|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
สายน้ำไม่ไหลกลับ..............
ขอแสดงความเสียใจให้กับชีวิตตัวเองด้วย.............เพราะข้อความใน blog ที่บรรจงเขียนไว้ ...หายไปหมด อาภัพสิ้นดี..ชีวิต
ภาพชายชราผมสีดอกเลา ฟันหักเกือบหมด ผอมบางแทบหนังติดระดูก ผิวลอกเป็นขุย สวมเสื้อยืดสีขาวหม่น ท่อนล่างมีผ้าผืนเก่าคลุมปิดกาย ขาด้านขวาขยับไม่ได้ ความจำสับสน หลง ๆ ลืม ๆ และก้าวร้าวในบางครั้ง.... ช่างทุกข์ทรมาน โหดร้ายต่อหัวอกผู้ที่เป็นลูกอดกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ได้ เมื่อนึกถึงวันคืนที่ผ่านมา..........วันที่พ่อยังแข็งแรงดี วันที่พ่อยังเดินได้
3 -4 เดือนที่ผ่านมา หลังจากที่พ่อล้มขาข้างขวากระแทก กระดูกต้นขาขวาหัก ลูกกับแม่และหมอตัดสินใจที่จะไม่ผ่าตัดพ่อด้วยจะได้ไม่คุ้มกับเสีย พ่อถูกตรึงถ่วงน้ำหนักที่ขาด้วยน้ำหนัก 5 กิโลกรัม นาน 1 เดือน.......ด้วยความทรมาน ซึ่งไม่ต่างอะไรกับลูก ๆ ที่ต้องทรมานในความรู้สึก......อาการของพ่อทรุดหนักลงด้วยโรคสมองเสื่อม หมอให้กลับบ้านมาถ่วงน้ำหนักอยู่ที่บ้านตามมีตามเกิด และตามกำลังแห่งทรัพย์ มีทีมผู้ดูแลมาเยี่ยม 1 ครั้ง พร้อมกับข้อมูลในตำราเรียนสะเปะสะปะ........ที่ใช้ไม่ได้จริงในเรือนของพ่อ
แม่เป็นผู้ที่รับภาระหนักที่สุด ฉันทำงานในจังหวัดที่ห่างไกลกับบ้านเกิด การส่งเงินให้เป็นค่าใช้จ่ายในบ้านและการดูแลพ่อ จึงเป็นทางออกทางเดียวของฉัน แม่อดนอนเฝ้าพ่อทุกวันไม่มีวันหยุดทั้งกลางวันและกลางคืน แม่เป็นผู้ที่ต้องทำความสะอาดให้พ่อทุกครั้งที่พ่อขับถ่าย แม่ใช้มือเปล่าของแม่ทำความสะอาดให้ ฉันต้องเตือนแม่ทุกครั้ง เหตุผลของแม่คือประหยัดให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ อาหารทุกมื้อแม่เป็นผู้เตรียมและป้อนพ่อเองด้วยมือ ผ้าทุกชิ้นที่ใช้กับพ่อแม้นจะเปื้อนสิ่งสกปรกแม่ไม่เคยรังเกียจ........ความยากจน ความไม่มีหน้าตาทางสังคมจึงไม่เป็นอุปสรรคต่อฉันสักนิด ตามใดที่ฉันยังมีแม่.....หญิงผู้ที่เป็นที่รัก.....ของลูกทุกคนในโลกนี้..........ฉันรู้สึกอบอุ่นและมั่นใจตลอดไป
ชีวิตของฉันที่ผ่านมา ฉันได้เห็นแม่ทะเลาะกับพ่อบ่อยครั้ง ด้วยเรื่องต่าง ๆ นา ๆ จนฉันไม่คิดจะจำ.........จนเป็นเรื่องธรรมดาที่ฉันชินชาตั้งแต่เด็ก แต่ว่าความรักของแม่ที่มีต่อพ่อ ช่างมากมายจนฉันคิดไม่ถึง.........ไม่เพียงแต่พ่อ ยังมีฉันอีกคนที่แม่ต้องดูแล ยามเมื่อฉันกลับไปเยี่ยมบ้านทุกเดือน แม้นฉันโตจนหมาเลียตูดไม่ถึงแล้ว................ความรักที่แท้จริง เห็นได้ตอนที่เจ็บไข้ได้ป่วย ของคู่ทุกข์ คู่ยากอย่างพ่อแม่ฉันกระมัง
ความจริงพ่อถูกโรคต่าง ๆ รุมเร้ามานานหลายปี จนบางครั้งฉันคิดว่าพ่อจะอยู่กับเราอีกไม่เกิน 5 ปีด้วยซ้ำ เมื่อ 20 ปีที่แล้วพ่อเป็นความดัน และ เบาหวาน พ่อซื้อยากินเองที่คลินิกไม่เคยตรวจ 12 ปีที่แล้ว พ่อเป็นฝีที่ตับ ตอนที่ฉันเริ่มงานได้ 3 ปี ฉันรักษาพ่อจนไม่มีเงินเหลือ จนฉันเปลี่ยนไปรับราชการ 10 ปีที่แล้วพ่อใส่เครื่องช่วยหายใจ ด้วยโรคหัวใจวายเลือดคั่ง ตอนฉันไปหาพ่อที่โรงพยาบาลพ่อไม่รู้สึกตัวแล้ว ผู้ดูแลดูแลได้อย่างเลว เธอไม่รู้สึกนิด ..... พ่อรอดมาอีกครั้ง จากนั้นพ่อก็เข้า ๆ ออก ๆ โรงพยาบาลด้วยโรคเล็ก ๆ น้อย ๆ
