人生は 山もあるし、谷もあります ^_^ invisible tracker
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2554
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
3 สิงหาคม 2554
 
All Blogs
 
トイレット



: : :
มาต่ออีกเรื่องค่ะ . . .
ที่ไปดูในเทศกาลหนังเดียวกับโพสต์ที่แล้ว
เรื่องนี้กำกับโดยผู้กำกับชาวญี่ปุ่นคนโปรดของเรา Naoko Ogigami
ที่เคยฝากผลงานอย่าง Kamome Shokudou, Megane, Suika ไว้แล้ว

Toilet เป็นเรื่องราวของพี่น้องชาวอเมริกันสามคนที่แม่เพิ่งเสียชีวิต
(ส่วนพ่อไม่ได้พูดถึง) แต่ก่อนเสียไป แม่กลับไปพายายซึ่งเป็นชาวญี่ปุ่น
มาอยู่ด้วย ปัญหาก็คือ (โอ) บ้าจัง ไม่พูดภาษาอังกฤษแม้แต่คำเดียว
และพี่น้องทั้งสามก็พูดญี่ปุ่นไม่ได้เช่นกัน (ยกเว้น เกี๊ยวซ่า ซูชิ แค่นั้น)

หนังเริ่มที่ฉากพิธีฝังศพของแม่ที่เพิ่งเสียชีวิตที่สุสานแบบฝรั่ง
เสียงเรย์-พี่ใหญ่สุดบรรยายสิ่งที่เกิดขึ้น และคำพูดแม่ที่ฝากฝังให้ดูแลน้องและยาย
ในบรรดาพี่น้องสามคน เรย์ดูจะเป็นคนที่ไว้ใจได้มากที่สุด
แม้จะออกดูเป็นเด็กเรียนหน่อย หวีผมเรียบแปล้ติดหัว
ใส่ชุดไปทำงานเหมือนเดิมทุกวัน (จริงๆแล้วมีเสื้อแบบเดียวกันเจ็ดตัว)
และเดินเป็นเส้นตรง เป็นคนไม่ยืดหยุ่น แต่ชอบสะสมตุ๊กตาหุ่นยนต์ญี่ปุ่น

น้องคนรอง มอรี่ เป็นคนที่มีอาการประสาทหน่อยๆ
ไม่สามารถออกจากบ้านคนเดียวได้ ออกไปแล้วจะเกิดอาการแพนิค
ส่วนน้องสาวคนสุดท้อง ลิซ่า เรียนวิชาเกี่ยวกับการแสดง
เป็นเด็กเฮ้วๆ ไม่หญิงจ๋า และมีความคิดเป็นของตัวเอง
และสุดท้าย (โอ)บ้าจังของเรา ซึ่งไม่ยอมปริปากพูดอะไรแม้แต่คำเดียว
หลังแม่เสียชีวิตไป

ดูเผินๆทีแรกเหมือนจะเป็นครอบครัวไม่สมประกอบเอาซะเลย
พี่ชายในคราบโอตากุ กับน้องชายขี้กลัว และน้องสาวที่ยังเรียนอยู่
กับยายที่ไม่พูดภาษาอังกฤษห้อยท้ายมาหนึ่งคน

แต่เมื่อเรื่องดำเนินไปเรื่อยๆ มันกลับแสดงให้เห็นภาพของครอบครัวที่น่ารัก
และความอบอุ่นในความไม่สมประกอบที่มองผิวเผินจากด้านนอก

