|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
สายหมอกและดอกไม้... ภูสอยดาว
กระดุมเงินขาวพราวพร่าง หยดน้ำค้างพร่างพราว กระดุมทองสุกสกาว เหลืองวับวาวราวทองคำ
ดอกสีเหลือง เอื้องนวลจันทร์ สีม่วงนั้น ดุสิตา อีกหงอนนาคพลิ้วไปมา จวบเพลาสิ้นแสงแห่งตะวัน
..... ดอกหงอนนาค ภูสอยดาว....
************************* หลังจากวางแผนไว้เกือบเดือน เดินทางมาค้างที่จ.อุตรดิตถ์1คืน ก่อนตื่นตอนตี5เดินทางไปอ.น้ำปาด เช้าของวันที่ 12 สิงหาคม ผมก็มายืนอยู่หน้าที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูสอยดาวพร้อมกับเพื่อนร่วมเดินทาง ผมกับเพื่อนช่วยกันนำเป้สัมภาระที่บรรจุน้ำดื่มและเสบียงลงจากท้ายรถ เพื่อติดต่อขออนุญาติเดินขึ้นภูสอยดาวกับทางเจ้าหน้าที่ เพื่อนร่วมทริปคราวนี้คือเพื่อนร่วมรุ่นเรียนเชียงใหม่มาด้วยกัน นั่นทำให้ผมเบาใจเรื่องอาหารการกินและที่ซุกหัวนอน เพื่อนกลุ่มนี้เคยเดินขึ้นเขาลงห้วยมาด้วยกัน ทริปวันนี้คงไม่ใช่เรื่องยากอะไร
พวกเราเริ่มออกเดินทางเวลา10.00 น. ผ่านน้ำตกแรกคือน้ำตกภูสอยดาว ซึ่งแบ่งเป็นชั้นต่างๆ 5 ชั้น แค่ชั้นแรกผมก็ทึ่งกับน้ำใสๆเย็นๆจนอยากเอาตัวลงไปแช่ ทางเดินขึ้นภูสอยดาวสวยประทับใจผมมาก ช่วงแรกเป็นทางในป่าดิบชื้นต้องเดินเลียบน้ำตกราวๆหนึ่งชั่วโมง ช่วงนี้ทางเดินแฉะ และลื่น บางครั้งต้องปีนป่ายขอนไม้ ระหว่างทางมีเห็็ดสวยๆ หนอน แมลง ผีเสื้อหลายๆสีให้เห็นอยู่ตลอด ถ้าเป็นคนชอบสังเกตธรรมชาติคงมีความสุขกับการดูเห็ดดูมอสที่ชุ่มชื้น
จากริมน้ำตกเริ่มเข้าสู่ป่าไผ่รกครึ้ม ทางแฉะๆเปลี่ยนเป็นดินสีน้ำตาลดำอัดแน่น บางจุดสูงชัน บางจุดมีบันไดไม้เก่าๆช่วยให้การปีนป่ายไม่ลำบากเกินไป ที่จุดนี้เองผมได้พักคุยกับลูกหาบอายุประมาณ40คนหนึ่ง ที่แบกของขึ้นมาหนัก28กิโล น้ำเสียงเขาดูหอบเหนื่อย ซึ่งเขาบอกว่าเพราะเป็นทริปแรกของเขาในปีนี้
"ผมเพิ่งผ่าตัดใส่เหล็กที่ขามา มันยังไม่คุ้น" เขาชี้ให้ดูรอยแผลเป็นยาวที่ต้นขาขวา "หมออนุญาติให้เดินขึ้นด้วยเหรอ" เพื่อนผมถาม "ก็อย่าบอกหมอ ฝ่าฝืนเอา " เขาตอบยิ้มๆก่อนแบกกระสอบคู่ใจขึ้นบนบ่า สายตามองไปเบื้องหน้า กระสอบนั้นดูเก่าเหมือนถูกใช้งานมาอย่างโชกโชน ซึ่งทำให้ผมหวังว่า...เราสองคนน่าจะได้เจอกันบนนั้น:)
