หลวงปู่เกษม อาจิณฺณสีโล แสดงธรรม สอนกลุ่มแม่หนมปากเซ (ลาว) ( 21 พฤษภาคม 2554)
หลวงปู่เกษม อาจิณฺณสีโล แสดงธรรม สอนกลุ่มแม่หนมปากเซ (ลาว) ( 21 พฤษภาคม 2554) เนื้อหาบางส่วน 1.ภิกษุรับเงิน.......ไม่ว่ายุคใดๆ ก็ผิด 2.ผู้ไม่เชื่อว่าเทวดามี.......เป็นพวกมิจฉาทิฏฐิ 3.ภิกษุเล่นการพนัน ..มั่วอบายมุข...เป็นโมฆบุรุษ 4.เชื่อหมอดู หมอเดา....สรณะเศร้าหมอง 5.พูดคำหยาบ กับคำพูดไม่เหมาะสม...ตกนรก หลวงปู่เกษม สอนกลุ่มแม่หนมปากเซ 1/4 หลวงปู่เกษม สอนกลุ่มแม่หนมปากเซ 2/4 หลวงปู่เกษม สอนกลุ่มแม่หนมปากเซ 3/4 หลวงปู่เกษม สอนกลุ่มแม่หนมปากเซ 4/4 พึ่งหมอดู หมอเดา...เป็นชาวพุทธที่สกปรก (อภยเภรวสูตร) เล่ม17หน้า336บรรทัด7 พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 336 ที่ว่า มีวิบัติเป็นอย่างไร ? ได้แก่ ความวิบัติแห่งศีลและอาชีวะของอุบาสกนั้นนั่นแลอันใด อันนี้เป็นความวิบัติของอุบาสกนั้น. อีกอย่างหนึ่ง อุบาสกนั้นเป็นคนจัณฑาลและเศร้าหมองด้วยมลทินต่าง ๆ ด้วย วิบัติอันใด แม้วิบัตินั้นก็พึงทราบว่า เป็นวิบัติของอุบาสกนั้น ๆ. และความเป็นคนจัณฑาลนั้น เมื่อว่าโดยความหมาย ก็ได้แก่ธรรม ๕ ประการมีความเป็นผู้ไม่มีศรัทธาเป็นต้น. เหมือนดังที่พระพุทธเจ้าตรัส ไว้ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อุบาสกผู้ประกอบด้วยธรรม ๕ อย่างย่อมเป็นอุบาสกจัณฑาล เป็นอุบาสกมีมลทิน เป็นอุบาสกมีความเศร้าหมองและ เป็นอุบาสกต่ำช้า. ธรรม ๕ ประการอะไรบ้าง (คือ) เป็นผู้ไม่มีศรัทธา(ในพระรัตนตรัย) ๑ เป็นคนทุศีล ๑ เป็นคนถือมงคลตื่นข่าว คือเชื่อมงคล ( ฤกษ์, ยาม ) ไม่เชื่อกรรม ๑ แสวงหาทักขิไณยบุคคลนอกจากศาสนานี้ (พุทธศาสนา ) ๑ บำเพ็ญกุศลในศาสนานั้น ๑. ที่ว่า มีสมบัติเป็นอย่างไร ? ได้แก่ ความถึงพร้อมด้วยศีลและความถึงพร้อมด้วยอาชีวะของอุบาสกนั้นชื่อว่า สมบัติ. อนึ่ง ธรรม ๕ ประการมีศรัทธาในพระรัตนตรัยเป็นต้นของอุบาสกนั้นเหล่าใด ธรรม ๕ ประการเหล่านั้นชื่อว่า สมบัติ. เหมือนอย่างที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่าดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อุบาสกผู้ประกอบด้วยธรรม ๕ อย่างย่อมเป็นอุบาสกแก้ว เป็นอุบาสกดอกปทุม และเป็นอุบาสกดอกบุณฑริก. ธรรม ๕ อย่างมีอะไรบ้าง ( คือ ) เป็นผู้มีศรัทธา ( ในพระรัตนตรัย ) ๑ เป็นผู้มีศีล ๑ เป็นคนไม่ถือมงคลตื่นข่าว คือ เชื่อกรรม ไม่เชื่อมงคล ๑ ไม่แสวงหาทักขิไณยบุคคลนอกพุทธศาสนานี้ ๑ บำเพ็ญกุศลในพุทธศาสนานี้ ๑. ผลของการฟังธรรมโดยไม่เคารพ.... (เรื่องอุบาสก5คน)เล่ม43หน้า43บรรทัด3 อานนท์. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ไม่รู้จัก พระเจ้าข้า. ประวัติเดิมของอุบาสก ๕ คนพระศาสดา. ก็บรรดาอุบาสกเหล่านั้น อุบาสกผู้นั่งหลับแล้วนั่น เกิดในกำเนิดแห่งงูสิ้น ๕๐๐๐ ชาติ พาดศีรษะไว้บนขนดทั้งหลายหลับแล้ว.