ความทรงจำที่ธรรมมาตา สวนโมกข์ ไชยา : เดือนแรก ช่วงเวลาของการปรับตัว..
สวดมนต์ เรียน ออกกำลังกาย กิน นอน ..แตกต่างไปจากชีวิตในโลกภายนอก
วันที่ 1 กรกฎาคม ถึง 31 ตุลาคมเป็นช่วงเวลาที่ได้รับโอกาสอันดีจากมือที่มองไม่เห็นและอีกหลายๆมือจากหลายๆคนที่ช่วยจัดสรรให้ได้ไปใช้ชีวิตกับการฝึกอบรมตนที่ธรรมมาตา สวนโมกข์ ไชยา กินอาหารสองมื้อในวันธรรมดา และมื้อเดียวในวันพระ ตื่นตีสี สวดมนต์ ปฏิบัติภาวนา เรียนปริยัติ กายบริหาร ทำงานสวน กวาดใบไม้ใบหญ้า เก็บกวาดอาคารสถานที่ นอนสามทุ่ม และมีกิจกรรมพิเศษที่ไม่นอนเลยยี่สิบสี่ชั่วโมงสองครั้ง และยี่สิบชั่วโมงอีกสองครั้ง ก่อนไป หลายคนที่ได้ยินข่าวก็ตกอกตกใจ ถามว่ามีปัญหาอะไรหรือปล่าว จะไปอยู่ได้ยังไงตั้งสี่เดือน พอกลับมา หลายคนก็ถามคำถามเดียวกันแบบก่อนไป แต่มีเพ่ิมเติมอีกว่า แล้วได้อะไรกลับมาบ้าง ชีวิตดีขึ้นบ้างไหม ..บางคนว่าไปอยู่วัดตั้งนาน ไม่เห็นจะดีขึ้นเลย (เฮ่อ การออกมาจากวัดไม่ได้การันตีว่าข้อยจะประเสริฐกว่าคนอื่นนี่นา แค่รู้ตัวว่ายังมีตัวกูใหญ่นักหนา น่าเกลียดเหลือทน แล้วเข้าไปเรียนรู้วิธีฝึกตน ในขณะที่คนดีๆที่กล่าวหาว่าเราน่าเกลียดมากกกก ไม่จำเป็นต้องไปเรียนรู้เพราะเขาดีเลิศอยู่แล้ว และมีบางคนคาดคั้นจริงจัง(ขอใช้คำว่าเอาเป็นเอาตาย)ให้ได้คำตอบ เผื่อว่าอยากจะไปลองบ้าง ไม่รู้จะพูดอย่างไร นอกจากต้องทำเอง เหมือนจะให้บอกว่าแกงไตปลามีรสชาติอย่างไร อร่อยไหม ก็ยากที่จะบอก ต้องกินเองถึงจะรู้ แต่สิ่งที่แมลงจะบอกได้ มีแค่ว่าแมลงได้ใช้ชีวิตสี่เดือนทำอะไรบ้าง เผื่อว่าจะมีใครสนใจไปฝึกหัดตนแบบที่แมลงได้มีโอกาส แต่ผลลัพธ์ของการกระทำคงจะยากที่จะเล่าได้ ..มันเป็นเรื่องเฉพาะตน
บรรยากาศดีๆที่ยังคงแจ่มชัดในความทรงจำ คือ ที่ศาลาไม้มีน้ำล้อมรอบที่มีช่ือเรียกว่าศาลาย่าเคลื่อน(ย่าเคลื่อนเป็นแม่ของท่านพุทธทาส เป็นผู้ที่มีส่วนสำคัญให้ท่านพุทธทาสได้ทำงานทางธรรมอย่างเต็มที่)หลังนี้ ตอนกลางวันมีบรรยากาศงดงามมาก เราได้มีโอกาสใช้ศาลานี้ เพ่ือสวดมนต์ทำวัตรเย็น บรรยากาศดี แต่โหดร้ายตรงที่ยุงชุมมาก ในรูปที่เห็นเป็นการประชุมของคณะดำเนินงานตอนกลางวัน
ผู้เข้าอบรมถ่ายภาพร่วมกันในวันแรกของการฝึกอบรมกับครูบาอาจารย์ หน้าอาคารอำนวยการ บ้านหลังเล็กๆ ท่ามกลางหมู่ไม้ร่มรื่นที่เห็นเป็นแบ๊คกราวน์เป็นที่พักของผู้ปฏิบัติธรรมที่อยู่ในโครงการเฉพาะตน อยู่เงียบและฝึกฝนด้วยตนเอง บางคนก็โกนหัวมาจากบ้านเลย บางคนก็มาโกนกันที่นี่
