ชีวิตนี้เป็นของตัวเอง ขอใช้มันให้มีความสุขและคุ้มค่าที่สุด...........
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2549
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
14 สิงหาคม 2549
 
All Blogs
 
สายหมอกและดอกไม้... ภูสอยดาว



กระดุมเงินขาวพราวพร่าง
หยดน้ำค้างพร่างพราว
กระดุมทองสุกสกาว
เหลืองวับวาวราวทองคำ

ดอกสีเหลือง เอื้องนวลจันทร์
สีม่วงนั้น ดุสิตา
อีกหงอนนาคพลิ้วไปมา
จวบเพลาสิ้นแสงแห่งตะวัน

..... ดอกหงอนนาค ภูสอยดาว....




*************************
หลังจากวางแผนไว้เกือบเดือน เดินทางมาค้างที่จ.อุตรดิตถ์1คืน ก่อนตื่นตอนตี5เดินทางไปอ.น้ำปาด เช้าของวันที่ 12 สิงหาคม ผมก็มายืนอยู่หน้าที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูสอยดาวพร้อมกับเพื่อนร่วมเดินทาง
ผมกับเพื่อนช่วยกันนำเป้สัมภาระที่บรรจุน้ำดื่มและเสบียงลงจากท้ายรถ เพื่อติดต่อขออนุญาติเดินขึ้นภูสอยดาวกับทางเจ้าหน้าที่ เพื่อนร่วมทริปคราวนี้คือเพื่อนร่วมรุ่นเรียนเชียงใหม่มาด้วยกัน นั่นทำให้ผมเบาใจเรื่องอาหารการกินและที่ซุกหัวนอน เพื่อนกลุ่มนี้เคยเดินขึ้นเขาลงห้วยมาด้วยกัน ทริปวันนี้คงไม่ใช่เรื่องยากอะไร

พวกเราเริ่มออกเดินทางเวลา10.00 น. ผ่านน้ำตกแรกคือน้ำตกภูสอยดาว ซึ่งแบ่งเป็นชั้นต่างๆ 5 ชั้น แค่ชั้นแรกผมก็ทึ่งกับน้ำใสๆเย็นๆจนอยากเอาตัวลงไปแช่ ทางเดินขึ้นภูสอยดาวสวยประทับใจผมมาก ช่วงแรกเป็นทางในป่าดิบชื้นต้องเดินเลียบน้ำตกราวๆหนึ่งชั่วโมง ช่วงนี้ทางเดินแฉะ และลื่น บางครั้งต้องปีนป่ายขอนไม้ ระหว่างทางมีเห็็ดสวยๆ หนอน แมลง ผีเสื้อหลายๆสีให้เห็นอยู่ตลอด ถ้าเป็นคนชอบสังเกตธรรมชาติคงมีความสุขกับการดูเห็ดดูมอสที่ชุ่มชื้น





จากริมน้ำตกเริ่มเข้าสู่ป่าไผ่รกครึ้ม ทางแฉะๆเปลี่ยนเป็นดินสีน้ำตาลดำอัดแน่น บางจุดสูงชัน บางจุดมีบันไดไม้เก่าๆช่วยให้การปีนป่ายไม่ลำบากเกินไป
ที่จุดนี้เองผมได้พักคุยกับลูกหาบอายุประมาณ40คนหนึ่ง ที่แบกของขึ้นมาหนัก28กิโล น้ำเสียงเขาดูหอบเหนื่อย ซึ่งเขาบอกว่าเพราะเป็นทริปแรกของเขาในปีนี้

"ผมเพิ่งผ่าตัดใส่เหล็กที่ขามา มันยังไม่คุ้น" เขาชี้ให้ดูรอยแผลเป็นยาวที่ต้นขาขวา
"หมออนุญาติให้เดินขึ้นด้วยเหรอ" เพื่อนผมถาม
"ก็อย่าบอกหมอ ฝ่าฝืนเอา " เขาตอบยิ้มๆก่อนแบกกระสอบคู่ใจขึ้นบนบ่า สายตามองไปเบื้องหน้า กระสอบนั้นดูเก่าเหมือนถูกใช้งานมาอย่างโชกโชน ซึ่งทำให้ผมหวังว่า...เราสองคนน่าจะได้เจอกันบนนั้น:)