จุดพักแรกของเราอยู่บริเวณ1.5กม.จากที่ทำการอุทยาน บริเวณนี้มีลานหินกว้างหลายเมตร ลูกหาบหลายคนนั่งคุยกัน บางคนควักข้าวห่อออกมากิน มีข้าวกับไข่ดาวดูน่าอร่อย ลุงลูกหาบคนหนึ่งบอกว่า ป่าไผ่ที่ผมเพิ่งเดินผ่านมาชื่อ เนินส่งญาติ และต่อไปจะเป็นเนินปราบเซียน
"เนินนี้มันไกล เหนื่อย พวกคุณค่อยๆเดิน ไม่ต้องรีบ เดินไปพักไป"
ลุงลูกหาบแนะนำ ก่อนดูดบุหรี่ปุ๋ยๆ ผมได้แต่ยิ้มก่อนเดินทางต่อ
เนินปราบเซียนไกลเหมือนที่คิด ก็ไม่รุ้ว่ามีเซียนกี่คนที่โดนปราบ แต่ที่แน่ๆผมเห็นคนโดนเพื่อนทิ้งกลางทาง1คน(ฮา...) ผมเห็นเขาเดินอยู่คนเดียวเลยแวะทักทายทำให้รู้ว่าเพื่อนเขากลุ่มใหญ่เดินล่วงหน้าไปก่อนแล้ว และเขาก็กำลังพยายามเดินตามไป
จากเนินปราบเซียนเข้าสู่เนินป่าก่อ ที่ชื่อป่าก่อเพราะมีต้นก่ออยู่เต็มสองข้างทาง ช่วงนี้ทางเดินราบสบายๆ ก่อนเข้าสู่เนินเสือโคร่ง ที่มีต้นเสือโคร่งและหญ้าคาสูงท่วมหัว ผมใส่เสื้อแขนสั้นมาเลยโดนตัวคุ่นกัดจนมีตุ่มเล็กๆคันๆที่ต้นแขน ถ้าโดนกัด แนะนำว่าอย่าเกาเพราะมันจะกลายเป็นแผลเป็นได้
จากเนินเสือโคร่งจะมีจุดชมวิวที่เห็นเทือกเขาสลับซับซ้อน มีหมอกขาวเคลียยอดเขา และตรงจุดนี้เองที่เห็นเนินมรณะได้ชัดเจน เนินมรณะเป็นเขาหัวโล้นสูงชัน ผมค่อยๆเดินไต่ไปเรื่อยๆ ขาตั้งกล้องเริ่มเป็นภาระทำให้เดินลำบาก แต่พอขึ้นไปถึงจุดสูงสุดของยอดแล้วมองลงมาเห็นภูเขาทั้งลูก เห็นหุบเหวมีเมฆขาวๆมันรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก ป่าหน้าฝนมีเสน่ห์คือสีเขียวและสีขาวที่ชุ่มชื้น อากาศที่แปรปรวนบอกไม่ได้ว่าฝนจะตกหรือแดดจะออก บางครั้งเดินอยู่ดีๆฝนก็เทกระหน่ำลงมาจนคว้าเสื้อกันฝนแทบไม่ทัน
จากเนินมรณะ ผมเดินคลุมเสื้อกันฝนไปอีกประมาณหนึ่งชั่วโมง ข้ามเนินอีกหลายเนิน ผ่านดงดอกลิลลี่ดอย ผ่านดอกเอนอ้าสีชมพู จนถึงจุดที่มีป้ายปักไว้ว่า ยินดีต้อนรับ
ลานสนอยู่เบื้องหน้า... แค่เพียงเอื้อม ถึงตอนนี้ฝนก็ยังไม่ซาลง มีแต่จะเทกระหน่ำลงมาเรื่อยๆ แต่ภาพตรงหน้าที่เห็นทำให้ผมลืมแทบทุกๆอย่าง ลืมความเหนื่อย ลืมความหิว เห็นเพียงทุ่งดอกไม้สีม่วงละลานตา ฝนพาเอาความชุ่มชื้นคืนสู่ผืนป่า ดอกไม้เล็กๆปลิวลู่ลม ราวกับหยอกเย้ากับต้นหญ้า ผมยืนอยู่ตรงนั้นเนิ่นนานจนฝนเริ่มซา
ชั่วเวลาไม่นานหลังจากเม็ดฝนหยุดลง ฟ้าสีเทาก็เริ่มเปลี่ยนสี หมอกสีขาววิ่งผ่านทิวสน ตัดกับทุ่งดอกไม้สีม่วง ทุกอย่างดูสวยมากๆจนผมรู้สึกว่าที่นี่เหมือนทุ่งสวรรค์ มันคงเป็นโชคดีของผมที่ได้มาที่นี่ในช่วงเวลานี้พอดี...
