เรื่องมีอยู่ว่า....
ตอนแรกที่บอกคนรอบข้างว่าจะไปเรียนทำอาหาร ปฏิกิริยาจังหวะแรกที่ได้รับเป็นแบบนี้บางคนถึงขั้นทำแบบนี้ก็มี ทั้งหมดนี่เป็นไปตามคาด จะยกเว้นก็แต่คนที่ยกมือไหว้นั่นแหละ..ว่าทำไมมันถึงขนาดอนุโมทนากันเลยเหรอเนี่ย แต่ก็ไม่แปลกหรอกถ้าดูจากประสบการณ์ที่ผ่านมา เพราะ1. ไม่ได้จับมีดมาสี่ปีแล้ว ตั้งแต่เรียนจบ เพราะมีคนทำให้กิน ไม่ก็ซื้อกินเอาอร่อยกว่า2. เกลียดการล้างจานเป็นอย่างยิ่ง ขนาดที่ว่ากินข้าวทุกวันนี้ ถ้าซื้อมา ก็กินมันทั้งกล่องนั่นแหละ3. (เคย)ทำอาหารกินเองมาหลายปีตอนอยู่เมืองนอก ให้คนกินก็บ่อย ไม่เคยมีคนชมว่าอร่อย แถมเมนูที่เก่งที่สุดคือไข่เจียวอีกต่างหาก อ่านมาถึงตรงนี้ อาจจะสงสัยกันว่า แล้วอะไรมาดลใจให้เรียนทำอาหารล่ะ?เรื่องมันมีอยู่ว่า...แฟนของเพื่อนสนิทคนหนึ่งทำอาหารเก่งมาก มากซะจนขนาดผู้หญิงยังอาย ครั้งล่าสุดที่กลุ่มเพื่อนๆนัดเจอกัน คุณพี่คนนี้ก็จัดการทำอาหารให้เสร็จสรรพ ทั้งอร่อย และน่ากิน ที่น่าเศร้าก็คือ ไม่มีเพื่อนคนไหนรู้เลยว่าอาหารที่กินกันอยู่เนี่ยเขาทำยังไง เพื่อนสนิทอีกราย (สมมติว่าชื่อเมย์แล้วกัน ขืนลงชื่อจริงเดี๋ยวจะหาว่าเอามาขาย) เลยรู้สึกอาจจะละอายใจแกมกดดันเล็กน้อย..เลยคิดขึ้นมาว่า..เอาวะลองไปเรียนทำอาหารกันดูซักครั้งก็แล้วกัน แต่จะไปเรียนคนเดียวมันก็ยังไงอยู่ (อารมณ์ว่าถ้าทำพลาด จะไม่มีคนไปช่วยอายกับมัน) ว่าแล้วเพื่อนเลิฟก็หันมาทางข้าพเจ้าที่กำลังเอามีดหั่นแฮมเบอร์เกอร์ชิ้นโตเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อยแล้วบอกว่า"แก๊..ไปเรียนทำอาหารกับฉันเถอะ" ในตอนนั้นมัวแต่ห่วงกิน ไม่ได้คิดมากเลยตอบรับไปโดยง่าย ไม่ได้คิดเลยซักนิดว่ามันจะเอาจริงวันรุ่งขึ้น เมย์โทรมาแต่เช้า พร้อมกับบอกว่าหาที่เรียนได้แล้วนะ ให้ไปเตรียมเอกสารมาซะ จำได้เลยว่าตอนนั้นคุยมือถือไปก็ทำหน้าประมาณเนี้ย พร้อมกับทำท่าอิดออดเล็กน้อยว่าไม่อยากเรียน เค้าพูดเล่นอ่ะ..วันเสาร์อาทิตย์ขอนอนขึ้นอืดอยู่กะบ้านดีกว่า ขี้เกียจตื่นเช้า และสารพัดจะหามาแก้ตัว แต่สุดท้ายก็ต้องยอมแพ้ด้วยเหตุผลที่เมย์อ้างมาดังนี้1. แกเป็นคนชอบกินอาหารฝรั่ง แกต้องเรียน (เอ่อ..ไม่อยากบอกว่า ฉันชอบกินหมดแหละ ไม่ว่าไทย จีน ฝรั่ง...)2. แกเป็นคนโสด อีกหน่อยใครเขาจะมานั่งหาซื้อหรือทำให้แกกิน เรียนไปเหอะเผื่อตกยาก (ขอบคุณสำหรับกำลังใจ)3. การทำอาหารมันสนุก และจะสนุกมาขึ้นถ้าได้เรียนกับเพื่อนสนิท (ฉันว่ากินสนุกกว่า ยิ่งกินกะเพื่อนยิ่งสนุกสุดๆ)ไอ้ที่อยู่ในวงเล็บน่ะเป็นสิ่งที่อยากพูดแต่ก็ไม่ได้พูด ที่พูดจริงๆตอนนั้นคือ อย่างนี้ "อืมๆ เหรอๆ เอาสิๆ" สุดท้ายก็เลยตกกระไดพลอยโจนลงเรียนทำอาหารครั้งแรกในชีวิตเรื่องมันก็จบลงด้วยประการฉะนี้แล...หลังจากตกปากรับคำไปเรียบร้อย เพื่อนที่แสนดีก็ส่งรายละเอียดสถานที่เรียนมาให้ดู เรื่องสถานที่เรียนและรายละเอียดอื่นๆขอยกไว้ไปเล่าในตอนหน้านะคะคราวหน้าจะเล่าให้ฟังว่าขั้นตอนสมัครต้องทำยังไงบ้าง ติดตามอ่านกันด้วยน้า...