ตำนานสงกรานต์
รำวงเริงสงกรานต์ -
ตามจารึกที่วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม กล่าวตามพระบาลีฝ่ายรามัญว่า ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีเศรษฐีคนหนึ่ง รวยทรัพย์แต่อาภัพบุตร
ตั้งบ้านอยู่ใกล้กับนักเลงสุราที่มีบุตรสองคน วันหนึ่งนักเลงสุราต่อว่าเศรษฐีจนกระทั่งเศรษฐีน้อยใจ จึงได้บวงสรวงพระอาทิตย์ พระจันทร์
ตั้งจิตอธิษฐานอยู่กว่าสามปี ก็ไร้วี่แววที่จะมีบุตร อยู่มาวันหนึ่งพอถึงช่วงที่พระอาทิตย์ยกขึ้นสู่ราศีเมษ เศรษฐีได้พาบริวารไปยังต้นไทรริมน้ำ
พอถึงก็ได้เอาข้าวสารลงล้างในน้ำเจ็ดครั้ง แล้วหุงบูชาอธิษฐานขอบุตรกับรุกขเทวดาในต้นไทรนั้น รุกขเทวดาเห็นใจเศรษฐี
จึงเหาะไปเฝ้าพระอินทร์ธรรมบาลกุมาร และได้ปลูกปราสาทไว้ใต้ต้นไทรให้กุมารนี้อยู่อาศัย
ไม่ช้าพระอินทร์ก็มีเมตตาประทานให้เทพบุตรองค์หนึ่งนาม "ธรรมบาล" ลงไปปฏิสนธิในครรภ์ภรรยาเศรษฐี ไม่ช้าก็คลอดออกมา
เศรษฐีตั้งชื่อให้กุมารน้อยนี้ว่าธรรมบาลกุมาร
ต่อมาเมื่อธรรมบาลกุมารโตขึ้น ก็ได้เรียนรู้ซึ่งภาษานก และเรียนไตรเภทจบเมื่ออายุได้เจ็ดขวบ เขาได้เป็นอาจารย์บอกมงคลต่าง ๆ
แก่คนทั้งหลาย อยู่มาวันหนึ่ง ท้าวกบิลพรหม ได้ลงมาถามปัญหากับธรรมบาลกุมาร 3 ข้อ ถ้าธรรมบาลกุมารตอบได้ก็จะตัดเศียรบูชา
แต่ถ้าตอบไม่ได้จะตัดศีรษะธรรมบาลกุมารเสีย ท้าวกบิลพรหมถามธรรมบาลกุมารว่า ปัญหานั้นมีว่า 1.) ตอนเช้าราศีคนอยู่แห่งใด 2.) ตอนเที่ยงราศีของคนอยู่แห่งใด 3.) ตอนค่ำราศีของคนอยู่แห่งใด
ทันใดนั้นธรรมบาลกุมารจึงขอผัดผ่อนกับท้าวกบิลพรหมเป็นเวลา 7 วัน
ทางธรรมบาลกุมารก็พยายามคิดค้นหาคำตอบ ล่วงเข้าวันที่ 6 ธรรมบาลกุมารก็ลงจากปราสาทมานอนอยู่ใต้ต้นตาล เขาคิดว่า
ขอตายในที่ลับยังดีกว่าไปตายด้วยอาญาท้าวกบิลพรหม บังเอิญบนต้นไม้มีนกอินทรี 2 ตัวผัวเมียเกาะทำรังอยู่ นางนกอินทรีถามสามีว่า
พรุ่งนี้เราจะไปหาอาหารแห่งใด สามีตอบนางนกว่า เราจะไปกินศพธรรมบาลกุมาร ซึ่งท้าวกบิลพรหมจะฆ่าเสีย ด้วยแก้ปัญหาไม่ได้
นางนกจึงถามว่า คำถามที่ท้าวกบิลพรหมถามคืออะไร สามีก็เล่าให้ฟัง ซึ่งนางนกก็ไม่สามารถตอบได้ สามีจึงเฉลยว่า ข้อหนึ่ง ตอนเช้าราศีของมนุษย์อยู่ที่หน้า คนจึงต้องล้างหน้าทุกๆ เช้า ข้อสอง ตอนเที่ยงราศีคนอยู่ที่อก มนุษย์จึงต้องเอาเครื่องหอมประพรมที่อก ข้อสาม ตอนค่ำราศีคนอยู่ที่เท้า มนุษย์จึงต้องล้างเท้าก่อนเข้านอน
ธรรมบาลกุมารก็ได้ทราบเรื่องที่นกอินทรีคุยกันตลอด จึงจดจำไว้
ครั้นรุ่งขึ้น ท้าวกบิลพรหมก็มาตามสัญญาที่ให้ไว้ทุกประการ ธรรมบาลกุมารจึงนำคำตอบที่ได้ยินจากนกไปตอบกับท้าวกบิลพรหม
ท้าวกบิลพรหมจึงตรัสเรียกธิดาทั้งเจ็ดอันเป็นบาทบาจาริกาพระอินทร์มาประชุม พร้อมกัน แล้วบอกว่า เราจะตัดเศียรบูชาธรรมบาลกุมาร
ถ้าจะตั้งไว้ยังแผ่นดิน ไฟก็จะไหม้โลก ถ้าจะโยนขึ้นไปบนอากาศ ฝนก็จะแล้ง ถ้าจะทิ้งในมหาสมุทร น้ำก็จะแห้ง
จึงให้ธิดาทั้งเจ็ดนำพานมารองรับ แล้วก็ตัดเศียรให้นางทุงษะ ผู้เป็นธิดาองค์โต
จากนั้นนางทุงษะก็อัญเชิญพระเศียรท้าวกบิลพรหมเวียนขวารอบเขาพระสุเมรุ 60 นาที แล้วเก็บรักษาไว้ในถ้ำคันธุลี ในเขาไกรลาศ
จากนั้นมาทุก ๆ 1 ปี ธิดาของท้าวกบิลพรหมทั้ง 7 ก็จะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมาทำหน้าที่อัญเชิญพระเศียรท้าวกบิลพรหมแห่ไปรอบ
เขาพระสุเมรุ เป็นเวลา 60 นาที แล้วประดิษฐานตามเดิม
ในแต่ละปีนางสงกรานต์แต่ละนางจะทำหน้าที่ผลัดเปลี่ยนกันตามวันมหาสงกรานต์ ดังนี้
1. ถ้าวันอาทิตย์เป็นวันมหาสงกรานต์ นางสงกรานต์นาม ทุงษะเทวี ทรงพาหุรัดทัดดอกทับทิม อาภรณ์แก้วปัทมราช ภักษาหารอุทุมพร
(ผลมะเดื่อ) พระหัตถ์ขวาทรงจักร พระหัตถ์ซ้ายทรงสังข์ เสด็จมาบนหลังครุฑ
2. ถ้าวันจันทร์เป็นวันมหาสงกรานต์ นางสงกรานต์นาม โคราคะเทวี ทรงพาหุรัดทัดดอกปีบ อาภรณ์แก้วมุกดา ภักษาหารเตลัง (น้ำมัน)
พระหัตถ์ขวาทรงขรรค์ พระหัตถ์ซ้ายทรงไม้เท้า เสด็จมาบนหลังพยัคฆ์ (เสือ)
3. ถ้าวันอังคารเป็นวันมหาสงกรานต์ นางสงกรานต์นาม รากษสเทวี ทรงพาหุรัดทัดดอกบัวหลวง อาภรณ์แก้วโมรา ภักษาหารโลหิต
พระหัตถ์ขวาทรงตรีศูล พระหัตถ์ซ้ายทรงธนู เสด็จมาบนหลังวราหะ (หมู)