หลังจากเก็บภาพดอกไม้จนพอใจ ผมก็เก็บกล้องกับขาตั้งเดินไปที่จุดกางเต๊นท์ ช่วงที่ผมมาเป็นช่วงวันหยุดสามวัน เลยมีนักท่องเที่ยวมาก ที่ดูคร่าวๆก็ประมาณ200 คน ผมกับเพื่อนช่วยกันกางเต๊นท์ คลุมฟลายชีทกันฝน บางทีคืนนี้ฝนอาจจะตกหนัก...
บนภูสอยดาวมีจุดท่องเที่ยวหลายแห่ง ทั้งน้ำตกสายทิพย์ จุดชมพระอาทิตย์ตก จุดชมพระอาทิตย์ขึ้น หลักบอกเขตแดนไทย-ลาว แต่ละจุดอยู่ห่างกันพอสมควร ซึ่งผมกับเพื่อนตกลงว่า จะไปเที่ยวกันในวันรุ่งขึ้น คืนแรกเราจึงได้เพียงไปดูจุดชมพระทิตย์ตกที่เป็นหน้าผา มีหุบเหวกับเทือกเขาที่ถูกบดบังด้วยหมอก ช่วงเวลาที่อยู่บนยอดภู มีฝนตกปรอยๆตลอด ผมไม่เคยได้เห็นพระอาทิตย์เลย เจ้าหน้าที่อุทยานบอกว่า "ถึงฟ้าฤดูฝนที่นี่มีหมอกลงหนา ดูเป็นสีเทาเศร้าๆ แต่ฟ้าฤดูหนาวที่นี่ สวยมากๆ" บางทีผมอาจได้มาที่นี่อีกครั้งในฤดูหนาว...
ค่ำคืนบนภูสอยดาว อากาศหนาวอย่างที่คิด ผมกับเพื่อนนั่งกินข้าวที่หน้าเต๊นท์ มื้อนี้เรายังชีพด้วยอาหารง่ายๆอย่างไข่ต้ม ไก่ทอด กับข้าวสวยร้อนๆ บรรยากาศตอนเย็นบนภูสอยดาวดูอบอุ่นและสนุกสนาน มีแสงจากตะเกียง กองไฟ มีเสียงทำกับข้าว เสียงพูดคุยเสียงหัวเราะเป็นระยะๆ ผมเดินเล่นรอบๆลานสนจนได้เจอกับเพื่อนใหม่อีกสองคนที่มาจากกรุงเทพ จากการคุยกันทำให้รู้ว่าเขามาเที่ยวเป็นครั้งแรก และลูกหาบก็ไม่เพียงพอ สัมภาระของพวกเขาก็เลยไม่ขึ้นมา คืนนี้เขามีเพียงเต๊นท์กับเสื้อผ้าติดตัว... แค่คิดว่าไม่มีน้ำดื่ม ไม่มีอาหารแล้วยังต้องนอนหนาวในเต๊นท์อีกก็สยองแล้ว ผมเลยเอาอาหารกับเสื้อกันหนาวไปแบ่งให้ นึกไม่ถึงเหมือนกันว่าจากการรู้จักกันโดยบังเอิญจะทำให้ผมกับเขาทั้งสองคนกลายเป็นเพื่อนร่วมทริปเดินเที่ยวด้วยกันในวันต่อมา และยังโทรคุยกันถึงปัจจุบัน
ค่ำคืนนี้ได้นอนซุกใต้ถุงนอนอุ่นๆ ฟังเสียงฝนตกในเต๊นท์ ถึงจะไม่สบายเหมือนนอนที่บ้านหรือนอนที่โรงแรม แต่ก็เป็นบรรยากาศที่ผมชอบที่สุดแล้ว