แม้ในบัดนี้ ความอิ่มในการหลับของเขาย่อมไม่มี, เสียงของเราย่อมไม่เข้าไปสู่หูของเขา. อานนท์. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระองค์ตรัสโดยลำดับหรือตรัส เป็นตอน๑ ๆ ? พระศาสดา. อานนท์ แท้จริง แม้พระสัพพัญญุตญาณ ก็ไม่อาจทรงกำหนด ซึ่งความอุบัติของอุบาสกนั่น ผู้อุบัติอยู่ในระหว่าง ๆ อย่างนี้คือ' ความเป็นมนุษย์ตามกาล, ความเป็นเทพตามกาล, ความเป็นนาคตามกาล,' แต่อุบาสกนั่นเกิดแล้วในกำเนิดแห่งนาคสิ้น ๕๐๐ ชาติโดยลำดับแม้หลับอยู่ (ก็) ไม่อิ่มในการหลับเสียเลย.ฝ่ายบุรุษผู้นั่งเขียนแผ่นดินด้วยนิ้วมือ เกิดในกำเนิดไส้เดือนสิ้น ๕๐๐ ชาติโดยลำดับ ขุดแผ่นดินแล้ว, ถึงบัดนี้ก็เขียนแผ่นดินอยู่ด้วยอำนาจความประพฤติที่ตนได้เคยประพฤติแล้ว ในกาลก่อนย่อมไม่ฟังเสียงของเรา. ฝ่ายบุรุษผู้นั่งเขย่าต้นไม้อยู่นั่น เกิดแล้วในกำเนิดลิงสิ้น ๕๐๐ ชาติโดยลำดับ, ถึงบัดนี้ก็เขย่าต้นไม้อยู่ ด้วยสามารถแห่งความประพฤติที่ตนได้เคยประพฤติมาแล้วในกาลก่อนนั่นเทียว. เสียงของเราย่อมไม่เข้าหูของเขา. ปิดธรรมพระพุทธเจ้า....อานิสสงค์ ใบ้ หนวก บอด เล่ม65หน้า275บรรทัด14 บุคคลผู้นี้จักถือเอา ก็จักพยากรณ์พระอรหัตผลกระทำให้แจ้งซึ่งคนจักฉิบหาย ภิกษุนี้ชื่อว่าไม่ให้โดยสอบสวนธรรมอนุเคราะห์บุคคล. แต่ภิกษุใดไม่ให้ด้วยคิดว่า ถ้าบุคคลผู้นี้จักถือเอาธรรมนี้ ก็จักสามารถทำลายลัทธิของพวกเราได้ ภิกษุนี้ชื่อว่ามีธรรมมัจฉริยะโดยแท้.บรรดาความตระหนี่ ๕ ประการเหล่านี้ บุคคลเป็นยักษ์ก็ตามเป็นเปรตก็ตาม ยกหยากเยื่อในอาวาสนั้นเทินไปด้วยศีรษะ เพราะอาวาสมัจฉริยะก่อน.เมื่อบุคคลเห็นสกุลนั้นกระทำการให้ทานและความนับถือเป็นต้นแก่ผู้อื่น คิดว่า สกุลของเรานี้แตกแล้วหนอ ถึงแก่เลือดพุ่งออกจากปากก็มีท้องเดินก็มี ไส้ใหญ่ออกมาเป็นชิ้นน้อยชิ้นใหญ่ก็มี เพราะกุลมัจฉริยะ.บุคคลตระหนี่ลาภที่มีอยู่ ของสงฆ์ก็ตามของคณะก็ตาม บริโภคเหมือนบริโภคส่วนบุคคลย่อมเกิดเป็นยักษ์ก็มี เป็นเปรตก็มี เป็นงูเหลือมใหญ่ก็มี เพราะลาภมัจฉริยะ.ก็บุคคลสรรเสริญคุณที่ควรสรรเสริญของตน ไม่สรรเสริญของผู้อื่นกล่าวโทษนั้น ๆ ว่า ผู้นี้มีคุณอย่างไร ไม่ให้ปริยัติและอะไร ๆ แก่ใคร ๆย่อมมีวรรณะทรามและเป็นใบ้เหมือนแพะ เพราะความตระหนี่วรรณะแห่งสรีระและวรรณคือคุณความดี และเพราะความตระหนี่ปริยัติธรรม.อีกอย่างหนึ่ง บุคคลย่อมหมกไหม้อยู่ในเรือนโหละ เพราะความตระหนี่ที่อยู่ เป็นผู้มีลาภน้อย เพราะความตระหนี่สกุล, บังเกิดในคูถนรกเพราะความตระหนี่ลาภ ที่มา: //www.samyaek.com
Create Date : 03 กรกฎาคม 2554 |
|
0 comments |
Last Update : 9 เมษายน 2556 15:20:02 น. |
Counter : 1142 Pageviews. |
|
|
|