4. ถ้าวันพุธเป็นวันมหาสงกรานต์ นางสงกรานต์นาม มณฑาเทวี ทรงพาหุรัดทัดดอกจำปา อาภรณ์แก้วไพฑูรย์ ภักษาหารนมเนย
พระหัตถ์ขวาทรงเข็ม พระหัตถ์ซ้ายทรงไม้เท้า เสด็จมาบนหลังคัทรภะ (ลา)
5. ถ้าวันพฤหัสบดีเป็นวันมหาสงกรานต์ นางสงกรานต์นาม กิริณีเทวี ทรงพาหุรัดทัดดอกมณฑา อาภรณ์แก้วมรกต ภักษาหารถั่วงา
พระหัตถ์ขวาทรงขอช้าง พระหัตถ์ซ้ายทรงปืน เสด็จมาบนหลังคชสาร (ช้าง)
6. ถ้าวันศุกร์เป็นวันมหาสงกรานต์ นางสงกรานต์นาม กิมิทาเทวี ทรงพาหุรัดทัดดอกจงกลนี อาภรณ์แก้วบุษราคัม ภักษาหารกล้วยน้ำ
พระหัตถ์ขวาทรงขรรค์ พระหัตถ์ซ้ายทรงพิณ เสด็จมาบนหลังมหิงสา (ควาย)
7. ถ้าวันเสาร์เป็นวันมหาสงกรานต์ นางสงกรานต์นาม มโหธรเทวี ทรงพาหุรัดทัดดอกสามหาว อาภรณ์แก้วนิลรัตน์ ภักษาหารเนื้อทราย
พระหัตถ์ขวาทรงจักร พระหัตถ์ซ้ายทรงตรีศูล เสด็จมาบนหลังมยุรา (นกยูง)
ขอขอบคุณที่มาของข้อมูล : //megamisc.blogspot.com/2008/03/blog-post_31.html
คำว่า "สงกรานต์" มาจากภาษาสันสฤกตว่า สํ-กรานต แปลว่า ก้าวขึ้น ย่างขึ้น การย้ายที่ เคลื่อนที่ คือพระอาทิตย์ย่างขึ้นสู่ราศีใหม่ หมายถึงวันขึ้นปีใหม่ ซึ่งตกอยู่ในวันที่ ๑๓,๑๔,๑๕ เมษายนทุกปี แต่วันสงกรานต์นั้นคือ วันที่ ๑๓ เมษายน เรียกว่า วันมหาสงกรานต์ วันที่ ๑๔ เป็นวันเนา วันที่ ๑๕ เป็นวันเถลิงศก วันสงกรานต์เป็นวันเปลี่ยนจุลศักราชใหม่ ซึ่งกษัตริย์สิงหศแห่งพม่า ทรงตั้งขึ้นเมื่อปีกุนวันอาทิตย์ พ.ศ.๑๑๘๑ โดยกำหนดเอาดวงอาทิตย์เข้าสู่ราศีเมษได้ ๑ องศา ประกอบกับไทยเราเคยนิยมใช้จุลศักราช สงกรานต์จึงเป็นวันขึ้นปีใหม่ของไทยอีกด้วย ในปีแรกที่กำหนดเผอิญเป็นวันที่ ๑๓ เมษายน ซึ่งอันที่จริงไม่ใช่วันที่ ๑๓ เมษายนทุกปี แต่เมื่อเป็นประเพณี ก็จำเป็นต้องเอาวันนั้นทุกปี เพื่อมิให้การประกอบพิธี ซึ่งมิได้รู้โดยละเอียดต้องเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา วันที่ ๑๓ จึงเป็นวันสงกรานต์ของทุกปี ในประเทศไทย วันสงกรานต์ เป็นวันขึ้นปีใหม่ตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัย จนถึงวันที่ ๒๔ ธันวาคม พ.ศ.๒๔๘๓ คณะรัฐบาลของจอมพล ป.พิบูลย์สงคราม ได้ประกาศให้ใช้วันที่ ๑ มกราคม เป็นวันขึ้นปีใหม่ เพื่อให้เข้ากับหลักสากลที่นานาประเทศนิยมปฏิบัติ อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการเปลี่ยนวันขึ้นปีใหม่ ประชาชนก็ยังยึดถือว่า วันสงกรานต์มีความสำคัญ ประเพณีการทำบุญในวันสงกรานต์ แม้เราจะถือเอาวันที่ ๑ มกราคม เป็นวันขึ้นปีใหม่ตามหลักสากลแต่ธรรมเนียมไทยยังให้ความสำคัญกับวันสงกรานต์ อยู่ โดยถือเอาเป็นวันขึ้นปีใหม่ตามแบบไทย ดังนั้นเมื่อใกล้ถึงวันสงกรานต์การตระเตรียมทำความสะอาดอาคารบ้านเรือน และเตรียมข้าวของที่จะทำบุญตักบาตร การทำบุญตักบาตรและการสร้างกุศลด้วยการปล่อยนกปล่อยปลา สมัยโบราณเมื่อถึงวันสงกรานต์ประชาชนจะพากันตื่นแต่เช้ามืดเตรียมหุงข้าวต้ม แกงเพื่อนำไปทำบุญที่วัดทุกคนจะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าชุดใหม่สีสันสดใสโดย เฉพาะหนุ่มสาวเพราะจะได้มีโอกาสพบปะพูดคุยกันได้อย่างสะดวกแต่ก็ต้องอยู่ใน สายตาของผู้ใหญ่ เมื่อทำบุญตักบาตรหรือเลี้ยงพระเป็นที่เรียบร้อยแล้วจะมีการบังสุกุลอัฐิของ บรรพบุรุษผู้ล่วงลับเพื่ออุทิศส่วนกุศลไปให้ นอกจากนั้นยังมีกิจกรรมอื่นๆ เช่น ก่อพระเจดีย์ทรายซึ่งเป็นการขนทรายเข้าวัดสำหรับไว้ใช้ในงานก่อสร้างโบสถ์ วิหาร มีการปล่อยนกปล่อยปลาซึ่งเท่ากับเป็นการแพร่ขยายพันธ์สัตว์ให้คงอยู่ไปชั่ว ลูกชั่วหลานและที่จะขาดเสียไม่ได้ก็คือการสรงน้ำพระการรดน้ำดำหัวขอพรจาก ผู้ใหญ่ รวมไปจนถึงการเล่นสาดน้ำกันเองในหมู่หนุ่มสาว การสรงน้ำพระพุทธรูป,การสรงน้ำพระสงฆ์ ชาวบ้านจะนำดอกไม้ธูปเทียนไปบูชา แล้วเอาน้ำอบไปประพรมที่องค์พระ เพื่อความเป็นสิริมงคลบางแห่งมีการอัญเชิญพระพุทธรูปแห่แหนไปรอบๆหมู่บ้าน เพื่อให้ประชาชนมีโอกาสได้สรงน้ำกันอย่างทั่วถึงหรือจะอัญเชิญพระพุทธรูปจาก หิ้งบูชาในบ้านมาทำพิธีสรงน้ำกันในหมู่ญาติพี่น้องก็ได้ชาวบ้านจะได้ไป ชุมนุมกันที่วัด นิมนต์พระในวัดมายังสถานที่ประกอบพิธีการรดน้ำควรรดที่มือของท่าน