จุดพักแรกของเราอยู่บริเวณ1.5กม.จากที่ทำการอุทยาน บริเวณนี้มีลานหินกว้างหลายเมตร ลูกหาบหลายคนนั่งคุยกัน บางคนควักข้าวห่อออกมากิน มีข้าวกับไข่ดาวดูน่าอร่อย ลุงลูกหาบคนหนึ่งบอกว่า ป่าไผ่ที่ผมเพิ่งเดินผ่านมาชื่อ เนินส่งญาติ และต่อไปจะเป็นเนินปราบเซียน

"เนินนี้มันไกล เหนื่อย พวกคุณค่อยๆเดิน ไม่ต้องรีบ เดินไปพักไป"

ลุงลูกหาบแนะนำ ก่อนดูดบุหรี่ปุ๋ยๆ ผมได้แต่ยิ้มก่อนเดินทางต่อ

เนินปราบเซียนไกลเหมือนที่คิด ก็ไม่รุ้ว่ามีเซียนกี่คนที่โดนปราบ แต่ที่แน่ๆผมเห็นคนโดนเพื่อนทิ้งกลางทาง1คน(ฮา...) ผมเห็นเขาเดินอยู่คนเดียวเลยแวะทักทายทำให้รู้ว่าเพื่อนเขากลุ่มใหญ่เดินล่วงหน้าไปก่อนแล้ว และเขาก็กำลังพยายามเดินตามไป

จากเนินปราบเซียนเข้าสู่เนินป่าก่อ ที่ชื่อป่าก่อเพราะมีต้นก่ออยู่เต็มสองข้างทาง ช่วงนี้ทางเดินราบสบายๆ ก่อนเข้าสู่เนินเสือโคร่ง ที่มีต้นเสือโคร่งและหญ้าคาสูงท่วมหัว ผมใส่เสื้อแขนสั้นมาเลยโดนตัวคุ่นกัดจนมีตุ่มเล็กๆคันๆที่ต้นแขน ถ้าโดนกัด แนะนำว่าอย่าเกาเพราะมันจะกลายเป็นแผลเป็นได้





จากเนินเสือโคร่งจะมีจุดชมวิวที่เห็นเทือกเขาสลับซับซ้อน มีหมอกขาวเคลียยอดเขา และตรงจุดนี้เองที่เห็นเนินมรณะได้ชัดเจน เนินมรณะเป็นเขาหัวโล้นสูงชัน ผมค่อยๆเดินไต่ไปเรื่อยๆ ขาตั้งกล้องเริ่มเป็นภาระทำให้เดินลำบาก แต่พอขึ้นไปถึงจุดสูงสุดของยอดแล้วมองลงมาเห็นภูเขาทั้งลูก เห็นหุบเหวมีเมฆขาวๆมันรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก ป่าหน้าฝนมีเสน่ห์คือสีเขียวและสีขาวที่ชุ่มชื้น อากาศที่แปรปรวนบอกไม่ได้ว่าฝนจะตกหรือแดดจะออก บางครั้งเดินอยู่ดีๆฝนก็เทกระหน่ำลงมาจนคว้าเสื้อกันฝนแทบไม่ทัน



จากเนินมรณะ ผมเดินคลุมเสื้อกันฝนไปอีกประมาณหนึ่งชั่วโมง ข้ามเนินอีกหลายเนิน ผ่านดงดอกลิลลี่ดอย ผ่านดอกเอนอ้าสีชมพู จนถึงจุดที่มีป้ายปักไว้ว่า ยินดีต้อนรับ

ลานสนอยู่เบื้องหน้า... แค่เพียงเอื้อม ถึงตอนนี้ฝนก็ยังไม่ซาลง มีแต่จะเทกระหน่ำลงมาเรื่อยๆ แต่ภาพตรงหน้าที่เห็นทำให้ผมลืมแทบทุกๆอย่าง ลืมความเหนื่อย ลืมความหิว เห็นเพียงทุ่งดอกไม้สีม่วงละลานตา ฝนพาเอาความชุ่มชื้นคืนสู่ผืนป่า ดอกไม้เล็กๆปลิวลู่ลม ราวกับหยอกเย้ากับต้นหญ้า ผมยืนอยู่ตรงนั้นเนิ่นนานจนฝนเริ่มซา



