Bloggang.com : ชะเอมหวาน : สำหรับน้องม.4-5-6 ที่กำลังเตรียมตัวสอบENt

สำหรับน้องม.4-5-6 ที่กำลังเตรียมตัวสอบENt

เมื่อวานนี้ได้คุยกับน้องค่ายคนหนึ่งที่เราเคยไปทำค่ายตอนทำสโมสรโรตาแรคท์ธรรมศาสร์
การไปทำค่ายเด็กทีให้เราเข้าใจเด็กมากขึ้นและเราเข้าใจมุมมองเด็กๆมากขึ้น นับว่าสอนเราได้ไม่น้อยเลย และมันก็ดีกับน้อง ที่เราจะสามารถสื่อว่า ตอนเราเท่าน้อง เราก็เป็นเหมือนกันและเข้าใจ
น้องเค้ากังวลกับการสอบเข้ามหาวิทยาลัยเพราะสิ่งที่น้องเค้าหวังคือ แพทย์
ซึ่งเป็นคณะที่ มนุษย์ธรรมดาเค้าไม่กล้าหวังกัน เพราะใครๆก็รู้ว่ามันยากขนาดไหน
ถึงเราจะไม่ได้เรียนหมอ และไม่ได้เก่งกาจขนาดจะรู้ว่าจะเป็นหมอต้องทำอย่างไร
แต่เราก็มีแนวคิดที่เราเคยทดลองใช้มาและติดสอบตรง ไม่ต้องเอนท์ ก้อเลยแนะนำให้น้องเค้าเท่าที่เต่าตุ่นอย่างช้านพอจะช่วยได้ และนี่คือสรุปบทสนทนาในวันนั้น

1. ใจกล้า..เรากลับดีใจนะที่น้องเค้าใจกล้า เพราะมันเป็นสิ่งแรกที่เราควรมีเมื่อคิดใหญ่ แต่ก็ต้องอยู่บนความเป็นไปได้นะ เหมือนเพลงบิ๊กแอสส ไง
“รู้ว่าเสี่ยง แต่คงต้องขอลอง รู้ว่าเหนื่อยแต่อยากได้ของที่อยู่สูงเท่าไหร่จะขอลองดูซักที”
คือกล้า แล้วมีโอกาสเป็นไปได้ไง เรียนเก่งเลย 3.8แถมถ่อมตัว คิดว่าตัวเองต้องเรียนรู้และพัฒนาอีก ซึ่งดีมากกับการเติมเต็ม
มีทริคเล็กๆ คือ พีจะเขียนสิ่งที่อยากเรียนที่สุดก่อน เช่น อักษรศาสตร์ จุฬา แล้วเขียนตัวเป้งๆนะ ไปแปะตรงหัวโต๊ะ หรือหัวนอน พยายามติดให้เอื้อมไม่ถึงนะ แล้วให้เราเอื้อมตอนง่วงๆหรือท้อแท้ เพื่อเตือนตัวเองว่า พยายามอีกนิดๆ

2. ขยัน พอกำลังใจมา สิ่งต่อมาก็คือการหมั่นฝึกฝน เพราะ เราจะได้มีความพร้อมเสมอและเป็นการดึงให้เราไม่หลุดจากเป้าหมาย หลายคนหัวดีมาแต่กำเนิด ชีวิตไม่ต้องพยายามมาก เค้าก้อสามารถทำคะแนนที่ดีได้ แต่น้องเชื่อรึเปล่า พี่เจอเข้ากับตัวมาแล้ว ไอ้พวกที่ชอบบ่นว่า ไม่ได้อ่านหนังสือ อ่านไม่ทันน่ะ ความจริงคือ
“ไม่ได้อ่านรอบที่สี่” หรือ “อ่านรอบที่สามยังไม่จบ ปกติอ่านสี่รอบ”
ซึ่งถ้าบอกอย่างนั้นมันก็เสี่ยงที่จะโดนหมั่นไส้และแลดูเกทับกันเกินไปหน่อย
แต่จะว่าไป คนจำพวกหัวดีจริงๆ ก็มีแหละ เค้าเรียกว่าพันธุ์ดี
อย่างไรก็ตาม จงพร่ำบอกกับตัวเองว่า “เก่งไม่กลัว กลัวไม่ขยัน” เพราะคนเก่งถ้าไม่ขยัน ไม่ฝึกฝนอาจจะตายน้ำตื้นได้ง่ายๆ ตรงข้ามคนไม่เก่ง แต่หมั่นฝึกฝน พัฒนา
เหมือนเวลาเราวิ่ง จุดเริ่มต้นของเราอาจจะไกลกว่าชาวบ้าน แต่ถ้าเราหมั่นวิ่ง วิ่งช้าวิ่งเร็ว อย่างน้อยเราก็วิ่ง ตรงข้ามกับพวกจุดเริ่มต้นใกล้ๆ แต่เดินทอดน่อง เชื่อสิว่า เราแซงเค้าและอาจถึงเส้นชัยก่อนก็เป็นได้ จริงไหมจ้ะ