ไม่ควรตักราดเหมือนกับเป็นการอาบน้ำจริง ๆ เพราะพระสงฆ์ถือเป็นเพชที่สูงกว่าคนธรรมดาทั่วไป น้ำที่ใช้ต้องเป็นน้ำฝนหรือน้ำสะอาดผสมน้ำอบไทยเมื่อสรงน้ำแล้วพระท่านก็จะ ให้ศีลให้พรเพื่อความเป็นสิริมงคล การรดน้ำดำหัวขอพรญาติผู้ใหญ่และผู้ที่เคารพนับถือ การรดน้ำผู้ใหญ่ หากระทำกันเองในบ้าน ลูกหลานจะเชิญพ่อแม่ ปู่ย่าตายาย ญาติผู้ใหญ่ มานั่งในที่จัดไว้แล้วนำน้ำอบน้ำหอมผสมน้ำมารดให้ท่าน อาจรดที่มือหรือรดทั้งตัวไปเลยก็มี ในระหว่างที่รดน้ำท่านก็ให้พรแก่ลูกหลานเสร็จพิธี แล้วจึงผลัดนุ่งผ้าใหม่ที่ลูกหลานจัดเตรียมไว้ให้ เป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีภายในครอบครัว การรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือ ส่วนใหญ่จะมีผ้าใหว้เช่นเสื้อผ้าและผ้าขาวม้าไปมอบให้ด้วย การเล่นสาดน้ำสำหรับหนุ่มสาว หลังจากทำพิธีสรงน้ำพระพุทธรูป สรงน้ำพระสงฆ์และรดน้ำขอพรจากญาติผู้ใหญ่แล้ว พวกหนุ่มๆ สาวๆ ก็จะเล่นสาดน้ำกันอย่างสนุกสนาน ซึ่งน้ำที่ใช้นำมาสาดกันนั้นต้องเป็นน้ำสะอาดผสมน้ำอบมีกลิ่นหอม สถานที่เล่นสาดน้ำสวนใหญ่เป็นลานวัด หรือลานกว้างของหมู่บ้าน พอเหนื่อยก็จะมีขนมและอาหารเลี้ยง ซึ่งชาวบ้านจะช่วยกันเรี่ยไรออกเงินและช่วยกันทำไว้ จนถึงตอนเย็นจึงแยกย้ายกันกลับไปบ้านเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ แล้วมาชุมนุมกันที่ลาดวัดอีกครั้ง เพื่อร่วมการละเล่นพื้นเมือง การละเล่นพื้นบ้านในวันสงกรานต์ การละเล่นพื้นบ้านหรือจะเรียกว่ากีฬาพื้นเมืองก็ได้ เป็นเกมที่สร้างความสนุกสนานสามัคคี และความใกล้ชิดผูกพันพวกหนุ่ม ๆสาว ๆ จะแบ่งกันเป็นสองฝ่าย จัดทีมเพื่อเล่นแข่งขันกับฝ่ายตรงข้าม มีผู้ใหญ่เป็นกรรมการหรือผู้ควบคุม ส่วนคนเฒ่าคนแก่ก็คอยส่งเสียงเชียร์ให้กำลังใจอยู่วงนอก การละเล่นที่นิยมมีหลายอย่าง เช่น ชักเย่อ ไม้หึ่ง งูกินหาง ช่วงชัย วิ่งเปี้ยว เขย่งแตะ หลับตาตีหม้อ มอญซ่อนผ้า สะบ้า ขี่ม้าส่งเมือง ลิงชิงหลัก ฯลฯ นอกจากนั้นมีการเล่นเพลงยาว ลำตัด รำวง ฯลฯ การประกวดนางสงกรานต์ซึ่งแต่ละกิจกรรมร่วมสร้างความสนุกสนานเป็นกันเอง หนุ่มสาวได้มีโอกาสใกล้ชิดกัน ได้ศึกษาดูนิสัยใจคอ ได้มีโอกาสพูดจาโอภาปราศรัยกัน
ที่มา: มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย
ประกาศสงกรานต์ปี พ.ศ. 2552 ปกติมาส อธิกวาร ปกติสุรทิน สงกรานต์วันจันทร์ ที่ 14 เมษายน เวลา 1 นาฬิกา 87 นาที 24 วินาที
นางสงกรานต์ชื่อ โคราคะเทวี ทรงพาหุรัตน์ทัดดอกปีบ แก้วมุกดา เป็นอาภรณ์ ภักษาหารน้ำมันเนย พระหัตถ์ขวาทรงพระขรรค์ พระหัตถ์ซ้ายทรงไม้เท้า เสด็จมาบนหลังเสือ เถลิงศก จุลศักราช 1371 วันพฤหัสบดี ที่ 16 เมษายน เวลา 5 นาฬิกา 5 นาที 60 วินาที เถลิงศก 2552 จุลศักราช 1371 มาสเกณฑ์ 16957 อวมาน 119 หรคุณ 500771 กัมมัชพล 630 อุจจพล 24422 ดิถี 22 วาร 5 กาลโยค เริ่มใช้ วันที่ 16 เมษายน ศก 228 ธงไชย อธิบดี อุบาทว์ โลกาวินาศ วัน 7 4 6 6 ยาม 1 7 8 3 ราศี 9 3 8 7 ดิถี 3 15 2 1 ฤกษ์ 24 24 23 7 เกณฑ์นาคให้น้ำ ปีฉลู นาคราชให้น้ำ 5 ตัว ฝนต้นปี กลางปี ปลายปีเสมอกันมากแล เกณฑ์ธัญญาหาร ชื่อ ลาภะ ข้าวกล้าในภูมินาจะได้ผล 10 ส่วน เสีย 1 ส่วน ธัญญาหาร ผลาหาร มังสาหารบริบูรณ์ ประชาชนทั้งหลายอยู่เย็นเป็นสุข เกณฆ์พิรุณศาสตร์ ปีนี้ จันทร์ เป็นอธิบดีฝน บันดาลให้ฝนตก 500 ห่า ตกในจักรวาล 200ห่า ตกในหิมพานต์ 150 ห่า ตกในมหาสมุทร 100 ตกในโลกมนุษย์ 50 ห่า
คัดลอกจาก //www.chumchonradio.net/