เริ่มจาก เรย์ที่เป็นคนเดียวที่แคร์ว่า ทำไม(โอ)บ้าจังต้องถอนหายใจหลัง
ออกจากห้องน้ำตอนเช้าทุกครั้ง ถึงขนาดเอาไปเล่าให้เพื่อนร่วมงานฟัง
และเพื่อนร่วมงานแสนรู้ชาวอินเดียก็เลย บรรยายถึงสรรพคุณของส้วมญี่ปุ่น
ให้ฟัง ซึ่งทำให้เรย์ต้องช่างใจว่า จะใช้เงินประกันที่ได้มา ไปซื้อส้วมไฮเทค
อันใหม่ให้(โอ)บ้าจัง หรือจะเอาไปซื้อหุ่นยนต์ที่ตัวเองอยากได้มานาน
ซึ่งทั้งสองอย่างราคาสามพันเหรียญเท่ากันพอดี

ส่วนมอรี่ที่เป็นคนขี้กลัว และประสาทเสีย ต้องอยู่ในบ้านตลอดเวลา
วันนึงตอนจัดห้องให้เรย์ กลับไปเจอจักรเย็บผ้าอันเก่าที่แม่เคยใช้
เลยขอให้(โอ)บ้าจังช่วยดูและซ่อมให้หน่อย จนใช้งานได้
จากนั้นมอรี่จึงอยากซื้อผ้ามาเย็บผ้าเหมือนที่แม่เคยทำ
เลยไปขอตังค์ยาย (ซึ่งเป็นฉากที่ขำมาก เพราะยายพูดอังกฤษไม่ได้)
แต่ยายก็เข้าใจ และให้เงินไปซื้อ

หลังซื้อผ้ามาแล้ว มอรี่ก็เริ่มเย็บอย่างไม่หยุดหย่อน และดูเหมือน
การเย็บผ้าจะช่วยเยียวยาอาการทางจิตของมอรี่ จนสามารถกลับไป
เล่นเปียโนได้อีกครั้ง (หนังเฉลยในช่วงหลังว่า มอรี่เป็นนักเล่นเปียโนเข้าขั้น
จีเนียส แต่เกิดประสาทเสียหลังการแข่งเปียโนครั้งนึง)

ลิซ่ากับ(โอ)บ้าจัง สองคนที่ไม่น่าจะสามารถมีอะไรที่แชร์กันได้
แต่ก็กลับมีจนได้ (จะเป็นอะไรต้องดูในหนังเอง) แถมลิซ่ายังได้คำแนะนำ
จากมอรี่ ตอนต้องการเงินไปร่วมประกวดแข่งแอร์กีต้าร์
ลิซ่าบอกมอรี่ว่า ยายไม่เข้าใจภาษาอังกฤษ แต่มอรี่ตอบว่า
yes, she understands...if you look her in the eye and tell her honestly
she'll understand. but you have to be very sincere.
เราชอบช็อตนี้มาก เพราะมันเป็นเรื่องจริง ถึงเราจะไม่รู้ภาษา แต่ความจริงใจ
มันสื่อถึงกันได้

หนังยังรวมมุขตลกลึก และมุมมองของคนญี่ปุ่นแบบกัดๆนิดหน่อยต่อ
พฤติกรรมคนตะวันตกที่มีต่ออะไรที่เป็นญี่ปุ่นๆ เช่น เรื่องอาหาร
รวมทั้งส่งสารบอกอีกหลายๆเรื่องเกี่ยวกับๆญี่ปุ่น เช่น ส้วมสุดไฮเทคของ
ญี่ปุ่นที่มีระบบฉีดล้างเสร็จ

Motai Masako คุณป้าใส่แว่น นักแสดงเจ้าเก่าของผู้กำกับคนนี้
เหมาะกับบทแบบนี้ ที่ไม่ต้องพูดเยอะ แต่ใช้สายตา และสีหน้าสื่อ
จนตอนนี้เราชินกับภาพลักษณ์แบบนี้ว่าเป็นตัวจริงของแกไปแล้ว
เมื่อวันก่อนได้ดูหนังเรื่องนึงที่แกแสดงเป็นบทยายๆอย่างงี้เหมือนกัน
แต่ของผู้กำกับคนอื่น มีบทพูดตามปกติ รู้สึกไม่ค่อยชิน :O

