ฮอนด้า แอคคอร์ด เวอร์ชั่น 2011 การเปลี่ยนแปลงภาย นอกอาจจะไม่มากนัก ซึ่งหากไม่ใช่ผู้ที่จดจำทุกรายละเอียด หรือนำมาจอดเปรียบเทียบกับโฉมเดิม คงจะแยกแยะลำบากพอสมควร
จุดหลักๆ การปรับรูปลักษณ์ภายนอกครั้งนี้ ชัดเจนที่สุดเห็นจะเป็นกระจังหน้าและเปลือกกันชนหน้าใหม่ จากเดิมกระจังหน้าเป็นแถบคาด 3 เส้น ได้เปลี่ยนเป็นแถบคาดโครมเมี่ยมขนาดใหญ่ 2 เส้น ทำให้ดูสปอร์ตดุดันขึ้น ผสานกับกันชนใหม่ได้อย่างลงตัว
ส่วนด้านหลังยิ่งแทบจะไม่เห็นความแตกต่าง หากไม่มีแถบโครเมี่ยมล้อมรอบแผงไฟท้ายบริเวณกระโปรงหลังด้านท้าย จากมุมชิดกรอบโครมไฟท้ายยาวไปจนติดช่องป้ายทะเบียน เป็นจุดที่ทำให้เห็นความแตกต่างจากรุ่นก่อน เช่นเดียวกับกล้องมองหลังที่ซ้อนอยู่เหนือขอบกรอบป้ายทะเบียน และเปลี่ยนเป็นล้ออัลลอย 17 นิ้ว จากเดิม 16 นิ้ว
แต่การเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนที่สุดเห็น จะเป็นอุปกรณ์อำนวความสะดวกสบายภายในที่ติดตั้งเพิ่มเข้ามา และระบบนำทาง หรือ Navigator ที่มาพร้อมเครื่องเล่น DVD เชื่อมรับกับกล้องส่งภาพด้านหลัง และมีฮาร์ดดิสก์สำหรับบันทึกไฟล์เพลง(HDD Audio) รวมถึงช่องเชื่อมต่อ USB ส่งผ่านความสุนทรีให้กับระบบเครื่องเสียงแบบ Premium Sound System พร้อม Sub-Woofer ให้เสียงกระหึ่มผ่านลำโพง 7 ตัวรอบคัน เรียกว่ายกอุปกรณ์ความบันเทิงของรุ่น 2.4 EL NAVI มาทั้งชุดเลยทีเดียว
ทั้งหมดจัดวางปุ่มควบคุมไว้ที่คอนโซลกลางอย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นเครื่องเสียง ระบบนำทาง และระบบปรับอากาศแบบแยกฝั่งซ้าย-ขวา เฉกเช่นเดียวกับรถระดับหรูทั่วไป ขณะที่พวงมาลัยเป็นแบบมัลติฟังก์ชั่น ควบคุมเครื่องเสียงและครูสคอนโทรล ระบบ นำทางดาวเทียมเป็นซอฟแวร์เวอร์ชั่นใหม่ ไม่เหมือนกับ ฮอนด้า ซีอาร์-วี และฟรีด โดยการค้นหาและวางตำแหน่ง มีความละเอียดแม่นยำมากขึ้น จอแสดงข้อมูล DVD ขนาดใหญ่ และยังเป็นจออเนกประสงค์ แสดงข้อมูลการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงได้ด้วย
ห้องโดยสารและพื้นที่ใช้สอยเช่นเดิม นับว่ามีความกว้างขวาง แม้จะนั่งกันเต็มเบาะหน้า-หลัง 4 คน ยังไม่รู้สึกอึดอัด เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้าได้ 8 ทิศทาง ส่วนผู้โดยสารด้านหน้าปรับได้ 4 ทิศทาง ด้านหลังนั่งสบายมีพื้นที่วางขาสบายๆ แม้จะมีสัมภาระกระเป๋าของกินเล่นใบโตก็ไม่เกะกะ ซึ่งสีภายในห้องโดยสารมีให้เลือก 2 สี เป็นสีเบจให้ความหรูหรา ด้วยชุดแต่งลายไม้ที่สีอ่อนลงจากเดิม และมีสีดำที่ให้อารมณ์สปอร์ตดุดันไปอีกแบบ
ช่วงแรกรับหน้าที่เป็นผู้โดยสาร นั่งสบายๆ นุ่มนวล และไม่รู้สึกปวดเมื่อยแต่อย่างใด พร้อมกับฟังเพลงผ่านเครื่องเสียงคุณภาพดีเพลิดเพลิน จนถึงจุดพักกลางวันที่สวนสน อ.แกลง จ.ระยอง
