หลักการกินหมูกะทะของมืิออาชีพ

ถ้าพูดถึงหมูกะทะทุกท่านจะนึกถึงอะไรครับ สำหรับผมคงจะนึกถึงหมูกะทะนี้แหละจะให้ไปนึกถึงสาวโคโยตี้ก็ดูจะเป็นการไม่ให้เกียรติแก่เหล่าวิญญาณของน้องหมูที่เสียสละตัวเองเพื่อให้เราสุดคุ้มในราคา89บาทต่อหัว(บ้านผมราคานี้น่ะที่อื่นไม่รู้)แต่สงสัยว่าทำไมราคาหมูกะทะต่อหัวต่อคนต้องลงท้ายด้วยเลข9 ที่ผมเขียนเรื่องนี้ขึ้นมาได้ต้องขอบคุณไปยังสาวสวยอารมณ์ดีท่านหนึ่งล็อกอินนามว่า" คานทองเป็นของต้องห้าม" ที่เป็นแรงบันดาลใจนึกเรื่องที่จะเขียนได้ไม่อย่างนั้นผมคงเอาเรื่องโรคจิตๆมาเขียนประจานตัวเองในบล็อกเป็นแน่แท้ ครับวันนี้ผมจะนำเสนอขั้นตอนการทานหมูกะทะให้ได้คุ้ม ถูกวิธีจนน้ำตาของท่านจะไหลพรากๆอาบแก้มดั่งนางเอกละครหลังข่าวตอนโดนพระเอกขืนใจขณะยืนทาสีบ้านอยู่ การกินหมูกะทะต้องใช้ศาสตร์และศิลป์ค่อนข้างสูงไม่มีเปิดสอนตามมหาวิทยาลัย คนจบปริญญาเอกยังไม่สามารถรู้ได้ ซึ่งวิธีที่จะนำเสนอต่อไปนี้ยังไม่ได้การรับรองจากสหประชาชาติ มรดกโลก ยูเนสโก องค์การอาหารและยา องค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (เอ่อ...ไอ้เจ้าของบล็อกถ้ายังเว่อร์อีกเดี๋ยวจะโดนปล่อยไวรัสเข้าคอมฯแล้วน่ะ) มาเถอะครับเรามาศึกษาวิธีที่ผมได้ทำการวิจัยกันเลยดีกว่าครับ

วิธีกินหมูกะทะให้คุ้ม ถูกวิธีจนซาบซึ้งน้ำตาไหลพราก


ในที่นี้ผมจะพูดเป็นข้อๆน่ะครับเพื่อให้ง่ายต่อการศึกษาผลการวิจัยซึ่งได้รับทุน"อด"หนุนจากมหาวิทยาลัยที่ต่างๆเพราะผลการวิจัยไม่ได้ช่วยให้ชีวิตคนดีขึ้นเลย มีแต่ทำตามแล้วจะแย่ลงไปเรื่อยๆ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลางั้นเรามาเริ่มกันที่ข้อแรกเลยดีกว่า




1.ขั้นของการเตรียมสภาพร่างกาย
นี้คือสิ่งสำคัญที่ใครหลายคนมักมองข้ามไป การเตรียมความพร้อมให้กับร่างกายเป็นสิ่งสำคัญที่คนจะไปกินหมูกะทะต้องนึกถึงเป็นอย่างแรก สิ่งที่ควรทำก็คือการงดรับประทานอาหารทุกอย่างเป็นเวลา3วันก่อนการไปกินหมูกะทะเราจะดื่มได้แค่น้ำเปล่า เพราะการทำให้ร่างกายของเราอยู่ในสภาพหิวโซอย่างหนักก่อนถึงเวลากินหมูกะทะจะทำให้เรากินได้เยอะ กินได้หนักหน่วง กินได้ตะกละตะกราม จะเป็นการกินแบบที่เรียกว่ากินชดเชยในช่วง3วันที่อดมา คำเตือนคือในช่วง3วันที่อดอาหารให้เรางดกิจกรรมที่ต้องใช้กำลังทุกอย่างทั้งจู๋จี้กับแฟนเพราะมันอาจจะเลยเถิดจนต้องใช้กำลังทำอย่างอื่นกัน(ผมหมายถึงการกอดกันน่ะ) งดออกไปทำงานยอมโดนไล่ออกว่างั้น ไม่ต้องไปเรียนหนังสือยอมโง่เพื่อหมูกะทะ ที่ผมต้องเตือนก็เพราะว่าการอดอาหารแล้วเรายังใช้กำลังทำกิจกรรมอื่นๆอยู่อาจจะทำให้เราช็อคตายได้ซึ่งผมเป็นห่วงทุกๆท่านจริงๆครับ





