CBprinciple : หลักการของชีวิตในชีวิตที่ดูไม่มีหลักการ
Dystocia Blog - บล็อกคลอด(ท่า)ยาก

.
..
...
บล็อกคลอด(ท่า)ยาก
เกือบจะไม่ได้ลืมตาออกมาดูโลก

...
..
.




เดิมทีตั้งใจจะเขียนบล็อกนี้ตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคมแล้วครับ หลังจากที่ผมไหลไปกับลูกบ้าคิดจะเดินเท้าตั้งแต่พระที่นั่งอนันตสมาคมไปจนถึงวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร
...ก็เพราะอาศัยที่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมามีวัดหยุดยาวสุดสัปดาห์หลายครั้ง มากเป็นประวัติการณ์จนเด็กไม่ได้ปิดเทอมอย่างผมกระดี๊กระด๊ามีความสุข และได้ทำอะไรประหลาดๆ ที่คนปกติไม่ทำกัน ฮ่าฮ่้าฮ่า

ลองมาดูกันเถิดว่าเดือนพฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ มีวันหยุดอะไรบ้าง

๑ พฤษภาคม วันแรงงานแห่งชาติ
...กริ้ดกร้าดกันถ้วนหน้าสำหรับแรงงานทุกหมู่เหล่า คุณพ่อคุณแม่ คุณน้าคุณอาหยุดกันหมดเลยครับ แต่ผมนี้ไม่หยุดครับ ต้องขอโทษด้วยที่กระทรวงสาธารณสุข (ไม่ว่าสมัยไหนๆ) เขาไม่ถือว่าแพทย์-พยาบาลเป็นแรงงาน "ที่สมควร" หยุดในวันนี้
...เพราะแพทย์เป็นแรงงานอันทรงคุณค่าที่ควรสงวนไว้เพื่อ "ประชาชน" ประชาชนหยุดงานวันนี้เขาก็คิดว่าประชาชนทั้งหลาย "ควร" จะต้องมาตรวจสุขภาพประจำปีครับ
...แพทย์จึงต้องอยู่ตรวจคนไข้ (ซึ่งแท้ที่จริงแล้ว คนไข้ก็ไม่ได้เยอะขึ้นกว่าวันปกติอย่างมีนัยสำคัญ)
...ในฐานะนิสิตแพทย์ เลยต้องไปขึ้นเรียนตามการทำงานของโรงพยาบาล ตามระเบียบ

๕ พฤษภาคม วันฉัตรมงคล
...วันคล้ายวันพระบรมราชาภิเษกของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีงานพระราชพิธี เพราะฉะนั้นต้องหยุดแน่อยู่แล้วครับ
...หยุดให้พวกเราผู้ซึ่งจะเป็นข้าราชการในพระมหากษัตริย์ในอนาคต ได้มีโอกาสรับฟังกระแสพระราชดำรัส ใส่เกล้าใส่กระหม่อม
...แต่ขอโทษเถอะ ส่วนใหญ่วันนี้ก็ไม่ค่อยใครมีใจเปิดโทรทัศน์ดูรายการพิเศษอย่างที่หวังหรอกนะ เพราะว่า "ยังไม่ตื่น"
...หยุดวันนี้เป็นวันจันทร์ด้วย จึงกลายเป็น long weekend ๓ วัน ครั้งแรก ของเดือน สวรรค์ของใครหลายๆ คน และเป็นช่วงเวลาที่ผมเอาเท้าไปเหยียบๆ footbath ระยะทางหลายกิโลเมตร