ชั่วเวลาไม่นานหลังจากเม็ดฝนหยุดลง ฟ้าสีเทาก็เริ่มเปลี่ยนสี หมอกสีขาววิ่งผ่านทิวสน ตัดกับทุ่งดอกไม้สีม่วง ทุกอย่างดูสวยมากๆจนผมรู้สึกว่าที่นี่เหมือนทุ่งสวรรค์ มันคงเป็นโชคดีของผมที่ได้มาที่นี่ในช่วงเวลานี้พอดี...





หลังจากเก็บภาพดอกไม้จนพอใจ ผมก็เก็บกล้องกับขาตั้งเดินไปที่จุดกางเต๊นท์ ช่วงที่ผมมาเป็นช่วงวันหยุดสามวัน เลยมีนักท่องเที่ยวมาก ที่ดูคร่าวๆก็ประมาณ200 คน ผมกับเพื่อนช่วยกันกางเต๊นท์ คลุมฟลายชีทกันฝน บางทีคืนนี้ฝนอาจจะตกหนัก...

บนภูสอยดาวมีจุดท่องเที่ยวหลายแห่ง ทั้งน้ำตกสายทิพย์ จุดชมพระอาทิตย์ตก จุดชมพระอาทิตย์ขึ้น หลักบอกเขตแดนไทย-ลาว แต่ละจุดอยู่ห่างกันพอสมควร ซึ่งผมกับเพื่อนตกลงว่า จะไปเที่ยวกันในวันรุ่งขึ้น คืนแรกเราจึงได้เพียงไปดูจุดชมพระทิตย์ตกที่เป็นหน้าผา มีหุบเหวกับเทือกเขาที่ถูกบดบังด้วยหมอก ช่วงเวลาที่อยู่บนยอดภู มีฝนตกปรอยๆตลอด ผมไม่เคยได้เห็นพระอาทิตย์เลย เจ้าหน้าที่อุทยานบอกว่า "ถึงฟ้าฤดูฝนที่นี่มีหมอกลงหนา ดูเป็นสีเทาเศร้าๆ แต่ฟ้าฤดูหนาวที่นี่ สวยมากๆ"
บางทีผมอาจได้มาที่นี่อีกครั้งในฤดูหนาว...





ค่ำคืนบนภูสอยดาว อากาศหนาวอย่างที่คิด ผมกับเพื่อนนั่งกินข้าวที่หน้าเต๊นท์ มื้อนี้เรายังชีพด้วยอาหารง่ายๆอย่างไข่ต้ม ไก่ทอด กับข้าวสวยร้อนๆ บรรยากาศตอนเย็นบนภูสอยดาวดูอบอุ่นและสนุกสนาน มีแสงจากตะเกียง กองไฟ มีเสียงทำกับข้าว เสียงพูดคุยเสียงหัวเราะเป็นระยะๆ ผมเดินเล่นรอบๆลานสนจนได้เจอกับเพื่อนใหม่อีกสองคนที่มาจากกรุงเทพ จากการคุยกันทำให้รู้ว่าเขามาเที่ยวเป็นครั้งแรก และลูกหาบก็ไม่เพียงพอ สัมภาระของพวกเขาก็เลยไม่ขึ้นมา คืนนี้เขามีเพียงเต๊นท์กับเสื้อผ้าติดตัว...
แค่คิดว่าไม่มีน้ำดื่ม ไม่มีอาหารแล้วยังต้องนอนหนาวในเต๊นท์อีกก็สยองแล้ว ผมเลยเอาอาหารกับเสื้อกันหนาวไปแบ่งให้ นึกไม่ถึงเหมือนกันว่าจากการรู้จักกันโดยบังเอิญจะทำให้ผมกับเขาทั้งสองคนกลายเป็นเพื่อนร่วมทริปเดินเที่ยวด้วยกันในวันต่อมา และยังโทรคุยกันถึงปัจจุบัน

