Group Blog All Blog
|
กว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ ผมมานึกดูว่าในช่วงชีวิตของผมที่ผ่านมานั้น ผมสนใจใคร่รู้เกี่ยวกับอะไรบ้าง ก็ได้คำตอบว่า โทรศัพท์ คือสิ่งที่ผมสนใจใคร่รู้เกี่ยวกับมันมาตลอด ทั้งนี้มิใช่สนใจในฐานะนักติดต่อสื่อสาร นักประชาสัมพันธ์ นักวิชาการด้านวิศวกรอุปกรณ์สื่อสาร ฯลฯ ผมเองก็ตอบไม่ได้เหมือนกันว่าผมสนใจมันเพราะอะไร? หากจะสืบสาวราวเรื่องมันก็ยืดยาวมาก เอาเป็นว่าทุกวันนี้ผมก็ยังให้ความสนใจมันอยู่อย่างต่อเนื่อง ยิ่งทุกวันนี้เทคโนโลยีด้านมือถือก้าวหน้ามากขึ้นทุกวัน มีมือถือรุ่นใหม่ๆออกมาเกือบทุกเดือนทุกยี่ห้อ แต่ผมก็ยังไม่ท้อถอย ติดตามมันมาตลอด ผมใช้มือถือไม่ใช่สำหรับโทรนะครับ ผมใช้โทรน้อยมาก ผมใช้มือถือเพื่อศึกษาฟังค์ชั่นของมัน ผมใช้มือถือมาตั้งแต่รุ่นธรรมดาๆ มาจนถึงรุ่นปัจจุบันซึ่งมีฟังค์ชั่นมากมาย เช่น มีกล้องถ่ายรูป เป็นต้น และมือถือที่ผมใช้อยู่วันนี้ก็มีความสามารถรองรับเทคโนโลยี 3 จีได้ พฤติกรรมการใช้มือถือทั่วโลกวันนี้ผมได้อ่านบทความเกี่ยวกับมือถือจากคอลัมน์ วาไรตี้ นสพ.เดลินิวส์ เห็นว่าน่าสนใจ จึงนำมาฝากให้คุณๆอ่านครับ เชิญครับท่าน เป็นอาชีพที่น่าอิจฉาสุด ๆ เพราะกว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือหนึ่งเครื่อง บริษัทผู้ผลิตต้องทุ่มเททรัพยากรบุคคลและงบประมาณจำนวนมหาศาลจนกว่าจะลงตัวกับดีไซน์ ฟังก์ชันที่บรรจุอยู่ภายในเพื่อผลิตมาขายให้กับเราในแต่ละรุ่น มร.ยาน ชิปเชส นักวิจัยพฤติกรรมมนุษย์ ศูนย์วิจัยและออกแบบของโนเกีย เล่าให้ฟังถึงงานวิจัยที่สนุก ๆ ว่า ทีมงานของศูนย์วิจัยและออกแบบโนเกีย มีเจ้าหน้าที่ประมาณ 250 ชีวิต คนกลุ่มนี้จะเดินทางรอบโลก เพื่อทำการศึกษาและทำความเข้าใจกับความต้องการของผู้คนเวลาใช้โทรศัพท์มือถือ ทีมงานจะใช้เวลาในแต่ละเมือง ประมาณ 2-4 สัปดาห์ บางครั้งก็นานเป็นปี เพื่อเก็บข้อมูล และทำความเข้าใจกับวิถีชีวิตของคน หน้าที่หลัก ๆ ของ มร. ยานและทีมงานก็คือ วิจัย ศึกษาพฤติกรรมของมนุษย์ เช่น ตามดูวิถีชีวิตของคนในเมืองนั้น ๆ ในแต่ละวัน ศึกษาบทบาทของโทรศัพท์มือถือ ที่เกี่ยวข้องกับคน และศึกษาวัฒนธรรมของคนในพื้นที่ อาจจะตามเข้าไปดูถึงในครัว ดูไลฟ์สไตล์ และบางครั้งก็จะเปิดกระเป๋าดูสัมภาระต่าง ๆ ที่ผู้คนในพื้นที่ ต่าง ๆ ทั่วโลกนิยมพกพาว่ามีอะไรบ้าง จากการวิจัยก็ได้ข้อมูลในภาพรวมที่น่าทึ่งมากว่า ในจำนวนผู้คนที่พบเจอในหลาย ๆ ประเทศร้อยละ 60 จะชอบเอาโทรศัพท์มือถือไว้ในกระเป๋ากางเกง และผู้หญิงร้อยละ 61 จะเอาโทรศัพท์มือถือไว้ในกระเป๋าถือ เวลาที่โทรศัพท์ดัง ผู้หญิงจะใช้เวลานานกว่าจะรับสาย เพราะต้องคุ้ยหามือถือที่อยู่ในกระเป๋า ชายหนุ่มที่พกมือถือไว้ในกระเป๋ากางเกงจะพลาดการรับสายเพียงร้อยละ 30 แต่ผู้หญิงเอามือถือใส่ในกระเป๋าถือจะพลาดการรับสายถึงร้อยละ 50 กลุ่มที่นิยมเอาโทรศัพท์มือถือเหน็บไว้ที่เข็มขัดกางเกง ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชายสูงวัย ในโตเกียวจะไม่นิยมทำแบบนี้ แต่ในมิลานมีถึงร้อยละ 4 แอลเอร้อยละ 10 ปักกิ่งร้อยละ 19 และเมืองจิหลิน ของจีน มีมากถึงร้อยละ 38 ส่วนแฟชั่นที่นิยมเอาเครื่องประดับมาห้อยโทรศัพท์มือถือนั้น จากข้อมูลของทีมวิจัยก็พบว่า ไม่ได้แสดงถึงฐานะความร่ำรวย แต่เป็นการแสดงออกเฉพาะกลุ่ม เหมือนจะบอกให้รู้ว่าเราอยู่กลุ่มเดียวกัน ส่วนใหญ่จะได้รับความนิยมในญี่ปุ่นและเกาหลี ทั้งชายและหญิง แต่ในชาวยุโรปและอเมริกา จะเป็นผู้หญิงมากกว่า ข้อมูลที่ได้จากการวิจัยก็นำมาพัฒนาและออกแบบโทรศัพท์มือถือให้ตรงกับความต้องการของคนส่วนใหญ่ในโลกนี้ เช่น ผู้คนในประเทศอินโดนีเซียและยูกันดา จะใช้มือถือเครื่องเดียวแต่หลายคน ก็จะออกแบบที่เรียกว่า แชร์โฟน โดยร่วมมือกับผู้ให้บริการมือถือในประเทศนั้น ๆ เพื่อให้สามารถออกใบแจ้งค่าใช้จ่ายหลายใบในหมายเลขเดียว และในโทรศัพท์มือถือเครื่องเดียวก็สามารถมีสมุดบันทึกเลขหมายได้หลายกลุ่ม แต่ละกลุ่มก็จะมีรหัสส่วนตัวของผู้ใช้แต่ละคน จะดูได้จากมือถือโนเกียในรุ่น 1200 และ 1208 หรือหากจะให้บริการโมบายแบงกิ้ง ก็ควรจะเริ่มในประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งประชาชนที่นั่นนิยมใช้งานธนาคารบนมือถือหรืออินเทอร์เน็ตกันมาก แต่หากจะเปิดบริการโมบายทีวี ก็ต้องไปที่เกาหลี ซึ่งพร้อมรับบริการนี้ ส่วนในไทยก็พบว่าผู้หญิงจะเป็นผู้นำในการใช้อุปกรณ์ไฮเทคมากกว่าผู้ชาย จากการวิจัยผู้หญิงไทยจะใช้โทรศัพท์มือถือประเภทพีดีเอกันมาก งานวิจัยที่ใช้เวลานานที่สุดก็คือ การวิจัยหาข้อมูลเพื่อหาทางทำให้กลุ่มคนที่ไม่รู้หนังสือในหลายประเทศสามารถใช้โทรศัพท์มือถือได้ ต้องใช้เวลานานกว่า 4 ปีจึงได้ข้อมูลมาออกแบบโทรศัพท์มือถือ ส่วนผู้หญิงที่ชอบเอาโทรศัพท์ใส่ในกระเป๋าถือแล้วมักจะพลาดการรับสาย เพราะไม่ได้หยิบหรือหยิบไม่ทัน ก็ได้ออกแบบโนเกียรุ่น 6300 ซึ่งจะมีไฟกะพริบด้านข้างช่วยให้รู้ว่ามีสายเข้ามา มร.ยาน บอกว่า จริง ๆ แล้วโนเกียออกแบบให้ผู้คนไม่พลาดการรับสายเลยก็ได้ แต่ก็มีคำถามว่า เราอยากได้โทรศัพท์มือถือแบบนั้นหรือเปล่า น่าจะมีการเว้นช่องว่างเอาไว้เป็นข้อแก้ตัวกันบ้างเวลาไม่อยากรับโทรศัพท์ แต่ก็ไม่อยากปิดโทรศัพท์เช่นกัน เผื่อเวลากิ๊กโทรฯมา เจ้านายโทรฯมา จะได้มีข้ออ้าง แม้กระทั่งโทรศัพท์มือถือสำหรับคนแก่ก็มีแต่ไม่เรียกว่าเป็นมือถือคนแก่ คงไม่มีใครอยากเป็นคนแก่หรือซื้อมาใช้แล้วถูกแซวว่าแก่ เพียงแต่ทำให้แตกต่างผสมผสานไปกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ ต่อไปนี้ ใครเหน็บมือถือไว้กับเข็มขัดกางเกง ระวังโดนหาว่าแก่ไม่รู้ด้วยนะ เราเตือนคุณแล้ว ท่าน ส.ว. (สูงวัย). ปรารถนา ฉายประเสริฐPrathana.chai@gmail.com ขอบคุณ...คุณลุงมากนะคับที่เอาความรู้ดี..ดีให้กับผม
โดย: เด็กชายอลีฟ วันที่: 19 กรกฎาคม 2550 เวลา:10:22:06 น.