หลังจากข้าวเรียงเม็ดดีแล้ว จึงเดินทางต่อไปตามถนนสุขุมวิท มุ่งสู่ท่าเรือเฟอร์รี่แหลมงอบ เพื่อข้ามไปเกาะช้าง รวมระยะทางที่เหลือประมาณ 190 กิโลเมตร ช่วงนี้จึงรับไม้เป็นผู้ขับทดลองสมรรถนะของ แอคคอร์ด 2.0EL NAVI แทน โดยถนนช่วงนี้สภาพค่อนดีทีเดียว มีโค้งให้เล่นตลอดเวลา และการจราจรวันธรรมดาไม่ค่อยมากนัก จึงทำความเร็วได้พอสมควร
ขุมพลังเครื่องยนต์ i-VTEC บล็อกเล็กสุดของฮอนด้า แอคคอร์ด ขนาด 2.0 ลิตร แบบ SOHC 4 สูบ 16 วาล์ว 156 แรงม้า ที่ 6,300 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 19.3 กก.-ม. ที่ 4,300 รอบต่อนาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ จึงได้เริ่มแสดงสมรรถนะอีกครั้ง
ระยะแรกมีแยกไฟแดงให้ต้องหยุดเป็นระยะสักหน่อย การออกตัวและเร่งแซงในช่วงต้นตอบสนองพอใช้ได้ ไม่ถึงกับกดปุ๊บมาได้ทันใจ ต้องมีเติมคันเร่งช่วยนิดหน่อย ซึ่งด้วยน้ำหนักตัวถังและเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร เมื่อบวกกับผู้โดยสาร 4 คน จึงต้องแบกภาระพอสมควร หากเทียบกับรุ่น 2.4 ลิตร แต่เมื่อเข้าสู่ความเร็วกลางๆ รอบเครื่องยนต์ 4 พันรอบขึ้นไป การเร่งแซงทำได้ดีให้ความรู้สึกปลอดภัย แต่เมื่อความเร็วลอยตัวการตอบสนองจะเริ่มเอื่อยๆ หน่อย หลังผ่านเข็มไมล์ 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในช่วงความเร็วสูงๆ รู้สึกมั่นใจมากสุดอยู่ที่ประมาณ 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ช่วงล่างด้านหน้าแบบปีกนก 2 ชั้น หรือดับเบิลวิชโบน และด้านหลังเป็นมัลติลิงค์ ให้ความนุ่มนวลค่อนข้างมากทีเดียว มีอาการยวบยาบบ้าง และเข้าโค้งความเร็วสูงจะโยนตัวเล็กน้อย การตอบสนองของพวงมาลัยดีใช้ได้ แต่ไม่ได้ถึงกับคมกริบเลยทีเดียว
ส่วนระบบเบรกหน้าและหลังเป็นดิสเบรกแบบพอตเดียว และจานเบรกด้านหน้ามาพร้อมครีบระบายความร้อน ซึ่งการทำงานของระบบเบรกให้ความมั่นใจได้ทุกช่วงความเร็ว น้ำหนักแป้นเบรกค่อนข้างดี และยังมั่นใจเพิ่มขึ้นกับระบบล้อล็อก ABS และระบบกระจายแรงเบรก EBD รวมถึงอุปกรณ์ช่วยความปลอดภัยถุงลมนิรภัยคู่หน้า และม่านถุงลมด้านข้าง
จากจุดเริ่มต้นเดิน ทางจากกรุงเทพฯ จนถึงจุดเติมน้ำมันก่อนถึงอำเภอแหลมงอบ อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันอยู่ที่ประมาณ 10 กิโลเมตรต่อลิตร โดยใช้ความเร็วส่วนใหญ่อยู่ที่ประมาณ 140 – 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รวมระยะทาง 340 กิโลเมตร
สรุปในเรื่อง สมรรถนะของ ฮอนด้า แอคคอร์ด 2.0EL NAVI ทำได้ดีที่สุดตามตัวของมัน แต่สิ่งที่ได้เพิ่มมาเป็นความหรูหราสะดวกสบายอีกระดับ กับราคาค่าตัว 1.42 ล้านบาท โดยไม่ต้องจ่ายเพิ่ม 2.67 แสนบาท แลกกับออปชั่นเดียวกันในรุ่น 2.4EL NAVI แต่ก็ต้องควักเพิ่ม 1.65 แสนบาท จากรุ่นมาตรฐาน 2.0E
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์