ค่ำคืนนี้ได้นอนซุกใต้ถุงนอนอุ่นๆ ฟังเสียงฝนตกในเต๊นท์ ถึงจะไม่สบายเหมือนนอนที่บ้านหรือนอนที่โรงแรม แต่ก็เป็นบรรยากาศที่ผมชอบที่สุดแล้ว






เช้าวันรุ่งขึ้น ฟ้าเป็นสีเทามัวๆเหมือนเคย ช่วงเช้าดอกหงอนนาคยังหุบอยู่ ไม่เหมาะสำหรับถ่ายรูปเท่าไหร่ ผมกับเพื่อนเดินไปด้านหลังที่ทำการอุทยานซึ่งเป็นทุ่งดอกหงอนนาค และเห็นยอดภูสอยดาวที่มีเมฆสีขาวปกคลุม บริเวณนี้ยังพอมีสัญญานโทรศัพท์ เลยได้เห็นบางคนเดินไปเดินมาเพื่อหาคลื่น เห็นแล้วก็นึกถึงตัวเอง เพราะเวลาผมไปเที่ยวในที่ต่างๆ ผมมักนึกถึงคนที่ผมรู้จักอยู่บ่อยๆ และบางครั้งก็นึกอยากแชร์ความรู้สึกที่ได้เห็นอะไรสวยๆนี้ให้เขาได้เห็นบ้าง





ยอดภูสอยดาว เป็นยอดเขาสูง อยู่ห่างจากจุดกางเต๊นท์กว่า2000เมตร ใครอยากเดินขึ้นไปชมวิวบนนั้นควรเตรียมน้ำและเสบียงติดตัวไปด้วย เพราะทางขึ้นสูงชัน ใช้เวลาเดินนาน แต่ถ้าใครรู้สึกเหนื่อยจากการเดินทางก็มีจุดชมวิวอีกจุดที่อยู่ไม่ไกล เป็นเนินดินที่มีหญ้าปกคลุมอยู่ทางทิศเหนือของศูนย์ พูดง่ายๆคือทางเดินจะเป็นทางวงกลมรอบตัวศูนย์นั่นเอง ระหว่างทางจะเห็นสนบางต้นยืนท้าลม บางต้นล้มลงนอนกับพื้น มีตะไคร่น้ำเกาะแพรวพราว นอกจากนี้ยังมีน้ำตกมอสซึ่งเป็นน้ำตกในเขตประเทศลาว เจ้าหน้าที่บอกว่าเป็นน้ำตกที่สวย แต่ช่วงนี้ฝนตกตลอดทางเดินแฉะและลื่นมาก เลยไม่เปิดให้เข้าไปเพราะอันตราย ผมเลยได้เพียงเดินผ่านไปด้วยความเสียดาย



เดินผ่านป่าสนไม่นานก็ถึงจุดชมวิวด้านทิศเหนือของศูนย์ ซึ่งเป็นเนินดินใกล้กับจุดชมพระอาทิตย์ตก จากจุดนี้มองไม่เห็นอะไรเลยนอกจากหมอกขาวๆ เจ้าหน้าที่บอกว่าข้างล่างเป็นเหว ถ้าฟ้าเปิดจะเห็นหมู่บ้านคน นอกจากนี้ยังชี้ให้ดูด้านหลังเนินดิน ห่างไปหลายร้อยเมตรมีแหล่งดินโป่งซึ่งเป็นที่อยู่ของหมูป่า ตอนแรกมองยังไงก็ไม่เห็น พอลองใช้กล้องซูมดูเห็นเพียงจุดสีน้ำตาลอยู่บนดินแดง



ที่จุดนี้ผมใช้เวลานานกว่าที่อื่นๆ ยืนมองวิวที่มีเมฆวิ่งผ่าน อากาศเย็นๆแบบนี้ทำให้นึกถึงสถานที่นึงที่อยู่ไกลจากที่นี่หลายร้อยกิโลเมตร ที่นั่นผมเคยนั่งบนหน้าผาหย่อนขาลงในทะเลหมอก มีเมฆสีขาวอยู่ใต้ฝ่าเท้า... ไม่รู้ว่าจะได้มีโอกาสกลับไปที่นั่นอีกไหม

