แคมป์จอมโจร

 
กุมภาพันธ์ 2554
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728 
 
11 กุมภาพันธ์ 2554
 

ร้านของชำ(โชว์ห่วย) อย่างยั่งยืน

เหนื่อยแทนครับ กับ "ร้านค้าปลีกดั้งเดิม"
ผมว่า ณ ตำแหน่งความนิยม/พึงใจ ของลูกค้า น่าจะเป็นอันดับสุดท้ายเลย

จริงๆ แล้ว ถ้าเราใช้ FIVE FORCE เข้าไปวัดกิจการของพ่อแม่คุณ รวมทั้งวัดไปที่ 7/11 ผมคิดว่า น่าจะช่วยให้มีมุมมองใหม่ และการวางแผนเผื่อไปยังอนาคตด้วย

การที่แต่เดิมนั้น มียอดขาย "หลายพัน" ต่อมา "เหลือไม่ถึงพัน" ผมคืดว่าขนาดของร้านค้า ซึ่งหมายถึง ชนิด/จำนวน สินค้า... ในอดีตนั้นไม่มาก และในปัจจุบัน ยิ่งแล้วไปกันใหญ๋ และถ้าเป็นสินค้าอุปโภค ยิ่งมีรุ่นเก่า ที่ตกรุ่นแล้ว ค้างอยู่ในร้านด้วย
------------------------------------------------

คราวนี้ผมให้ยอดขายแต่เดิม 6,000 บาท สมมุติให้เฉลี่ยยอดซื้อ 1 ครั้ง คือ 30 บาท (7-11 มียอดขายประมาณ 44 บาท/บิล) ดังนั้น 1 วัน จะมีจำนวนการขาย 200 ครั้ง และถ้าสมมุติเปิดร้านระหว่าง 7:00-21:00 น. ดังนั้นจะจำนวนการขายเฉลี่ย 14.29 ครั้ง/ชม. หรือทุกๆ 4 นาที 20 วินาที จะมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการ 1 ครั้ง
----
แต่ ณ ปัจจบัน มียอดขายประมาณ 900 บาท/วัน หรือจำนวนการขาย 30 ครั้ง/วัน, 2.14 ครั้ง/ชม. และ ทุกๆ 28นาที04วิานาที จึงจะมีการขายเกิดขึ้น 1 ครั้ง ......................... ผมคิดว่า เป็นอะไรที่เหนื่อยกาย และใจมาก
-----
** ยอดขายหายไป 85%

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ข้อแนะนำของผมนะครับ

1. เลิกกิจการ หันไปขายอะไรที่เป็น BLUE OCEAN เช่น เปิดเป็นร้านอาหาร ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้ อาหารตามสั่ง ข้าวมันไก่ ข้าวหมูแดง ขนมจีนน้ำยา ก๋วยเต๊๋ยวแย่งกันซด ข้าวแกง แซนวิชฟาร์มเฮ้าส์(สำหรับแซนวิช... เหมาะเฉพาะตอนเช้าครับ และทำเลเป็นนิชมากๆ จึงจะขายได้) เป็นต้น

ซึ่งถ้าพ่อแม่คุณ อายุมากแล้ว อาจจะให้ทำอาหารเบาๆ คือ หนักๆ จบในทีเดียว เช่น ข้าวมันไก่ ข้าวหมูแดง ขนมจีนน้ำเงี้ยว ก๋วยเตี๋ยวคิวนะเพ่! เป็นต้น

ถ้าสนใจคำแนะนำนี้ อาจลองหาสูดรในเว็บไซต์พันทิพย์นี้ได้ หรือ จากเว็บโหระพา เป็นต้น
--------------------------------------------------

2. แต่ถ้าอยากจะดำเนินงานร้านต่อ เพื่อทวงแชมป์ KINGs of THE WORLD (รู้สึกว่าคำนี้ จะฮิตติดปาก มาจาก เจม คาเมรอน)
ก็ต้องปรับปรุง เช่น