ความหมายของคำที่เกี่ยวข้องกับสงกรานต์ มีดังนี้ สงกรานต์ ที่แปลว่า "ก้าวขึ้น" "ย่างขึ้น" นั้นหมายถึง การที่ดวงอาทิตย์ ขึ้นสู่ราศีใหม่ อันเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทุกเดือน ที่เรียกว่าสงกรานต์เดือน แต่เมื่อครบ ๑๒ เดือนแล้วย่างขึ้นราศีเมษอีก จัดเป็นสงกรานต์ปี ถือว่าเป็น วันขึ้นปีใหม่ทางสุริยคติ ในทางโหราศาสตร์ มหาสงกรานต์ แปลว่า ก้าวขึ้นหรือย่างขึ้นครั้งใหญ่ หมายถึงสงกรานต์ปี คือปีใหม่อย่างเดียว กล่าวคือสงกรานต์หมายถึง ได้ทั้งสงกรานต์เดือนและสงกรานต์ปี แต่มหาสงกรานต์ หมายถึง สงกรานต์ปีอย่างเดียว วันเนา แปลว่า "วันอยู่" คำว่า "เนา" แปลว่า "อยู่" หมายความว่าเป็นวันถัดจากวันมหาสงกรานต์มา ๑ วัน วันมหาสงกรานต์เป็นวันที่ดวงอาทิตย์ย่างสู่ราศีตั้งต้นปีใหม่ วันเนาเป็นวันที่ดวงอาทิตย์เข้าที่เข้าทาง ในวันราศีตั้งต้นใหม่เรียบร้อยแล้ว คืออยู่ประจำที่แล้ว วันเถลิงศก แปลว่า "วันขึ้นศก" เป็นวันเปลี่ยนจุลศักราชใหม่ การที่เปลี่ยนวันขึ้นศกใหม่มาเป็นวันที่ ๓ ถัดจากวันมหาสงกรานต์ ก็เพื่อให้หมดปัญหาว่า การย่างขึ้นสู่จุดเดิม สำหรับต้นปีนั้นเรียบร้อยดี ไม่มีปัญหาเพราะอาจมีปัญหาติดพันเกี่ยวกับชั่วโมง นาที วินาที ยังไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ ที่จะเปลี่ยนศกถ้าเลื่อนวันเถลิงศกหรือวันขึ้นจุลศักราชใหม่มาเป็น วันที่ ๓ ก็หมายความว่า อย่างน้อยดวงอาทิตย์ได้ก้าวเข้าสู่ราศีใหม่ ไม่น้อยกว่า ๑ องศาแล้วอาจจะย่างเข้าองศาที่ ๒ หรือที่ ๓ ก็ได้ วันสงกรานต์เป็นวันเปลี่ยนจุลศักราชใหม่ ซึ่งกษัตริย์สิงหศแห่งพม่า ทรงตั้งขึ้นเมื่อปีกุนวันอาทิตย์ พ.ศ. ๑๑๘๑ โดยกำหนดเอาดวงอาทิตย์เข้าสู่ราศีเมษได้ ๑ องศา ประกอบกับไทยเราเคยนิยมใช้จุลศักราช สงกรานต์จึงเป็นวันขึ้นปีใหม่ของไทยอีกด้วย ในปีแรกที่กำหนดเผอิญเป็นวันที่ ๑๓ เมษายน ซึ่งอันที่จริงไม่ใช่วันที่ ๑๓ เมษายนทุกปี แต่เมื่อเป็นประเพณี ก็จำเป็นต้องเอาวันนั้นทุกปี เพื่อมิให้การประกอบพิธี ซึ่งมิได้รู้โดยละเอียดต้องเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา วันที่ ๑๓ จึงเป็นวันสงกรานต์ของทุกปี ปกติวันสงกรานต์จะมี ๓ วัน คือ เริ่มวันที่ ๑๓ เมษายน ถึงวันที่ ๑๕ เมษายน วันแรกคือวันที่ ๑๓ เป็นวันมหาสงกราต์ วันที่พระอาทิตย์ต้องขึ้นสู่ราศีเมษ วันที่ ๑๔ เป็นวันเนา (พระอาทิตย์คงอยู่ที่ ๐ องศา) วันที่ ๑๕ เป็นวันเถลิงศกใหม่ และเริ่มจุลศักราชในวันนี้ เมื่อก่อนจริงๆ มีถึง ๔ วัน คือวันที่ ๑๓ -๑๖ เป็นวันเนาเสีย ๒ วัน (วันเนาเป็นวันอยู่เฉยๆ) เป็นวันว่าง พักการงานนอกบ้านชั่วคราว จะเห็นได้ว่า วันสงกรานต์เป็นวันขึ้นปีใหม่ตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัย จนถึง พ.ศ.๒๔๘๓ ทางราชการจึงได้เปลี่ยนไหม่ โดยกำหนดเอาวันที่ ๑ มกราคม เป็นวันขึ้นปีใหม่ เพื่อให้เข้ากับ หลักสากลที่นานาประเทศนิยมปฏิบัติ อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการเปลี่ยนวันขึ้นปีใหม่ ประชาชนก็ยังยึดถือว่า วันสงกรานต์มีความสำคัญ
ข้อควรปฏิบัติในวันสงกรานต์- การเตรียมงาน วันตรุษและวันสงกรานต์เป็นเทศกาลสำคัญที่คนไทยยังถือว่าวันตรุษคือวันสิ้นปี วันสงกรานต์คือวันขึ้นปีใหม่ดังกล่าว ดังนั้น จึงต้องตระเตรียมงานกันเป็นการใหญ่ จนมีคนที่พูดกันติดปากว่า "ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่" สิ่งที่ตระเตรียมกันนั้น จึงเป็นเรื่องที่จะต้องกระทำกันเป็นพิเศษตามลำดับ ดังนี้ ๑. เครื่องนุ่งห่มเพื่อใส่ในโอกาสไปทำบุญที่วัด ตลอดจนเครื่องประดับตกแต่งร่างกายอย่างค่อนข้างจะพิถีพิถัน ๒. ของทำบุญ เมื่อใกล้จะถึงวันงานก็เตรียมของทำบุญเลี้ยงพระ และที่เป็นพิเศษของที่จะทำขนมพิศษ ๒ อย่างได้แก่ ข้าวเหนียวแดงในวันตรุษ และขนมกวน หรือ กะละแมในวันสงกรานต์ นอกจากจะทำขึ้นเพื่อทำบุญแล้ว ยังแลกเปลี่ยนแจกกันในหมู่บ้านใกล้เคียง เพื่อแสดงอัธยาศัยไมตรีในวันสำคัญ ๓. การทำความสะอาดบ้านเรือนที่อาศัยตลอดจนบริเวณใกล้เคียง เพื่อให้ดูเรียบร้อยโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่บูชาพระและที่เก็บอัฐิบรรพบุรุษ แม้เสื้อผ้าที่ใช้สอยก็ต้องซักฟอก ให้สะอาดหมดจดโดยถือว่า กำจัดสิ่งสกปรกให้สิ้นไปพร้อมกับปีเก่าและต้อนรับปีใหม่ ด้วยความบริสุทธ์ผุดผ่อง ๔. สถานที่ทำบุญ วัดเป็นสถานที่ทำบุญสวดมนต์เลี้ยงพระ และทำต่อเนื่องกันหลายวัน นอกจากจะทำความสะอาดกุฎิที่อาศัยแล้ว ยังต้องทำความสะอาดหอสวดมนต์ โบสถ์วิหาร ศาลาการเปรียญ ตลอดจนลานวัด เพราะต้องใช้ทำกิจกรรมหลายอย่าง ได้แก่ การทำบุญตักบาตร ปล่อยนกปล่อยปลา สรงน้ำพระ ก่อพระเจดีย์ทราย และงานรื่นเริงต่างๆ ด้วย