จากภูเขาสู่น้ำตก จากน้ำตกสู่ทุ่งดอกไม้ ภูสอยดาวสวยมากในความคิดของผม เป็นสถานที่ที่ยังบริสุทธิ์ แม้จะมีผู้คนขึ้นไปเที่ยวมากแล้วแต่ยังเป็นคนที่รักในธรรมชาติ รักการเดินทาง และผมเชื่อว่าพวกเขาคงไม่ทำลายความสวยงามนี้ ที่นี่ผมเจอแต่คนมีน้ำใจ มีเสียงทักทายตอนเช้าทั้งๆที่ไม่รู้จักกัน คนแปลกหน้าช่วยกันกางเต๊นท์ ช่วยกันก่อไฟ แบ่งปันอาหารและน้ำดื่ม ทุกครั้งที่ได้เดินทางผมได้ประสบการณ์ดีๆเสมอ
และสิ่งที่ดีที่สุดในการเดินทาง คงเป็นการได้พักสมองตนเอง ได้เห็นดอกไม้สวยๆ ได้เห็นป่าชุ่มชื้น ได้อากาศดีๆ


ถ้าไม่เชื่อ ลองไปที่นี่สิครับ....






Create Date : 14 สิงหาคม 2549
Last Update : 1 กันยายน 2549 21:59:12 น. 25 comments
Counter : 3704 Pageviews.

 
ขอบคุณมากครับสำหรับภาพสวยๆ กับบทความดีๆ เข้ามาอ่าน+ดูทีไร อยากออกไปเดินทางท่องเที่ยวทู้กกกที ^^

และแล้วเราก็มีทางเลือกดีๆ ที่ลงเหมาะๆ สำหรับหน้าหนาวนี้อีกที่นึง ;)


โดย: BAYROCKU วันที่: 24 สิงหาคม 2549 เวลา:23:32:20 น.  

 
รูปภาพสวย
แต่คำบรรยายสวยกว่าครับ

ซักวันคงได้ไป ลุงไม้ สู้ สู้


โดย: ไม้หลักปักมั่นคง วันที่: 25 สิงหาคม 2549 เวลา:14:58:59 น.  

 
ตามมาจากBP มาดูค่ะ ไม่เคยไปภูสอยดาวค่ะ
รูปสวย....เรื่องเล่าดีค่ะ

เห็นรูปแล้วคิดถึงดอยอินทนนกับภูกระดึงค่ะ.....



โดย: Sweety-around-the-world วันที่: 25 สิงหาคม 2549 เวลา:19:08:11 น.  

 


ภาพสวยจังค่ะ

ชอบภาพโทนฟ้า ดูอบอุ่นดีจัง

โมไม่เคยไปเหมือนกันค่ะ ขอบคุณที่แวะไปหากันนะคะ


โดย: Love U forever. วันที่: 25 สิงหาคม 2549 เวลา:20:00:55 น.  

 
กะ .. กะ .. กรี๊ดดดดด ภาพสวยมากกกกกก
แบบนี้เข้าตำรากล้องแจ่ม คนหลังกล้องก็แจ่ม [^^]b

เห็นแล้วน่าไปสุดๆ ... โอ๊ย T___T อยากไปบ้าง

ทำไมรู้สึกว่าตัวเองมีข้ออ้างให้ชีวิตเยอะจัง
อะไรที่อยากทำกลับไม่ได้ทำ อะไรที่ไม่อยากทำกลับต้องมานั่งทำ


โดย: สาวแว่นเลี้ยวซ้าย วันที่: 26 สิงหาคม 2549 เวลา:19:29:21 น.  

 
หวัดดีครับ

เห็นรูปเห็นบรรยากาศแล้วกระตุ้นอารมณ์อยากเดินป่าขึ้นมาทันที

ไม่ได้เดินป่านานแล้วครับ

หลังจากเรียนจบ..งานรุมอ่ะครับ


โดย: กุมภีน วันที่: 27 สิงหาคม 2549 เวลา:5:42:48 น.  