1. วิธีบริการ ใบหน้าการแสดงออก ความมีเอกลักษณ์ คำพูดเฉพาะ เช่น YES! I SALE, Thank กิ๊ว, ถ้าเป็นคนที่ใครรู้จักว่า เป็นคนอารมณ์ดี เราก็อาจจะมีมุข
(มุขกับเรื่องตลก มันต่างกันนะครับ มุข---จบสั้นและฝากรอยยิ้มไว้ ส่วนเรื่องตลก---พูดต่อยอดไม่รู้จบ มันช่างน่ารำคาญเสียจริง)
ตัวอย่างเช่น น้ำยาล้างจาน ก่อนหยิบใส่ถุง ก็ทำทีเป็นหันฉลากมาอ่าน ขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วพูด "เขย่าขวดก่อนดื่มทุกครั้งนะ" หรือ ถ้าลูกค้ามาซื้อไข่ ก็บอกเขาว่า "ฟองละ 4 กิโลละ 500" ลูกค้า---"หา!" คนขาย---"กุมภาแระ แต่พี่มาร์ก ไม่ส่งเครื่องชั่งกิโลมาให้ ต้องหาเงินซื้อเอง" เป็นต้นครับ

2. รู้แทนผู้บริโภค เช่น แอทแทคจะเน้นปกป้องกลิ่นอับได้ดีที่สุด, น้ำยาปรับผ้านุ่ม น่าจะเป็นไฮยีนนะ เพราะใช้มาหลายตัวแล้ว แต่ตัวนี้หอมที่สุด กลิ่นติดทนนาน, กะปิ เรอะ ลอง "เนื้อเคย" ยัง อยากบอกว่า "หร่อยจังฮู้",

3. สินค้าต่างๆ ภายในร้าน คุณควรจะมีเฉพาะ 3 BEST หมายถึงว่า สินค้าชนิดนั้นๆ ควรจะเป็นแบรนด์ที่ดังที่สุด เช่น ถ้าพูดถึงผงซักฟอก สิ่งที่ต้องมีก็คือแบรนด์ยอดนิยม เช่น บรีส, โอโม และแอทแทค เป็นต้น คุณต้องเข้าใจว่า แบรนด์อันดับต้นๆ ----> แปรผันโดยตรงกับปริมาณการใช้ของบริโภค แต่ถ้าคุณไม่ทำแบบนี้ แล้ว คุณ ดันวิ่งไปหาสินค้านอกนี้มาวางขาย เช่น แบรนด์ เปา, ซื่อสัตย์, 108Shop เป็นต้น ผมถามว่า คุณจะไปขายใคร ในเมื่อแบรนด์เหล่านี้ อยู่ในกลุ่มผู้บริโภคส่วนน้อย(ซึ่งผมอิง กับความนิยมของยอดขาย) ถึงคุณจะบอกว่าลูกค้าของคุณส่วนใหญ๋ เป็น แม่บ้าน/คนงาน เขาหาของถูก แต่คำพูดนี้ไม่ถูกต้อง คุณรู้มั๊ย ในความต้องการของผู้บริโภค กลุ่มนี้ก็คือ "ถูก" แต่ต้องมีแบรนด์ที่ดี ครับ

4. ร้านคุณนะ สะอาดใหม่ ไฟในร้าน "สว่าง" หรือ "สลัว" คุณรู้มั๊ย ตามหลักจิตวิทยา ไฟที่มีแสงสว่าง จนภาพรอบด้านแจ่มชัด ให้ความรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเป่า แจ่มชัดแจ่มใส
ส่วนไฟสลัว จะให้ความรู้สึกหมองเศร้า เงียบเหงา ขุ่นมัว อารมณ์ไม่แจ่มใส (เฉพาะอาชีพนั้นๆ นะครับ เพราะ ผับ/เธค คงไม่ใช่มั๊ง)
....แล้วร้านคุณ ความสว่างของไฟ อยู่ระดับไหนครับ (โพลต์เมื่อประมาณ 2 ปีก่อน เคยถามความต้องการของผู้บริโภคสูงสุด 5 อันดับแรก รู้มั๊ยครับ ความสว่างสำหรับโพลต์ปีนั้น ถูกจัดให้เป็นอันดับ 1 ครับ, จำไม่ได้แล้ว ว่าโพลส์นั้นเป็นการทำข้อมูล ของที่ไหน

