าวหาเรื่องการแทรกแซงองค์กรอิสระจนไม่มีความอิสระ แต่ที่ผมเห็นเด่นชัดที่สุดก็คือ กกต. ที่ถูกตัดสินจำคุกในกรณี จัดการเลือกตั้งโดยให้ผู้มีสิทธิ์ออกมาคะแนนเสียงหันหลังออกข้างนอกคูหา ทั้งที่ระบบการเลือกตั้งของต่างประเทศก็มีหลายประเทศเช่นกันที่ทำกันในลักษณะนี้ เพียงแต่การเลือกตั้งของเรา มีคนอุตริใช้กล้องไปถ่าย แล้วออกมาบอกว่าทำให้รู้ผลการเลือกตั้งของผู้มีสิทธิ์ อันทำให้พรรคใดพรรคหนึ่งได้เปรียบ ทั้งที่คนที่ถ่ายน่าจะผิดกฎหมายเลือกตั้งหรือเปล่าผมไม่แน่ใจ แต่ที่ผมแน่ใจก็คือ การเลือกตั้งครั้งนั้นเป็นการเลือกตั้งครั้งแรกที่ใช้ระบบนี้ และที่ทำให้รู้ผลได้ ก็เพราะตอนนั้นมีการลงสมัครเลือกตั้งที่มีพรรคลงแข่งเพียงไม่กี่พรรค ดังนั้นจึงง่ายต่อการดูว่า ผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนให้ใคร หรือลงโนโหวต ถ้าเป็นการเลือกตั้งที่ปกติ มีพรรคการเมืองลงแข่งหลายสิบพรรค ผลของไม่ง่ายอย่างข้อกล่าวหาหรอกครับ ผมว่า
สมัยคุณอภิสิทธิ์ คงไม่ต้องพูดอะไรมาก ไม่ว่าจะเป็นการแบ่งโซนเขตเลือกตั้งที่วิจิตรพิสดาร นำภาคอิสานรวมกับภาคตะวันออก นำภาคกลางรวมกับภาคใต้ หรือ การแจกใบแดงให้กับฝ่ายที่หาเสียงด้วยเงินหมื่นกว่าบาท กับการแจกใบเหลืองให้กับอีกพรรคในกรณีเดียวกันแต่มีเงินสดเป็นล้าน หรือแม้กระทั่งการยุบพรรคในหลายพรรคก็เป็นไปอย่างรวดเร็ว ส่วนอีกพรรคซึ่งหลักฐานแน่นหนา จนถึงวันนี้ยังไม่มีใครกล้าฟันธงว่าจะถูกยุบหรือไม่ อีกทั้ง ปปช.ก็เช่นกัน เรื่องอื่นของพรรคอื่นไวทันใจ แต่ คดี ปรส.ที่กำลังจะหมดอายุความ ก็ดองเค็มอยู่จนทุกวันนี้ ส่วนดีเอสไอที่พึ่งเปลี่ยนอธิบดี ผมก็ไม่อยากเอ่ยอ้างถึง เพราะนั่นไม่ใช่การแทรกแซงครับ แต่เป็นการแต่งตั้งเพื่องานอย่างนี้โดยเฉพาะ อย่างนี่แล้วมันต่างกันตรงไหนกับการแทรกแซงองค์กรอิสระ แล้วแบบนี้มายึดอำนาจรัฐบาลของผมทำไม?
การแทรกแซงสื่อสารมวลชน สมัยคุณทักษิณ มีแต่สื่อฯออกมาตำหนิติเตียนว่าคุณทักษิณแทรกแซงสื่อฯอย่างมาก แต่ที่ผมเห็นในสมัยนั้น ไม่ว่าเนชั่นที่เป็นคู่ปฏิปักษ์ ผู้จัดการเอเอสทีวี ก็เสนอข่าวกันได้อย่างอิสระ หรือแม้กระทั่งสื่อฟรีทีวี ก็นำเสนอข่าวการชุมนุมของพันธมิตรฯแทบจะทั้งวัน อีกทั้งด่ารัฐบาลเป็นรายวัน ตำหนิรัฐบาลเป็นปกติ
สมัยคุณอภิสิทธิ์ สื่อฯต้องนำเสนอแต่ด้านบวกของรัฐบาลเท่านั้น ดังนั้นเราจึงไม่ค่อยเห็นข่าวของคนเสื้อแดงสักเท่าไรนัก โดยเฉพาะฟรีทีวี เพราะสื่อฯที่คิดเห็นต่างจากรัฐบาลมักจะถูกปิดหมด แม้กระทั่งยึดแท่นพิมพ์ก็ทำมาแล้วในรัฐบาลชุดนี้ อย่างนี้แล้ว สื่อฯนอกจากถูกแทรกแซงแล้ว ยังถูกปิดกั้นอีก มันซ้ำร้ายกว่าเก่าเสียอีก แบบนี้แล้วมายึดอำนาจรัฐบาลของผมทำไม?