๙ พฤษภาคม วันพืชมงคล
...วันพระราชพิธีสำคัญอีกงานหนึ่งของประเทศเกษตรกรรมอย่างเช่นประเทศสยามนี้ มีพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ แบ่งออกเป็น ๒ พิธีย่อย คือ พระราชพิธีพืชมงคล เป็นพิธีทางสังฆกรรม กระทำในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม และพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ซึ่งเป็นพิธีทางพราหมณ์ครับ
...กระผมเป็นงงอยู่มากทีเดียวว่า ทำไมวันแรงงานแห่งชาติ โรงพยาบาลไม่หยุดหนอ แต่กลับประกาศให้ไม่มีการเรียนในวันพืชมงคลเสียนี่
...หลังจากพระราชพิธีเสร็จผมก็มาตามข่าวครับ ว่าปีนี้ "ผลเสี่ยงทาย" ของพระยาแรกนา จะได้ผ้ายาวกี่คืบ และของพระโค จะเลือกกินอะไร
...เพราะช่วงก่อนนี้ข้าว "โคตร" จะแพง แต่ตอนนี้กลับ "โคตร" ถูก ถ้าทำนายออกมาว่าน้ำจะขาดแคลน หรือพืชผลจะเสียหาย คงไม่ดีต่อขวัญกำลังใจของชาวนาทั่วไปอย่างมาก
...แต่ผลที่ออกมาก็ดูสมน้ำสมเนื้อครับ ทุกอย่างบริบูรณ์พูนผล น้ำท่าไม่มากไป ไม่น้อยไป (ซึ่งก็เป็นอย่างนี้ทุกปีล่ะ อ้าว!! ซะงั้น)
...ครั้งนี้หยุดวันศุกร์ เป็น long weekend ๓ วัน ครั้งที่ ๒ ของเดือน อะดีใจกันอีก

๑๙ พฤษภาคม วันวิสาขบูชา
...วันเพ็ญเดือน ๖ เป็นวันที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน พระพุทธศาสนิกชนควรต้องหมั่นศึกษาพระธรรมคำสอน รักษากายวาจาใจในบริสุทธิ์
...เป็นวันสำคัญมากๆ ที่คนไทยควรให้ความสำคัญครับ ทุกวันนี้คนเรา "ไม่มีสติ" กันทั้งนั้น หลงวุ่นวายกัน จนโอกาสดีที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์เกือบจะกลายเป็นโอกาสที่ไม่รู้จักใช้
...แต่งวดนี้ผมคงต้องศึกษาตำราแทนแล้วครับ เพราะมันใกล้สอบสุดๆ (ซึ่งสุดท้ายก็อ่านไม่ทัน)
...วันนี้หยุดวันจันทร์ เป็น long weekend ๓ วัน ครั้งที่ ๓ ของเดือน ใครจะไปไหนก็รีบไปกันแล้ว หลายคนก็อยู่ในเบญจศีลเบญจธรรมเป็นพื้นฐาน แต่อีกหลายคนห้ามไม่อยู่ กินเหล้าเมายากันตามระเบียบ ไม่ดีเลยนะครับ ของพวกนี้)

อ่ะจบแล้ว.... ยัง!!!!

วกกลับมาที่ตอนต้น ทำไมถึงใช้หัวบล็อกว่า "บล็อกคลอด(ท่า)ยาก"?
...Dystocia แปลว่า คลอดยาก คลอดติดไหล่
...ก็เพราะเจ้าของบล็อก
ติดสอบ
ติดงาน
เหนื่อยล้า เครียด ปวดหัว นอนไม่หลับ กับอภิมหาโปรเจ็ค
และมีปัญหากับคีย์บอร์ด และเม้าส์ ที่พิมพ์ไปตั้งเยอะแล้ว เกิดกดพลาดที่เขียนไปยืดยาดหลายย่อหน้า หายไปสิ้น
...หมด! หมดกัน! ไม่ต้องเขียนมันแล้ว
...วันนี้ได้กำลังใจขึ้นมาใหม่ พิมพ์ไปได้ ๒ ย่อหน้า ก็ลงอีกหรอบเดิม "อยู่ๆ ก็หายไป..."
...หวังว่าจะเขียนให้มันจบๆ ไปได้

ที่ตั้งใจคือจะเขียนเล่าว่าวันนั้นทำอะไรที่ไหนบ้าง แต่ถึงตอนนี้แล้วไม่อยากเขียนมากครับ พยายามมาหลายรอบ ก็ลงรูปให้ครบๆ องก์แล้วกัน ถ้าเพื่อนๆ พี่ๆ คนไหนมาเยี่ยมเยียนบล็อกก็สามารถไปชมด้วยตาตนเองได้นะครับ น่าไปมากๆ ล่ะ

.
..
...
สถานีแรก พระที่นั่งอนันตสมาคม
First Station Ananta Samakhom Throne Hall

...
..
.




