|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
|
|
|
|
|
|
|
จะเห็นช้างตัวเท่ามดให้ได้...ข้อคิดดีๆเมื่อเจอปัญหานะ
เป็นบทความของคุณ วินทร์ เลียววาริณนะคะ เราเอามาจากฟอร์เวิดเมลล์
"นิตยสารการ์ตูน MAD ของอเมริกาถือกำเนิดมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2495 ไม่ใช่การ์ตูนประเภทอ่านเอาขำแล้วจบแค่นั้น หลายเรื่องขำลึกและต้องนำไปคิดต่ออีกหลายวัน เสียดสีสังคมแสบๆ คันๆ ด้วยการ์ตูนแนวล้อเลียน เสียดสีแบบขันขื่น
การ์ตูนเรื่องหนึ่งที่ผมอ่านนานปีมาแล้วเป็นเรื่องของชายคนหนึ่งที่เดินไป ตามทางเท้าริมอพาร์ตเมนท์หลังหนึ่ง ยามหัวค่ำ แสงสว่างจากภายในห้องพักห้องหนึ่งส่องให้เห็นเงาร่างของชายในห้อง มือหนึ่งถือปืนจ่อหัวตัวเอง อีกมือหนึ่งถือซองจดหมายลาตาย
ด้วยความตกใจเขารีบตามตำรวจมาทันที ตำรวจมาถึงก็รีบพังประตูเข้าไปเพื่อห้ามชายคนนั้นฆ่าตัวตาย ปรากฏว่าเบื้องหน้าเป็นภาพชายเจ้าของห้องกำลังถือไดร์เป่าผม อีกมือหนึ่งถือแผ่นกระจกสี่เหลี่ยม!
หากเรื่องนี้เป็นเพียงขำขันก็คงไม่เป็นไร แต่ทว่าในชีวิตจริงมนุษย์จำนวนมากชอบมองอะไรเป็นเรื่องร้ายไว้ก่อนอย่างนี้เสมอ
เห็นกิ่งไม้เป็นงูเขียว เห็นงูเขียวเป็นงูเหลือม เวลาปวดท้อง ก็คิดว่าตัวเองจะเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ ปวดหัวก็สงสัยว่าตัวเองอาจเป็นมะเร็งสมองขั้นสุดท้าย เห็นฟ้าแลบก็กลัวว่าจะถูกฟ้าผ่าตาย ทำข้อสอบเสร็จ ก็บอกว่าตัวเองต้องสอบตกแน่ๆ ฯลฯ
อันที่จริงการมองโลกในด้านร้ายไว้บ้างทำให้ระมัดระวังตัว เช่นเดินในที่เปลี่ยว ก็ระวังคนร้าย หรือเดินที่พงรกก็ระวังงูกัด เป็นสัญชาตญาณการรักษาชีวิตของตน
ทำแต่พอดีก็ไม่เป็นไร แต่หากใช้ชีวิตแบบ 'เห็นมดเท่าช้าง' ตลอดเวลา ย่อมทำให้ไม่มีความสุข หากเป็นการทำธุรกิจก็อาจทำให้ตัดสินใจผิดพลาด
การเห็นปัญหาใหญ่เกินจริง หรืออาการ 'เห็นมดเท่าช้าง' เกิดขึ้นบ่อยๆ และทำให้แก้ปัญหาผิดทาง
ในตำนานเรื่อง สามก๊ก มักมีฉากการรบที่กองทัพฝ่ายหนึ่งส่งเสียงโห่ลั่นสนั่นทุ่งเพื่อลวงให้ฝ่าย ศัตรูตกใจ และหลงเชื่อว่าฝ่ายตนมีกำลังมากกว่าหลายเท่า เมื่อตกใจก็มักสูญเสียความฮึกเหิมในการรบ อาจตามมาด้วยความปราชัย
ทั้งนี้เพราะมนุษย์มักมีนิสัยแย่อย่างหนึ่งที่ชอบมองเรื่องเล็กให้เป็น เรื่องใหญ่ การบอกต่อข่าวสารใดๆ จึงมักเป็นการขยายเรื่องเกินจริง
พุทธปรัชญาสอนให้มองทุกข์ที่ต้นเหตุ มองทุกอย่างที่ความเป็นจริง มองด้วยข้อมูลที่ถูกต้อง เมื่อมีข้อมูลที่ถูกต้อง ก็สามารถตัดสินแก้ปัญหาได้ตรงจุด
หากยืมหลักอริยสัจสี่ (ทุกข์-สมุทัย-นิโรธ-มรรค) มาประยุกต์ใช้ เราก็สามารถถอดชิ้นส่วนของปัญหาออกเป็นสี่ขั้น คือ ปัญหา ต้นเหตุของปัญหา การสิ้นสุดของปัญหา และทางไปสู่การสิ้นสุดของปัญหา
หลักการแก้ปัญหานี้ง่ายนิดเดียว : มองปัญหาที่สาเหตุ มองสาเหตุให้ชัดเจน แล้วแก้ตรงจุดนั้น
แต่การตามล้างตามเช็ดปัญหามิสู้การป้องกันไว้ก่อน นั่นคือ มองว่าปัญหาอาจไม่ใช่ปัญหา เพราะชีวิตของคนเรานั้นอาจหนีไม่พ้นปัญหาก็จริง แต่ปัญหาที่แย่ที่สุด คือ ปัญหาที่เราคิดว่ามันเป็นปัญหา เป็น ‘สัตว์ร้าย’ ที่เราสร้างขึ้นมาเอง มันทำให้เราเสียเวลา พลังงาน และทรัพยากรโดยไม่จำเป็นเพื่อจะจัดการมัน
เงาในน้ำมักมีขนาดใหญ่กว่าของจริงเสมอ
(พิมพ์ครั้งแรก : เปรียว 2551)
วินทร์ เลียววาริณ "
เป็นข้อคิดที่ดีสำหรับชีวิตเลย..ตอนนี้เราสอบตกไปตัวนึง เครียดมากกินไม่ได้นอนไม่หลับ(กินได้นะ แต่นอนไม่ค่อยหลับ).กังวลว่าจะไม่จบ เรียนเปลืองเงินพ่อแม่ไปเปล่าๆ
แต่พอเรามองแบบเค้า..ตอนนี้ก็ยังไม่สบายใจขึ้นเท่าไหร่หรอกนะ แต่ว่าคิดว่ามันก็ทำให้เรามองอะไรอย่าง..อนิจจัง..มากขึ้นแหละ..