สิ่งที่ได้จากการทำบุญสงกรานต์ ๑. เป็นการแสดงความเคารพบูชาต่อสิ่งที่ตนเคารพ ต่อบิดามารดา และผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือ ๒. เป็นการชำระจิตใจ และร่างกายให้สะอาด ๓. เป็นการรักษาประเพณีมาแต่เดิม ๔. เป็นการสนุกสนานรื่นเริงในรอบปี และพักจากงานประจำชั่วคราว เพื่อจะไปพักผ่อนหย่อนใจ ๕. เป็นการเตือนสติว่ามนุษย์นั้นผ่านไป ๑ ปีแล้วและในรอบปีที่ผ่านมา เราได้ทำอะไรบ้างและควรจะทำอะไรต่อไปในปีที่กำลังจะมาถึง ๖. เป็นการเตรียมตัวบวช ถ้าเป็นผู้ชายโดยเอาระยะเวลานี้บวชกัน เพราะหลังสงกรานต์ต้องเตรียมตัวทำนาแล้ว ๗. เป็นการทำความสะอาดพระ โต๊ะบูชา บ้านเรือน ทั้งในและนอกบ้าน
ที่มา : //www.banfun.com/culture/newyearthai.html
กิจกรรมในวันสงกรานต์ วันจ่ายสงกรานต์ ใน วันจ่ายสงกรานต์ นอกจากเตรียมเครื่องเสื้อผ้าใหม่ๆ ไว้แต่ง เขายังทำขนมกวน สำหรับทำบุญถวายพระ และแจกชาวบ้าน ขนมนั้นโดยมากเป็นขนมเปียกข้าวเหนียวแดง และขนมกะละแมเป็นพื้น การแจกนอกจากจะเป็นเครื่องแสดงไมตรียังเป็นเรื่องอวดฝีมือด้วยว่าใครกวนขนม ได้ดีกว่ากัน การ ทำขนมในวันนี้นั้น ถ้าบ้านไหนเจ้าบ้านเป็นผู้มั่งคั่งก็ต้องกวน ขนมอย่างนั้นกันเป็นจำนวนมาก จึงจะพอแจกจ่ายให้สมกับฐานะที่เขากวนในวันสงกรานต์ เพื่อแจกแก่ชาวบ้านเพื่อนบ้าน ก็เพราะสมัยนั้นหาซื้อได้ยาก จึงต้องทำช่วยตัวเองคนแต่ก่อนไม่มีขนมมาขาย อยากกินก็ต้องทำกินเอง เหตุนี้ในวันสงกรานต์หรือว่าในงานอะไร จึงต้องกวนขนมกันเป็นงานใหญ่ สำหรับเลี้ยงพระ และแจกแก่ผู้ที่นับถือ และเพื่อนบ้าน จึงได้มีการกวนขนมกันในเทศกาลสงกรานต์ และตรุษสารท มีประเพณีสืบกันมาที่ชาวตะวันตกทำเค้กปีใหม่ไปให้กันหรือกำนัลใคร ที่เรานำแบบอย่าง ชาวตะวันตกมาเพราะสะดวก
ทำบุญตักบาตร สงกรานต์ วันต้น หรือวันมหาสงกรานต์ ชาวบ้านลุกขึ้นแต่ไก่ขัน เพื่อเตรียม ไปตักบาตรถวายพระ พอหุงหาอาหารเสร็จ ก็จัดเตรียมอาหาร และสิ่งของถวายพระ บรรจุลงภาชนะมีถ้วยโถโอชามอย่างดี แล้วแต่จะมี แล้วเอาวางเรียงลงในถาด หรือภาชนะอย่างอื่นๆ ที่นิยมในท้องถิ่น เพื่อนำไปทำบุญตักบาตร และเลี้ยงพระประจำหมู่บ้านของตนเรื่องการแต่งตัว จะแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มใหม่ ซึ่งเตรียมหาไว้ ก่อนหน้าวันสงกรานต์หลายวัน โดยเฉพาะหญิงสาวจะได้แต่งตัวให้สวยพริ้ง เพื่อไปอวดตามวิสัยของคนหนุ่มคนสาวที่รักสวยรักงาม และหญิงสาวพวกนี้ และที่เป็นคนยกเครื่องไทยธรรมของทำบุญ หลังจากตักบาตรเสร็จแล้ว มีเลี้ยงพระฉันเช้าที่ศาลาการเปรียญ โดยมัคนายกเป็นผู้จัดการเรื่องปูเสื่อสาดอาสนะ พอพระฉันเสร็จ ยถาสัพพีอนุโมทนาแล้ว ชาวบ้านก็กลับบ้านกันไป
ก่อพระเจดีย์ทราย ไม่ มีกำหนดแน่นอนว่าจะต้องก่อในวันสงกรานต์ ถึงวันอื่นๆ ที่อยู่ใกล้เคียงกับ สงกรานต์ ก็มีก่อกัน และไม่จำเป็นต้องก่อที่ในวัดบางแห่งที่อยู่ใกล้แม่น้ำ ตอนเหนือๆ ก่อพระเจดีย์ทรายที่หาดทรายในแม่น้ำก็มี เช่น จังหวัดกำแพงเพชร ในวันก่อ เขามีทำบุญเลี้ยงพระที่หาดทรายด้วย เรียกกันว่า ก่อพระทรายนำไหล เสร็จแล้วก็มีเลี้ยงพระและเลี้ยงดูกันส่วนทางภาคอีสาน บางแห่งเขาทำบุญสงกรานต์เป็นสองระยะ ระยะแรกทำบุญตักบาตรกลางลานในวันตรุษ ระยะหลังทำบุญตักบาตรที่ลานบ้านในวันสงกรานต์
ทาง อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี มีการทำบุญตักบาตรกลางบ้านเหมือนกัน คือเลี้ยงพระกันที่สองข้างถนน จึงเห็นได้ว่าการตักบาตรจะทำกันที่ไหนก็ได้ แล้วแต่สะดวกและนัดกัน ทางจังหวัดนครศรีธรรมราช มีการก่อพระเจดีย์ทราย เป็นสองตอน ตอนที่หนึ่งก่อที่ลานวัดในวันตรุษ และอีกตอนหนึ่งก่อที่ลานบ้านในวันมหาสงกรานต์ การก่อพระเจดีย์ทรายที่กลางลานบ้านเขาก่อแต่องค์เดียวเป็นส่วนรวม จะขนาดเล็กขนาดใหญ่ก็แล้วแต่กำลังที่จะไปหาบขนเอาทรายมาได้มากน้อยเท่าไหร่ สำหรับก่อ
ทราย ที่จะนำมาก่อนั้นเอามาจากลำห้วยลำธารหรือตามหาดทรายในแม่น้ำ แล้วแต่จะสะดวก การขนทรายก็ไม่ต้องจ้างใครที่ไหน พวกหนุ่มๆ สาวๆ และเด็กๆ นั่นแหละเป็นผู้โกยไปขนใส่กระบุงหาบคอนกันมาเวลาเย็น ปล่อยนกปล่อยปลา เรื่อง ปล่อยนกปล่อยปลานั้น ที่ทำกันมากคือปล่อยปลา เพราะในกรุงเทพมหานคร ถ้ามีเงินก็หาซื้อเอาไปปล่อยได้สะดวก ปลาที่ปล่อยโดยมากเป็นปลาชนิดที่เขาไม่กินกัน เพราะเป็นลูกปลาตัวเล็กๆ จับเอามามากๆ ได้สะดวกเพราะ มันตกคลักจับเอามาได้ก็รวมเอามาขายส่ง โดยมากเป็นลูกปลาหมอ เพราะมันอดทน ไม่ตายง่ายเหมือนปลาชนิดอื่น
