" ค ว า ม สุ ข ผ ลิ ใ บ ใ น ทุ ก เ ช้ า" หนังสือเล่มใหม่ของ "ปะการัง" วางตลาดแล้ว
Group Blog
 
 
กรกฏาคม 2550
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
20 กรกฏาคม 2550
 
All Blogs
 
กำลังใจสู่เส้นชัยแห่งชีวิต - ปะการัง




รอยยิ้ม, ความฝัน และเสียงเพลง ขับร้องโดย สุชาติ ชวางกูร
คำร้อง-ทำนอง โดย ณรงค์ฤทธิ์ ยงจินดารัตน์ (ปะการัง)


ช่วงที่ผมหยุดผลิตพ็อคเก็ตบุคในนามสำนักพิมพ์ ’วตา และมาวุ่นอยู่กับการผลิตนิตยสาร Boom Mag ของตัวเองนั้น ผมได้หยุดเขียนบทกวีไปช่วงระยะเวลาหนึ่ง จนเมื่อผมหยุดกิจการทุกอย่างลง เพื่อเตรียมตัวมาเรียนต่อที่สหรัฐอเมริกานั่นเอง ที่ทำให้ผมมีเวลาว่างอยู่หลายเดือน ผมได้หันไปทำงานถนัดด้านอื่นที่ไม่ผูดมัดตัวเองในระยะยาวมากนัก เช่น ให้เสียงบรรยายสารคดีของสถานีโทรทัศน์ ช่อง 9 (จำชื่อรายการไม่ได้), อีกทั้งยังอ่านหนังสือทั้งเล่มอัดใส่เทปส่งไปให้คนตาบอดฟัง--

ช่วงนั้นเอง ผมได้หันกลับมาเขียนบทกวีอีกครั้ง แต่การกลับมาครั้งนี้ ลีลาในการเขียนได้เปลี่ยนไป-- ไม่ใช่ถ้อยคำหวานกล่าวขานถึงเรื่องราวของความรัก, ความฝัน, ฉันและเธอ อีกต่อไป..

หนังสือบทกวีเล่มแรก ที่กลับมาเขียนอีกครั้งในช่วงนั้น คือ กำลังใจ สู่ เส้นชัยแห่งชีวิต จัดพิมพ์โดย สำนักพิมพ์ดอกหญ้า จำได้ว่า เมื่อหนังสือเสร็จได้ไม่นาน ผมก็จากเมืองไทยมาแล้ว- - ผมไม่แน่ใจว่า คนอ่านที่เคยติดตามนามปากกา “ปะการัง” มาตั้งแต่ต้น ยังตามมาอ่านอยู่หรือเปล่า หรือว่าคนที่อ่านเล่มนี้เป็นคนอ่านกลุ่มใหม่.. ผมไม่แน่ใจ

จากข้อมูลเท่าที่ผมมีอยู่ในมือตอนนี้ กำลังใจ สู่ เส้นชัยแห่งชีวิต ยังเป็นที่ต้อนรับของคนอ่านพอสมควรในขณะนั้น เพราะได้รับการตีพิมพ์ถึง 5 ครั้งในห้วงเวลาสองปี ตามรายละเอียดที่ผมเจอในฉบับพิมพ์ครั้งที่ห้า ดังนี้

พิมพ์ครั้งแรก มิถุนายน 2537
พิมพ์ครั้งที่สอง มิถุนายน 2538
พิมพ์ครั้งที่สาม กรกฏาคม 2538
พิมพ์ครั้งที่สี่ กันยายน2539
พิมพ์ครั้งที่ห้า ธันวาคม 2539

หลังจากนั้น เมษายน 2538 ก็มีเล่มสองตามมา- - เพื่อนเอย ชีวิตนี้เป็นของเธอ เล่มนี้พิมพ์ออกมาในช่วงที่ผมไม่ได้อยู่ในเมืองไทยแล้ว.. จำได้ว่าพิมพ์เพียงสองครั้ง แต่เพิ่มยอดพิมพ์ในครั้งที่สองแบบเท่าตัว..



และประมาณช่วงปีใหม่ของปี 2540 ทางสำนักพิมพ์ ก็ได้เลือกกวีบางบทจากเล่มหนึ่งและเล่มสอง มารวมไว้ใน หนังสือรูปเล่มบางๆเล็กๆ น่ารัก ชื่อว่า รักที่จะฝัน ฝ่าฟันไปให้ถึง โดยออกจำหน่ายในช่วงเทศกาลปีใหม่ มีซองแถมมาให้ด้วย เหมือน Greeting Cards ทั่วไป ก็เก๋ไก๋ดีไม่น้อย ไม่แน่ใจว่าความคิดนี้ประสบความสำเร็จดีหรือไม่

แต่เท่าที่ผมทราบ รวมยอดพิมพ์ทั้งสามปก เป็นจำนวนสามหมื่นเล่ม..

ขอบันทึกบางส่วนจากคำนำที่ผมเขียนไว้ใน กำลังใจ สู่ เส้นชัยแห่งชีวิต ตั้งแต่เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2537 ดังนี้—

“..ผมเริ่มเขียนหนังสือเมื่อประมาณปี 2522 และมีงานออกมาค่อนข้างจริงจังพร้อมกับเริ่มชีวิตคนทำงานหนังสือราวปลายปี 2525 ตั้งแต่บัดนั้นจนบัดนี้ เป็นเวลากว่า 12 ปีแล้ว(หมายถึงตอนที่เขียนบทคำนำนี้) ผมมีผลงานออกมาหลายเล่ม ทั้งในรูปงานกลอนเปล่าและเรื่องสั้น ผ่านการทำงานมาหลายอย่างแต่ส่วนใหญ่ยังคงวนเวียนอยู่กับตัวหนังสือ เพียงแต่สื่อออกไปในรูปแบบที่แตกต่างกันเท่านั้น..

หลายปีที่ผ่านมา ผมไม่ได้มีงานหนังสือเล่มออกมาเลย เพราะต้องสูญเสียเวลาส่วนใหญ่ไปกับการดำเนินชีวิตตามที่สังคมได้ช่วยกำหนดรูปแบบไว้.. แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งที่คลี่คลายและเป็นเวลาที่เหมาะสม ผมก็เริ่มลงมือเขียนงานเล่มนี้ขึ้นมา

วันนี้ ผมเขียนหนังสือด้วยรูปแบบและเนื้อหาที่แตกต่างจากวันวานที่ผ่านมาอย่างสิ้นเชิง ทั้งนี้เป็นเพราะสาเหตุใหญ่สองประการด้วยกัน ซึ่งผมขอถือโอกาสชี้แจงไว้ในหลายบรรทัดต่อไปนี้..

หนึ่ง คือ เมื่อชีวิตเติบโตขึ้น สะสมระยะผ่านทางมากขึ้น สิ่งที่มองเห็นจึงเปลี่ยน“มุมมอง”ไป จากเรื่องราวที่เต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก กลับกลายเป็นเรื่องที่เน้นเนื้อหาความคิด สามารถจับต้องเป็นสาระให้กับชีวิตได้บ้าง

สอง คือ รูปแบบการเขียน ใครที่อ่านงานเขียนของผมมาบ้างในห้วงก่อนหน้านี้ คงสังเกตเห็นและรู้สึกแปลกใจ ที่ลีลาการเขียนเปลี่ยนไป..”

ตอนที่ผมกลับมาอ่านใหม่ใน พ.ศ. นี้ ผมรู้สึกว่า งานที่เขียนตอนนั้นใช้ภาษาธรรมดา ค่อนข้างตรงไปตรงมามาก จนผมไม่แน่ใจว่า ตอนนั้น ผมกำลังทดลองกับความคิดตัวเองอยู่หรือเปล่า- -

ทีนี้ มาที่ประเด็นว่าทำไมถึงเขียนงานชุดนี้ ในแนวนี้ - - ลองกลับไปอ่านที่คำนำอีกที

“..ที่ผมเขียนความเรียงชุดนี้ขึ้นมา ไม่ได้แปลว่าตัวเองประสบความสำเร็จในชีวิต หรือคิดอวดเก่งถือดีมาชี้แนะแต่อย่างใด ความจริงแล้ว ผมก็เหมือนคนทั่วไปที่ผ่านมาแล้วทั้ง 2 รสชาติ หลายครั้งที่ผมพบกับชัยชนะ และหลายหนที่ผมต้องประสบกับความพ่ายแพ้ บางครั้ง ทำให้ผมหมดแรง ท้อแท้ แต่บางหนผมก็ลุกขึ้นได้โดยไม่หวั่นไหวแม้แต่น้อย.. ผมเชื่อเสมอว่า ไม่มีใครเป็นผู้ชนะตลอดกาล และขณะเดียวกัน ก็ไม่มีใครเป็นผู้แพ้ตลอดไป..

ผมจึงเขียนหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาในฐานะที่เป็น “เพื่อน” ร่วมเส้นทางเดียวกัน..”

ขณะที่ผมกำลังคิดว่าจะเลือกบทไหนในหนังสือมาลงให้ดูเป็นตัวอย่างในหน้านี้ดี แต่ด้วยความที่ขี้เกียจพิมพ์ ก็เลยลองเสิร์ชทางอินเตอเนตดู โดยพิมพ์ชื่อหนังสือเข้าไป ปรากฏว่ามีชาวบล็อกแกงค์-หนุ่มร้อยปี เอางานเขียนในหนังสือ กำลังใจสู่เส้นชัยแห่งชีวิต มาลงทั้งเล่มครบ 40 บท เชิญอ่านตามลิงค์นี้ หรือเชิญอ่านตัวอย่างข้างล่างนี้..

//www.bloggang.com/viewblog.php?id=century&date=10-05-2006&group=1&gblog=43

เวลาของชีวิต
ไม่ได้มีมากมายอย่างที่คิด
หากเรามีอายุหกสิบปี
มันก็เพียงแค่สองหมื่นหนึ่งพันเก้าร้อยวันเท่านั้น
ลองคิดดูซิว่า ถ้าเปรียบเป็นจำนวนเงินเท่ากัน
มันมากมายใหม?
คำตอบก็คือ ไม่มากมายเลย
เวลาของชีวิตก็ไม่มากเช่นกัน
ฉะนั้น
จงใช้ชีวิตให้รอบคอบ
วางแผนเวลาของชีวิตเสียแต่วันนี้






การวางจุดหมายของชีวิต
หลายคนตั้งไว้สูงเลิศเลอ
และในที่สุดก็กลายมาเป็น...
ภาพหลอนให้อ่อนล้า ขลาดกลัวที่จะฝ่าฟัน
เป็นคมดาบที่คอยบั่นทอนกำลังใจของตัวเอง

ความจริงแล้ว...
การวางจุดหมายของชีวิต
อาจจะมีเป้าหมายที่สูงส่งเลิศเลอได้
แต่ควรจะแบ่งวรรคตอน
เป็นช่วงจังหวะของจุดหมาย
เรียงตามลำดับความสำคัญก่อนหลัง
เป็นขั้นบันไดที่สูงขึ้นเรื่อยๆ
เพื่อให้เราไต่ขึ้นไปได้สบาย
และไม่รู้สึกมีความกดดัน
หากเป็นได้ดังนี้...

แม้จุดหมายนั้นจะยาวไกล
หรือยากเย็นแสนเข็ญเพียงใด
ก็สามารถฟันฝ่าไปถึงได้
โดยไม่รู้สึกท้อแท้เสียแต่กลางทาง





จิตใจที่เด็ดเดี่ยว
ไม่ใช่การหาญกล้าเข้าท้าทายทุกปัญหา
เผชิญหน้าโดยไม่คิดหลีกเลี่ยงแต่อย่างใด
หากมีภูเขาสูงขวางอยู่ตรงหน้า
คงไม่มีใครคิดรื้อภูเขาทิ้ง หรือป่ายปีนขึ้นไป
เพราะถ้าเดินอ้อม หรือใช้เส้นทางอื่น
บางที อาจจะเสียเวลาน้อยกว่า
หรือแม้จะถึงช้า
แต่ก็อาจจะไม่เปลืองกำลัง เท่ากับการทำลายภูเขา

จิตใจที่เด็ดเดี่ยว
ย่อมมีคุณค่ามหาศาลต่อการตัดสินใจ
แต่ต้องเลือกใช้ให้ถูกจังหวะเวลา





รักที่จะฝัน
ฝ่าฟันไปให้ถึง
หากจะล้ม ขอลุกขึ้นใหม่
และจงภูมิใจที่ได้ใช้ชีวิต



ขอบคุณทุกท่านที่เคยอ่านและสนับสุนหนังสือของผมครับ

ปะการัง

บันทึกที่ CA, USA
7/19/2007






Create Date : 20 กรกฎาคม 2550
Last Update : 21 กรกฎาคม 2550 22:40:45 น. 24 comments
Counter : 3170 Pageviews.

 
สวัสดีครับ คุณปะการัง
วันนี้ได้มีโอกาสพบกับตัวจริงของคุณปะการัง จากการแนะนำของคุณวุฒิชัย ส่วนตัวผมชอบอ่านข้อเขียนของคุณมาก ตอนที่ได้หนังสือมาใหม่ๆก็อ่านแล้วอ่านอีกหลายรอบ พอมาทำบล็อกที่พันทิปจึงอดไม่ได้ที่จะนำมาเผยแพร่ให้คนอื่นๆอ่านบ้าง ด้วยความศรัทธาในข้อเขียนของคุณ มีคนอ่านเข้ามาคอมเมนต์กันพอสมควร
ยินดีที่ได้รู้จักคุณครับ


โดย: หนุ่มร้อยปี IP: 125.24.62.75 วันที่: 20 กรกฎาคม 2550 เวลา:20:01:16 น.  

 
ด้วยวัยในขณะนั้น เขียนงานได้ขนาดนี้
และยังมีงานเพลงที่เป็นอมตะจนปัจจุบัน
คุณไม่ธรรมดาเลย ยอดเยี่ยมมากค่ะ
งานของคุณนำมาอ่านในวันนี้ก็ยังร่วมสมัย ไม่เชยสักนิด
ดีใจจังที่คุณ U-turn กลับมาเป็นนักเขียนอีกครั้ง
รออ่านงานของคุณ ขอให้ทำได้และประสบความสำเร็จค่ะ
เชียร์ค่ะเชียร์...


โดย: ตะเบบูญ่า IP: 58.8.64.130 วันที่: 20 กรกฎาคม 2550 เวลา:20:41:39 น.  

 

สวัสดีค่ะคุณหนุ่มร้อยปี (เจอกันที่นี่จนได้นะคะ
สวัสดีค่ะคุณตะเบบูญ่า

และสวัสดีค่ะ เจ้าของบลอก
ติดอ่านบลอกนี้แล้วค่ะ

หนังสือพวกนี้อ่านมาหมดแหละ

แต่น่าเสียดาย
เป็นนักอ่านภาษาอะไรก็ไม่รู้ที่ไม่รู้จักเก็บรักษาหนังสือให้ดี

โดยเฉพาะประโยคที่ว่า

"เวลาของชีวิตไม่ได้มีมากมายอย่างที่คิด"

รักที่จะฝัน ฝ่าฟันไปให้ถึง

ทำให้คิดถึงภาพนกนางนวลที่เคยถ่ายไว้
ขออนุญาตเอามาฝากค่ะ



โดย: filmgus วันที่: 20 กรกฎาคม 2550 เวลา:21:20:15 น.  

 
คุณปะการังคะ

อยากบอกว่า
ตัวหนังสือแบบนี้
อารมณ์หนังสือแนวนี้
ตลาดหนังสือเมืองไทยยังขายได้เสมอค่ะ
ยอดจำหน่ายไม่พุ่งปรู๊ดปร๊าด
แต่ก็มีคนรักจะอ่าน
และก็มักเก็บไว้อ้างอิงค่ะ

ยกตัวอย่างงานเขียน กระทั่งงานแปลของแม่กูก้อย
ก็มีคนนิยมอ่านไม่น้อยค่ะ
และมีหลากหลายเรื่องวางขายที่ดอกหญ้า

ในยุคที่สังคมตึงและอารมณ์คนรุ่มร้อน
ไม่มีอะไรดีไปกว่า
หนังสือธรรมะหนึ่ง
หนังสือที่ให้กำลังใจอีกหนึ่ง

แน่นอนว่าผลงานเขียนย่อมแปรเปลี่ยนไปตามวัยวุฒิและวุฒิภาวะ
งานอย่างนี้ก็เป็นอมตะได้ไม่แพ้งานวรรณกรรมค่ะ
ถ้ามัน "จริง" และมี "พลัง"
ผู้อ่านย่อมได้รับประโยชน์แน่นอน

วันเวลาของตัวหนังสือ
สื่อความคิดและอารมณ์ของผู้เขียน
ทำให้ชาวบล็อกได้รับรู้ความเป็นมา...และความเป็นไปของ
นามปากกา "ปะการัง" ค่ะ
น่าอ่านและมีคุณค่ามากจริง ๆ
รออ่านต่อค่ะ

คุณ filmgus
ภาพนกนางนวลสวยจังเลยค่ะ



โดย: หนอนเมืองกรุงฯ IP: 58.9.176.172 วันที่: 21 กรกฎาคม 2550 เวลา:3:53:36 น.  