3. วางแผน แผนที่ชีวิตคร่าวๆ สามแผน คือ
• แผนที่เราตั้งไว้
• แผนกรณีที่ดีที่สุด
• แผนกรณีที่แย่ที่สุด
เช่น ถ้าเราอยากได้หมอ สถานเดียว เราก็ดูว่ามีหมอที่ไหนบ้าง เช่น กรุงเทพ เชียงใหม่ ขอนแก่น หรือภาคใต้ คะแนนมาก-น้อยต่างกันอย่างไร
คะแนนดีทีสุดก็แพทย์จุฬา หรือรามา แผนเรากลางๆอาจเป็นหมอจากมศว. หรือพระมงกุฎ ถ้าเลวร้ายคะแนนหมอที่น้อยที่สุดที่ไหนก็วางไว้ หรือว่าจะเรียนสาขาที่เกี่ยวข้องกับหมอที่ไหน และอย่างไร อันนี้เราต้องคิดแผนสำรองไว้คร่าวๆนะ เพื่อให้ถึงเวลา เราจะได้ไม่ต้องเคว้งคว้าง ว่างเปล่า และเสียเวลากับความคิดฟุ้งซ่านตอนไม่สมหวังน่ะจ้ะ เพราะเราต่างเคยเห็นตัวอย่างชีวิตจริงของว่าที่นักศึกษา ว่าที่ปัญญาชน ฆ่าตัวตาย เพราะไม่ได้เรียนสิ่งที่หวัง น่าเสียดายอนาคตของชาติ อย่างน้อยก็เสียดายค่าน้ำนมที่พ่อแม่ที่รักเรา เค้าเลี้ยงดูเราจนโต เรายังไม่เคยเห็นสัตว์เดรัจฉานฆ่าตัวตายเพราะผิดหวังเลย แล้วเราเป็นคนแท้ๆ ทำอะไรก็จงอายเดรัจฉานพวกนั้นบ้างก็ดี(อันนี้พี่ยืมคำหลวงพ่อท่านมานะจ้ะ เป็นข้อคิดให้น้องๆ)

และแต่ละแผนเราก็ต้องเอาหนังสือทั้งหมดสามปีมากองดูเลย ว่าจะต้องอ่านอะไรบ้าง มีเวลาเหลือเท่าไหร่ ให้คิดเผื่อเวลาสอบกลางภาคและปลายภาคไว้ด้วยนะ เพราะว่าจะได้แบ่งเวลาถูกนะจ้ะ แล้วที่พี่ทำคือวิธีของครูสมศรี ธรรมสารโสภณ ท่านเป็นอาจารย์พิเศษสอนภาษาอังกฤษที่โรงเรียนตอนที่พี่จะสอบเอนทรานซ์น่ะ
ท่านแนะนำให้เราตีตารางดังนี้
1. ตีเป็น 1 สัปดาห์ ว่ามีกี่ชั่วโมง
2. แล้วก็ดูว่าจะแบ่งเวลาสำหรับการอ่านกี่ชั่วโมง เรียนเท่าไหร่ สอบเท่าไหร่ แล้วก็พวกเวลาส่วนตัว กิน นอน พักผ่อน แบ่งสัดส่วนไปเลย
3. พอได้แล้วก็เอาเวลามาลงตารางล่วงหน้าทีละสัปดาห์ เพราะแผนสามารถเปลี่ยนได้เสมอ ตามสถานการณ์ เพื่อไม่ให้เรากดดันเน้อ