เช้าวันรุ่งขึ้น ฟ้าเป็นสีเทามัวๆเหมือนเคย ช่วงเช้าดอกหงอนนาคยังหุบอยู่ ไม่เหมาะสำหรับถ่ายรูปเท่าไหร่ ผมกับเพื่อนเดินไปด้านหลังที่ทำการอุทยานซึ่งเป็นทุ่งดอกหงอนนาค และเห็นยอดภูสอยดาวที่มีเมฆสีขาวปกคลุม บริเวณนี้ยังพอมีสัญญานโทรศัพท์ เลยได้เห็นบางคนเดินไปเดินมาเพื่อหาคลื่น เห็นแล้วก็นึกถึงตัวเอง เพราะเวลาผมไปเที่ยวในที่ต่างๆ ผมมักนึกถึงคนที่ผมรู้จักอยู่บ่อยๆ และบางครั้งก็นึกอยากแชร์ความรู้สึกที่ได้เห็นอะไรสวยๆนี้ให้เขาได้เห็นบ้าง
ยอดภูสอยดาว เป็นยอดเขาสูง อยู่ห่างจากจุดกางเต๊นท์กว่า2000เมตร ใครอยากเดินขึ้นไปชมวิวบนนั้นควรเตรียมน้ำและเสบียงติดตัวไปด้วย เพราะทางขึ้นสูงชัน ใช้เวลาเดินนาน แต่ถ้าใครรู้สึกเหนื่อยจากการเดินทางก็มีจุดชมวิวอีกจุดที่อยู่ไม่ไกล เป็นเนินดินที่มีหญ้าปกคลุมอยู่ทางทิศเหนือของศูนย์ พูดง่ายๆคือทางเดินจะเป็นทางวงกลมรอบตัวศูนย์นั่นเอง ระหว่างทางจะเห็นสนบางต้นยืนท้าลม บางต้นล้มลงนอนกับพื้น มีตะไคร่น้ำเกาะแพรวพราว นอกจากนี้ยังมีน้ำตกมอสซึ่งเป็นน้ำตกในเขตประเทศลาว เจ้าหน้าที่บอกว่าเป็นน้ำตกที่สวย แต่ช่วงนี้ฝนตกตลอดทางเดินแฉะและลื่นมาก เลยไม่เปิดให้เข้าไปเพราะอันตราย ผมเลยได้เพียงเดินผ่านไปด้วยความเสียดาย
เดินผ่านป่าสนไม่นานก็ถึงจุดชมวิวด้านทิศเหนือของศูนย์ ซึ่งเป็นเนินดินใกล้กับจุดชมพระอาทิตย์ตก จากจุดนี้มองไม่เห็นอะไรเลยนอกจากหมอกขาวๆ เจ้าหน้าที่บอกว่าข้างล่างเป็นเหว ถ้าฟ้าเปิดจะเห็นหมู่บ้านคน นอกจากนี้ยังชี้ให้ดูด้านหลังเนินดิน ห่างไปหลายร้อยเมตรมีแหล่งดินโป่งซึ่งเป็นที่อยู่ของหมูป่า ตอนแรกมองยังไงก็ไม่เห็น พอลองใช้กล้องซูมดูเห็นเพียงจุดสีน้ำตาลอยู่บนดินแดง
ที่จุดนี้ผมใช้เวลานานกว่าที่อื่นๆ ยืนมองวิวที่มีเมฆวิ่งผ่าน อากาศเย็นๆแบบนี้ทำให้นึกถึงสถานที่นึงที่อยู่ไกลจากที่นี่หลายร้อยกิโลเมตร ที่นั่นผมเคยนั่งบนหน้าผาหย่อนขาลงในทะเลหมอก มีเมฆสีขาวอยู่ใต้ฝ่าเท้า... ไม่รู้ว่าจะได้มีโอกาสกลับไปที่นั่นอีกไหม
