วิเศษจริง ๆ เล้ย...คำวิเศษณ์ (Adverb)
Adverb หรือ คำวิเศษณ์ คือ คำที่ใช้ขยายกริยา (verb) ขยายคุณศัพท์ (adj.) หรือขยายวิเศษณ์ (adv.) ด้วยกันเอง เช่น ขยายกริยา วางไว้หลังกริยา เช่น The old woman walks slowly. (slowly เป็น Adverb วางไว้หลังกริยา walks)
ขยายคุณศัพท์ วางไว้หน้าคุณศัพท์ Saensak is very strong. (very เป็น Adverb วางไว้หน้าคุณศัพท์ strong)
ขยายกริยาวิเศษณ์ วางไว้หน้ากริยาวิเศษณ์ The train runs very fast. (very เป็น Adverb จึงวางไว้หน้า Adverb "fast")
ชนิดของคำวิเศษณ์
Adverb แบ่งออกเป็นหมวดใหญ่ ๆ ได้ 3 หมวด คือ
1. Simple Adverb = กริยาวิเศษณ์สามัญ 2. Interrogative Adverb = กริยาวิเศษณ์คำถาม 3. Conjunctive Adverb = กริยาวิเศษณ์สันธาน
Simple Adverb
Simple Adverb คือ กริยาวิเศษณ์ที่ใช้ขยายกริยา ขยายคุณศัพท์และขยายกริยาวิเศษณ์ด้วยกันเองก็ได้ simple adverb แบ่งเป็นหมวดเล็ก ๆ ได้ 6 หมวด คือ
1) Adverb of Time คือ กริยาวิเศษณ์บอกเวลาได้แก่คำว่า now,ago,then,already,soon.late.before. after.since.yesterday.tomorrow.today, every day.every week.etc.
เช่น I must go now. ฉันจะต้องไปเดี๋ยวนี้
Somsri bouhgt a book yesterday. สมศรีซื้อหนังสือเล่มหนึ่งเมื่อวานนี้
2) Adverb of Place คือ กริยาวิเศษณ์บอกสถานที่ ได้แก่คำว่า near, far, in, out, here, there, inside, outside, outside, etc
เช่น He goes there twice a day. เขาไปที่นั้นวันละ 2 ครั้ง
We have to stay here today. พวกเราจะต้องพักอยู่ที่นี่วันนี้
The manager has just gone out when you come in. ผู้จัดการเพิ่งจะออกไปข้างนอก ตอนคุณเข้ามาเข้าใน
3) Adverb of Frequencyคือ กริยาวิเศษณ์บอกความสม่ำเสมอได้แก่คำว่า always,often,seldom,hardly,once, twice,again,sometimes,usually,rarely, frequently.lately.etc.
เช่น He always goes to the cinema after school. เขาไปดูหนังเสมอ ๆ หลังจากเลิกโรงเรียนแล้ว
4) Adverb of Manner คือ กริยาวิเศษณ์บอกกริยาอาการได้แก่คำว่า well,sowly,quickly,fast, probably,certainly,etc.
เช่น He speaks Thai well. เขาพูดไทยได้ดีมาก
Why do you walk so quickly? ทำไมคุณจึงเดินเร็วนัก?
5) Adverb of Quantity คือ กริยาวิเศษณ์บอกปริมาณมากน้อย ได้แก่คำว่า many.much.very. too.quite.rather.etc,
เช่น This question is very easy. คำถามนี้ง่ายมาก
She loves me very much. หล่อนรักผมมาก
6) Adverb of Affirmation or Negation คือ กริยาวิเศษณ์บอกการรับหรือปฏิเสธ ได้แก่คำว่า yes, no ,not, not at all
เช่น Do you understand me? Yes, I do. คุณเข้าใจผมไหม? ครับ ผมเข้าใจ
Does he come here every day? No, he doesn't. เขามาที่นี่ทุกวันหรือ? เปล่า เขาไม่มา
Interrogative Adverb
คือ กริยาวิเศษณ์ที่ใช้ขยายกริยาเพื่อให้เป็นคำถาม ซึ่งบางคำก็เป็นคำ ๆ เดียว บางคำก็เป็นคำผสมกริยาวิเศษณ์ คำถามเวลาพูดหรือเขียนต้องวางไว้ต้นประโยคเสมอ แบ่งออกเป็นหมวดเล็ก ๆ ได้ 6 หมวด คือ
1) บอกเวลา (Time) ได้แก่คำว่า When (เมื่อไร) How long (นานเท่าไร)
เช่น When will he come here again? Next Year. เมื่อไหร่เขาจะมาที่นี่อีก? ปีหน้า
How long have you been here? For five years. คุณได้มาอยู่ที่นี่นานเท่าไรแล้ว? เป็นเวลา 5 ปีแล้ว
2) บอกสถานที่ (Place) ได้แก่คำว่า When (ที่ไหน)
เช่น Where does he live? He lives in Bangkok. เขาอยู่ที่ไหน? เขาอยู่ในกรุงเทพฯ
3) บอกจำนวน (Number) ได้แก่คำว่า How many (มากเท่าไร) How ofter (กี่ครั้ง)
เช่น How often does she come here? หล่อนมาที่นี่บ่อยไหม? (หมายถึงกี่ครั้ง)
How many books has he? Ten. เขามีหนังสือมากเท่าไร? 10 เล่ม
4) บอกกริยาอาการ (Manner) ได้แก่คำว่า How (อย่างไร)
เช่น How do you do this? คุณทำสิ่งนี้ได้อย่างไร
How does she come here? หล่อนมาที่นี่ได้อย่างไร
5) บอกปริมาณ (Puantity) ได้แก่คำว่า How much (มากเท่าไร)
เช่น How much do you pay? คุณจ่ายมากเท่าไร
How much is it? ราคาเท่าไร?