2.การแต่งกายให้เหมาะสม
อันนี้หลายคนก็มองข้ามเพราะคิดว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย ถ้าคุณคิดอย่างนั้นคุณคิดผิดอย่างมากครับสิ่งที่จะบอกก็คือไม่ควรแต่งชุดแบบจะไปเที่ยวเมืองหิมะเพราะที่ร้านหมูกะทะมันร้อนน่ะครับ ควรจะพกผ้าเช็ดหน้าติดตัวไปด้วยก็จะดีมากรับรองว่ามีเหงื่อตกแน่นอน อีกเรื่องก็คือการเราใส่เสื่อผ้าฟิตๆกางเกงพอดีกับเอวไปกินหมูกะทะเมื่อเรากินไปมากๆมันจะทำให้ระบบพุงของเราขยายตัวออกมาซึ่งเมื่อพุงเราขยายตัวออกมาแล้วแต่มันไปติดขัดที่เสื้อและกางเกงที่เราใส่มาพอดีตัวมันจะทำให้เรารู้สึกอึดอัด ทั้งที่ใจเรายังสู้แต่สภาพภายนอกไม่เอื้ออำนวยทำให้กินไปได้ไม่เยอะจะแก้ผ้ากินก็ดูไม่ดี ทางที่ดีเราควรแต่งกายโดนเลือกเสื้อที่ใส่ให้มันมีขนาดใหญ่กว่าไซร์เดิมซักหนึ่งเบอร์ กางเกงก็เช่นกันใส่ให้ใหญ่กว่าปรกติซัก1-2เบอร์ ชุดที่เหมาะสมที่สุดในการกินหมูกะทะตามที่ผมได้ทดลองกับตัวมาแล้วนั้นผมยกให้กับชุดคลุมท้องผู้หญิงครับ ใส่สบายได้ทั้งชายและหญิง มีระบบระบายอากาศช่วงล่างอย่างดีด้วย ที่สำคัญราคาไม่แพง





3.เงินในกระเป๋า
แน่นอนอยู่แล้วที่เราจำเป็นจะต้องพกเงินไปด้วยเพราะคงไม่มีร้านหมูกะทะที่ไหนยอมให้เรากินฟรีแน่ๆ บ้างร้านอาจจะยอมให้เรากินติดได้แต่เป็นติดข้างฝาน่ะครับคือโดนเตะไปติดข้างฝาน่ะ ฉะนั้นแล้วเมื่อรู้ว่าต้องพกเงินไปเราควรจะเตรียมให้พร้อม ไม่ควรใช้ธนบัตรต่างชาติเพราะหลายๆร้านไม่รับ ไม่ควรจ่ายค่าหมูกะทะด้วยเงินเหรียญทั้งหมดเพราะอาจจะถูกกล่าวหาว่ากวนได้ สำหรับท่านใดที่คิดมาตั้งแต่บ้านแล้วว่ายังไงมื้อนี้กูต้องกินฟรีก็ไม่จำเป็นต้องพกเงินมาก็ได้ครับเพราะความตั้งใจของท่านสามารถชนะความเกรงใจของตัวเองได้ และที่สำคัญอย่าลืมพกเงินไปให้มากกว่าจำนวนที่จ่ายล่ะแล้วเราจะรู้ได้ไงว่าต้องจ่ายเท่าไร? ถ้าอย่างนั้นก็ให้พกเงินไปกินหมูกะทะอย่างน้อยคนละ20000หมื่นบาทก็ได้ครับชัวแน่ๆ