. . .
ในหนังเรื่องนี้เราชอบ:
คำพูดของเรย์ตอนเปิดเรื่องขึ้นมา
'I think life is all about enduring constant stream of boredom'

เสียงเปียโนของมอรี่ ทำให้หนังดูมีสีสัน เป็นเพลงที่มีพลังและเพราะในเวลา
เดียวกัน

ความอบอุ่นขอบครอบครัวที่ดูเผินๆเหมือนจะประหลาดแต่จริงๆแล้วก็เป็น
ครอบครัวที่ปกติที่สุดครอบครัวหนึ่ง

ความอ่อนโยนภายใต้รูปลักษณ์ที่ดูเย็นชาของเรย์ ความจีเนียสภายใต้
รูปลักษณ์ที่ดูประหลาดของมอรี่ ความแข็งแกร่งภายใต้ภาพของวัยรุ่น
ไร้สมองของลิซ่า และความอบอุ่นและเป็นที่พักพิงของลูกหลานแบบที่ยาย
ควรจะเป็นภายใต้เปลือกที่ดูไม่ใส่ใจสิ่งรอบข้างของ(โอ)บ้าจัง

ตอนดูเรื่อง Shokudou Katatsumuri เสร็จก็ว่าดีแล้ว
แต่พอดู Toilet ต่อสองสามวันถัดมา รู้สึกว่า ผู้กำกับฝีมือคนละชั้นกันเลย
ถ้าใครชอบหนังที่บทน้อย แต่สื่อมาก และอารมณ์ขันแบบเสียดสีลึกๆ
น่าจะชอบ Toilet แนะนำให้ลองหามาดูนะคะ


Create Date : 03 สิงหาคม 2554
Last Update : 3 สิงหาคม 2554 22:30:54 น. 4 comments
Counter : 658 Pageviews.

 
อ้าว ป้าคนนี้อีกแล้วเหรอ

เรื่อง glasses ป้าเค้าก็แสดงค่ะ


โดย: bag by pat IP: 125.24.52.8 วันที่: 5 สิงหาคม 2554 เวลา:15:05:45 น.  

 
^
^
ใช่ค่ะ แกเป็น muse ของผู้กำกับคนนี้ค่ะ
เรื่องนี้สนุกมากเลยค่ะ ขำๆไม่เรื่อยๆมากเท่าเรื่อง Megane
แถมบทพูดส่วนใหญ่เป็นภาษาอังกฤษ เพราะตัวละครเป็นฝรั่ง
ไม่ต้องใช้ซับไตเติ้ล สบายเรา ^^


โดย: bumu IP: 68.173.102.254 วันที่: 6 สิงหาคม 2554 เวลา:18:37:49 น.  

 
อ้อ นึกออกอีกเรื่องค่ะ..

เคยเห็นป้าแกเป็นนางแบบเสื้อผ้าสไตล์แบบที่แก ๆ มักใส่แสดง ในหนังสืองานฝีมือญี่ปุ่นด้วยค่ะ น่าจะเป็นแกทั้งเล่มเลยด้วยค่ะ



โดย: bag by pat IP: 125.24.71.2 วันที่: 7 สิงหาคม 2554 เวลา:22:31:34 น.  

 
อ้อ นึกออกอีกเรื่องค่ะ..

เคยเห็นป้าแกเป็นนางแบบเสื้อผ้าสไตล์แบบที่แก ๆ มักใส่แสดง ในหนังสืองานฝีมือญี่ปุ่นด้วยค่ะ น่าจะเป็นแกทั้งเล่มเลยด้วยค่ะ



โดย: bag by pat IP: 125.24.71.2 วันที่: 7 สิงหาคม 2554 เวลา:22:31:35 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Bumu_Chan
Location :
* United States

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




"All man's miseries derive from not being able to sit quietly in a room alone."
- Blaise Pascal
Friends' blogs
[Add Bumu_Chan's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.