 
สวสัดีค่ะ คุณปะการัง
เรื่องราวในหนังสือ เขียนเล่า น่าอ่านและน่าติดตามตัวอักษร ทุกตัว ทั้งที่ p tim ไม่ใช่นักอ่านเลย ยังชอบเลยค่ะ
มิน่าล่ะ ถึงพิมพ์ซ้ำ หลายๆ ครั้ง ไม่เสียดาย ความสามารถ ของตัวเอง เหรอค่ะ




โดย: p tim IP: 222.123.65.119 วันที่: 21 กรกฎาคม 2550 เวลา:9:46:29 น.  

 
ขอบคุณสำหรักำลังใจที่พี่ให้มาค่ะ....
เพราะบางสิ่งบางอย่างในชีวิตมันเกินความคาดหมายของเราเสมอ....
เคยเห็นงานของพี่บางเล่ม...เป็นหนังสือของพี่สาวสมัยยังเรียนกระมัง
แต่ไม่ได้สนใจ...เพราะไม่รู้ว่าปะการังเป็นใคร
จะลองไปรื้อดู ไม่รู้ว่จะยังหลงเหลือบางไหม...ก็ไม่คาดหวัง
การกลับมา ณ วันนี้ ไฟในตัวที่เริ่มลางคงได้เชื้อไปเติมไฟให้ลุกโชน....
และคงจะโชนแสงต่อไป เปี่ยมด้วยวัย เปี่ยมเวลา เปี่ยมประสบการณ์
อักษราที่ปรากฏรอยขึ้นใหม่ก็คงต่างออกไปจากสิบกว่าปีที่ผ่านมา......
เวลาไม่ได้ทำให้คนแก่ลงหรอกค่ะ แต่ทำให้คนเติบใหญ่


โดย: ปลายแปรง วันที่: 21 กรกฎาคม 2550 เวลา:13:10:49 น.  

 
ดีจังนะคะ..

ที่เขียนหนังสือแบ่งปันกำลังใจให้เพื่อนได้
อยากเลียนแบบค่ะ..อยากเลียนแบบ

ด้วยความที่ตัวเองก็ท้อแท้เหลือเกินในบางเวลา

เฮ้อ.. ชีวิตค่ะ

ถ้ามีโอกาส..เดี๋ยวจะลองหาหนังสือของพี่
แล้วซื้อหามาอ่านบ้างค่ะ.. เอาไว้เป็นกำลังใจของชีวิต



โดย: สีน้ำฟ้า วันที่: 21 กรกฎาคม 2550 เวลา:14:12:28 น.  

 
ภาพนางนวลของคุณ filmgus สวยมากค่ะ สวยจริงๆ
นุ่มนวล ให้ความรู้สึกยังกับมันบินอยู่ตรงหน้า
แบบที่เขาเรียกว่า "ภาพมีชีวิต"

เห็นแล้วคิดถึงโจนาธาน..ทันที
หนังสือที่เป็นแรงบันดาลใจให้ใครต่อใครมากมายโดยเฉพาะในหมู่นักเขียนนี่แหละ

สวัสดีวันหยุดค่ะ



โดย: ตะเบบูญ่า IP: 58.8.57.254 วันที่: 21 กรกฎาคม 2550 เวลา:14:23:15 น.  

 
สวัสดีทุกๆคน

มาอ่านเรื่องของ กำลังใจ...แล้วก็ถามตัวเองว่า พลาดหนังสือเล่มนี้มาได้ไง...เป็นหนังสือที่แตกต่างจากบทกวีที่เคยเขียน แต่ก็เป็นภาษาที่อ่านง่ายๆ และสื่ออย่างตรงไปตรงมาได้ดี

ดูจากปีพ.ศ. ที่หนังสือ 2 เล่มของคุณปะการัง แล้วแม่ปัน-ปอง ก็รู้เลยว่า ตอนนั้น...นับแต่ปีพ.ศ. 2536 จะเลือกอ่านแต่หนังสือ แนวธุรกิจ ลงทุนอย่างไร ไม่ให้ล้มเหลว หรือ เรื่องของการเงิน การบัญชี

ตอนนั้น...เตรียมตัวจะทำธุรกิจ ตัวที่ทำอยู่ทุกวันนี้แหละ นี่แหละชีวิต...อยากรู้เรื่องอะไร เป็นต้องขวนขวายหามาให้ได้

หนังสือที่อ่านแบบสบายอารมณ์จะตัดทิ้งหมด...และก็วนเวียนดูแต่ธุรกิจที่เราจะเลือกเกิด เลือกโต และให้อยู่ได้ต่อไปในวันข้างหน้า

เริ่มลงมือทำธุรกิจ ปี 2537 และก็ประสบความสำเร็จเลย...งานสร็จ เงินมา...ชีวิตก็ขาดอีก...เอามีลูกสักที พร้อมเรื่องอื่นๆ หมดแล้ว

คิดจะมีลูก...ซื้อหนังสืออีกแล้ว แนวพ่อ แม่ลูก เพราะถ้าตัดสินใจแล้ว ต้องมีลูกที่ดีให้ได้ คือ ต้องพร้อมที่จะเลี้ยงดูเขา และเขาพร้อมที่จะให้เราเลี้ยงดู ตลอดปี 2539 ก็ตลุยอ่านหนังสือ เกี่ยวกับลูก

ปี 2540 คลอดลูกคนแรก...ตำราเลี้ยงลูกอยู่เคียงข้าง...และไม่ได้ออกไปไหน บ้านนอกจริงๆ อยู่แต่บ้าน อยู่แต่ร้านเลี้ยงลูก หนังสือที่เป็นเพื่อนยามนี้ ก็คือ คู่มือเลี้ยงลูก คู่มือทำอาหารให้ลูก

ปี2542 ก็เลี้ยงลูกคนที่ 2 ต่อ...และนับเวลาดูซิ คนที่เลี้ยงลูกเองและต้องทำงานขายหน้าร้านด้วย เหนื่อยและสนุกเพียงใด

ปี2545 เริ่มจะสบายขึ้น ลูกๆ ไปรร.ทั้ง 2 คน อินเตอร์เน็ตเริ่มมา... ชีวิตก็เริ่มเปลี่ยนมาด้านบันเทิงเริงรมย์มั่ง มีข่าวสารเรื่องอื่นๆ เข้ามาในชีวิตมากขึ้น...งานก็ยังทำต่อไป และมาถึงจุดเปลี่ยนของงาน

ดิจิตอลเริ่มเข้ามาถึงบ้านนอก...คนเริ่มเปลี่ยนจากการใช้กล้องด้วยฟิล์ม มาเป็นกล้องที่ถ่ายปุ๊บ เห็นปั๊บ และได้ภาพทันที

ลงทุนใหม่กับธุรกิจอีกหน...เหมือนนับหนึ่งใหม่...แต่การนับหนึ่งในวันนี้กับ ปี 2537 มันต่างกัน...วันนี้เราพร้อมกว่าวันนั้น...ก็เลยทำงานด้วยความสบายๆ ..

เดี๋ยว...มาต่อภาค 2 ลูกค้ามาแล้ว ไม่ว่างแล้ว


โดย: แม่ปัน-ปอง IP: 125.25.182.4 วันที่: 21 กรกฎาคม 2550 เวลา:14:36:02 น.  