จากภูเขาสู่น้ำตก จากน้ำตกสู่ทุ่งดอกไม้ ภูสอยดาวสวยมากในความคิดของผม เป็นสถานที่ที่ยังบริสุทธิ์ แม้จะมีผู้คนขึ้นไปเที่ยวมากแล้วแต่ยังเป็นคนที่รักในธรรมชาติ รักการเดินทาง และผมเชื่อว่าพวกเขาคงไม่ทำลายความสวยงามนี้ ที่นี่ผมเจอแต่คนมีน้ำใจ มีเสียงทักทายตอนเช้าทั้งๆที่ไม่รู้จักกัน คนแปลกหน้าช่วยกันกางเต๊นท์ ช่วยกันก่อไฟ แบ่งปันอาหารและน้ำดื่ม ทุกครั้งที่ได้เดินทางผมได้ประสบการณ์ดีๆเสมอ และสิ่งที่ดีที่สุดในการเดินทาง คงเป็นการได้พักสมองตนเอง ได้เห็นดอกไม้สวยๆ ได้เห็นป่าชุ่มชื้น ได้อากาศดีๆ
ถ้าไม่เชื่อ ลองไปที่นี่สิครับ....
Create Date : 14 สิงหาคม 2549 |
Last Update : 1 กันยายน 2549 21:59:12 น. |
|
25 comments
|
Counter : 3704 Pageviews. |
|
|
|
โดย: BAYROCKU วันที่: 24 สิงหาคม 2549 เวลา:23:32:20 น. |
|
|
|
โดย: กุมภีน วันที่: 27 สิงหาคม 2549 เวลา:5:42:48 น. |
|
|
|
โดย: วัฌชา วันที่: 27 สิงหาคม 2549 เวลา:14:45:34 น. |
|
|
|
โดย: enuging วันที่: 27 สิงหาคม 2549 เวลา:14:47:24 น. |
|
|
|
โดย: พ่อน้องโจ วันที่: 27 สิงหาคม 2549 เวลา:16:58:17 น. |
|
|
|
โดย: mungkood วันที่: 27 สิงหาคม 2549 เวลา:18:32:35 น. |
|
|
|
โดย: oryzaja วันที่: 27 สิงหาคม 2549 เวลา:23:12:42 น. |
|
|
|
โดย: นายเบียร์ วันที่: 28 สิงหาคม 2549 เวลา:22:21:55 น. |
|
|
|
โดย: yadegari วันที่: 29 สิงหาคม 2549 เวลา:22:37:34 น. |
|
|
|
โดย: man@ (manatto ) วันที่: 30 สิงหาคม 2549 เวลา:10:15:15 น. |
|
|
|
โดย: yyswim วันที่: 30 สิงหาคม 2549 เวลา:12:02:57 น. |
|
|
|
โดย: ตะเกียงลาน วันที่: 31 สิงหาคม 2549 เวลา:8:44:43 น. |
|
|
|
โดย: zmen วันที่: 1 กันยายน 2549 เวลา:10:43:50 น. |
|
|
|
โดย: ปอมปอม วันที่: 3 กันยายน 2549 เวลา:10:22:37 น. |
|
|
|
โดย: GoE Online วันที่: 26 กันยายน 2550 เวลา:8:00:11 น. |
|
|
|
โดย: Ona IP: 119.42.71.169 วันที่: 14 ธันวาคม 2551 เวลา:1:08:09 น. |
|
|
|
โดย: ชะเอม IP: 102.1.82.1, 118.175.82.96 วันที่: 14 พฤษภาคม 2554 เวลา:15:39:47 น. |
|
|
|
|
|
|
|
และแล้วเราก็มีทางเลือกดีๆ ที่ลงเหมาะๆ สำหรับหน้าหนาวนี้อีกที่นึง ;)