อาการของพ่อดีอยู่หลายปี .......... พ่อกินยาอย่างสม่ำเสมอ แรก ๆ พ่อเดินไปตรวจกับแพทย์ได้ ช่วงหลังไม่ค่อยได้ไปหาหมอ ฉันส่งยาให้พ่อทางไปรษณีย์ ความจนทำให้บ้านเราไม่มีรถยนต์ที่จะพาพ่อไปหาหมอได้ พ่อไม่เคยโกรธ ฐานะทางเศรษฐกิจของเรา มีกิน มีเก็บบ้างเล็กน้อย แต่ไม่มีเงินซื้อรถยนต์ พ่อไม่อยากให้ลูกเป็นหนี้ใคร
กฏเกณฑ์แห่งกาลเวลาได้ทำหน้าที่อย่างเที่ยงตรงและแม่นยำที่สุด ไม่มีผู้ใดจะหนีวัฎจักรแห่งการเกิด และ การดับไปได้ ระยะหลังพ่อเริ่มหลง ๆ ลืม ๆ กล่าวหาว่าลูก ๆ ขโมยเงินในกระเป๋า ตื่นมาต้มน้ำ หุงข้าว ตอนเที่ยงคืน หวาดระแวงกลัวคนมาทำร้าย ฉันบอกกับแม่อย่างใจเย็นที่สุดว่า พ่อกำลังเป็นโรคสมองเสื่อม
วันนี้พ่อยังมีลมหายใจ เคียงข้างกายแม่อยู่ แต่การเจ็บป่วยหลายโรค ร่วมทั้งโรคสมองเสื่อม ทำให้แม่ดูแลพ่อได้ยากเต็มที พ่อช่วยเหลือตนเองได้น้อย พ่ออารมณ์เสียบ่อย ๆ ไม่ฟังใคร บ่นอยากตายบ่อยครั้ง ไม่ยอมกินข้าว ไม่ยอมอาบน้ำ ไม่ยอมกินยา................พ่อผ่ายผอมลง พลังงานที่ได้รับไม่เพียงพอ ข้าวแต่คำ น้ำแต่ละอึกยากยิ่งต่อคนดูแล................ฉันอยากเอาพ่อใส่สายยางที่จมูก และให้อาหาร แต่ก็ต้องตามมาด้วยการผูกยึดมือพ่อไม่ให้ดึงสายออก............แม่ขอให้ลองป้อนดูก่อนทุกครั้ง ไม่อยากให้พ่อเจ็บทรมาน ฉันเองก็เห็นด้วยกับแม่
ความพยายามในการดูแลพ่อของครอบครัวฉัน อาจจะไม่สัมฤทธิ์ดังที่ลูก ๆ ตั้งใจไว้ กฏแห่งกาลเวลาและกฏแห่งธรรมชาติ กำลังมาเตือนให้ฉันทำใจรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างอดทน การเติบโตของฉันหรืออีกหลายคนต่างก็มีบทเรียนอันร้าวรานและแผลฉกรรจ์ แม้นว่ามันจะทำให้ฉันเข้มแข็งขึ้น... ทุก ๆ อณูแห่งกาลเวลาต่างก็แต่งแต้มสีสรรอันร้อนแรงหรือบางครั้งก็มืดดำ ฉีกเนื้อเอาเกลืออุด เพื่อสอนให้ฉันยอมรับกับความจริงอันโหดร้ายแห่งโลกใบนี้เสมอ น้ำตาเท่านั้นหรือที่จะดับความทุกข์โศกนี้ได้
ชีวิตของพ่อที่ผ่านมาอาจเหมือนสายน้ำ ที่ไหลไปแต่ไม่เคยไหลกลับ เฉกเช่นกับทุกสรรพชีวตในโลกนี้ เวลาหมุนเวียนกลืนกินทุกชีวิตนี้ด้วยวันคืน บั่นทอนให้ชีวิตโรยราล่วงไปประหนึ่งใบไม้ร่วง ฉันและใครก็มิอาจควบคุมโลกได้ การนั่งย้อนดูเงาในสายน้ำในวันนี้ ก็คงกระทำได้แต่การระลึกถึงวันเวลาเก่า ๆ ให้ย้อนคิดถึงทั้งสิ่งดีและสิ่งเลวปะปนกันไป...อันเป็นธรรดาโลกมีสีขาว ย่อมมีสีดำ ความแวววับแห่งสายน้ำได้ทิ่มแทงในหัวอก สอนให้แต่ละวันที่ผ่านไปจงได้บรรจงแต่งแต้มความดีงามให้เกิดขึ้นในชีวิตของตน..........อย่างน้อยก็ให้คู่ควรแห่งการระลึกถึงของคนที่อยู่ภายหลัง..... ชีวิตที่ผ่านไปคือ...สายน้ำไม่ไหลกลับ
Create Date : 10 มีนาคม 2551 |
Last Update : 11 มีนาคม 2551 8:44:46 น. |
|
0 comments
|
Counter : 533 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|