 
เล่าเรื่องตัวเองต่อ...อย่าเพิ่งเบื่อนะทุกๆคน ก็อาศัยบล็อก 2 บ้านนี่แหละ เขียนอะไรที่อยากเขียน แต่ไม่อยากมีบล็อกส่วนตัว คือ ไม่อยากเพิ่มภาระตัวเอง

อยากอ่านของใครก็อ่าน อยากเม้นท์ของใครก็เม้นท์ วันไหนไม่อยากเข้าเน็ต ก็ไม่ต้องเข้า ไม่ได้ติดอะไร...แต่ไงไม่รู้...มาติดบล็อกอยู่ประจำ ก็ 2 เจ้านี่แหละ เลยขอประจำการตรงนี้

อินเตอร์เน็ตมา...ดิจิตอลมา ต้องมาฝึกฝน เรียนรู้ด้านนี้อีก ซื้ออีกแล้ว ตำราหัดทำคอมด้วยตัวเอง หัดเปิดเว็บ เปิดโฟโต้ช้อฟ ฯลฯ

โลกของอ่าน...ก็จะเป็นอะไรที่เป็นเรื่องๆ ไป ตอนนี้ลูกคนโตเริ่มจะเข้าสู่วัยรุ่นตอนต้น...ก็ไปหาอ่านอีกแล้ว แนวทางการเลี้ยงดูลูกวัยนี้...และการเลือกหนังสือให้ลูกอ่านที่เหมาะกับวัย

มาเริ่มเข้าเรื่องส่วนตัวที่ชอบ...ก็ปัจจุบันนี่แหละ มีหนังสือแนวธรรมะ แนวกำลังใจ และหนังสือสุขภาพ แล้วก็มีเน็ต มีบล็อกให้เข้ามาอ่านอะไรตามที่ชอบ

วันนี้...กลับมาเจอคุณปะการังอีกหน..ความหลังก็เหมือนกับว่า จะเรียกย้อนกลับมาอีกหน..มาทำอะไรแบบที่เคยชอบและรักที่จะเป็นอีกครั้ง

คุณปะการังเขียนไปเรื่อยๆ นะ หรือ เอาหนังสือที่พลาดไปในช่วงเวลาที่หายไป มาแบ่งปันกัน บางทีอาจจะไปเจอที่ร้านไหนได้บ้าง บ้านนอก...นานๆ ก็เจอหนังสือเก่าๆ เหมือนกัน

มาเป็นกำลังใจให้กับคุณปะการัง อะไรที่อยากเป็น อยากทำ ก็ลงมือทำได้เลย สอบอมอ สบายมาก ไม่ต้องกังวล มีคนอ่านคนนี้อีกคน

มีความสุขทุกวันนะคะ...ที่บ้านก็มีความสุขมาแบ่งปันเช่นกัน


โดย: แม่ปัน-ปอง IP: 125.25.182.4 วันที่: 21 กรกฎาคม 2550 เวลา:16:10:36 น.  

 
สวัสดีครับทุกๆคน,

คุณหนุ่มร้อยปีครับ

ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน และขอบคุณมากที่ชอบงานของผมและนำไปเผยแพร่ให้คนอื่นได้อ่านต่อ บอกตามตรงว่าตื่นเต้นครับที่เจอปกหนังสือตัวเองหราอยู่บนบล็อกของคุณ พร้อมด้วยคำชื่นชม..

ขอบคุณที่ให้เกียรติครับ

คุณตะเบบูญ่าครับ

อาจเป็นเพราะวัยขนาดนั้น ผมก็ล้มลุกคลุกคลานมาอย่างโชกโชนแล้วกระมัง ผมได้งานทำโดยที่ไม่ต้องสมัครและยังไม่จบปริญญาตรีด้วยซ้ำ- - มีงานมาเสนอถึงที่ แล้วยังทำโน่นทำนี่มากมายด้วยพลังในวัยนั้น พอมีเงินทอง ผมก็หาญกล้าทำธุรกิจสำนักพิมพ์และนิตยสาร แล้วก็... ปัญหามากมาย แต่อย่างน้อยผมก็ได้ทำในสิ่งที่ผมฝันครับ--

ช่วงที่หยุดทุกอย่าง เพื่อมาเรียนต่อที่อเมริกา ก็เศร้า บางความรู้สึกบอกว่าเราพ่ายแพ้.. แต่อีกความรู้สึกก็บอกว่าไม่ใช่เลย.. หนังสือเหล่านี้ถูกเขียนขึ้นในห้วงอารมณ์นั้น เป็นกำลังใจให้ตัวเองกระมัง- - ลองอ่านบทหนึ่งจากเล่มนี้

บางคน
มองย้อนหลังกลับไป
เห็นเส้นทางที่ผ่านมายาวนาน
ยังไม่ถึงจุดหมายสักที
ทำให้รู้สึกท้อแท้ หมดแรง สิ้นหวัง

แต่บางคน
มื่อมองย้อนหลังกลับไป
กลับเห็นแต่ความภาคภูมิใจ
ที่สามารถฝ่าฟันผ่านพ้นมาได้
และจดจำสิ่งที่ผิดพลาดเป็นบทเรียน

เห็นไหมครับ เขียนปลอบใจตัวเองชัดๆ!!

คุณ filmgus ครับ

ฝีมือยอดเยี่ยมมากครับ
ภาพเหมาะกับ "รักที่จะฝัน ฝ่าฟันไปให้ถึง" จริงๆครับ

อยากเป็นคนถ่ายภาพสวยๆ..
นี่ก็เป็นอีกฝันหนึ่ง ที่ยังฝ่าฟันไปไม่ถึง..

คุณหนอนเมืองกรุงฯครับ

อ่านที่คุณเขียนทีไร ต้องอมยิ้มทุกที เผลอนึกว่าคุณเป็นบรรณาธิการบวกกับผู้จัดการฝ่ายตลาด แหะ แหะ บางที ก็หวั่นๆที่จะเขียนงานใหม่ เพราะกลัวทำให้คุณผิดหวัง--

วันเวลาของตัวหนังสือ-- ที่จริง เป็นแค่บันทึกเล็กๆว่าตัวเองมีหนังสืออะไรบ้าง ไม่ได้เขียนเบื้องหลังอะไรมากมายหรอกครับ แต่ก็ขอบคุณที่ชอบอ่าน (ไม่รู้ชมจริงหรือเปล่า แต่ผมขอขอบคุณจริงไว้ก่อน..)

อยากเขียนถึงหนังสือตัวเองในอดีตอีกหลายเล่ม แต่น่าเสียดาย ไม่ได้มีติดตัวที่นี่.. ในตอนนี้

คุณ p tim ครับ

ขอบคุณที่ชมครับ โดยฉพาะที่บอกว่า "ไม่ใช่นักอ่านเลย ยังชอบเลยค่ะ" อันนี้ยิ้มแก้มปริเลยครับ

คุณ ปลายแปรง ครับ

ขอบคุณที่เป็นกำลังใจให้เช่นกันครับ

จริงครับ, เวลาไม่ทำให้เราแก่ แต่ตัวเลขสิครับ มันคอยสะกิดเตือนอยู่เรื่อยเลย..

คุณสีน้ำฟ้าครับ

ผมว่าคงไม่มีวางขายแล้วกระมังครับ สิบกว่าปีแล้วครับ
สำนักพิมพ์ดอกหญ้ายังมีอยู่หรือเปล่าครับ ? จำได้ว่าหนังสือเล่มสุดท้ายของผม ถูกย้ายตามบรรณาธิการไปอยู่ที่ สำนักพิมพ์ ดับเบิลนายน์

คุณแม่ปัน-ปองครับ

อ่านแล้วเห็นภาพชีวิต--

ผมเองก็ไม่ต่างไปจากนั้นเท่าไรนัก ตอนทำธุรกิจตัวเองเครียดมาก ต้องหาหนังสือธุรกิจ, บริหารคนอย่างไร.. มาอ่าน.. แม้งานที่ทำจะเกี่ยวกับแวดวงหนังสือก็ตาม แต่ก็ไม่มีเวลาอ่านหนังสือที่เราอยากอ่าน หรือเขียนในสิ่งที่อยากเขียน หรือฝันในสิ่งที่อยากฝันเลย..

ชีวิตที่เป็นตัวตนเราจริงๆ ถูกขโมยไปทีละวัน. ทีละวัน
กว่าจะรู้สึกตัวอีกที ชีวิตก็มาถึงตอนตะวันคล้อยต่ำ ใกล้พลบค่ำ เข้าไปทุกที.. ทุกที



โดย: ปะการัง (ชบาฉาย ) วันที่: 21 กรกฎาคม 2550 เวลา:16:32:13 น.  

 
คุณปะการังคะ

แอบเห็นคุณอมยิ้มที่หน้าจอค่ะ...

