::::::::My..Life.. It..Go..On!.::::::::
::Sophie's World::

::Sophie’s world::

::เส้นทางจินตนาการสู่ประวัติศาสตร์ ปรัชญา::




........ต้องขอยอมรับอย่างไม่อายเลยว่า ฉันใช้เวลาอ่านเล่มนี้นานราว 3 เดือน ซึ่งจริงๆแล้วมันเป็นหนังสือที่มีความหนาของหน้ากระดาษน้อยกว่า “หนึ่งร้อยปี แห่งความโดดเดี่ยว” มากนัก แต่มันกลับมีความน่ากลัวมากกว่าหลายเท่า….เพราะต้องบอกว่าหนังสือเล่มนี้ เป็นนวนิยายเกี่ยวกับปรัชญา ฉันแอบตีอก ชกหัวตัวเองตอนที่เปิดถุงช้อปปิ้ง หยิบหนังสือที่ซื้อวันนั้นออกมาดูว่าจะอ่านเล่มใหนก่อน ฉันจำได้ดี วันนั้นฉันซื้อหนังสือมา 3 เล่ม และเรื่องนี้ก็ติดมาในสามเล่มด้วย ฉันไม่แน่ใจว่าสิ่งใดดลใจให้ฉันซื้อมันกลับมา แล้วฉันจะอ่านมันจบหรือ แต่มันก็อยู่ในบ้านฉันแล้วตอนนี้ และบัดนี้มันก็เป็นหนังสือของฉันอย่างถูกต้อง ตามกฏหมายแล้วด้วย เศร้าจริงๆ!
......อย่างที่บอกค่ะ ว่าเรื่องนี้เป็นหนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ปรัชญาตะวันตก ที่เล่าย้อนไปตั้งแต่ยุคแรกเริ่มก่อนคริสตกาลและตั้งแต่ยุค 600 ปีก่อนพระเยซูเจ้าจะเกิดซะอีก ซึ่งแค่เกริ่นว่าเป็นหนังสือเกี่ยวกับปรัชญา ผู้คนก็คงจะเบือนหน้าหนีกกันเป็นแถวแล้ว เพราะการอ่านปรัชญาเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ยาก และ น่าเบื่อมาก แต่เชื่อใหมค่ะ ว่าหนังสือเล่มนี้ ถูกพิมพ์เป็นครั้งที่ 3 แล้ว.และอาจจะมีครั้งที่ 4 ต่อไป ซึ่งนั้นก็อาจหมายความว่า ผู้คนเริ่มหันมาสนใจ ปรัชญา และ ศาสนากันมากขึ้น หรืออย่างน้อยก็มาสนใจว่า “ เราคือใคร ” และ “ เรามาจากใหนกันมากขึ้น ”
......โยสไตน์ กอร์เดอร์ ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ ฉลาดมากที่เลือกผูกนวนิยายเกี่ยวกับปรัชญาศาสนา ไว้กับเรื่องเล่าเหนือจินตนาการ เค้าใช้วิธีการเล่าเรื่องผ่านเด็กสาววัย 14 ปีคนหนึ่งโดยผูกให้เรื่องมีความลึกลับซับซ้อน ราวกับนวนิยายฆาตกรรมแฟนตาซี มุขการสอนปรัชญาผ่านทางจดหมายปิดผนึกที่ถูกหยอดลงตู้ โดยไม่ทราบเจ้าของ หรือการเล่นกับข้อต่อของกาลเวลาที่น่าตื่นเต้น มันดูประจวบเหมาะ และ ราวกับบังเอิญแต่จริงๆ มันกลับกลายเป็นความตั้งใจ..