สถานีพระที่นั่งอนันตสมาคม โปรดใช้ความระมัดระวังขณะก้าวออกจากรถ Please mind...
แว้ก! ยัง นี่ไม่ใช่รถไฟฟ้าใต้ดิน แต่เป็นรถแท็กซี่ กรุณาใช้ความระมัดระวังขณะเปิดประตูรถ และอย่าลืมจ่ายตังค์...

ผมใช้เวลาประมาณ ๑๕ นาทีครับ รถแท็กซี่ที่ผมนั่งมาก็ฝ่าการจราจรบนถนนตอนบ่ายๆ อันจอแจย่านถนนพิษณุโลกมาได้ จนถึงลานพระบรมรูปทรงม้า

...ที่มาพระที่นั่งอนันตสมาคมนี่ก็กะจะมางานศิลป์แผ่นดิน ครั้งที่ ๕ ครับ เป็นการ rerun มาจัดอีกครั้ง หลังจากที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดงานเมื่อต้นปีไปแล้วครั้งหนึ่ง
...ครั้งนี้ก็เลยไม่พลาด ยิ่งทราบว่าจัดเป็นพิพิทธภัณฑ์กึ่งถาวรเลยก็ยิ่งดีใหญ่ เป็นครั้งแรกเลยครับที่ได้ขึ้นพระที่นั่งอนันตฯ สง่า มโหฬาร และงดงามมาก
...มีโอกาสไปยืนตรงตำแหน่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมองลงมาในการเสด็จออกสีหบัญชรด้วย ขนลุกเป็นแถบๆ

งานนี้เสียเงินเป็นค่าบัตรในคราบนิสิตเพียง ๗๕ บาทเท่านั้น (ราคาเต็มสำหรับประชาชนทั่วไป คือ ๑๕๐ บาทครับ)

ส่วนรูปถ่ายไม่อนุญาตให้ถ่ายภายในตัวพระที่นั่ง ผมเลยเก็บภาพด้านนอกมาลง
...ด้วยฝีมืออ่อนหัดระดับผม รูปไม่สวยเท่าไหร่นะครับ ขออภัยมาไว้ด้วย แค่อยากมายั่วให้ไปบ้างเฉยๆ



เมื่อเดินออกมาด้านลานพระราชวังดุสิต พระที่นั่งอนันตฯ ตั้งตระหง่านอยู่ในลานสายตา น่าเกรงขามมาก
...ภาพมุมนี้คงรู้จักกันดีนะครับ เพราะภาพประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งของกรุงสยามก็ถูกบันทึกไว้ ณ ที่แห่งนี้
...ที่ที่คนนับพันนับหมื่นคนสวมเสื้อเหลือง มาเพื่อบุคคลคนหนึ่ง
...บุคคลคนเดียวที่เป็นที่รักยิ่งของคนไทยทุกคน

โชคดีมากครับที่วันนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินด้วยรถยนต์พระที่นั่งไปยังพระบรมมหาราชวัง ผมจึงได้มีโอกาสเฝ้ารับเสด็จด้วย





จากนั้นก็เดินมาตามถนนราชดำเนินกลางครับ ผ่านสถานที่ราชการหลายแห่ง เวทีราชดำเนิน ไปจนถึงสะพานผ่านฟ้าฯ

รูปข้างล่างนี้ มองดูคล้ายว่าเราเป็นคนไทยใส่เสื้อเหลืองมาถวายพระพรหน้าพระที่นั่งอนันตฯ เลยนะครับ









.
..
...
สถานีต่อไป สนามหลวงและพระบรมมหาราชวัง
Next Station Sanamluang and the Grand Palace

...
..
.


เดินเรื่อยมาจนถึงสนามหลวงครับ (ช่วงถนนราชดำเนินนอกไม่ได้ถ่ายรูปครับ พอดีกล้องที่คว้าไปวันนั้น แบตเตอรี่ค่อนข้างอ่อนเลยต้องประหยัด) ผมไม่ค่อยได้มาตอนเย็นๆ เท่าไหร่ เพราะชีวิตอยู่ไกลจากตรงนี้ ถ้าเป็นเด็กธรรมศาสตร์คงคุ้นตากันดี