หากจะเขียนงานใหม่ ไม่ต้องกลัวว่าหนอนฯ หรือผู้อ่านจะผิดหวังหรอกค่ะ

นักเขียนก็ต้องเขียนในสิ่งที่ตัวเองเชื่อก่อน (อันนี้...อ้างอิงคำพูดพ่อพเยีย) จะไปเขียนในสิ่งที่ตัวเองไม่เชื่อก็คงกระไรอยู่

ดังนั้น เขียนตามที่ใจอยากเขียนเถิดค่ะ แต่หนอนฯ ก็ไม่รู้ว่า อุดมคติของนักเขียนจริง ๆ แล้ว เขาเขียนตามใจตลาด หรือเขียนตามใจตัวเองก่อน

แต่ไม่ว่าจะเขียนด้วยวิธีคิดแบบไหน หนอนฯ สรุปเอาเองว่า ถ้าได้เขียนในสิ่งที่ตัวเองเชื่อและสิ่งที่ตัวเองอยากเขียน แล้วถูกใจตลาดนักอ่านด้วย นั่นย่อมเป็นเรื่องที่ดียิ่งค่ะ

แต่โดยความเป็นจริงแล้ว โอกาสที่ปัจจัยทั้งสองอย่างจะมาบรรจบกัน มันอาจมีเปอร์เซนต์ไม่มากนัก (นักเขียนที่ประสบความสำเร็จก็มีอยู่ค่ะ แต่นั่นก็คิดเป็นเปอร์เซนต์น้อยจริง ๆ อันนี้พูดถึงตลาดหนังสือไทยเรานะค่ะ เท็จจริงก็ไม่รู้ เพราะไม่ได้ทำงานฝ่ายการตลาดอ่ะค่ะ ฮะ ฮ่า)

วันนี้...วงการหนังสือบ้านเราคึกคักค่ะ

เพราะแฮรรี่ พอตเตอร์ เล่มที่ 7 ออกวางตลาดพร้อมกับประเทศอื่น ๆ

ลูกชายคนโตขอเบิกกะตังค์ไปซื้อแฮรี่ พอตเตอร์ ฉบับภาษาอังกฤษ (เพราะรอฉบับแปลไม่ไหวค่ะ- - อาจถึงขั้นลงแดงได้) แต่เช้าตรู่ ที่ร้านหนังสือคิโนคุนิยะ ซึ่งจัดกิจกรรมเกี่ยวกับแฮรี่ พอตเตอร์ และลดราคาหนังสือ เข้าใจว่าถูกกว่าร้านหนังสืออื่น ๆ คือ อาจจะประมาณ 850 บาท/เล่ม ราคาหน้าปก พันเศษ ๆ (หนอนฯ ยังไม่เห็นหนังสือของลูกค่ะ พอดีเขาเลยไปบ้านอาก่อน)

แพงนะคะ แต่ก็กัดฟันให้ไปค่ะ อย่างน้อยนอกจากจะได้สนองความอยากอ่านของลูกแล้ว ก็คงทำให้แกได้ฝึกภาษาอังกฤษอีกเล็กน้อย (หนอนฯ ไม่ค่อยคิดว่าราคาหนังสือที่สูงจัดเป็นหนังสือแพง แต่จะบวกลบคูณหารแล้วว่า ได้ใช้ประโยชน์เพียงไร เช่น ยังมีลูกอีก 2 คนอ่านต่อได้ในอนาคต ยังเผื่อแผ่ให้เพื่อนฝูงที่เขาอยากอ่านได้อ่านอีก หนังสือราคาปกแพงบางเล่มจึงคุ้มค่าในความรู้สึกของหนอนฯ ค่ะ)

ที่ยกเรื่องแฮรี่ พอตเตอร์ เล่ม 7 มาพูด เพราะหนอนฯ ทราบว่า กว่าผู้เขียนจะประสบความสำเร็จในวันนี้ เธอก็ฝ่าฟันมาไม่น้อย เธอมีสถานะที่ลำบาก ต้องรับความช่วยเหลือจากรัฐ เรียกว่ายากจนเถอะ แต่เธอรักการเขียนเขียนหนังสือมาแต่วัย 6 ขวบ และชอบเล่านิทานให้น้องสาวที่มีอายุอ่อนกว่าเธอ 2 ปีฟังเสมอ

เธอเขียนนวนิยายเรื่อแฮรี่ พอตเตอร์ เสร็จแล้ว ก็นำไปเสนอขายตามสำนักพิมพ์ แต่ไม่มีใครเอา ใช้เวลาในการขายต้นฉบับเรื่องนี้ให้กับสำนักพิมพ์ต่าง ๆ เป็นเวลาหลายปีทีเดียว

จนมีสำนักพิมพ์หนึ่งยอมซื้อต้นฉบับเรื่องนี้ด้วยราคาถูกมากในราคาเพียง 4,000 ปอนด์เท่านั้น แต่เมื่อตีพิมพ์หนังสือออกมาแล้ว นวนิยายเรื่องนี้กลับกลายเป็นหนังสือเล่มมหัศจรรย์ที่สุดของยุคสมัย เพราะทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่ติดงอมแงม จนมาถึงเล่มที่ 7 (ทุกคนรอคอยที่จะอ่านเล่มต่อ ๆ ไป ด้วยใจจดจ่อ)

และถึงวันนี้ เจ เค โรลลิ่ง ก็กลายเป็นเศรษฐีนีคนหนึ่งของโลกไปแล้ว ด้วยการเขียนนวนิยายเรื่อง แฮรี่ พอตเตอร์

นี่ก็เล่าแบบย่อ ๆ และเข้าใจว่าหลายคนคงทราบประวัติของเธอดีอยู่แล้ว หนอนฯ ไม่ได้อ่านประวัติของเธอหรอก แต่ฟังลูกเล่าบ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ (ผิดพลั้งไปก็ขออภัย)

แต่นักเขียนคนไหนบ้างจะประสบความสำเร็จเช่นเธอ เพียงแต่หนอนฯ มองว่า เธอต้องใช้ความอดทนสูงค่ะ กว่าจะมาถึงวันนี้ ไม่ใช่จู่ ๆ เธอก็จะกลายมาเป็นเศรษฐีได้เลย

ความอดทนจึงเป็นคุณสมบัติที่ดีของนักเขียน (และทุก ๆ คน)

ไรเนอร์ มารีอา ริลเค ตอบจดหมายถึงกวีที่ชื่อ คัพพุส ใน "จดหมายถึงกวีหนุ่ม" (ไกรวรรณ สีดาฟอง - แปล)ตอนหนึ่งว่า

"การเป็นศิลปินมิได้หมายถึงการนับและคิดคำนวณผลตอบแทน แต่ทว่า งอกงามเช่นต้นไม้ ซึ่งไม่เคยบังคับเคี่ยวเข็ญน้ำเลี้ยงของตัวเอง และยืนหยัดมั่นคงอยู่ในพายุแห่งฤดูใบไม้ผลิ โดยไม่หวาดหวั่นว่า หลังจากนั้นฤดูร้อนจะมาถึงหรือเปล่า ฤดูร้อนจะมาถึง แต่จะมาถึงเฉพาะผู้ที่อดทนราวกับมีความเป็นนิรันดร์ทอดอยู่เบื้องหน้า สงบ และเปิดกว้างโดยไม่พะว้าพะวง ฉันเรียนรู้สิ่งนี้ทุก ๆ วันในชีวิต เรียนรู้สิ่งนี้ด้วยความเจ็บปวด ซึ่งฉันรู้สึกขอบคุณ; ความอดทนคือทุกสิ่งทุกอย่าง ! "

เฮ้อ...ว่าไป...มันจะเข้ากันหรือเปล่านี่ พอพูดเรื่องความอดทนหนอนฯ ก็จะคิดถึงข้อความนี้ของริลเคเสมอ

ร่ายยาวมาเยอะแยะ ที่แท้ก็...เพียงแต่อยากบอกคุณปะการังว่า การกลับมา...น่าจะไม่ยาก...อย่างที่คิดค่ะ เพราะคุณมีต้นทุนดีอยู่แล้ว และหนอนฯ ก็เชื่อว่าคุณมีความอดทน...มีภูมิคุ้มใจ...ไม่น้อยแล้ว เพราะฉะนั้น...ลองดูนะคะ

