61. อกเป็ดชิ้นสุดท้าย กับ บีทรูทซอส และ มูสสตรอเบอร์รี่(สำเร็จ)
เง้ออออออออออออออ !!!!! วันนี้แม่ภูมิไทย มาเคาะประตูให้ไปหาที่บ้าน
ชวนร่วมปวดหัวกับแม่ภูมิไทย ย้าาาาาฮู้้..... ได้ tag มาจากแม่ภูมิไทย
ดีใจเอ้ย ดีใจจัง แต่ติดไว้ก่อนนะแม่นะ เดี๋ยวจะรีบส่งการบ้าน
ตื่นมาวันนี้ โทรไปร้านทองเพื่อถามว่าแหวนที่สั่งได้ยัง
ปรากฏว่าแหวนยังไม่เสร็จดี พรุ่งนี้ ไปรับได้
ก็เป็นอันต้องรอไปอีก 1 วัน
ทำให้วันนี้มีเวลาว่างทำอาหารได้อย่างเต็มที่
ทุกครั้งที่ทำอกเป็ด คุณแฟนจะเดือด
เพราะเค้าอยากหม่ำด้วย ดูได้แต่สายตา แต่มันเหลืออีก 1 ชิ้นนะที่รัก
จะไม่ให้ทำมันก็จะเสียใช่ปะ เสียของคะ เสียของ
ฉะนั้นวันนี้จะเป็นชิ้นสุดท้าย ที่จะทำให้ดู และใช้เป็นเครื่องมือกวนประสาท
ยูละกัน ไว้ยูมาค่อยทำอีกที เนาะะะ
จึงเป็นที่มาของเมนูอกเป็ดชิ้นสุดท้าย โดยจะทำ อกเป็ดทอดราดซอสบีทรูท
มีหัวบีทรูท เหลือในตู้เย็น ใช้ 1 ลูก ครึ่งลูกหั่นลูกเต๋า เพื่อจะทำซอส
อีกครึ่งลูก สไลด์เป็นแว่น ๆ จะไว้ทานกับสลัด
บีทรูทเป็นผักที่มีคุณค่าอาหารมาก เนื้อบีทรูทมีรสชาดหวาน
แต่กลิ่นจะแรงหน่อยนะคะ ออกคล้าย ๆ ดิน วิธีทำบีทรูท ต้องต้มให้สุกก่อน
เนื้อบีทรูทจะสุกยากหน่อย ค่อนข้างแข็ง เอาภาพเปรียบเทียบ
การเปิด แฟรช และ ไม่เปิดแฟรช มาให้ดูสีว่าสดดดด แค่ไหน
" ในบีทรูท มีสารอาหารหลายชนิดคือ แคลเซียม ฟอสฟอรัส โซเดียม
โปแตสเซียม เหล็ก อีกทั้งยังให้วิตามินซีสูง วิิตามินเอ บี1และบี 2
สารสีแดงในหัวบีทรูท คือ เบทานิน (betanin) เป็นกรดอะมิโนที่มีสรรพคุณ
ยับยั้งการเจริญเติบโตของเนื้องอกและมะเร็ง "
การทำ Beetroot Sauce นำบีทรูทที่หั่นเป็นลูกเต๋า กับน้ำ 1/2 ถ้วยตวง
ไปต้มในไมโครเวฟ 4 นาที แล้วใส่หม้อ หรืะ กะทะ ใส่เกลือ น้ำตาล
ต้มจนเดือด ชิมรส ออกหวาน เค็ม ก่อนหน้า ให้แช่แผ่นเจลาติน ครึ่งแผ่น
กับน้ำนิดหน่อย พอเจลาตินนิ่ม ก็บีบน้ำออก เอาเจลาตินใส่ไปในซอส
แล้วต้มต่อจนเจลาตินละลาย แล้วตักพักไว้ น้ำซอสจะออกหนึด ๆ
แล้วไปทอดอกเป็ด โดยใช้น้ำมัน แค่่ 1 ช้อนโต๊ะพอคะ
วันนี้ไม่ขอหมักอกเป็ด แค่ใส่เกลือพอ แล้วทอด พออกเป็ดสุก
ก็ใส่ซอสเทริยากิ ลงไป 2 ข้อนโต๊ะ พอซอสเริ่มงวด ก็ปิดไฟ
จัดจาน มีสลัดต่าง ๆ ตามชอบคะ
เพิ่มด้วยบีทรูทที่ต้มไว้แล้ว ตกแต่งมุมจาน เนื้อหวาน ๆ ติดใจ
แล้วราดด้วย บีทรูทซอส ตักเนื้อบีทรูท ใส่ลงไปด้วย สีแดงสวย
อร่อยยยย แต่เศร้า ต้องอดหม่ำอกเป็ด สักพัก ชอบกลิ่นเป็ดทอดมาก