แดดร่มลมดีมากๆ เลยครับ มีทั้งคนหนุ่มคนสาว คนหนุ่ม(น้อย)สาว(น้อย) นั่งพักคุยกัน ท่าทางผ่อนคลาย ปล่อยให้ลูกเล็กเด็กแดงวิ่งกันให้ทั่ว
...บนฟ้ามีเมฆสีขมุกขมัวลอยอยู่ประปราย ประหนึ่งพื้นทรายให้ว่าวน้อยลอยลมกันสนุก
...เวลาถึงฤดู "เล่นว่าว" หรือ "ชักว่าว" เขาก็มักจะมาเล่นตรงนี้กันที่สนามหลวง (จนคนหลายคนที่มี sense เกี่ยวกับกับว่า "ว่าว" แรงๆ พอได้ยินก็มีสัญญาหมายถึง masturbation ในฉับพลันทีเดียว) มีทั้งว่าวงู ว่าวจุฬา ฯลฯ ขึ้นกับว่าผู้เล่นสัดทัดกรณีกับว่าวประเภทไหน
...ทำให้หวนให้นึกไปถึงภาพยนตร์เรื่อง "The Kite Runner" ของ Mark Foster ได้แบบไม่ต้องบังคับ



เลียบเคียงรอบสนามหลวง เดินใต้ร่มมะขาม ฝ่าฝูงนกพิราบประหนึ่งไม่กลัวจะติดเชื่อ H5N1 Influenza virus กันเลย ทำให้ผ่านหน้าพิพิทธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร หรือในอดีตเป็นพระราชวังบวรสถานมงคล และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ที่อยู่ติดกัน เลยชักภาพมาได้ ๑ รูป

...ธงชาติที่ลอยอยู่บนฟ้า ดูเหมือนจะเป็นหน้าที่ที่ชาวธรรมศาสตร์ (รวมถึงชาวอื่นๆ ด้วย) ต้องรับไว้บนบ่า บนหลังคา หลังจากที่จบออกไปสู่สังคมทุกยุคทุกสมัย
...เป็นเกียรติและศักดิ์ศรีของบัณฑิตที่สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัย ต้องกระทำด้วยใจอย่างเต็มภาคภูมิ



หลุดจากสนามหลวงก็เป็นพระบรมมหาราชวัง ผมเลี้ยวขวามาทางมหาวิทยาลัยศิลปากร ติดกับท่าช้าง ผ่านพระทวารพระบรมมหาราชวังนาม "วิมานเทเวศร" เห็นบุรุษสตรีเดินออกมาจากประตูนี้ ล้วนแต่สวมใส่ด้วยเครื่องแต่งกายสีดำ ก็ให้นึกออกว่าเป็นงานสวดพระอภิธรรมถวายพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ที่สิ้นพระชนม์จากพวกเราไปอย่างไม่มีวันกลับ ก็ขออนุญาติชักภาพมาอีก ๑ รูป ตั้งใจว่าถ้าทันวันนี้จะเข้าไปนั่งฟังสวดพระอภิธรรม
...ท้องฟ้าในภาพดูหมองคล้ำเสียจริง



.
..
...
สถานีต่อไป มิวเซียมสยาม
Next Station Museum Siam

...
..
.


ผ่านท่าพระอาทิตย์ จนถึงวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ก็ได้ยินว่ามีพิพิทธภัณฑ์เปิดใหม่ไฉไลสุดแสน จึงคิดลองไปเยี่ยมชมดูสักครา
...แต่ว่ามันไปทางไหนหว่า แป่ว!!! ถามคุณพี่วินมอเตอร์ไซต์ดูสักหน่อย

ผม : พี่ๆ มันมีพิพิทธภัณฑ์เปิดใหม่อยู่แถวนี้ป่าวครับ
พี่วินทร์ (ไม่ใช่เลียววารินทร์) : (เงยหน้าจากจานข้าว) อะไรนะ
ผม : คือ พิพิทธภัณฑ์อ่ะครับ มันมีเปิดใหม่อยู่แถวนี้หรือเปล่า
พี่วินทร์ (ไม่ใช่เลียววารินทร์แน่) : อ๋อ ที่เปิดใหม่น่ะเหรอ ตรงไปเลย (ชี้มือไปทางท้ายวัดพระเชตุพนฯ ประกอบ)
ผม : ตรงไป? (คือยังไม่ค่อยแน่ใจ) นะครับ
พี่วินทร์ (ไม่ใช่... พอแล้ว!) : อือ ตรงไปจนสุดแหละ that's all

