BlogGang.com : : tangmo

'มาร์ค'ชี้'ปึ้ง'รับผิดชอบคืนพาสปอร์ต'แม้ว'

มาร์ค' ชี้ 'ปึ้ง' ต้องรับผิดชอบหากคืนพาสปอร์ต 'แม้ว' ไม่ถูกต้อง อัด 'เพื่อไทย' อย่าเอาคำว่าปรองดองบังหน้า เพื่อช่วย 'นช.' ติง 'ปู' อย่าโยนให้สภารับผิดชอบ

16 ธ.ค.54 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าถึงกรณีที่กระทรวงการต่างประเทศแถลงว่าได้คืนพาสปอร์ตให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีแล้วนั้น ว่าเรื่องนี้ต้องตรวจสอบ หากพบว่ามีการทำผิดกฎหมาย ก็ต้องมีการดำเนินการ และรมว.ต่างประเทศก็จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ เพราะเป็นผู้ประกาศเองว่าจะทำเรื่องนี้เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ส่วนเรื่องการถอดถอน นายสุรพงษ์ โตวิจักรษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ ที่พรรคประชาธิปัตย์เคยยื่นยถอดถอนไปแล้ว และหากจะยื่นถอดถอนใหม่อีกครั้งก็จะไปดูว่าเงื่อนไขเป็นอย่างไร โดยต้องให้นายสุรพงษ์ยืนยันมาว่าได้ดำเนินการคืนพาสปอร์ตให้พ.ต.ททักษิณแล้ว และการยื่นถอดถอนบุคคลคนเดียวแต่เป็นคนละเรื่องกันก็สามารถยื่นได้

'อภิสิทธิ์'อัด'เพื่อไทย'อย่าเอาคำว่าปรองดองบังหน้า

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กล่าวถึงกรณีที่มีผู้ร้องเรียนว่า คดีที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ยังไม่มีความคืบหน้า ว่า เราเห็นว่าถ้าปล่อยให้กระบวนการยุติธรรมเดินหน้าไป ส่วนปัญหาว่าจะมีความไม่เป็นธรรมในส่วนไหน คอป.สามารถที่จะเสนอหลักการณ์ได้ ซึ่งคิดว่าตรงนี้จะเป็นแนวทางที่เหมาะสม แต่หากขณะนี้รัฐบาลชี้นำหรือไปตีความต่างๆเอง แล้วมีผลประโยชน์ทางการเมืองมาเกี่ยวข้อง ก็จะเป็นตัวที่ทำให้เกิดความขัดแย้ง รัฐบาลมี คอป.ที่ได้รับการยอมรับและมีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อความปรองดองสภาผู้แทนราษฎร แต่ทุกๆ วันกลับมามีการออกข่าวเหมือนไม่สนใจว่าใครจะทำอะไร ถ้าตัวเองอยากจะผลักดันเรื่องนั้นเรื่องนี้ก็จะทำให้เกิดความขัดแย้งโดยไม่จำเป็น จึงเห็นว่ารัฐบาลควรจะเอาเวลานี้มาเร่งแก้ปัญหาผลกระทบที่เกิดขึ้นจากปัญหาน้ำท่วมมากกว่า

นอกจากนี้นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้มีการนำเอาคำว่าปรองดองมาบังหน้าในแต่ละเรื่อง สิ่งที่เสนอออกมาก็จะมีแต่ความขัดแย้ง ดังนั้นควรเร่งแก้ปัญหา และการที่นายกฯ อ้างว่าจะให้เป็นหน้าที่สภาฯนั้น เห็นว่ารัฐบาลมีนโยบายเรื่องการปรองดอง แต่วันนี้ยังไม่เห็นรัฐบาลมีมาตราการอะไรที่เป็นรูปธรรมแม้แต่เรื่องเดียวที่จะทำให้คนไทยขัดแย้งกันน้อยลง แต่รัฐบาลกลับเพิกเฉยเวลามีข้อเสนอหรือข่าวสารที่จะทำให้เกิดความขัดแย้งเพิ่มขึ้น หากรัฐบาลมีนโยบายจริงจังในเรื่องการปรองดองก็ต้องปรับท่าทีและเรื่องการไปดำเนินการเรียกว่าโปร่งใส ไม่โปร่งใส หรือแอบทำ เช่นเรื่องหนังสือเดินทางและเรื่องอื่นๆ แต่กลับกลายมีข่าวเรื่องพวกนี้มาโดยตลอด