6) บอกเหตุผล (Reason) ได้แก่คำว่า Why (ทำไม)
เช่น Why do they go to Hong Kong every day? ทำไมพวกเขาจึงไปฮ่องกงทุก ๆ วัน?
Why doesn't she love you? ทำไมหล่อนจึงไม่รักคุณ?
Conjunctive Adverb
คือ กริยาวิเศษณ์ที่ใช้เป็นคำเชื่อม ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีว่ากริยาวิเศษณ์ตัวนี้จะทำหน้าที่เชื่อมประโยคหน้า และประโยคหลังให้สัมพันธ์กัน
ได้แก่ why,where, when,how,whenever, while,as,wherever,etc.
สรุปแล้ว comjunctive adverb นี้ก็ทำหน้าที่ 2 อย่าง คือ เป็นทั้งกริยาวิเศษณ์และสันธานไปพร้อมกัน
เช่น I know what you did yesterday. ผมรู้ว่า คุณทำอะไรเมื่อวานนี้ (what เป็น conjunctive adverb)
He knows how I go there. เขารู้ว่าผมไปที่นั่นได้อย่างไร (how เป็น conjunctive adverb)
Do as I told you. จงทำตามที่ผมบอกคุณนั่นแหละ (As เป็น conjunctive adverb)
He will go wherever she goes. เขาจะไปที่ไหนก็ได้ที่หล่อนไป (wherever เป็น conjunctive adverb)
My aunt likes to visit me whenever I am at home. ป้าของผมไปเยี่ยมผมอยู่บ้าน (whenever เป็น conjunctive adverb)
รูปศัพท์หรือแหล่งกำเนิด ของ Adverb
Adverb มีรูปศัพท์หรือแหล่งกำเนิดมาจากคำต่าง ๆ ได้ดังต่อไปนี้ คือ 1. ยืมคำนามมาใช้เป็น adverb ได้ เช่น Daily ประจำวัน , รายวัน Sometimes บางครั้ง Week, month, etc. สัปดาห์ , เดือน , เป็นต้น
2. มีรูปของตนเองมาโดยกำเนิด จะต่อเติมหรือตัดออกแม้เพียงส่วนใดส่วนหนึ่งไม่ได้ ได้แก่คำว่า here, there, hard, always, well, too, early, seldom,etc.