การแห่ปลา พวกผู้ชายจะไม่แห่ปลาในตำบลของตน แต่มีประเพณีว่า ชายตำบลนี้ต้องเข้าร่วมแห่ปลาตำบลโน้นเพื่อเชื่อมสามัคคีกัน
เรื่อง ปล่อยนกปล่อยปลา ที่มักทำกันในวันสงกรานต์ เพราะก่อนหน้าวันสงกรานต์เป็นหน้าแล้งอากาศร้อนจัดน้ำแห้งขอดขาดตอนเป็น ห้วงๆ คงเหลือแต่ที่มีแอ่ง และหนองน้ำ ปลาก็ตกคลัก อีกไม่ช้าพอน้ำแห้งหมด ปลาเหล่านั้นก็จะต้องตาย ชาวบ้านจึงพากันไปจับปลาที่ตกคลัก ถ้าเป็นลูกปลาจะกินไม่ได้เนื้อได้หนังอะไรก็เลี้ยงไว้ในตุ่มเอาบุญ แล้วนำไปปล่อยในวันสงกรานต์ จึงเกิดเป็นประเพณีปล่อยปลา และลามมาถึงปล่อยนกด้วย บังสุกุลอิฐ นอก จากปล่อยนกปล่อยปลาในวันสงกรานต์แล้ว ยังมีประเพณีบังสุกุลอัฐญาติ ผู้ใหญ่ การบังสุกุลนั้นทำแต่ครั้งเดียวจะทำในวันสงกรานต์วันไหนแล้วแต่จะสมัครใจและ นัดหมายกัน โดยมากทำในวันสรงน้ำพระ หรือไม่ก็ทำกันใน วันท้ายวันสงกรานต์ ถ้าจะทำกันในวันแรกของสงกรานต์ เมื่อพระฉันเพลแล้ว ให้เสร็จธุระกันไปก็ได้ ตามประเพณีแต่ก่อนเขาไม่เอาอัฐิเข้าบ้าน ถ้าเป็นชาวบ้านมักฝังญาติผู้ใหญ่ไว้ใต้โคนต้นโพในวัด ฝังไส้ตรงเหลี่ยมไหนรากไหนของต้นโพเขาจำเอาไว้ และนิมนต์พระไปบังสุกุลที่ตรงนั้น เรื่อง บังสุกุลอัฐิในวันสงกรานต์ ถ้าว่าถึงประเพณีชาวฮินดูก็ไม่มี เพราะเมื่อเขาเผาศพแล้ว ตามปกติก็ทิ้งอัฐิ และเถ้าถ่านลงในแม่น้ำ โดยเฉพะแม่น้ำคงคา เพราะฉะนั้นเรื่องบังสุกุลอัฐิก็คงเป็นประเพณีเดิมของเรา ไม่ใช่ได้มาจากอินเดีย ในท้องถิ่นเราบางแห่ง เมื่อถึงวันสงกรานต์ เขามีพิธีบวงสรวงผีปู่ย่าตายาย ประจำหมู่บ้าน ซึ่งทางภาคอีสานเรียกว่า ผีปู่ตา และภาคพายัพเรียกว่า ผีปู่ย่า ภาคปักษ์ใต้เรียกว่า ผีตายาย และผีประจำเมืองคือผีหลักเมือง และ ผีเสื้อเมืองด้วย
ทาง ภาคกลางมีประเพณีอันเนื่องด้วยสงกรานต์อีกอย่างหนึ่งคือ ห้ามตักน้ำตำ ข้าวเก็บผักหักฟืน อันเป็นงานประจำวันครัวเรือน และเป็นงานอยู่ในหน้าที่ของผู้หญิง จะต้องเตรียมหาสำรองเอาไว้ให้พร้อม ก่อนถึงวันสงกรานต์ จะได้ไม่กังวล
สรงน้ำ รดน้ำ และสาดน้ำ
การ สรงน้ำพระพุทธรูป มีดอกไม้ ธูปเทียน ไปบูชา แล้วเอาน้ำอบไปประพรมที่องค์พระ ทำเป็นสังเขปพอเป็นพิธีว่าได้แสดงความเคารพบูชาและสรงน้ำท่านในวันขึ้นปี ใหม่แล้ว เมื่ออัญเชิญพระพุทธรูปมา ก็มีการแห่แหนกันอย่างสนุกสนาน สรงน้ำพระพุทธรูปแล้วก็มีการสรงน้ำพระสงฆ์ โดยมากมักเป็นสมภารเจ้าวัดเป็นการสรงน้ำจริงๆ สรงเสร็จครองไตรจีวรใหม่ที่อุบาสกอุบาสิกานำมาถวาย ท่านก็ขึ้นธรรมาสน์เทศน์อำนวยพรปีใหม่ให้แก่ผู้ที่ไปสรงน้ำ นอกจากนี้ยังมีการ รดน้ำญาติผู้ใหญ่ หรือผู้ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือ เพื่อขอศีลขอพรตามประเพณี
สรง น้ำพระเสร็จแล้ว ก็ชวนกันเล่นสนุก สาดน้ำ และเลี้ยงกันที่ลานวัด ของที่เลี้ยงมีขนมปลากริมไข่เต่า และลูกแมงลักน้ำกะทิ ซึ่งชาวบ้านเรี่ยไรออกเงิน และจัดทำเอามาเลี้ยงกันด้วยความสามัคคี
เหตุ ที่มีการสรงน้ำ รดน้ำ และสาดน้ำในวันสงกรานต์ เนื่องมาจากความเชื่อ ที่ว่าการสาดน้ำ จะช่วยให้ฝนฟ้าตกบริบูรณ์ประการหนึ่ง น้ำเป็นเครื่องหมายแห่งความอุดมสมบูรณ์ เมื่อมีน้ำการเพาะปลูก ทำไร่ไถนาก็ได้ผล ประการหนึ่ง และถือกันว่าน้ำเป็นเครื่องชำระมลทินให้สะอาดอีกประการหนึ่ง เหตุนี้น้ำจึงเป็นสิ่งที่ใช้ในพิธีต่างๆ อาบน้ำ ซัดน้ำ หรือรดน้ำ เมื่อทำพิธีสมรส อาบน้ำเมื่อตาย อาบน้ำเมื่อโกนจุก หรือบวชนาค ฯลฯ รดน้ำดำหัว
เครื่อง ดำหัวของภาคพายัพ ที่เขานำไปรดน้ำผู้ใหญ่ในวันพญาวัน นอกจากดอกไม้ธูปเทียนและผ้าใหม่สำหรับผลัด เขายังมีหมากพลูไปด้วย เพราะหมากพลูเป็นเครื่องแสดงความเคารพนับถือและเป็นเครื่องแสดงไมตรีจิตด้วย อีกโสดหนึ่งและยังมีน้ำส้มป่อยและน้ำอบ
น้ำ ส้มป่อยเป็นของใช้แทนสบู่ที่เมื่อก่อนยังไม่มีสิ่งนี้ สำหรับสระผมและชำระร่างกาย ผู้ใหญ่เมื่อรับเครื่องดำหัวแล้ว ก็เอาน้ำส้มป่อยและน้ำอบประพรมบนศีรษะพอเป็นกิริยา ว่าได้ดำน้ำสระหัวแล้ว ต่อจากนั้นก็ให้ศีลให้พร กันตามประเพณี