 
รูปสวยมากเลยค่ะ เกือยจะได้ไปภูสอยดาวตั้งหลายครั้งค่ะ แต่ยังไม่ได้ไปสักที


เวลาว่างๆ ชอบไปเที่ยวแบบนี้เหมือนกันค่ะ(แต่ถ่ายรูปได้ไม่สวย แหะๆ) ทีอึดที่สุดที่เคยเอจคือ ภูกระดึงค่ะ แต่ก็คุ้มค่านะ ครั้งนึงในชีวิต

ส่วนน้ำตกที่สวยที่สุดเท่าที่เคยไป น้ำตกแม่สุรินทร์ ค่ะ เคยไปรึยังคะ ทางเข้าไปขึ้นเขาเกือบ 10 โลแต่สวยจริงๆ

ทะเป็นทเลที่สวยที่สุด เรายกให้หมู่เกาะแม่สุรินทรืค่ะ ไปดำน้ำ ปะการังสวยมาก

ปล ขอบคุนที่ไปทักทายที่บล็อกนะคะ


โดย: วัฌชา วันที่: 27 สิงหาคม 2549 เวลา:14:45:34 น.  

 
เห็นแล้วเย็นยะเยือก
ซักวัน จะไปบ้าง


โดย: enuging วันที่: 27 สิงหาคม 2549 เวลา:14:47:24 น.  

 
เกิดมายังไม่เคยไปภูสอยดาวเลยครับ สวยจริงๆ แต่ละรูปที่เอามาลงทำให้รู้สึกว่าธรรมชาติช่างยิ่งใหญ่และช่างสร้างสรรค์อะไรที่สวยงามบนโลกนี้ได้อย่างเหลือเชื่อจริงๆครับ

เอ...เจ้าตัวคุ่นเนี่ยเป็นยังไงเหรอครับ

ดูรูปและอ่านจนจบแล้วรู้สึกอยากไปเที่ยวมากๆเลยครับ


โดย: พ่อน้องโจ วันที่: 27 สิงหาคม 2549 เวลา:16:58:17 น.  

 
สวยยังกะสวรรค์แน่ะ


โดย: mungkood วันที่: 27 สิงหาคม 2549 เวลา:18:32:35 น.  

 
สวัสดีค่ะโหสวยมากๆๆเลยค่ะดูภาพแล้วเหมือนได้ไปจริงๆอย่างนั้นเลยค่ะ ภาพสวยมากค่ะอยากไปจริงๆจังเลยค่ะแวะมาดึกๆค่ะ ไม่รู้ จขบ หลับหรือยัง ขอให้นอนหลับฝันดีนะคะ


โดย: oryzaja วันที่: 27 สิงหาคม 2549 เวลา:23:12:42 น.  

 
ขอบคุณมากๆๆๆครับ สำหรับภาพถ่ายสวยๆๆ ผมคงไม่มีโอกาสไปดูจนกว่าจะหายดี มีอุบัติเหติหลังจากหลายป่วยครับ

เรื่องช่วยนก แหมเพื่อนทำไมว่าคุณบ้าละครับ ออกจะเป็นเรื่องดีที่ได้ช่วยชีวิตสัตว์โลก คุณเป็นคนมีเมตตามากครับ

ปล.ขอบคุณที่ไปเยี่ยมไข้ครับ


โดย: นายเบียร์ วันที่: 28 สิงหาคม 2549 เวลา:22:21:55 น.  

 
สวยมากเลยค่ะ

สวยมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


โดย: yadegari วันที่: 29 สิงหาคม 2549 เวลา:22:37:34 น.  

 
อาทิตย์หน้า(วันที่ 8) ผมและเพื่อน ๆ จะไปลุยกัน
เสียดายไม่ได้ไปด้วยกัน
ไว้คราวหน้าก็แล้วกัน

รูปสวยมาก ๆ


โดย: man@ (manatto ) วันที่: 30 สิงหาคม 2549 เวลา:10:15:15 น.  

 
โอยยย สวยมากครับ ภูสอยดาว

ดีใจแทนหมอที่เจอบรรยากาศสวยๆ บริสุทธิ์ แถมยังได้มิตรกลับมาด้วย สำหรับผมคงมีโอกาสน้อยที่จะไป ใช้อ่านเอา หรือดูจากสารคดีในทีวีแทนละกัน


โดย: yyswim วันที่: 30 สิงหาคม 2549 เวลา:12:02:57 น.  