4.บุคคลที่เดินทางเข้าตีร้านหมูกะทะกับเรา
การจะไปกินหมูกะทะเพียงคนเดียวมันก็ไม่ใช่เรื่องดีซักเท่าไร คนอื่นอาจจะเห็นเราว่าเป็นคนแปลกประหลาดได้ถูกประนามจากสังคม ถูกถ่ายคลิปกินหมูกะทะคนเดียวลงอินเตอร์เน็ตเพราะร้าน-หมู-กะ-ทะ มี4พยางค์ดังนั้นไม่ควรไปกินคนเดียวไม่อย่างนั้นอาจจะเป็นการไม่ให้เกียรติกับร้านหมูกะทะได้เนื่องจากมี4พยางค์(มันเกี่ยวอะไรว่ะ เขียนเองยังงงเอง) บุคคลที่จะไปกินหมูกะทะกับเรานั้นทางสถาบันวิจัยของผมได้ทำการทดลองออกมาแล้วได้ผลว่าควรจะเป็นบุคคลที่เรารู้จักดีในระดับหนึ่งก็เพราะว่า ถ้าเราไปกินหมูกะทะกับพ่อ แม่ พี่ น้อง เพื่อน เราสามารถที่จะกินมูมมาม ตะกละตะกราม เรอเป็นระยะๆได้โดยไม่รู้สึกอายแต่อย่างใดแต่ถ้าเราไปกินกับเพื่อนของเพื่อน แฟน(ย้ำน่ะครับว่าแฟนไม่ใช่สามี ภรรยาคือยังไม่ได้แต่งงาน) มันจะทำให้เราต้องกินแบบมีมาดผู้ดี ค่อยๆย่างค่อยๆจิ้มค่อยๆกินค่อยๆเคี้ยว คือเรามากินน่ะครับไม่ได้มาเรียนเรื่องมรรยาทบนโต๊ะอาหารดังนั้นจะทำให้เรากินได้น้อยเพราะมัวแต่คอยห่วงมาดอยู่ตลอดเวลา อีกสิ่งหนึ่งที่อย่างจะเตือนท่านชายเอาไว้น่ะครับว่าเพื่อนผู้ชายที่พามากินหมูกะทะด้วยควรจะเป็นคนที่เราค่อนข้างจะเชื่อใจได้ในระดับสูงเพราะผลการวิจัยล่าสุดของสถาบันของผมนั้นได้ให้ข้อมูลที่ไม่น่าเชื่อถือว่าเนื้อหมูที่กำลังย่างอยู่มักจะไปทำปฏิกิริยากับน้ำซุปแล้วจะเกิดสารเคมีชนิดหนึ่งเรียกว่า"blackberry" ซึ่งสารชนิดนี้จะไปทำให้โครโมโซมเพศชายเกิดการสับสน มีอาการเบี่ยงเบนทางเพศชนิดรุนแรงและถ้าเพื่อนผู้ชายของเราได้รับสารเคมีblackberryเข้าไปจะทำให้เขาเกิดอาการสนใจเพศชายขึ้นมาในทันที ถ้าตอนนั้นเราเกิดกินมากไปแล้วนั่งเมาหมูกะทะคอพับคออ่อนไม่ได้สติ รับรองว่าท่านจะรู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ตื่นขึ้นมาในห้องนอนเพื่อนชายเองและต้องมานั่งตกลงกับเพื่อนผู้ชายอีกว่าใครจะยอมเป็นผัวใครจะยอมเป็นเมีย
ป.ล.สารชนิดนี้ไม่มีผลกับผู้หญิง(จริงๆขี้เกียจเขียนต่อชักยาวแล้ว)