5. สินค้าของคุณ มีเอกลักษณ์บ้างมั้ยครับ หรือ 100 ทั้ง 100 คุณซ้ำกับ 7-11 และ ห้างค้าปลีกหมดเลย (โดยเฉพาะกับ 7-11 ถ้าสินค้า ----> "ซ้ำหมดเลย" นี่เท่ากับ "หมดกัน" นะครับ) ผมขอบอกรายการสินค้าที่ไม่ซ้ำให้บ้างนะครับ เช่น ยาคูลย์, ทิฟฟี่/ดีคอลเจน, ไอติมโบราณ, เครื่องพะโล้, และสำคัญที่สุด ขนมปังแฮนเมด ครับ ชิ้นใหญ่ๆ(ขนมปังที่ตามบ้านเขาทำส่งร้านค้าส่งนั่นแหละครับ มีแบรนด์บ้าง ไม่มีแบรนด์บ้าง)

6. สำหรับรายการสินค้าที่จำเป็นต้องซ้ำชนิดเยอะ ตัวอย่างเช่นขนม วิธีคัดเลือกนะครับ ถ้าเป็นถุงฟรอยด์(ถุงสกรีน มองไม่เห็ขนมข้างใน) ให้เลือกถุงใหญ๋ๆ ครับ ข้างในไม่ต้องสนใจว่าจริงแท้แล้ว จะมากน้อยแค่ไหน สะกิดตัวเองสักนิด ว่าลูกค้า 99.99% ดูขนาดถุงครับ ไม่ดู g. mg. ml. cc. หรอกครับ, และถ้าเป็นถุงใส เห็นขนมภายในนะครับ สิ่งสำคัญก็คือ ขนาดเช่นกัน ครับ ขนมชิ้นใหญ่ จะเอนเอียงอารมร์ผู้บริโภค ให้มาหาง่ายๆ ครับ

7. ของถูกไป ก็เป็นพิษกับร้านค้าได้ครับ ถ้าวัดที่รอบการหมดของสินค้าแล้ว มันนานเป็นสัปดาห์ หรือเดือน เช่น ผงซักฟอก ออล, 108Shop เป็นต้นครับ ผมว่าเป็นพิษ เพราะว่า 1 หน่วยการบริโภค มีราคาที่ถูก และกำไรที่ได้ก็ "ถูกแสนถูก" เช่นกัน หนักกว่า.. กว่าจะกลับมาซ้ำ... เหงือกแห้งเลยครับพี่

8. คุณต้องเป็นตำแทนการซื้อของช่วงโปรโมชั่นแทนลูกค้าครับ หมายถึงว่า ถ้าทุกครั้งเคยซื้อสินค้าชิ้นนั้นที่ราคาปกติ ซื้อเข้ามาให้พอขาย 1 เดือน แต่พอเป็นโปรคุณอาจต้องสั่งมากเป็นพิเศษ ซึ่งเป็นจำนวนสินค้าที่เกิดจาก (ยอดขายปกติ*2 เดือน) + ยอดขายดีจากโปรโมชั่น ตัวอย่างครับ
โดฟ แชมพูขวดเล็ก ปกติ 20 บาท แต่วันหนึ่งเซลล์บอกว่ารอบนี้มีโปรโมชั่น ราคาขายให้ผู้บริโภค เหลือเพียง 15 บาท แถมยังติดราคาขายให้ที่ข้างขวดด้วย เซลล์นำเสนอเช่นนี้ คุณต้องคว้าเลย คุณต้องเป็นตัวแทน นำสินค้าราคาพิเศษมายังผู้บริโภคนะครับ
แน่นอนว่าถ้าคิดกำไรตามอัตราส่วน ย่อมทำให้คุณได้กำไรน้อยลง/หน่วย แต่ถ้าพฤติกรรมการเสนอสินค้าอย่างนี้ของคุณเป็นที่จดจำต่อผู้บริโภคแล้ว ก็ย่อมทำให้ยอดขายที่โตมากขึ้น ชดเชยตรงนี้ไป
*** คุณต้องเป็นตัวแทนนำสินค้าในราคาที่ "โชคดี" มายังผู้บริโภค ครับ

9. ทั้ง 7 รายการนี้ เป็นสิ่งที่คุณต้องรู้ว่า "ต้องให้ก่อน ... แล้วคุณจะได้รับ" ครับ




 

Create Date : 11 กุมภาพันธ์ 2554
3 comments
Last Update : 11 กุมภาพันธ์ 2554 3:48:32 น.
Counter : 10058 Pageviews.