 
ภาพสวยชวนไปคะ


โดย: รักการ์ตูนทิงทัย วันที่: 31 สิงหาคม 2549 เวลา:2:19:30 น.  

 
ถ่ายทอดความงดงามของธรรมชาติได้ดีมากครับ


โดย: ตะเกียงลาน วันที่: 31 สิงหาคม 2549 เวลา:8:44:43 น.  

 
รูปสวยมากๆ กำลังจะไปเร็วๆนี้เหมือนกัน


โดย: zmen วันที่: 1 กันยายน 2549 เวลา:10:43:50 น.  

 
ได้บรรยากาศมากเลยคับ บรรยากาศของป่าเขา และสายหมอก เฮ้อ ไม่ได้สัมผัสมันมานานแล้วเหมือนกัน คิดถึงขึ้นมาตะหงิดๆ


โดย: ปอมปอม วันที่: 3 กันยายน 2549 เวลา:10:22:37 น.  

 
ถ่ายภาพได้สวยมาก ๆ

เห็นภาพบรรยากาศภูสอยดาวแล้ว อยากกลับไปเยือนอีกสักครั้ง


โดย: blueblood@มาทุกวัน!!!! ^o^ วันที่: 17 กันยายน 2549 เวลา:16:30:57 น.  

 
คิดถึงดอกหงอนนาคจัง เคยไปยังจำได้ตอนที่เดินขึ้นเนินปราบเซียน เห็นที่ราบทุ่งสน หายเหนื่อย ถึงแม้ต้องเดินอีกซักพักทำให้รักพื้นราบขึ้นอีกเยอะ รูปถ่ายทำให้ภาพทริปนั้นกลับมาเป็นฉากๆเลยค่ะ ถ่ายแต่ละจุดเป็นส่วนที่ประทับใจทั้งนั้นเลย
เข้าใจการมองผ่านหมอก ยืนล้อมหม้อข้าว เต้นฟุตเวิร์กร้องเพลงควันออกปากเพราะมันเย็นมาก จำไม่ได้เลยว่ามีตอนไหนที่ไม่เปียก นอนเต้นเบียดกัน 4 คนยังหนาวเพราะวางเต้นท์บนธารน้ำซะนี่
จำได้ว่าตอนเดินกลับถึงพื้นราบขาแข้งอ่อนเลย ถ้ามีโอกาสอยากไปอีกครั้ง แต่สังขารย่ำแย่ แค่ไปดูน้ำตก 400 เมตรยังเดี้ยง เฮ้อ ขอส่งบล็อกนี้ไปให้เพื่อนร่วมทริปดูด้วยนะคะ แล้วก็ขออนุญาติ แอดบล็อกด้วยเลย อิอิ

Photobucket - Video and Image Hosting


โดย: จังไม (ทำไมต้องล็อกอิน ) วันที่: 21 มกราคม 2550 เวลา:20:58:37 น.  

 
นายเยี่ยมมาก .......


โดย: -*-Superbaker วันที่: 22 เมษายน 2550 เวลา:11:30:24 น.  

 
มาเยี่ยมชมแบบขัามปี...


โดย: GoE Online วันที่: 26 กันยายน 2550 เวลา:8:00:11 น.  

 
สวยงามมากมาย ขอบคุนที่ทำหั้ยไ้ได้พบเจอสิ่งดีๆๆ


โดย: Ona IP: 119.42.71.169 วันที่: 14 ธันวาคม 2551 เวลา:1:08:09 น.  

 
สวยมากเราไปมาแล้วอากาศดีมากๆดูทีไรหายใจได้เต็มปอดทุก...หายเหนื่อยเลยเรา


โดย: ชะเอม IP: 102.1.82.1, 118.175.82.96 วันที่: 14 พฤษภาคม 2554 เวลา:15:39:47 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Carlziess Lens
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




"a man is not where he lives,bus where he loves.. ...."

Friends' blogs
[Add Carlziess Lens's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.