ก่อนวันฝึกอบรม คณะดำเนินงานอนุญาตให้เข้าพักก่อนได้สามวัน แมลงไปถึงตั้งแต่วันแรกที่เขาอนุญาตให้เข้าพักได้เพื่อทำความคุ้นเคยกับสถานที่ มีผู้เข้าฝึกอบรมคนอื่นมาถึงก่อนราวๆสี่ห้าคน ได้มีโอกาสพูดคุยถามไถ่ว่าเป็นใครมาจากไหนได้นิดหน่อย เมื่อถึงเวลาเปิดคอร์สก็ต้องเงียบ เพื่อให้มีโอกาสฝึกมองตนมากขึ้น ตอนหกโมงเช้าตื่นไปทำวัตรเช้าและสวดมนต์ แล้วนำปิ่นโตไปตักอาหารสำหรับสองมื้อจากโรงครัว ตอนกลางวัน ทำความสะอาดห้องพัก และดำเนินชีวิตอิสระ ตอนเย็นไปทำวัตรเย็นสวดมนต์ ก่อนเข้านอน
วันที่หนึ่งกรกฎาคม เป็นวันแรกของการฝึกอบรมตนตามโครงการ สมาชิกทุกคนรวมทั้งครูอาจารย์ต่ืนตั้งแต่ตีสี่เพื่อเตรียมตัวมาทำวัตร สวดมนต์และปฏิบัติภาวนาที่อาคารศอ.ซึ่งเราใช้เป็นอาคารเรียน ฝึกปฏิบัติ ห้องอาหาร และออกกำลังกายในวันที่่ฝนตก
บรรยากาศทำวัตรสวดมนต์ ระมังเล็กที่เคาะสัญญานในกิจกรรมต่างๆในห้องประชุมนี้ ก็มีรูปแบบเดียวกับที่สวนโมกข์นานาชาติ คนที่ทำหน้าที่นำสวดมนต์ จะมีโอกาสได้หัดตีระฆังเล็กนี้กันทุกคน
ท่านั่งพับเพียบก็ต้องหัดใหม่ ที่เคยเป็นมาน่ะ ไม่ถูกต้อง ที่ถูกต้องนั่งเก็บปลายเท้าให้เรียบร้อย จึงจะดูงาม ตอนเข้ามาอยู่ใหม่ๅ ที่นั่งอยู่เป็นคนแรกของแถวที่สอง แต่วันสุดท้ายนั่งเป็นคนสุดท้ายของแถวแรก ขยับไปหนึ่งที่นั่ง เพราะพี่ลำดับที่สี่ลาออกไปก่อน
วันแรกและวันสุดท้ายของการฝึกอบรม ท่านอาจารย์โพธิ เจ้าอาวาสวัดธารน้ำไหล ได้มาให้โอวาทอันเป็นมงคลแก่ผู้ปฏิบัติด้วย กิจวัตรนี้เปลี่ยนไป เมื่อเข้าสู่การฝึกอบรม ทุกคนต้องตื่นตีสี่ เพื่อทำวัตรสวดมนต์ และปฏิบัติภาวนา ตอนตีสี่ครึ่ง หกโมงเช้ามีกายบริหาร เจ็ดโมงเช้ากินข้าวเช้า เสร็จแล้วทำงานเวร ที่แบ่งออกเป็นสี่กลุ่ม จากแถวนั่งในห้องประชุมที่เรียงตามอายุ แมลงเป็นคนที่เจ็ดทั้งที่นั่ง และห้องพัก ผู้ที่อายุมากที่สุดคือเจ็ดสิบเอ็ดปี อายุน้อยที่สุดคือยี่สิบห้าปี
บางวันเราออกไปเรียนกันที่ใต้ร่มไม้ ..เหมือนที่ศานตินิเกตันของท่านระพินทรนาถ ฐากูรเลยนั่น
บรรยากาศสวนในอาคารที่พัก ร่มรื่นดีมาก แต่มีวันนึงที่ต้นไม้ถูกเพลี้ยแป้งโจมตีจนต้องปิดหน้าต่างกันหมด เพราะลมพัดเพลี้ยเข้าไปติดตามมุ้งลวด พี่อ้อยห้องหกข้นไปยึนบนบันได Ladder ฟันกิ่งไม้ฉับๆ เก่งจริงๆเลย แมลงอยู่ใต้ต้นไม้ คอยลากกิ่งที่ถูกฟันร่วงลงมาไปทิ้ง ยังโดนเพลี้ยแป้งปลิวกระจายใส่ตัว แต่พี่อ้อยสู้ไหว สบม. แมลงต้องคอยห้ามว่าพอแล้วๆ