 
 
 
 
ขอบคุณสำหรับเนื้อหาค่ะ

Photobucket

อาหารเย็นมาส่งค่ะ

Photobucket
 
 

โดย: Junenaka1 วันที่: 11 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:17:47:46 น.  

 
 
 
กระทู้นี้เป็น กระทู้ถามตอบนะครับ (พอดีมาเซฟเก็บไว้ในบล็อก)
 
 

โดย: HODEเหลือเกิ้น!!! (HODEมั๊กๆ ) วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:3:12:37 น.  

 
 
 
แบล็คเลเบิ้ล ลิตร//เรดเลเบิ้ล ลิตร//ชีวาส ลิตร
** สามรายการนี้ ไม่ต้องขายครับ เพราะเขาต้องการวางในพื้นที่เกรดสูง ดังนั้นถ้าคิดจะซื้อ เขาจะให้กำไรเดียง 5% เท่านั้นเอง

รีเจนซี่ (กลม)//รีเจนซี่ (แบน)
** สองรายการนี้ ก็เช่นเดียวกันกับเหตุผลข้างบนครับ

ผมแนะนำ เบลนด์//หงษ์ทอง//แสงโสม//100ไพเพอร์ส (เรียงตามลำดับการขายดี)
** ซึ่งทั้งสามรายการเป็นตัวที่ขายดีที่สุด ในขณะที่กำไรนั้นจะอยู่ที่ 12-14%

สำหรับรายการเบียร์คือ ลีโอ//อาชา//ช้าง//ไฮเนเก้น//สิงห์ (เรียงตามลำดับการขายดี)
** ส่วนเบียร์กำไรจะอยู่ที่ 15% ซึ่งกำไรในส่วนนี้จะต้องนำไปหักกับค่าไฟ/น้ำแข็ง สำหรับแช่เบียร์

เหล้าสี ---เหล้าขาว/เสือ (2 ตัวนี้พอ และไม่ควรจะมีเชียงชุ่น หรือ 28ดีกรี เพราะ30คนกินขาว/เสือ ก็ยังมีไม่ถึง 1 คนที่กิน เชียงชุนกับ28ดีกรี)
** ขายดี ขายเป็นกั๊ก และ ก๊ง ยิ่งดีเข้าไปใหญ่

บุหรี่ กรองทิพย์//สายฝน//วอนเดอร์//SMS//LM (ตัวอื่นอย่าไปนึกถึง ถ้าไม่อยากให้ทุนจม ยกเว้นบุหรี่ฝั่งมาเลย์ แต่ส่วนตัวผมไม่ขาย ขนาดบุหรี่ที่ผมแยกขาย ยังมีเฉพาะบุหรี่ไทย)
**กลุ่มนี้กำไรดีต่อเมื่อแยกขาย ซึ่งตัวที่ควรจะแยกขาย

ขนมปังแฮนเมดแบบบ้านๆ โรงงานตึกแถว พวกนี้กำไร 20% เมื่อเปิดร้านแล้วจะเจอกับรถตู้มาเสนอขาย ซึ่งจะมีรถตู้ในกลุ่มที่ไปซื้อจากหลายๆ ที่มาจัดจำหน่าย เจ้าอย่างนี้ "ดี" จบได้ในเจ้าเดียว สำคัญต้องคุยว่าของเสีย ทั้งจาก หมดอายุ/เสียหาย/เสียสภาพ ต้องรับคืนด้วย

ถ้าจะเสริมด้วยสินค้าที่ลูกค้าบริการตัวเองเช่น ตู้เติมเงินมือถือ ก็จะเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง
 
 

โดย: HODEมั๊กๆ วันที่: 27 กรกฎาคม 2555 เวลา:14:44:05 น.  

Name
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Opinion
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet

HODEมั๊กๆ
 
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add HODEมั๊กๆ's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com