อนึ่ง ในวันนี้บางคนยังนำเสื้อผ้าของเขาสำรับหนึ่ง ต่างคนเอาบรรจุลงขันของตน พร้อมด้วยเครื่องบริขาร มีกล้วย มีอ้อย มีใบขนุน มีใบแก้วเป็นต้น นำไปตั้งที่ลานวัดภายในมณฑลวงด้ายสายสิญจน์ แล้วพระสงฆ์ จะประพรมเสื้อผ้าเหล่านั้นด้วยน้ำมนต์ เพื่อความบริสุทธิ์ของเสื้อผ้าเพื่อใช้ในปีใหม่ เสร็จแล้วนำกลับมาเก็บไว้อย่างนั้นหลายๆ วัน //www.pochnews.com/ ขอขอบคุณ - //www.songkran.net/th/history.php ขอขอบคุณ - บริษัทสยามแกลเลอรี่ จำกัด และสำนักพิมพ์ผ่านฟ้าพาณิชย์ เอื้อเฟื้อภาพประกอบ
Create Date : 11 เมษายน 2552 |
Last Update : 11 เมษายน 2552 23:29:07 น. |
|
98 comments
|
Counter : 1496 Pageviews. |
|
|
|
โดย: อิ่ม_Aim วันที่: 11 เมษายน 2552 เวลา:5:51:23 น. |
|
|
|
โดย: sirivinit วันที่: 11 เมษายน 2552 เวลา:6:24:20 น. |
|
|
|
โดย: I_sabai วันที่: 11 เมษายน 2552 เวลา:6:40:30 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 11 เมษายน 2552 เวลา:7:21:44 น. |
|
|
|
โดย: จันทร์ไพลิน วันที่: 11 เมษายน 2552 เวลา:8:40:24 น. |
|
|
|
โดย: พ่อระนาด วันที่: 11 เมษายน 2552 เวลา:9:05:20 น. |
|
|
|
โดย: นู๋ดีค่ะ (kun_isara ) วันที่: 11 เมษายน 2552 เวลา:9:11:16 น. |
|
|
|
โดย: ดาวจ๋าคนซนๆค่ะ (satineesh ) วันที่: 11 เมษายน 2552 เวลา:10:10:33 น. |
|
|
|
โดย: พรหมญาณี วันที่: 11 เมษายน 2552 เวลา:13:00:42 น. |
|
|
|
โดย: อิ่ม_Aim วันที่: 11 เมษายน 2552 เวลา:14:02:53 น. |
|
|
|
โดย: coji วันที่: 11 เมษายน 2552 เวลา:14:57:23 น. |
|
|
|
โดย: busabap วันที่: 11 เมษายน 2552 เวลา:15:15:11 น. |
|
|
|
โดย: พ่อระนาด วันที่: 11 เมษายน 2552 เวลา:15:20:21 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 11 เมษายน 2552 เวลา:15:24:45 น. |
|
|
|
โดย: พรหมญาณี วันที่: 11 เมษายน 2552 เวลา:15:38:16 น. |
|
|
|
โดย: วิค่ะ IP: 203.144.180.65 วันที่: 11 เมษายน 2552 เวลา:17:30:02 น. |
|
|
|
โดย: รัชชึ่ (รัชชี่ ) วันที่: 11 เมษายน 2552 เวลา:18:38:12 น. |
|
|
|
โดย: พลังชีวิต วันที่: 11 เมษายน 2552 เวลา:19:45:21 น. |
|
|
|
โดย: tanjira วันที่: 11 เมษายน 2552 เวลา:19:52:24 น. |
|
|
|
โดย: redclick วันที่: 11 เมษายน 2552 เวลา:21:33:46 น. |
|
|
|
โดย: Bow (beaubeauky ) วันที่: 11 เมษายน 2552 เวลา:22:16:37 น. |
|
|
|
โดย: ญามี่ วันที่: 11 เมษายน 2552 เวลา:23:29:53 น. |
|
|
|
โดย: Bow (beaubeauky ) วันที่: 12 เมษายน 2552 เวลา:1:00:42 น. |
|
|
|
โดย: วิค่ะ IP: 203.144.180.65 วันที่: 12 เมษายน 2552 เวลา:5:18:44 น. |
|
|
|
โดย: tanjira วันที่: 12 เมษายน 2552 เวลา:7:05:20 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 12 เมษายน 2552 เวลา:7:58:07 น. |
|
|
|
โดย: redclick วันที่: 12 เมษายน 2552 เวลา:8:49:29 น. |
|
|
|
โดย: พ่อระนาด วันที่: 12 เมษายน 2552 เวลา:9:15:59 น. |
|
|
|
โดย: ดาวจ๋าคนซนๆค่ะ (satineesh ) วันที่: 12 เมษายน 2552 เวลา:9:43:01 น. |
|
|
|
โดย: redclick วันที่: 12 เมษายน 2552 เวลา:10:55:05 น. |
|
|
|
โดย: พ่อระนาด วันที่: 12 เมษายน 2552 เวลา:13:10:03 น. |
|
|
|
โดย: tanjira วันที่: 12 เมษายน 2552 เวลา:15:17:01 น. |
|
|
|
โดย: redclick วันที่: 12 เมษายน 2552 เวลา:17:03:54 น. |
|
|
|
โดย: ร่มไม้เย็น วันที่: 12 เมษายน 2552 เวลา:17:39:30 น. |
|
|
|
โดย: tanjira วันที่: 12 เมษายน 2552 เวลา:19:42:48 น. |
|
|
|
โดย: พ่อระนาด วันที่: 12 เมษายน 2552 เวลา:20:23:45 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 12 เมษายน 2552 เวลา:20:57:50 น. |
|
|
|
โดย: ญามี่ วันที่: 12 เมษายน 2552 เวลา:21:37:36 น. |
|
|
|
โดย: พรหมญาณี วันที่: 12 เมษายน 2552 เวลา:22:18:50 น. |
|
|
|
โดย: วิค่ะ IP: 203.144.180.65 วันที่: 12 เมษายน 2552 เวลา:22:37:08 น. |
|
|
|
โดย: redclick วันที่: 12 เมษายน 2552 เวลา:23:01:47 น. |
|
|
|