นอกเหนือจากนั้นเค้ายังมีการเล่าผ่านตัวการ์ตูนในจินตนาการ( ของวอลดิสนีย์ ที่คนทั่วโลกรู้จัก ) ผ่านสัตว์ ผ่านสิ่งของ ผ่านสิ่งมีชีวิต หรือบางครั้งก็ไม่มีชีวิตซึ่งสิ่งเหล่านี้ต่างก็ถูกหยิบมาใช้เพื่อสร้างความน่าสนใจให้แก่เนื้อหา ( ที่แสนน่าเบื่อ ) ในแต่ละตอนเช่นกัน และทุกสิ่งอย่างก็ทำหน้าที่ส่งให้เรื่องราวปรัชญาเรื่องนี้น่าติดตามมากขึ้นได้เป็นอย่างดี…ตอนที่ฉันหยิบเรื่องนี้ขึ้นมาอ่าน ( ซึ่งอีกสองเล่มที่มาด้วยกัน ถูกอ่านจบไปใน1 เดือนแรกเรียบร้อยแล้ว ) ฉันคิดว่าลองดูก็แล้วกัน ถ้ามันน่าเบื่อนัก ก็จะไม่อ่านมันอีก แต่ที่ใหนได้ จำได้ว่าเมื่อเปิดอ่านในบทแรกมันก็โอเค และน่าติดตามทันที จนบางครั้งก็แทบอยากแอบไปอ่านตอนท้ายของเรื่องเลย เพราะอยากรู้ว่ามันจะจบลงอย่างไร และใครเป็นผู้อยู่เหนือจินตนาการกันแน่……
.....สิ่งเดียวที่กวนใจในหนังสือเล่มนี้ นั่นก็คือเนื้อหาวิชาการที่ติดกันยาวเป็นพืดในบางตอนของเรื่อง และอดคิดเป็นห่วง โซฟี อามุดเซ่น นักเรียนสาวของเราแทนไม่ได้ว่า อีตาผู้พัน อัลแบร์โต้ น็อคซ์ นี่แกอัดเนื้อหาให้กับเธอมากเกินไปหรือเปล่า ( หรือกับเรา..ผู้อ่านนั่นเอง ) แต่เมื่อฉันหยิบเรื่องนี้ขึ้นมาอ่านใหม่ หลังจากคิดได้เช่นนั้น..ฉันก็แอบเปิดผ่านๆในหน้าที่เคยเรียน ( ในวิชาประวัติศาสตร์ศาสนา ) มาเรียบร้อยแล้ว ฉันก็วางมันไม่ลงอีกอยู่ดีและแอบคอยลุ้นแทนโซฟีบ่อยๆ ให้เธอสามารถสืบหา ผู้อยู่เบื้องหลังผู้พันอีกที หรือ อย่างน้อยก็สามารถตามหาแฝดสาวต่างมิติของเธอให้ได้ซักครั้งหนึ่ง…........
......ใหนๆก็ใหนๆแล้ว ลองตั้งคำถามกับตนเองเล่นๆ ว่า “ เราเป็นใคร ”และ“ เรามาจากใหน ” ขึ้นในใจตัวเองดูซักวันนะค่ะแล้วไปหาคำตอบกับโซฟี บางทีคุณอาจจะเข้าใจตนเองมากขึ้นก็ได้ค่ะ…….




Create Date : 23 กุมภาพันธ์ 2551
Last Update : 9 มีนาคม 2551 19:11:00 น. 1 comments
Counter : 279 Pageviews.

 
เรื่องโปรดเราเลย เคยอ่านนานมากแล้วค่ะ

เมื่อวานเพิ่งได้อ่าน สาวส้มสื่อรัก ที่คุณจีรนันท์แปล

น่ารักมากกกก.... อารมณ์เดิมๆกลับมาอีกครั้ง

อยากอ่านโซฟีอีกรอบจังเลย เสียดายหนังสืออยู่บ้าน


โดย: January Friend วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:21:49:55 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

to-be-love
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
 
กุมภาพันธ์ 2551
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
242526272829 
 
23 กุมภาพันธ์ 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add to-be-love's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.