เมื่อถามว่าเป็นการสมเหตุสมผลหรือไม่ที่นายกฯพยายามลอยตัวเหนือปัญหาแล้วโยนทั้งหมดให้เป็นความรับผิดชอบของสภาฯ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นนโยบายของรัฐบาลในเรื่องการปรองดองในขณะที่รัฐบาลมีทาทีและข้อเสนออยู่หลายเรื่อง ก็ควรจะได้ดำเนินการตามที่เคยพูดไว้ เช่น ให้ คอป.เป็นกลไกลนำที่จะทำเรื่องดังกล่าว ส่วนการพูดถึงสภาฯ ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าในระบบรัฐสภา รัฐบาลก็คือเสียงข้างมาก นายกฯก็ต้องทราบอยู่แล้ว เพียงแต่การปล่อยให้เป็นเรื่องของเสียงข้างมากในสภาฯก็คือความต้องการของรัฐบาล ดังนั้นควรจะเผชิญหน้าและการจะทำอะไรต้องมีเหตุผลรองรับ อย่าพยายามที่จะหนีแล้วมาผลักดันภายหลังจนทำให้เกิดความขัดแย้ง

เมื่อถามว่าว่า ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่า นายกรัฐมนตรี ไม่จำเป็นต้องรับรู้เพราะเป็นญาติพี่น้องกับ พ..ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ โดยอาจจะนำเสนอในนามส.ส.นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้าจะเสนอในนามส.ส. แล้วทำไมร.ต.อ.เฉลิม ถึงออกมาบอกว่าเป็นเจ้าภาพ ในฐานะรองนายกฯ ร่างทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ รต.อ.เฉลิม บอกเตรียมพร้อมแล้วทุกอย่างแต่ส.ส.พรรคเพื่อไทยบอกว่ารอกรรมาธิการฯ ก่อน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนเห็นว่า เมื่อรัฐบาลอ้างว่าจะใช้ คอป.และกรรมาธิการฯ เป็นคนขับเคลื่อนก็ควรจะเคารพตรงนั้น วันนี้คนในกรรมาธิการเองก็มีท่าทีชัดเจนว่าต้องรอความชัดเจนจากสถาบันพระปกเกล้าก่อน ก็ควรที่จะเป็นไปตามนั้น

“จริงๆ รองเฉลิม ผมไม่แน่ใจและไม่ทราบจริงๆ ว่าหน้าที่ความรับผิดชอบของท่านคืออะไรบ้าง และที่ออกมาพูดจาในแต่ละวันทำให้เกิดความสับสนชี้นำ แทรกแซง ตรงนั้นตรงนี้ ซึ่งมันไม่ใช่หน้าที่”นายอภิสิทธิ์ กล่าว

เมื่อถามว่า ที่ผ่านมา ร.ต.อ.เฉลิม ระว่าการเดินหน้าในเรื่องดังกล่าวกระทำในนาม ส.ส.ไม่เกี่ยวกับรัฐบาล เพราะเป็นเรื่องที่เคยหาเสียงไว้และเตรียมเดินสายไปชี้แจงกับประชาชนในจังหวัดต่างๆให้ทราบแนวทาง นายอภิสิทธิ์ ถามกลับว่า “เรื่องไหนที่บอกว่าเป็นนโยบายหาเสียง เท่าที่จำได้ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พูดในระหว่างหาเสียง ว่าพรรคเพื่อไทยไม่มีนโยบายนิรโทษกรรม” การที่ ร.ต.อ.เฉลิม อ้างถึง 15 ล้านเสียงที่สนับสนุน คงไม่ใช่ เพราะอาจจะเป็น 15 ล้านเสียง ที่รอในเรื่องค่าแรงขั้นต่ำวันละ 300 บาท เงินเดือน ปริญญาตรี 1.5 หมื่นบาท รอข้าวทุกเม็ด 1.5 หมื่นบาท ตรงนั้นต่างหากที่ติดป้ายเต็มไปหมด ส่วนความปรองดองที่อ้างว่า จะพาพ.ต.ท.ทักษิณ กลับประเทศก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกัน ถ้าเป็นเช่นนั้นก็สรุปได้ว่าความขัดแย้งที่สร้างขั้นมาทั้งหมด เป็นเรื่องผลประโยขน์ของพ.ต.ท.ทักษิณใช่หรือไม่ คิดว่าเป็นเรื่องที่สังคมคงไม่ยอมรับ หากรัฐบาลยังยืนยันว่าเป็นนโยบายหเสียง ก็เท่ากับว่าพรรคเพื่อไทยไม่พูดความจริงกับประชาชน

Create Date : 16 ธันวาคม 2554

0 comments

Last Update : 16 ธันวาคม 2554 18:08:49 น.

Counter : 618 Pageviews.