โดย: พ่อระนาด วันที่: 12 เมษายน 2552 เวลา:23:48:30 น. |
|
|
|
โดย: พลังชีวิต วันที่: 13 เมษายน 2552 เวลา:0:12:38 น. |
|
|
|
โดย: pinkyrose วันที่: 13 เมษายน 2552 เวลา:1:39:01 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 13 เมษายน 2552 เวลา:7:00:05 น. |
|
|
|
โดย: pk12th วันที่: 13 เมษายน 2552 เวลา:10:11:40 น. |
|
|
|
โดย: redclick วันที่: 13 เมษายน 2552 เวลา:11:29:24 น. |
|
|
|
โดย: sirivinit วันที่: 13 เมษายน 2552 เวลา:12:22:23 น. |
|
|
|
โดย: sirivinit วันที่: 13 เมษายน 2552 เวลา:12:22:54 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 13 เมษายน 2552 เวลา:12:45:09 น. |
|
|
|
โดย: ญามี่ วันที่: 13 เมษายน 2552 เวลา:13:14:34 น. |
|
|
|
โดย: อิ่ม_Aim วันที่: 13 เมษายน 2552 เวลา:15:07:25 น. |
|
|
|
โดย: redclick วันที่: 13 เมษายน 2552 เวลา:16:25:38 น. |
|
|
|
โดย: แม่ภูมิ (Artagold ) วันที่: 13 เมษายน 2552 เวลา:19:32:58 น. |
|
|
|
โดย: ร่มไม้เย็น วันที่: 13 เมษายน 2552 เวลา:23:01:25 น. |
|
|
|
โดย: sirivinit วันที่: 14 เมษายน 2552 เวลา:6:09:23 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 14 เมษายน 2552 เวลา:8:07:06 น. |
|
|
|
โดย: redclick วันที่: 14 เมษายน 2552 เวลา:8:40:06 น. |
|
|
|
โดย: Jolisa วันที่: 14 เมษายน 2552 เวลา:9:57:19 น. |
|
|
|
โดย: พรหมญาณี วันที่: 14 เมษายน 2552 เวลา:10:20:55 น. |
|
|
|
โดย: วิค่ะ IP: 203.144.180.65 วันที่: 14 เมษายน 2552 เวลา:12:07:13 น. |
|
|
|
โดย: tanjira วันที่: 14 เมษายน 2552 เวลา:12:20:33 น. |
|
|
|
โดย: redclick วันที่: 14 เมษายน 2552 เวลา:16:54:01 น. |
|
|
|
โดย: ญามี่ วันที่: 14 เมษายน 2552 เวลา:17:14:54 น. |
|
|
|
โดย: พ่อระนาด วันที่: 14 เมษายน 2552 เวลา:18:35:51 น. |
|
|
|
โดย: ดาวจ๋า คนซนๆค่ะ (satineesh ) วันที่: 14 เมษายน 2552 เวลา:18:49:02 น. |
|
|
|
โดย: redclick วันที่: 14 เมษายน 2552 เวลา:19:58:26 น. |
|
|
|
โดย: กะก๋า (กะว่าก๋า ) วันที่: 14 เมษายน 2552 เวลา:21:13:33 น. |
|
|
|
โดย: pinkyrose วันที่: 14 เมษายน 2552 เวลา:22:18:19 น. |
|
|
|
โดย: ร่มไม้เย็น วันที่: 14 เมษายน 2552 เวลา:22:47:23 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 15 เมษายน 2552 เวลา:6:43:56 น. |
|
|
|
โดย: แม่ภูมิ (Artagold ) วันที่: 15 เมษายน 2552 เวลา:7:28:34 น. |
|
|
|
โดย: พ่อระนาด วันที่: 15 เมษายน 2552 เวลา:7:45:14 น. |
|
|
|
โดย: redclick วันที่: 15 เมษายน 2552 เวลา:9:25:32 น. |
|
|
|
โดย: วิค่ะ IP: 203.144.180.65 วันที่: 15 เมษายน 2552 เวลา:9:41:44 น. |
|
|
|
โดย: วิค่ะ IP: 203.144.180.65 วันที่: 15 เมษายน 2552 เวลา:12:11:37 น. |
|
|
|
โดย: tanjira วันที่: 15 เมษายน 2552 เวลา:13:56:34 น. |
|
|
|
โดย: redclick วันที่: 15 เมษายน 2552 เวลา:14:28:37 น. |
|
|
|
โดย: redclick วันที่: 15 เมษายน 2552 เวลา:15:12:49 น. |
|
|
|
โดย: พรหมญาณี วันที่: 15 เมษายน 2552 เวลา:15:33:21 น. |
|
|
|
โดย: ญามี่ วันที่: 15 เมษายน 2552 เวลา:16:01:00 น. |
|
|
|
โดย: อิ่ม_Aim วันที่: 15 เมษายน 2552 เวลา:16:12:49 น. |
|
|
|
โดย: นู๋ดีค่ะ (kun_isara ) วันที่: 15 เมษายน 2552 เวลา:19:07:44 น. |
|
|
|
โดย: นู๋ดีค่ะ (kun_isara ) วันที่: 15 เมษายน 2552 เวลา:19:09:20 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 15 เมษายน 2552 เวลา:21:13:56 น. |
|
|
|
โดย: I_sabai วันที่: 15 เมษายน 2552 เวลา:22:58:52 น. |
|
|
|
โดย: วิค่ะ IP: 203.144.180.65 วันที่: 15 เมษายน 2552 เวลา:23:26:12 น. |
|
|
|
โดย: ดาวจ๋าคนซนๆค่ะ (satineesh ) วันที่: 16 เมษายน 2552 เวลา:1:20:34 น. |
|
|
|
โดย: praewa cute วันที่: 16 เมษายน 2552 เวลา:1:37:03 น. |
|
|
|
|
|
|
|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
สวัสดีค่ะ คุณบุษฯ
บีจี สวยจังเลยค่ะ
มีความสุขมากมากนะคะ
ไปเที่ยวไหนก็ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพค่ะ