และก็...หนอนฯ จะลองดูที่ร้านหนังสือดอกหญ้าค่ะว่า ยังมีร่องรอยหนังสือของ ปะการัง เหลืออยู่บ้างไหม ? เพราะเป็นทางผ่านตอนกลับจากที่ทำงานมาบ้าน (แน่นอนว่า หนอนฯ ต้องเถลไถลที่ร้านหนังสือเป็นประจำ - - ไม่น่ามาเผยความลับเลยนะ ถ้าแต่ก่อนเป็นเด็ก ก็ต้องถูกคุณแม่ดุว่าไปเถลไถลที่ไหนมา แต่ตอนนี้เป็นแม่คนแล้ว ไม่มีใครมาดุว่าเรื่องเถลไถลหรอกค่ะ แต่กลับมาเห็นลูก ๆ ตั้งหน้าตั้งตารอกินข้าวเย็นด้วย ก็จะรู้สึกผิดเล็ก ๆ ในใจโดยไม่ต้องให้ใครเอ่ยปาก แปลกนะคะ)

แวะคุยเท่านี้ก่อน เพราะต้องรีบทำงานก่อนกลับไปบ้านอีกหลังหนึ่งค่ะ

ขอให้มีความสุขกับการเริ่มต้นอีกครั้งนะคะ



โดย: หนอนเมืองกรุงฯ IP: 58.9.176.172 วันที่: 21 กรกฎาคม 2550 เวลา:19:41:19 น.  

 
สวัสดีวันอาทิตย์ค่ะ

เมื่อวานเพิ่งแวะเข้าร้านดอกหญ้าที่นครสวรรค์ มาน่ะ
ไปเจอหนังสือที่ไม่คิดว่าจะเจอเหมือนกัน
แล้วจะแวะไปดูหนังสือทั้งสามปกใหม่ค่ะ
เห็นบางส่วนแล้วต้องตาม หา ให้เจอ

งานเขียนแนวนี้ยังพบเห็นได้
ที่มีอยู่ในชั้นหนังสือในห้องตัวเองก้อมีบ้าง
งานเขียนแนวนี้ไม่มีวันล้าสมัยแน่ค่ะ
อาจเป็นเพราะ คนเรา ยังต้องการถ้อยคำดี ๆ มาจุดประกายความคิด
มาสร้างเป็นกำลังใจให้ตัวเอง
ในช่วงเวลาที่ไม่รู้จะทำไงดีกับชีวิต

เซ็ง เบื่อ กิน....ไอศกรีมช๊อกโกแลตถ้วยโต ๆ



ขอแจมเรื่องแฮร์รี่ฯ เล่มเจ็ดนิดนึงค่ะ
เห็นที่ ซีเอ็ด เขียน 850 กะซื้อเต็มที่
แต่จริง ๆ แล้ว ไม่ใช่น่ะ ราคานั้นสำหรับคนที่ไว้จองต่างหาก T_T
เลยต้องกลับมาตรึกตรองว่าจะลงแดงไหมถ้าไม่ซื้อ 555+


โดย: หนอนบ้านนอก วันที่: 22 กรกฎาคม 2550 เวลา:10:33:41 น.  

 
คุณหนอนบ้านนอกคะ
แฮร์รี่ พอตเตอร์ เล่ม 7 ในกรุงเทพฯ เมื่อวานนี้ ลูกชายไม่ได้จอง แต่ซื้อได้ในราคา 850 บาท
ทว่าร้านอื่น ๆ จะอยู่ประมาณ 890 บาท หรือสูงกว่านั้นนิดหน่อยค่ะ
โห...อ่านไหวเหรอคะ ภาษาอังกฤษ อีกทั้งเล่มหนาเตอะเลย
สำหรับลูกชาย เขาคงค่อย ๆ แกะไปและที่อ่านไหว คงเพราะอยากรู้ว่า ปริศนาในตอนนี้ที่ว่าจะมีคนตาย 2 คน สองคนที่ว่านี้คือใคร
เพราะเท่าที่รู้ผู้เขียนเก็บงำเป็นความลับขนาดต้องจ้างบริษัทประกันภัยมารักษาความลับเรื่องนี้เป็นจำนวนเงินถึงหลายร้อยล้านบาททีเดียว
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อแหละค่ะ...ว่าอย่างงี้ก็มีด้วย...

ไม่ใช่เรื่องง่ายหรอกนะคะ
ที่จะทำให้ผู้คนทั้งโลก
รอคอยที่จะอ่านเรื่อง ๆ นึง
อย่างตื่นตาตื่นใจ
รวมไปถึงรอคอยชมภาพยนตร์ในภาคต่าง ๆ ด้วย

เจ เค โรว์ลิ่ง จะเคยนึกบ้างไหมนะว่า จะมีวันเช่นนี้สำหรับเธอ...

คุณปะการังจ๊ะ
แอบมายึดพื้นที่คุยกับหนอนบ้านนอก
ตามประสาหนอนค่ะ
คงไม่ว่ากันนะคะ

อ้อ...เหตุการณ์ย่านไชน่าทาวน์ สำหรับวันเสาร์อาทิตย์ รถติดสุด ๆ ในช่วงกลางวัน หากไม่มีธุระก็อย่าผ่านมาเลยค่ะ ร้านทองยังคึกคักเหมือนเดิม ศาลเจ้ายังมีผู้คนไปกราบไหว้บูชาไม่ขาดสาย ส่วนร้านขายของประเภทรองเท้า กิฟท์ช็อป ตลาดผ้า ฯลฯ ผู้คนยั้วเยี้ยเบียดเสียดราวแจกของฟรี ยามค่ำคืน...คึกคักไปด้วยผู้คนที่พากันไปหาของอร่อยริมบาทวิถีใส่ท้องค่ะ

ร้านก๋วยเตี๋ยวที่เปิดร้านตอนสี่ทุ่มครึ่ง (ร้านนายจิตร) มีคนดังและดารานักร้องชอบมานั่งกินริมทางเท้านี่แหละ ลูกค้ามารอโต๊ะว่างเพียบเลย แฟนหนอนฯ จอดรถ (ส้มหล่นอ่ะจ้ะ--ปกติหาที่จอดยาก) ลงไปรอกะจะกินก๋วยเตี๋ยวซักสองชาม หนอนฯ เห็นแล้วถอดใจ บอกเธอไปรอคิวเถอะ ไม่เข้าใจว่าคนเราจะต้องรอคอยกินของอร่อยถึงประมาณนั้นเชียวหรือ (มีคนนั่งคิวรอโต๊ะว่างอีกยาวเป็นหางว่าว)

หนอนฯ ปฏิเสธการรอคอย (ที่ดูเหมือนจะไร้สาระในสายตาหนอนฯ นะ) ไปเดินดูร้านค้าอื่น ๆ แวะซื้อน้ำผลไม้ปั่นมาสองถุง (ร้านนี้แหละที่เป็นแรงบันดาลใจให้ หนุแป้งลูกสาวคนเล็กฝันหวานว่า อาชีพในอนาคตของเธอ คือแม่ค้าขายน้ำปั่นที่เขียนหนังสือได้ - - นอกจากเป็นแม่ครัวที่เขียนหนังสือได้น่ะจ้ะ)

สักพักแฟนเดินมาพร้อมห่อก๋วยเตี๋ยวสองห่อและหนังปลาทอด 1 ถุง หนอนฯ แปลกใจทำไมมันไวปานนั้น เขาว่า "ให้รู้มั่งว่า...ระดับไหนแล้ว" แน่ะ โอ่ไปอีกทาง ก็กินกันจนคุ้นเคยกะเจ้าของร้าน ตั้งแต่ร้านเพิ่งเริ่มขายยังตั้งตัวไม่ได้ ตั้งแต่ลูกคนโตยังไม่เกิดเลยน่ะ จนเดี๋ยวนี้กลายเป็นร้านก๋วยเตี๋ยวดังที่ขายตั้งแต่สี่ทุ่มครึ่งไปยันตีสองตีสาม ที่ได้เร็วเพราะเจ้าของร้านบอกว่าให้หิ้วไปกินบ้านเถอะแล้วเขาก็ลัดคิวให้ เพราะถ้ากินที่โน่นมันต้องรอโต๊ะ ขนาดสิบกว่าโต๊ะริมทางเท้ายังไม่พอรับรองปากท้องคนอยากกินก๋วยเตี๋ยวอร่อยจำนวนมากมายที่นั่งรอตาปริบ ๆ อยู่ข้างทาง

แหม...เล่าไปเล่ามาก็มาจบที่การกินจนได้ คิด ๆ ไปชีวิตย่านไชน่าทาวน์ก็มีสีสันดีค่ะ เพราะระหว่างรอข้ามถนน ก็จะได้ยินคนขายซีดีเปิดเทปเพลงจีนซะแสบแก้วหู แต่ก็เพราะดีอ่ะค่ะ ฟังเพลินจนลืมข้ามถนนก็มี

จบรายงานข่าวอีกวันค่ะ



โดย: หนอนเมืองกรุงฯ วันที่: 22 กรกฎาคม 2550 เวลา:11:20:26 น.  