โดย: เขยอัมพวา IP: 125.26.70.254 วันที่: 19 กรกฎาคม 2550 เวลา:10:46:52 น.
นิ้วไวไปหน่อย...เลยหลุดไป..1..เม้นต์...
บลอคสวยครับ... โดย: เขยอัมพวา. IP: 125.26.70.254 วันที่: 19 กรกฎาคม 2550 เวลา:10:48:09 น.
ความรู้ดีค่ะ บล๊อคสวย แต่บางทีนกมันก็เหมาะเจาะบินมาตรงที่อ่านพอดี ไม่สบายตาค่ะ
โดย: หญิงบนคาน IP: 58.137.53.42 วันที่: 19 กรกฎาคม 2550 เวลา:11:37:06 น.
เข้ามาอ่านค่ะ
โดย: ใช้ชีวิตอย่างพอเพียง IP: 203.154.51.221 วันที่: 19 กรกฎาคม 2550 เวลา:12:01:11 น.
แวะมาเรื่อยๆอยู่นะ ป๋า มาเก็บฟามรู้
รักษาสุขภาพนะคะ โดย: podduang-pk วันที่: 19 กรกฎาคม 2550 เวลา:17:36:37 น.
ขอบคุณสำหรับคอมเมนต์ของทั้ง 7 ท่านครับ ผมเองก็ถือหลักว่า ไปอ่านเรื่องอะไรที่น่าสนใจ ก็มักจะนึกถึงเพื่อนๆสมาชิก และจะนำมาฝากให้อ่านกันครับ
เพราะผมเชื่อว่าไม่มีใครจะไปอ่านอะไรได้ทุกเรื่อง จากทุกสื่อ ดังนั้นจึงควรจะนำมาแบ่งปันกันครับ โดย: หนุ่มร้อยปี (หนุ่มร้อยปี ) วันที่: 20 กรกฎาคม 2550 เวลา:10:59:56 น.
เข้ามาเก็บความรู้ เอ!ชอบเอาโทรศัพท์มือถือเหน็บไว้ที่เข็มขัด ก็แก่แล้วล่ะสิ
โดย: นักซ่อมคอมพ์ IP: 125.25.83.122 วันที่: 23 สิงหาคม 2550 เวลา:16:27:32 น.
|
หนุ่มร้อยปี
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 24 คน [?] บล็อกนี้สร้างสรรค์ขึ้นเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2549 โดย ชายไทยวัยสูงอายุ มีวัตถุประสงค์ในการบันทึกและนำเสนอเรื่องราวต่างๆแบบครอบจักรวาล อาทิ ภาพยนตร์ ดนตรี รายการทีวี หนังสือน่าอ่าน อาหารน่ากิน ท่องเที่ยว สะสมสิ่งของ ตำนานชีวิตบุคคลน่าสนใจ รู้ไว้ใช่ว่า จิปาถะ ฯลฯ เป็นต้น คำขวัญประจำบล็อก ประสบการณ์ชีวิตที่ดีในอดีต คือทรัพยากรที่ทรงคุณค่าในปัจจุบัน คำขวัญประจำตัวเจ้าของบล็อก "อายุเป็นเพียงตัวเลข" บรรณาธิการบริหารบล็อกคือ หนุ่มร้อยปี บล็อกนี้ไม่สงวนลิขสิทธิ์ตามกฏหมาย ท่านใดเห็นว่าข้อเขียนหรือภาพประกอบในบล็อกนี้มีประโยชน์ สามารถนำไปใช้ได้ แต่โปรดอ้างอิงชื่อบล็อกนี้ด้วย จักขอบคุณยิ่ง Friends Blog
|