4. เรื่องจิตใจ พอดีเราไปพิมพ์หนังสือสวดมนต์เลยเอาส่งไปแจกน้อง และให้เค้าสวดพวกชินบัญชร เพราะยอมรับว่าเป็นช่วงเวลาที่เครียดที่สุดช่วงหนึ่งของชีวิคเลยนะ ไม่รู้ว่าคนอื่นเป็นอย่างไร แต่สำหรับเราก็เพื่อความสบายใจเล็กๆให้นอนหลับสบาย และทำให้เราได้คลายเคลียด อันนี้เคยอ่านเจอนะ ว่ามันเป็นจิตวิทยาอย่างหนึ่ง ถ้าน้องศาสนาอื่นก็สวดบทของศาสนาน้องนั่นหละ สบายใจดีนักแล

5. เรื่องร่างกาย ยอมรับว่า ตอนนั้นไม่สนใจเลย จิงๆแบ่งเวลาอีกสักนิดเพื่อไปเดินหรือเต้นแร้งเต้นกาบ้างก็ยังดี ถ้าเพลียจิงๆแนะนำพวกวิตามินบีรวม เพราะว่ามันจะช่วยให้เราสดชื่น คนที่ทำงานเครียดๆก็น่ารับประทานเสริม ซึ่งมีหลายยี่ห้อนะ ของเราเลือกยี่ห้อที่ตรงฝามีหลายๆสีอะ แต่เตือนก่อนนะ กินแล้วฉี่ออกมาจะมีสีเหลือเข้มๆ

6. สุดท้าย คนที่มีข้อมูลมากกว่าย่อมได้เปรียบ เราเข้าเวปบ่อยมาก โดยเฉพาะพวกeduzones.com,dek-d.com,vchakarn.com
คู่มือก็ถ้าเอามาตั้งเรียงกันก็ราวๆ40-50เล่มได้ แต่ไม่ได้อ่านหมดนะ แค่เกือบหมด เพราะข้อสอบมันซ้ำกันบางปี บางทีพวกร้านหนังสือมันไม่มีแล้ว เราก็ไปบุกโรงพิมพ์ตรงแถวสนามหลวงเลย (น้องๆไม่ต้องถึงขั้นนั้นก็ได้เพราะมันเว่อร์ไปนะจ้ะ)คือ จริงๆแค่จะบอกว่า รุ่นเรามีอินเตอร์เน็ตแล้วก็จริง แต่การเข้าถึงพวกสื่อการเรียนยังไม่มาก เลยอาศัยอ่านคู่มือ ก็ช่วยได้มากอยู่
ยิ่งเห็นรุ่นน้องๆ มีการสมัครเรียน จ่ายค่าสมัคร แม้แต่ตรวจผลทางเอทีเอ็ม ก็ยิ่งรู้สึกว่าเราน่าจะใช้พวกเทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์
อีกทางหนึ่งคือ รุ่นพี่ที่เค้าได้เรียนที่เราอยากเรียน และอาจารย์แนะแนวที่น่ารัก
เพราะ ทุกคนที่กล่าวมาต่างอยากให้เราได้ดีทั้งนั้น

คิดว่าเท่าที่นึกออกและบอกได้จะมีเท่านี้ และน้องๆที่จะเอนท์ปีนี้ก็ลองเก็บไปพิจารณาดูนะจ้ะ และอยากจะเสริมว่า สุดท้าย ถ้าเราได้เลือกทางที่เราได้พยายามกับมันเต็มที่แล้ว ก็จงอย่าไปเสียใจ แต่จงดีใจว่าอย่างน้อยสุดชีวิตของเราช่วงนี้ก็ได้อย่างนี้ จบจากช่วงนี้ ชีวิตก๊ต้องสู้ด่านอื่นอีกมากมาย และถึงตอนนั้นเรากลับมามองดู เราก็จะได้ภูมิใจว่า ครั้งหนึ่ง เราก็เคยทำอะไรสุดๆได้ขนาดนี้เหมือนกัน

Create Date : 17 พฤษภาคม 2551

Last Update : 8 มิถุนายน 2551 21:46:23 น.

3 comments

Counter : 2026 Pageviews.

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะค่ะ..
จะพยายามทำค่ะ..
ปีหน้าก็จะเอนท์แว๊ว ๆๆ
T^T

โดย: bestcat

วันที่: 17 พฤษภาคม 2551 เวลา:15:59:11 น.

ค่า ขอให้น้องสมหวังนะค้า

โดย: ชะเอมหวาน IP: 125.26.198.233 วันที่: 19 มิถุนายน 2551 เวลา:12:24:58 น.

รัฃีบๆกลับมา คิดถึงที่สู้ดดดดด

โดย: กวาง หัวโต IP: 222.123.26.229 วันที่: 31 กรกฎาคม 2551 เวลา:21:35:52 น.