5.ตรวจเช็คฤกษ์งามยามดีก่อนออกจากบ้านและเลือกเวลามาถึงร้าน
ต้องยอมรับกันก่อนเลยว่าเมืองไทยนั้นมีวัฒนธรรมการดูดวงที่ค่อนข้างแข็งแรง เชื่อถือในเรื่องก่อนจะทำงานใหญ่ควรดูฤกษ์ดีเสียให้เรียบร้อย ก่อนออกจากบ้านมากินหมูกะทะก็เช่นกันเราควรจะเสียสละเวลาซักกะนิดโทรไปสอบถามหรือไปหาหมอดูที่เรานับถือว่าวันไหนเหมาะที่จะไปกินหมูกะทะ ควรออกตอนกี่โมง ต้องถือศีล8ก่อนไปกินไหม โดยวิธีการคำนวณฤกษ์ที่ถูกต้องนั้นผมแนะนำว่าให้เราวัน เดือน ปีเกิดของเจ้ามือที่จะเลี้ยงหมูกะทะกับวัน เดือน ปีเกิดของเจ้าของร้านหมูกะทะมาคำนวณว่าดวงสมพงษ์กันหรือเปล่า อักษรตัวไหนในชื่อเป็นกาลกิณีหรือไม่แนะนำให้เปลี่ยนชื่อไปเลยจะได้ไม่เสียเที่ยว หลังจากได้ฤกษ์งามยามดีแล้วก็เตรียมตัวให้พร้อม สมมุติว่าเราได้ฤกษ์ออกจากบ้านตอน9โมงเช้าแต่ร้านเปิดตอน4โมงเย็นเราก็ต้องออกจากบ้านตอน9โมงเช้าไปนั่งๆนอนๆยืนๆหน้าร้านก่อนหรือจะไปทำอะไรก่อนรอร้านเปิดก็ได้ไม่ว่ากันครับ ส่วนเรื่องที่จะเข้าร้านได้ตอนกี่โมงนั้นไม่จำเป็นแล้วครับเพราะในที่นี้จะเน้นแค่ฤกษ์ออกจากบ้านเท่านั้น มาถึงร้านเร็วก็ได้กินของดีๆ มาถึงร้านช้าของดีๆก็หมด เช่น ถ้าร้านเปิดตอน4โมงเย็นแต่เรามากินที่ร้านตอนเที่ยงคืนของดีๆเด็ดๆมันก็หมดเเล้ว(จริงๆจะมาทำไมครับ ร้านมันน่าจะปิดแล้วน่ะ) ฉะนั้นแล้วฤกษ์ออกจากบ้านกับเวลาที่มาถึงร้านหมูกะทะจำเป็นต้องเอื้ออำนวยซึ่งกันและกันเป็นอย่างมาก ไม่อย่างนั้นแล้วอาจจะเกิดผลร้ายต่อราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกได้(มันเกี่ยวอะไรกันว่ะ)





เอาล่ะครับสำหรับตอนนี้พอแค่นี้ก่อนเดี๋ยวค่อยมาต่อกันต่อหน้าแล้วกัน ยังเหลืออีกเยอะเลย เล่ามาตั้งนานยังไม่ได้เข้าร้านหมูกะทะเลยน่ะเนี๊ย ก็บอกแล้วไงครับว่าการกินหมูกะทะมันต้องใช้ศาสตร์และศิลป์ค่อนข้างสูง ก็หวังว่าท่านผู้อ่านตอนนี้คงเริ่มที่จะน้ำตาคลอเบ้ากันบ้างแล้วน่ะครับ ถ้าติดตามอ่านจนจบน้ำตาของท่านจะไหลพรากกันเลยทีเดียวพร้อมกับบ่นด้วยน้ำเสียงsexyว่า ช่างน่าสงสารพ่อแม่ของเจ้าของบล็อกนี้จริงๆมีลูกชายก็สติไม่ดี 555555 แหม.....ก็ผมแค่อยากจะทำให้ทุกคนมีความสุขก็แค่นั้นเองครับ ก็หวังว่าคงมีอ่ะน่ะ



ป.ล.ขอบคุณที่ตามอ่านมาจนจบตอนนี้น่ะครับ ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยครับ
ป.ล.รักทุกคนครับ

Create Date : 21 มีนาคม 2553 Last Update : 25 กันยายน 2553 1:31:48 น. Counter : 6943 Pageviews.		131 comments
Share Tweet