ต่อมาเป็นการแก้ตัวจากเมื่อวาน ที่ทำมูสล้มเหลว แบบกินไม่ได้เลย
วันนี้ลองทำใหม่ โดยไม่ใส่วิปปิ้งครีมลงในสตอร์เบอร์รี่ ไม่มีเครื่องปั่น
ก็ไม่มีปัญหา ใช้เทคนิคนี้คะ เอาสตรอเบอร์รี่ใส่ถุงพลาสติก
แล้วเอามือบีบบีบ บี้ บี้ ขยำ ขยำ ให้เนื้อสตรอฯ เละ แล้วใช้ช้อน ด้านนูน
ขูดขูด บด บด บนถุงพลาสติก ก็จะได้เนื้อสตรอเบอร์รี่ที่ เละพอดี
แล้วไปตีวิปครีม แต่เอาแค่ให้ตั้งยอดอ่อน หาข้อมูลเหมือนกัน
ว่าไอ้ตั้งยอดอ่อนเนี่ยเป็นยังไง ไปสะดุดข้อมูลของคุณ bonbini ได้ความว่า
" นำ Heavy Cream ไปตีด้วยความเร็วสูงสุด จนได้ soft peak (when the peak lays on the whisk) เช็คดูโดยการยกตะกร้อหงายขึ้น ถ้ายอดครีมพับลงบนตะกร้อ (ไม่ใช่พับลงมาแล้วลอดผ่านตะกร้อไปนะ) ถือว่าได้ soft peak
Note : medium peak หมายถึง ยอดครีมพับลงมาแต่ขดตัว ไม่แตะตัวตะกร้อ stiff peak หมายถึง ยอดครีมตั้งตรง ไม่มีการพับลงมาเลย "
** ขอขอบคุณคุณ bonbini และ ขอลอกข้อความบางส่วนมาแปะไ้ว้คะ**
โดยมีข้อห้ามการตีวิปครีม ห้ามตีนานจน ครีมแตกตัวมันจะเป็นเนยไป
เราก็จัดแจงตีครีม พอเป็นยอดอ่อน แล้วเอาสตรอเบอร์รี่ซอสที่ทำทิ้งไว้
จนเย็นแล้ว มาใส่ในครีม แล้วผสม จนเนียนดี สูตรนี ไม่ใส่น้ำตาลในครีม
ตอนตี ให้ได้ความหวานจาก สตรอเบอร์รี่ซอสพอคะ มูสจะไม่หวานไป
เสร็จแล้วก็ตักใส่ถ้วย แล้วแช่เย็น สูตรนี้จะได้ 4 ถ้วยชอท เล็ก ๆ ไม่มาก
ทานคนเดียวได้สบาย คะ ** ใช้วิปปิ้งครีม 1/2 ถ้วยตวง **
จะเห็นว่า สีสวยขึ้น เนื้อมูส ไม่เป็นเม็ด
ซูมดูกัน ใกล้ ๆ จะเห็นว่าเนื้อมูสดูดีขึ้น หลังจากแช่ไปได้ 3 ชั่วโมง ก็ตักมาชิม
ด้วยความอยากรู้ว่าจะ สำเร็จและหม่ำได้หรือเปล่า ผลเป็นที่น่าพอใจ
หอม นุ่ม ละมุน อร่อยคะ เลยหาคำตอบด้วยตัวเองว่า เมื่อวานที่ไม่สำเร็จ
น่าจะมาจากการใส่ครีมใสสตรอเบอร์รี่ แล้วอาจจะยังไม่เย็นสนิท พอผสม
กับครีมที่เย็น ก็เลยแตกตัว วันนี้ก็เลยไม่ใส่ครีม เอาภาพเปรียบเทียบมาให้ดูคะ
ด้านซ้าย คือผลงานของเมื่อวาน ด้านขวาคือผลงานของวันนี้ คะ
ยังเหลือ วิปปิ้งครีมอีก ประมาณ 2 ถ้วย(แบ่งเป็น 4 ถุง ๆ ละ 1/2 ถ้วยตวง)
ต้องหาทางระบายของคะ
เจอกันพรุ่งนี้นะคะ ขอให้อร่อย และ หลับฝันดีทุกคนคะ
Create Date : 24 มกราคม 2552 |
Last Update : 24 มกราคม 2552 21:36:17 น. |
|
11 comments
|
Counter : 8250 Pageviews. |
|
|
|
จะอัพอกเป็ด ให้คุณแฟง น้ำยาย ไหย
ใช่ม้า อะมีแซว
......
ว่าแล้ววันหลังไปดูอกเป็ดมาทำบ้างดีก่า
....
นอนหลับฝันถึง แถ็ก เด้อค่ะพี่ อิอิ