หลายคนอาจมีปัญหาในวันแรกๆที่เข้ามาอยู่ เพราะส่ิงแวดล้อมแตกต่างจากที่บ้านมาก ไม่มีวิทยุโทรทัศน์ ไม่มีเครื่องปรับอากาศหรือพัดลม ที่นอนที่นุ่มสบาย เป็นแค่เพียงเสื่อผืนนึงและหมอนไม้ ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกสบายใดๆ อากาศร้อนก็ใช้พัด ถ้าไม่ใช้แล้วตามลมหายใจตัวเอง เดี๋ยวก็หายร้อนไปเอง แมลงไม่รู้สึกว่าสิ่งเหล่านี้เป็นปัญหา หนำซ้ำพอกลับมาบ้านแล้วต้องนอนห้องแอร์ให้นึกถึงวันคืนที่นอนอยู่ในห้องเล็กๆนั้นว่าเป็นอย่างไร ออกไปนอนข้างนอกบ้างเวลามีพี่น้องกลับบ้านมานอนเป็นเพื่อนแม่ อาคารที่พักถูกแบ่งซอยเป็นห้องเล็กๆ ขนาดวางเตียง(ที่มีตู้ในตัวอยู่ข้างใต้ ไว้ใส่เสื้อผ้าและข้าวของที่นำติดตัวมา) มีราวตากผ้าที่มีลวดยึดแข็งแรงดีมากหนึ่งเส้น ตัวอาคารมีแบบแปลนคล้ายๆกับที่สวนโมกข์นานาชาติ ได้ยินว่าท่านพุทธทาสเป็นผู้คิดแปลนนี้และให้ชื่อว่าถ้ำแถว ทำนองว่าอยู่ถ้ำแบบสมัยพุทธกาล แต่นี่ดีกว่ามากตรงที่ว่ามีมุ้งลวดกันยุง อีกทั้งมีห้องน้ำ สะดวกไม่ต้องไปปล่อยในป่า ชั้นสองเป็นที่พักของครูอาจารย์ผู้ดำเนินงาน บางคืนก็จะมีผู้ปฏิบัติขึ้นไปเดินจงกรม หรือนั่งภาวนา กลางแสงดาวแสงจันทร์ บรรยากาศดีมากๆ
เสื่อผืนหมอนใบ ผ้าห่มอีกหนึ่ง ไม่ค่อยได้ใช้เท่าไหร่เพราะอากาศร้อนมากกว่าอากาศเย็น ห้องเล็กๆแบบนี้สิ่งของมีน้อยให้ใช้เท่าท่ีจำเป็นแบบนี้ ทำให้ไม่มีห่วง ใจเบาสบาย กายก็เบาสบาย เพราะใช้แรงน้อยในการทำความสะอาด
อ่างล้างหน้า ห้องอาบน้ำ และห้องน้ำ ที่ต้องช่วยกันทำความสะอาด เพราะไม่มีเวรรับผิดชอบที่แน่ชัด ถ้าใครตื่นก่อนตีสี่ ที่ระฆังตีเรียก เพื่อจะใช้ที่บริเวณนี้ ก็ต้องใช้โคมไฟ ไม่เปิดไฟเพราะรบกวนเพื่อนห้องอ่ินที่เขายังไม่ต่ืน
ทางเดินจากห้องพักไปที่ห้องน้ำและห้องอาบน้ำ พื้นปูนขัดมันที่ถูกันจนเป็นมันแว๊บ ตอนกลางคืน เวลาจะเข้าห้องน้ำต้องจุดโคมเดินออกมา เพราะไม่มีการเปิดไฟรบกวนเพื่อนที่อยู่ในห้องอื่น จึงวางโคมไว้เป็นระยะๆ ทำนองแบ่งกันใช้
ตอนเช้าหลังทำวัตรสวดมนต์ หกถึงเจ็ดโมง ก่อนอาหารเช้า มีกิจกรรมออกกำลังกาย เดือนแรกเน้นการเตรียมร่างกายด้วยการเดินเร็วรอบสระน้ำสิบรอบและกายบริหารทั่วไปเหมือนที่เคยทำสมัยยังเป็นเด็ก เดือนต่อๆมา มีทั้งชี่กง โยคะ เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดของวัน อากาศไม่ร้อนไม่หนาว มีแสงแดดอ่อนๆ งดงามจับใจ ถึงจะไม่ได้ลงสวนเหมือนที่เคย แต่ก็ได้อยู่กับธรรมชาติเช่นเดียวกัน