เขาบอกให้ตรงเราก็ตรง ตรงแบบไม่รู้ว่าจะถึงเมื่อไหร่ (เว่อร์ไปป่ะ) ลุมาได้ประมาณ ๑ กิโลเมตรครับ ก็ถึง "มิวเซียมสยาม" รั้วสีแดง (คล้ายๆ กับหลังคาแดง)



เพิ่งเปิดได้ ๑-๒ เดือนมานี้เอง ตอนแรกเข้าในว่าเปิดถึงหัวค่ำ ที่ไหนได้ ๖ โมงเย็นก็จะปิดกันหมดแล้ว ได้เข้าไปข้างในแว้บๆ เท่านั้น คุณพี่ที่พิพิทธภัณฑ์ก็มาบอกอย่างรีบร้อน (เพราะคงรีบกลับ) ว่า "ปิดให้บริการแล้วนะครับ" เราอ้าวไปเลย แต่เขาไล่เราก็กลับครับ อยู่ได้ไง น่ากลัวออก บรื๋อ

ดูรวมๆ ค่อนข้างเป็นพิพิทธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ที่ทันสมัยดี เหมาะสำหรับการเรียนรู้ของเด็กมากๆ แต่ไม่ใช่ดูทันสมัยเฉพาะตัว illustration และอุปกรณ์จัดแสดงเท่านั้น เนื้อหาก็ทันสมัยไปด้วย
...มีโซนที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์การเมืองยุคหลังอยู่มากทีเดียว
...เพราะที่นี้จะจัดแสดงเน้นช่วงกรุงรัตนโกสินทร์ตอนหลังๆ มาแล้วครับ ถ้าใครอยากจะชมตั้งแต่สมัยก่อนสุโขทัย แนะนำวังหน้าเลยขอรับ

อาคารของมิวเซียมดัดแปลงในอาคารของกระทรวงพาณิชย์เดิม สูง ๓ ชั้น มีโถงบันไดศิลปะยุโรปขนาดใหญ่อยู่ฟากหนึ่ง แบ่งอาคารออกเป็น ๒ ปีกครับ แอบขึ้นไปเก็บภาพจากชั้น ๒ มาด้วย แต่แสงไม่สวยเสียแล้ว



ด้านนอกมีแอบทำเก๋เป็นหมู่เรือแจวของไทยจัดแสดงอยู่ ค้ลายกลับมาลอยอยู่ในแม่น้ำเจ้าพระยาสีเขียว (สงสัยสาหร่ายเยอะ) พอดีมีน้องหมาวิ่งตามมาเลยจับเป็นนายแบบจำเป็นเสียนี่
...หล่อนะเราน่ะ



ขากลับฟ้ามืดแล้ว เดินมาทางกระทรวงกลาโหมครับ ผ่านสวนเจ้าเชตุ หน่วยบัญชาการกำลังสำรอง ตรงสี่แยกมีวงเวียนซึ่งตกแต่งด้วยคนตัวสีแดงๆ ลักษณะคนแต่ละคนดูเลียนอักษรภาษาจีน ค่อนข้างเด่นสะดุดตาเลยครับ บอกชี้มาว่ามิวเซียมสยามไปทางไหน
...ก็ดีครับ ถ้าโชคดีมาทางกระทรวงกลาโหม แต่ถ้ามาทางท่าพระอาทิตย์ อาจต้องแวะถามพี่วินทร์แบบผมก็ได้



สุดท้ายแล้วก็ได้เข้ามาฟังสวดพระอภิธรรมถวายพระศพ ที่ลานหน้าพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทครับ เป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูกจริงๆ ที่ครั้งหนึ่งผมเคยเข้าเฝ้าพระองค์ท่านขณะดำรงพระชนม์อย่างใกล้ชิด แล้วในวันนี้กลับต้องมานั่งฟังสวดพระศพของพระองค์เสียแล้ว
...หวนให้คิดว่าชีวิตของเราหาเที่ยงไม่ ไม่ว่าจะเกิดมายากดีมีจนอย่างไรก็ต้องตายด้วยกันทั้งนั้น
...สิ่งสำคัญอยู่ที่ขณะมีชีวิต เราทุกคนแตกต่างกันตอนมีชีวิตนั่นล่ะครับ ดีมากบ้าง ดีน้อยบ้าง เลวมากบ้าง เลวน้อยบ้าง สิ่งนั้นย่อมชี้ให้เห็นคุณค่าของบุคคลคนนั้น ท้ังตอนมียังชีวิตอยู่ และตอนที่ชีวิตจะหาไม่