 
สวัสดีครับ ทั้งคุณหนอนเมืองกรุง และหนอนบ้านนอก

เชิญคุยตามสบายครับ เพราะผมชอบอ่าน--

เรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์นี่ ผมรู้ว่าดัง แต่ไม่เคยอ่าน ดูหนังนิดหน่อย ไม่ถึงกับประทับใจนัก แต่ผมเชื่อว่าหนังสือต้องมีอรรถรสกว่ามากแน่ คนถึงได้ติดกันทั้งโลก แต่ไม่มีเวลาอ่านจริงๆ (กลัวติด-- ติดแล้วจะเสียทั้งเงินและเวลา ฮา!)

ผมเคยรู้ประวัติของคนเขียนบ้าง (ย้ำความทรงจำอีกทีจากคุณหนอนเมืองกรุงฯ) และอดดีใจไปกับความสำเร็จของเธอไม่ได้ในฐานะที่เป็นคนเขียนหนังสือขายเหมือนกัน แต่เธอเขียนเป็นภาษาอังกฤษที่คนอ่านทั่วโลก จึงมีสิทธิ์รวยได้อย่างที่เธอเป็นอยู่ (ผมเคยปรึกษาทนายว่า ความเป็นนักเขียนของผมสามารถขอวีซ่าพิเศษอยู่ในสหรัฐอเมริกาได้ไหม? เขาบอกว่าหนังสือที่ผมเขียนต้องเป็นภาษาอังกฤษครับ ทางการถึงจะสน)

สำหรับเมืองไทย นักเขียนต้องคู่กับ"ความจน"ครับ ถ้าจะรวยต้องไปทำอาชีพอื่น แล้วแอบเอาเวลาว่างมาเขียนหนังสือ (แล้วเมื่อไหร่เราจะมีสมองมานั่งคิดพล็อดมหัศจรรย์ได้อย่างเจ เค เล่า จริงไหมท่านผู้ชม.. แหะ แหะ ข้อแก้ตัวสำหรับนักเขียนที่คิดพล็อตไม่ออก)

ผมว่าเพราะความอดในตอนแรกนี่แหละที่ทำให้เจเคเขียนเรื่องนี้สำเร็จ แต่หลังจากที่ท้องอิ่มจนไม่รู้จะอิ่มอย่างไรแล้ว ผมเกรงว่าเธอจะเขียนเรื่องใหม่ไม่ออก แต่ก็ไม่แน่.. จะไปดูแคลนคงไม่ได้ เธออาจจะมีพรวิเศษในตัวสำหรับเรื่องการเขียนก็ได้ คงต้องติดตามต่อไป..

ผมอยากตั้งประเด็นถามว่า นอกจากเรื่องของภาษาแล้ว คนไทยสามารถจินตนาการเรื่องให้คนทั่วโลกได้ติดตาตรึงใจอย่างนี้ได้ไหม? เธอทำได้เพราะอะไร?

เรื่องของจินตนาการน่าจะเป็นเรื่องสากลที่ทุกคนสามารถทำได้ ไม่ว่ายากดีมีจน.. แต่ทำไมเธอถึงทำได้สำเร็จ ผมอยากให้คุณทั้งหลายลองวิเคราะห์ศึกษาดูหน่อยสิ..

เรื่องสีสันของเยาวราช ผมว่ามีเสน่ห์ไม่เสื่อมคลาย โดยรูปแบบของตัวเอง-- แต่ตอนเด็กๆ ผมไม่ชอบไปย่านนี้เลยครับ เพราะทั้งร้อน ทั้งจอแจ เวลาพ่อแม่ผมเข้ากรุงเทพฯทีไร ที่นี่เป็นสวรรค์ของพวกเขาเลยล่ะ แต่ผมต้องขอตัวนอนอยู่บ้านดีกว่า--

พูดถึงเรื่องของกินอร่อยๆที่เมืองไทยเนี่ย.. ทำให้ผมโกรธได้นะครับ ขอเตือน!!





โดย: ปะการัง IP: 72.207.13.247 วันที่: 22 กรกฎาคม 2550 เวลา:11:59:44 น.  

 
สวัสดีปะการัง
ตามอ่านอยู่เงียบ ๆ นะ(กลัวว่าคุณจะเกร็ง)
เอาใจลุ้นให้คุณมีแรง
ดูว่าจะได้ผลนะ
คุณเล่าความหลังทำให้ผมพลอยได้รำลึกความหลังไปด้วย
เรื่องเพลงกับพี่เต๋อหนะ ผมเพิ่งรู้นะ รวมทั้งที่คุณส่งเพลงไปให้คุณจันทนีย์ อุนากูล

อือม์ ตอนนั้นเธออยู่โอกิลวี่ใช่ไหม (ตึกอยู่ตรงกันข้ามกับเท็ดเบทท์ที่ผมทำอยู่ )
ตอนเธอออกเพลงมาแล้ว ผมไปสัมภาษณ์เธอลงหนังสือเหมือนกัน
เธอทำเพลงชุดสายชลกับไนท์สปอทหรือเปล่านะ ผมเลือน ๆ ผมเองก็เคยเอาเพลงชุดขอความรักฯไปเสนอ เขาไม่ขัดข้อง ถามผมว่าจะทำแนวไหน
อู...หาญกล้ามาก บอกว่าอยากเป็นแจ๊สส์ ประหลาด-เขาโอเคเลย แต่บอกว่าต้องรอนะ จะให้อิสซึ่นเป็นโปรดิวเซอร์ให้ ผมก็ยิ้มแก้มตุ่ย ทั้งที่ไม่รู้เลยว่าอิสซึ่นเป็นใคร

รอไปรอมา ก็ใจร้อน ไม่เอาแล้วแจ๊สส์เจิ๊ด มาทำเองดีกว่า (สู่ฝันกำลังฮอทนี่ เลยคนอง)
เสียดายจนทุกวันนี้ เพราะหลังจากนั้นเขาออกชุดแรก- ปานศักดิ์ -ไปทะเล อู้ฮูฮิท.. เขาทำดีมาก เป็นเจ้าแรกที่ทำเอ็มวีในประเทศไทย ดังระเบิดเถิดเทิง...

เล่าไปเล่ามา เอ เราไปเสนอที่นั่นได้ยังไง นึก ๆ อ๋อ เรามีเพื่อนจัดรายการวิทยุสังกัดที่นั่นนี่นา ดูเถอะ ผมนี้อัลไซเมอร์แค่ไหน นึกชื่อเธอไม่ออก แต่ดันไปนึกถึงดีเจที่จัดรุ่น ๆ เธอออกคุณสรรพรรณ จันทยุทธ์ (นามสกุลไม่แน่ใจอีกแล้ว-ยุทธ์- สูตหรือรัช ถ้าผิดขออภัยเจ้าตัวด้วย) ดูสิ นี่ขนาดเอาชื่อมาเป็นที่ปรึกษาสู่ฝันนะ...

พอเรื่องเพลง มาเรื่องหนังสือของคุณ ดูปีพ.ศ. ก็น่าจะเป็นช่วงที่ผมบ้านแตกสาแหรกขาด ระเหระหนเปิดท้ายขายหนังสือขายรูปเล่นดนตรีเปิดหมวกอยู่ทั่วประเทศไทย คือช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ ๔๐ ที่คนไทยทั้งประเทศเหมือนตกอยู่ในนรก (โชคดีที่คุณไปอเมริกาก่อน..).

ตอนนี้ นัยว่าค่าเงินบาทที่แข็งโป๊กอยู่ เดหตุการณ์ช่างคลับคล้ายตอนนั้น ก่อนที่ฟองสบู่จะแตก และรถป้ายแดงที่มีอยู่ล้นถนน จะตะบึงหนีหนี้ไปทั่วหัวระแหง....โอพระเจ้า หนาว ๆ ร้อนๆเป็นยิ่งแล้ว...