เพราะว่าที่สุดแล้ว..เราก็ไม่ได้ดีใจทุกวัน หรือเสียใจทุกวันที่ไหน..
มีคนเคยพูดว่า" ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว..ย่อมดีเสมอ.."จริงมะ
มองอีกแง่นึง การที่เราสอบตก ได้ทำรายงานใหม่..เราก็ได้เตรียมตัวสำหรับการทำวิทยานิพนธ์ เทอมสุดท้ายซึ่งมีเปอร์เซนต์มากกว่าสอบทั้งสองเทอม รวมกันเสียอีก.คิดซะว่า ไปซ้อมๆก่อนก็ดีเหมือนกัน
ถ้าเรามองวิกฤตินี้เป็นโอกาส.. สอบใหม่ เราอาจจะได้คะแนนมากขึ้นและอาจจะได้เกียรตินิยมเทอมสุดท้ายก็ได้..ใครจะไปรู้..เพราะคะแนนสอบตัวอื่นเราก็ไม่ได้แย่เลย..ดีเสียด้วยซ้ำ
ตอนเราจะมาอังกฤษ มันเป็นการเดินทางระหว่างเทอม เรากังวลก่อนมา กลัวไม่มีเพื่อน กลัวว่าเค้าจะสนิทกันหมดแล้ว..เราจะเหงา เพราะได้ยินคนที่ไปอังกฤษโทรกลับบ้านร้องห่มร้องไห้กันหลายคน..ไม่อยากเป็นหนึ่งในนั้น
แต่พอถึงเวลา..พี่ๆ เพื่อนๆที่นี่น่ารักมากๆ ไม่ทำให้เรารู้สึกอย่างนั้น..แต่เราก็ต้องยอมรับว่าคนที่รู้จักกันมานานกว่า ย่อมสนิทกันมากกว่าเป็นธรรมดา..
แต่เราก็ไม่ได้หมดโอกาสที่จะได้สนิทกับใครสักกะหน่อย ดีซะอีก .มีเพื่อนคนจีนที่มาด้วยกัน..ให้ได้ใช้ภาษาอังกฤษกะเหรี่ยงๆของเราคุยกับเค้า ไม่ลืมทิ้งไว้ที่ไหน
อยู่นี่ก็ได้โทรกลับบ้านร้องไห้มาเหมือนกัน..แต่ว่าก็บอกพ่อแม่ว่า..มันเป็นทางที่เราเลือกเอง..เราต้องรับผิดชอบ..และจะผ่านมันไปให้ได้...ไม่ต้องห่วง
เฮ้อ...อากาศที่อังกฤษตอนนี้ยิ่งแปรปรวน เป็นใจกับอารมณ์สีเทาๆจริงๆ..แต่เราจะต้องฝึกมองช้างเป็นมดบ้างแล้วละมั้งเนี่ย
Create Date : 06 กุมภาพันธ์ 2552 |
Last Update : 12 มีนาคม 2554 23:24:22 น. |
|
3 comments
|
Counter : 2313 Pageviews. |
|
|
|
โดย: หน่อยอิง วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:9:37:33 น. |
|
|
|
โดย: ข้าวกับดิน วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:13:33:56 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
Dalian(China),Guildford(UK),กทม.,สกลนคร United Kingdom
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]
|
Edutainment International Business Bossa Nova& Easy Listening
ถ้าถามอะไรในนี้ไม่ได้ตอบ กรุณาส่งไปทางเฟซบุ๊คเลยนะคะ ไม่ค่อยได้เช็คบล็อกค่ะ ขอบคุณค่ะ
ยินดีต้อนรับ ณ บ้านชะเอมหวานค่ะ ขอบคุณที่มาเยี่ยมเยียนกันเสมอนะคะ จขบ.เป็นอาจารย์เล็กๆค่ะ ฟรีแลนซ์ พิธีกรงานแต่งงาน สะสมโปสการ์ดค่ะ ฟังเพลงสบายๆ ชอบแต่งหน้าแต่งตัว แต่งกลอน ขีดๆเขียนๆ ท่องเที่ยว ก็เป็นกำลังใจให้กันด้วยค่ะ จุ๊บๆ
|
บ้านนี้จขบ.ต้องการสร้างสรรค์ให้เบา สบายๆค่ะ เอนทรี่เก่าๆเกี่ยวกับอาหารและการท่องเที่ยวจะย้ายบ้านไปที่
Amiley lala(ท่องเที่ยวและอาหาร)
POSTCARD & International Business
ถ้าจะโหวตขอหมวดการศึกษา
และหมวดดนตรีค่ะ
ขอบคุณมากค่ะ credit:::: photo by พี่เป็ดสวรรค์) Head blog กับของตกแต่งจาก
pk12th และ
คุณกุ้ง Kungguenter
|
|
|
|
|
|
|
|