3. มีรูปมาจากการรวบรวมบุรพบทเข้ากับนาม แล้วนำมาใช้เป็น adverb ได้ ได้แก่คำต่อไปนี้ to + day = today วันนี้ to + morrow = tomorrow วันพรุ่งนี้ in + side = inside ข้างใน out + side = outside ข้างนอก
4. มีรูปมาจากการเติม A เข้าข้างหน้านามหรือกริยา แล้วนามหรือกริยาตัวนั้น นำมาใช้เป็นกริยาวิเศษณ์ได้ ได้แก่คำต่อไปนี้ a + way = away ไม่อยู่,จากไป,ไกลออกไป a + go = ago ล่วงมาแล้ว a + bed = abed บนเตียง a + foot = afoot ด้วยเท้า,โดยเท้า a + live = alive มีชีวิตอยู่
5. มีรูปแบบมาจากคุณศัพท์โดยการเติมปัจจัย ly ลงข้างท้าย แล้วคุณศัพท์ตัวนั้นก็จะกลับกลายเป็น Adverb ไปทันที แต่การเติม ly เป็นปัจจัยหลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี้คือ
5.1 ถ้า Adjective ลงท้ายด้วย y และหน้า y เป็นพยัญชนะให้เปลี่ยน y เป็น i แล้วจึงเติม ly เช่น easy ง่าย ----> easily อย่างง่าย heavy หนัก ----> heavily อย่างหนัก happy มีความสุข ----> happily อย่างมีความสุข merry ร่าเริง ----> merrily อย่างร่าเริง lazy เกียจคร้าน ----> lazily อย่างเกียจคร้าน
5.2 ถ้า Adjective นั้นลงท้ายด้วย e และหน้า e นั้นเป็น l ให้เปลี่ยน e เป็น y เพราะเมื่อเปลี่ยนแล้วมีค่าเท่ากับ ly ปัจจัย เช่น suitable เหมาะสม ----> suitalbly อย่างเหมาะสม simple ง่าย ----> simply อย่างง่าย comfortable สะดวกสบาย ----> somfortably อย่างสะดวกสบาย
5.3 นอกจากกฎเกณฑ์ที่ลงท้ายตามข้อ 1-2 แล้ว เมื่อต้องการให้เป็นกริยาวิเศษณ์ (Adverb) ให้เติม ly ปัจจัยได้เลย ไม่ต้องลังเลใจให้เสียเวลา เช่น bad เลว ----> badly อย่างเลว brave กล้าหาญ ----> bravely อย่างกล้าหาญ quick รวดเร็ว ----> quickly อย่างรวดเร็ว slow ช้า ----> slowly อย่างช้า wise ฉลาด ----> wisely อย่างฉลาด sad เศร้าใจ ----> sadly อย่างเศร้าใจ
Adverb บางคำเป็นรูปเดียวกับ Adjective
มี Adverb อยู่บางตัวซึ่งมีรูปเช่นเดียวกันกับ Adjective พูดง่าย ๆ ก็คือ คำ ๆ เดียว ได้ทั้ง Adverb และ Adjective ว่าอย่างงั้น ทีนี้ปัญหาต่อไปอีกก็คือว่าเมื่อคำเหล่านี้มีรูปเหมือนกันทั้งใช้เป็น Adverb และ Adjective เช่นนี้แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่ามันเป็นอะไรในประโยคนั้น ๆ
คำต่อไปนี้เป็นได้ทั้ง Adjective และ Adverb สุดท้ายแต่วิธีใช้ หรือตำแหน่งวางไว้ในประโยคของมัน
ได้แก่ fast เร็ว first ที่หนึ่ง fair อย่างยุติธรรม hard หนัก deep ลึก long นาน , ยาว low ต่ำ high สูง right ถูก loud ดัง wrong ผิด straight ตรง enough พอ short สั้น late สาย
คำทั้งหมดที่กล่าวมานี้ ถ้านำไปใช้โดยวางไว้หน้านามหรือหลัง Verb to be taste, feel, smell, etc. ทำหน้าที่ เป็น Adjective แต่ถ้านำไปใช้โดยวางไว้หลังกริยาทั่ว ๆ ไป นอกจาก Verb to be หรืออื่น ๆ ตามที่กล่าวมาแล้ว ทำหน้าที่เป็น Adverb
เช่น จาก Adjective เป็น Adverb
This is a fast train. ----> This train runs fast. นี่คือขบวนรถเร็ว ----> รถไฟขบวนนี้วิ่งเร็ว
He is a hard worker. ----> Kriangsak works hard today. เขาเป็นคนทำงานหนัก ----> วันนี้เกรียงศักดิ์ทำงานหนัก
She sings with a low voice. ----> Can you speak low? เธอร้องเพลงด้วยน้ำเสียงต่ำ ----> คุณพูดเสียงต่ำ ๆ ได้ไหม?
Danai is the first boy. ----> Danai must go first. ดนัยเป็นเด็กคนหนึ่ง ----> ดนัยจะต้องไปก่อน
Adverb ที่เติม ly มีความหมายแตกต่างกับที่ไมีเติม ly
late สาย ----> lately เมื่อเร็วๆนี้ hard หนัก,ยาก ----> hardly แทบจะไม่ direct ตรง ----> directly ทันที fair ยุติธรรม ----> fairly พอใช้ high สูง ----> highly อย่างยิ่ง near ใกล้ ----> nearly เกือบจะ short สั้น ----> shortly ในไม่ช้า
ตัวอย่าง late , lately เป็น Adjective : Daeng was late for his class. แดงมาเรียนสาย
เป็น Adverb : They com late. เขามาสาย
Create Date : 05 ตุลาคม 2552 |
|
19 comments |
Last Update : 5 ตุลาคม 2552 17:09:21 น. |
Counter : 3763 Pageviews. |
|
|
|