ขอโทษ วันหลังจะมาเยี่ยมใหม่ ฝนมาพายุโหม ต้องไปเก็บผ้าก่อน...
สวัสดี..


โดย: สัญจร ดาวส่องทาง วันที่: 22 กรกฎาคม 2550 เวลา:15:58:02 น.  

 
พี่ปอนครับ

โชคดีที่ผมยังไม่นอน ที่นี่เป็นคืนวันเสาร์ เช้าวันอาทิตย์ เลยนอนดึก..กะว่าไม่นอนแล้ว ไปโบสถ์ตอนเช้าเลยทีเดียว.. ดีใจมากที่พี่ตามอ่าน ดีแล้วที่ไม่บอกแต่ต้น จะทำให้ผมเกร็งอย่างที่ว่า

เรื่องเพลงที่ส่งให้คุณจันทนีย์ช่วยวิจารณ์นั้น เป็นเพลงที่แค่ทดลองดู ไม่ใช่เพลงจริงที่เสนอขายที่อื่น แต่ใช่ครับ เธออยู่โอกิลวี่ และพี่อยู่เท็ดเบทท์ ผมจำได้ เพราะผมไปหาพี่ที่นั่น.. ผมเอางานเล่มแรกของผมไปให้พี่อ่านและช่วยเขียนคำนำให้ ผมว่ากำลังจะเขียนถึงช่วงนั้นอยู่พอดี.. ตอนนี้รู้ว่าพี่ตามอ่าน คงจะเริ่มเกร็งนิดๆแล้วกระมัง

ผมก็เพิ่งรู้ว่าพี่เอาไปเสนอที่ไนท์สปอท.. น่าเสียดายเหมือนกันนะ ตอนนี้ ก็น่าจะลองดูนะ ผมหมายถึงหาคนอะเร็นจ์ดนตรีใหม่ให้สุดๆไปเลย..

ดีเจที่พี่ว่าน่าจะชื่อ สรพรรณ จันทรัชต์ แต่สะกดยังไงไม่แน่ใจ ตอนนั้นผมรู้จักกับดีเจ ดารณี เออ จำนามสกุลไม่ได้.. เอาล่ะสิ ติดอัลไซเมอร์จากพี่เหมือนกัน เธอจัดโลกสวยด้วยเพลง- - เธอเคยชวนให้ผมไปสมัครเป็นดีเจจัดเพลงไทยด้วย แต่ผมไม่กล้า-- ซึ่งคนที่ได้จัดในเวลาต่อมาก็คือคุณวินิจ ซึ่งก็ดีแล้วที่ผมไม่ไปสมัคร เพราะสู้ไม่ได้อยู่แล้ว..

ช่วงนั้น อะไรๆก็กำลังปรับเปลี่ยน โอกาสเยอะมาก แต่ก็กล้าๆกลัวๆ แต่ยังดีที่ได้เขียนหนังสือ ทำเพลงบ้าง..

ใช่ครับ ช่วงนั้นแย่มาก โชคดีที่ตัดสินใจหยุดนิตยสารก่อน ไม่อย่างนั้น ผมคงตายแน่นอน--

ดีใจที่ได้คุยครับพี่-- ไม่รู้เป็นยังไง พักหลังนี่..คุยเรื่องหนหลังแล้วได้รสชาติ มีความสุขทีเดียว

ระลึกถึงเสมอ- -


โดย: ปะการัง IP: 72.207.13.247 วันที่: 22 กรกฎาคม 2550 เวลา:17:11:23 น.  

 

แวะมาอ่านเรื่องราว และความเห็นต่างๆ
ได้ข้อมูล แง่คิดอะไรไปเยอะเชียว




โดย: p_tham วันที่: 23 กรกฎาคม 2550 เวลา:1:28:58 น.  

 
คุณปะการัง
ช่วงนี้หนอนฯ มีงานต้องทำค่ะ
อาจจะไม่ได้เข้ามาเมนต์มากมาย
ว่างแล้วจะแวะมาคุยด้วยค่ะ


โดย: หนอนเมืองกรุงฯ IP: 58.9.169.16 วันที่: 24 กรกฎาคม 2550 เวลา:1:32:32 น.  

 
มาทักทายก่อนกลับบ้านค่ะ


สวัสดียามเย็นนะคะ


โดย: หนอนบ้านนอก IP: 61.19.65.33 วันที่: 24 กรกฎาคม 2550 เวลา:17:31:51 น.  

 
สวัสดีครับปะการัง
ขอโทษที มานึกออกตอนนี้
ดารณี มณีดิษฐ์ ไง เพื่อนคนที่แนะนำเรากับไนท์สปอต
อือ วันก่อนอ่านที่โดมเปิดเผย รายชื่อเพลง ผลงานประพันธ์ของคุณ อู้ฮู เยอะนะนี่ หลายเพลงผมร้องได้ติดปาก แต่ประหลาดไหม ไม่ยักรู้ว่าคุณเป็นคนเเต่งทั้งคำร้องทำนอง (อาจเพราะสมัยนั้น วัฒนธรรมการให้เครดิตเจ้าของผลงานยังไม่แข็งแรง เวลาประกาศก็มักเอาแต่ชื่อนักร้อง)

เล่าความหลังแล้วมักติดลม และสนุก เป็นสัญญาณของ
ความหนุ่มครับ
คุณไม่ต้องเกร็งนะ ผมจะนานๆอ่านรวบยอด (ฮา) เครื่องติดแล้ว ก็ลุยเลย และถ้าผมว่างพอ ผมจะมาแจมด้วยแบบนี้แหละ ผมเบื่อตัวเองนะ พอนึกออกแล้ว มันจะนึกแต่โครงรวม ๆ รายละเอียดที่มีประโยชน์มันจะเลือน นี่เป็นอาการของคนหนุ่มเช่นกัน
แล้วจะเข้ามาชาร์ขอชาร์ตแบตอีก
ระลึกถึงคุณเช่นกัน


โดย: สัญจร ดาวส่องทาง วันที่: 27 กรกฎาคม 2550 เวลา:2:33:23 น.  

 
สัวสดีค่ะ ดรีมประทับใจ "กำลังใจสู่เส้นชัยแห่งชีวิต"มาก เข้าขั้นว่ารักและหวง หนังสือเล่มนี้เลย แต่หนังสือที่รัก ก็จากไปพร้อมกับคนที่เรารัก.. พยายามตามหาซื้อใหม่ ผ่านมา 5 ปีแล้วที่หายไป หาที่ไหนก็ไม่พบ รบกวนท่านใดพอจะทราบว่า จะหาซื้อได้ที่ไหน ช่วยแนะนำด้วยนะคะ.....


โดย: dream.. IP: 125.26.233.136 วันที่: 30 ตุลาคม 2550 เวลา:19:13:24 น.  

 
สวัสดีครับ คุณdream

โทษที ที่เพิ่งเข้ามาอ่านเจอ

เรื่องหนังสือคงหาซื้อไม่ได้แล้วล่ะครับ
หากมีการจัดพิมพ์ใหม่ จะแจ้งให้ทราบครับ

ขอบคุณที่ชอบงานเขียนของผม
แวะมาทักทายกันอีกนะครับ


โดย: ปะการัง IP: 72.207.17.171 วันที่: 30 พฤศจิกายน 2550 เวลา:19:17:11 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณปะการัง
เราเป็นแฟนหนังสือคุณตั้งแต่เป็นเด็กประถม เคยอ่านหนังสือ ชื่อบางสิ่งซึ่งซ้อนอยู่ภายใน ชอบมั่กมาก และยังจำบางข้อความได้เลย คิดถึงค่ะ คิดถึง ติดตามผลงานเสมอนะค่ะ อาร์ตี้


โดย: ฟพะ IP: 222.123.46.81 วันที่: 2 ธันวาคม 2551 เวลา:23:19:16 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ชบาฉาย
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




"ปะการัง" เป็นนักเขียนที่มีผลงานบทกวีและเพลง เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน.. กลับมาเขียนหนังสืออีกครั้ง ตามคำชักชวนและได้รับเอื้อเฟื้อบล็อก "ชบาฉาย"นี้ จากโดม วุฒิชัย



เริ่ม 13 ส.ค. 2550
เชิญ!!!

คลิกอ่านเรื่องของ"พ่อพเยีย"



~ คลิกดูภาพถ่ายสไตล์"ปะการัง" ~
Friends' blogs
[Add ชบาฉาย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.