.
..
...
สถานีสุดท้าย โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์
Next Station King Chulalongkorn Memorial Hospital
Terminal Station

...
..
.


กลับมาเคหสถานราวๆ ๒ ทุ่มครับ เหนื่อยเป็นตายทีเดียวเชียว



เย้...จบบล็อกคลอดติดไหล่นี้ได้เสียที นึกว่าจะไม่มีโอกาสได้จบเสียแล้ว
ขออภัยว่าอัพช้ามากๆ นะครับ ไม่ค่อยว่างจริงๆ ยิ่งอภิมหาเมกะโปรเจ็คของข้าน้อยกำลังเร่งรัดคัดเต้าขึ้นเรื่อยๆ คงจะเห็นกันอีกทีอีกหลายเพลาล่วงไป

...ขอบคุณที่อ่านจนจบครับ คิดถึงพี่ๆ เพื่อนๆ ทุกท่านที่เข้ามาเม้นท์มาอ่านนะครับ แล้วถ้ามีโอกาสก็ไปเที่ยวงานศิลป์แผ่นดิน และมิวเซียมสยาม ก็ได้นะครับ รับรองว่าไม่เสียเที่ยว (ถ้าไม่ไปแบบเขาจะปิดทำการแล้วแบบผม)

ขอให้มีความสุขในวสัตนฤดูที่มาเยือน
รังสีไอฟ่า



Create Date : 04 พฤษภาคม 2551
Last Update : 7 มิถุนายน 2551 23:58:27 น. 4 comments
Counter : 4327 Pageviews.

 
วันที่ไปฝนจะตกเหรอคะ ดูครึ้มๆ
อยากไปแถวนั้นอีกจัง ต้องไปเบิ่งมิวเซี่ยมใหม่ซะแล้ว เอ..งานที่พระที่นั่งจบไปรึยังคะเนี่ย


โดย: ชิด-ชิด เข้ามาอีกหน่อย วันที่: 8 มิถุนายน 2551 เวลา:16:26:44 น.  

 
คิดถึงจังเลยค่ะ
ไม่ได้เข้าเยี่ยมน้องชายซะนาน น้องแบงค์สบายดีนะคะ
พี่กับน้องกัตตอนนี้ก็กำลังหัดพูดภาษาที่ไม่ค่อยง่ายเลยค่ะ
เลยไม่ค่อยจะสบายเหมือนอยู่บ้านเราเท่าไหร่

รูปเซ็ตนี้ถ่ายได้สวยมากค่ะ
ส่วนเนื้อหาเอาไว้พี่เข้ามาอ่านใหม่นะคะ
ตอนนี้แย่งกันใช้เน็ตที่บ้านกันวุ่นวายหมด


โดย: กลีบดอกโมก วันที่: 15 มิถุนายน 2551 เวลา:5:40:25 น.  

 
ก๊อก ก๊อก ก๊อก...
มาเคาะประตูเรียกเจ้าของบ้าน
ไม่เปิดรับ ไม่เป็นไร..
หวังว่าอภิมหาโปรเจค..ของน้องชายจะสำเร็จได้ด้วยดีนะคะ

แล้วจะแวะมาเยี่ยมใหม่...ด้วยความคิดถึง


โดย: กลีบดอกโมก วันที่: 30 มิถุนายน 2551 เวลา:15:01:21 น.  

 
หายไปไหนน๊อ..สบายดีหรือเปล่า?
คิดถึงนะคะ
แวะไปบอกเล่ากันบ้างเน้อ


โดย: กลีบดอกโมก วันที่: 17 กรกฎาคม 2551 เวลา:12:21:41 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

รังสีไอฟ่า
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2551
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
4 พฤษภาคม 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add รังสีไอฟ่า's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.