การยืนบัญชีทรัพย์สินอันเป็นเท็จ คุณทักษิณ เจอข้อหาซุกหุ้น จนทุกวันนี้ยังมีคนก่นด่าอยู่ โดยลืมไปว่าหุ้นที่ซุกอยู่นั้นก็เป็นสมบัติของคุณทักษิณ ไม่ได้เพิ่มขึ้นจากการทุจริต อีกทั้งได้ผ่านขบวนการตัดสินมาแล้วว่าไม่ผิด ดังนั้นคุณทักษิณจึงไม่ได้ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองด้วยข้อหานี้
คุณชุมพล ของ ปชป. กับถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปี รอลงอาญา 1 ปี ปรับอีก 4 พันบาท เพราะการปกปิดบัญชีทรัพย์สิน ไม่ใช่ครั้งเดียว แต่มีถึง 13 ครั้ง แต่กลับได้รับการรับรองจากคุณสุเทพว่า “เนื่องจากมีธุรกิจหลายอย่าง เวลายื่นบัญชีทรัพย์สินอาจไม่ค่อยรอบคอบ อาจให้ลูกน้องช่วยทำบัญชีให้แล้วก็ละเลย ไม่ได้ติดตาม ทำให้ต้องคำพิพากษาไป แต่ไม่ใช่เรื่องการทุจริตคิดมิชอบที่เป็นพิษเป็นภัยต่อประเทศชาติประชาชน เป็นความบกพร่องส่วนบุคคลในการยื่นบัญชีทรัพย์สินเท่านั้น” ดังนั้นผมจะไม่หัวเราะคงเป็นคนเส้นลึกเกินไปเสียแล้วล่ะครับ เพราะคุณทักษิณได้รับการยกย่องจากนิตยสารฟร๊อบส์ให้เป็นบุคคลร่ำรวยลำดับที่ 23 แล้วคุณชุมพลได้ลำดับที่เท่าไรไม่ทราบ ข้อสำคัญจากการยื่นบัญชีทรัพย์สินที่เป็นเท็จของคุณชุมพล จะไม่มีการต่อยอดสาวถึงการเปลี่ยนแปลงของทรัพย์สินว่าเพิ่มขึ้นหรือลดลงอย่างนั้นหรือครับ อย่างนี้แล้ว ยังมีใครกระแหนกระแหนคุณทักษิณในเรื่องการบกพร่องโดยสุจริดอีกหรือไม่ ดังนั้นจะมายึดอำนาจจากรัฐบาลของผมทำไม?
สุดท้ายดีกว่าครับ เพราะไม่รู้ว่าบทความนี้จะอยู่รอดหรือเปล่า กลัวจะเหนื่อยฟรีครับ แห่ะๆ ยุคที่พูดความจริงไม่ค่อยได้ เพียงแต่ว่า ที่ผมอยากจะบอกก็คือว่า การทำรัฐประหารยึดอำนาจทุกครั้งมีแต่ทำให้ประเทศถอยหลังเสมอมา และด้วยข้อหาเดิมๆมาตลอด แต่สุดท้ายก็ได้รัฐบาลที่ไม่ได้ดีกว่าเก่า แต่ไม่ว่าเศรษฐกิจหรือสังคม ล้วนแต่ได้รับผลกระทบอย่างมากมาย ส่วนประชาชนก็ยอมสยบอยู่กับอำนาจใต้กระบอกปืนมาตลอด ยอมรับกับข้อกล่าวหาต่างๆ ทั้งๆที่กี่ยุคกี่สมัยก็เป็นแบบนี้ แต่คนไทยกับยอมรับ ซึ่งซ้ำร้ายกว่านิทานเรื่องกบเลือกนายเสียอีก เพราะนี่เป็นนายที่เราไม่ได้เลือกเองเสียด้วย แล้วเราจะทนกันอย่างนี้ถึงเมื่อไหร่กัน หรือเราจะรอจนกว่าครั้งต่อไป เมื่อเรามีนายกฯที่นำพาประเทศไปสู่สากล แล้วการยึดอำนาจก็จะกลับมาอีกครั้งด้วยข้อหาเดิมๆอีก โดยที่พวกเราไม่คิดทำอะไรเพื่อพวกเราเองอย่างนั้นหรือครับ
Create Date : 09 พฤษภาคม 2554 |
Last Update : 9 พฤษภาคม 2554 9:06:13 น. |
|
1 comments
|
Counter : 790 Pageviews. |
|
|
|
| |
|
|