เช้าไหนที่อากาศดี ฝนไม่ตก คุณป้าจะชวนให้มาออกกำลังกายที่สนามหญ้าหน้าอาคารหอพัก แต่ละคนก็จะหยิบเสื่อดำมาคนละผืนสองผืน พากันยืดเส้นยืดสาย กิจกรรมนี้เป็นกิจกรรมที่ได้นำติดตัวกลับบ้านแต่เปลี่ยนเวลาเป็นตีห้า เพราะหกโมงเช้ามีกิจกรรมของแม่
แมลงพยายามมีวินัยอย่างมากกับการออกกำลังกาย บางครั้งคุณป้าผู้นำฝึกไม่อยู่ มีการบ้านให้ออกกำลังกายกันเอง แมลงก็ไม่เคยงด เว้นเสียแต่ว่าจะไม่สบาย จากภาวะรอบเดือนหรือหมดแรงหลังวันพระที่ได้กินอาหารเพียงมื้อเดียว
อาหารที่กินกันส่วนใหญ่จะเป็นผักและผลไม้ มากกว่าเนื้อสัตว์ ผักสด กล้วย มะพร้าวเป็นวัตถุดิบที่ปลูกเอง ถูกจัดทำอย่างปราณีตจากโรงครัวที่อยู่ในบริเวณสวนโมกข์นานาชาติ จะมีน้องๆชาวพม่าสองคนนำมาส่งตอนเช้าและเที่ยง ในวันธรรมดา และตอนสายๆมื้อเดียวในวันพระ ส่วนวันหยุดพวกเธอมากันรอบเดียว ผู้ฝึกอบรมตนจะนำปิ่นโตมาตักอาหารไว้เผื่อให้กินได้สองมื้อ ตอนเย็นยังมาส่งน้ำปานะอีกรอบ..เรื่องน้ำปานะนี้เป็นประสบการณ์ร่วมกันของแมลงและน้องๆอีกหลายคน ทั้งครูอาจารย์และผู้อบรมตนจะทะยอยตักอาหารใส่ภาชนะ คนที่ตักอาหารเสร็จแล้วก็จะมารอที่อาสนะของตัวเองเพื่อจะปัจจเวกขณ์ก่อนที่จะกินอาหารพร้อมๆกัน
หันหน้าเข้าหากัน สวดปัจจเวกขณ์ก่อนลงมือกับอาหารในแต่ละมื้อ
เรื่องอาหารนี้เป็นเรื่องที่่ต้องปรับตัวอย่างมาก เพราะไทรอยด์ชนิดที่เป็นอยู่นี้ ทำให้ต้องกินอาหารบ่อยๆทีละน้อยเพื่อให้ระดับน้ำตาลไม่แกว่ง แต่การกินอาหารที่นี่มีระเบียบที่แน่ชัดให้กินได้แค่มื้อเดียวในวันพระหรือสองมื้อในวันปกติ และยังให้ตักได้เท่าที่ต้องการโดยไม่มีการตักเพิ่ม การคำนวณปริมาณอาหารที่จะตักใส่ภาชนะของตัวเองให้พอกินแต่ไม่เหลือทิ้งจึงเป็นเรื่องที่ยากในเดือนแรกๆ
ทุกๆวันที่หนึ่งของเดือน จะมีการเอาเครื่องชั่งน้ำหนักออกมาชั่งดูว่าแต่ละคนลดไปได้เท่าไหร่
แมลงลดไปสามก.ก. ฮวบเลย ..มันลงง่ายขึ้นยากอยู่แล้วเราน่ะ กินเท่าไหร่ก็เผาผลาญไปจนหมด ทำนองรถใช้น้ำมันเปลือง แต่ลองดูของพี่อ้อยที่เขียนไว้ลำดับที่หนึ่ง ลดแบบฮวบๆยิ่งกว่า
Create Date : 15 ธันวาคม 2555 |
|
18 comments |
Last Update : 25 มกราคม 2556 16:47:02 น. |
Counter : 6556 Pageviews. |
|
|