สาหร่ายหลากสี มหัศจรรย์ธาตุอาหาร
ปัจจุบัน สาหร่ายเป็นที่นิยมอย่างมากในคนหลายวัย ทั้งเป็นขนมกรุบกรอบ เคี้ยวเพลิน ปรุงรสด้วยซอสถั่วเหลือง น้ำตาล พริกไทย หรือเครื่องปรุงรสต่างๆ หรือแบบไม่ปรุงรสนำมาใช้ใส่ประกอบในอาหาร มีทั้งที่ผลิตในประเทศและนำเข้าจากจีน ญี่ปุ่น แต่ที่มาแรงแซงโค้ง คือสาหร่ายจากเกาหลี ในท้องตลาดมีทั้งที่อยู่ในน้ำจืด น้ำกร่อย น้ำเค็ม น้ำพุร้อน หิมะหรือที่ขึ้นตามต้นไม้ แต่สาหร่ายที่นำมาเป็นอาหาร ได้แก่ สาหร่ายทะเล และสาหร่ายน้ำจืดเท่านั้น
ถ้าเป็นสาหร่ายเซลล์เดียวจะเรียกว่า chlorella แต่ถ้าเป็นสาหร่ายหลายเซลล์คือ Spirulina หรือสาหร่ายเกลียวทอง สาหร่ายพวกนี้จะถูกเลี้ยงในอาหารเลี้ยงที่มีส่วนผสม lecithin หรือทำเป็นน้ำเชื่อมโดยผสมกับน้ำผึ้ง สารอาหารที่เด่นก็คือ โปรตีน วิตามิน เกลือแร่ โดยเฉพาะเบต้าแคโรทีน ซึ่งเป็นสารตั้งต้นของวิตามินเออยู่เยอะ แต่ที่ต้องระวังในการกินคือมีกรดนิวคลีอิกสูงมาก โดยเฉพาะในสาหร่ายเกลียวทอง ดังนั้นการรับประทานในปริมาณมากจะเสี่ยงต่อโรคเก๊าท์ เช่นเดียวกับพวกที่กินเครื่องในสัตว์
สาเหตุที่สาหร่ายฮอตฮิต ก็เพราะมันมีคุณประโยชน์ของ แหล่งโปรตีน คล้ายเนื้อสัตว์ ซึ่งชาวญี่ปุ่นและชาวจีนเป็นชาติแรกๆ ที่เห็นคุณค่าของมัน คนจีนจะเรียกสาหร่ายทะเลว่า จีฉ่าย สาหร่ายเหล่านี้จะเป็นสายพันธุ์ Porphyra ชาวญี่ปุ่นเรียกว่า nori เป็นสาหร่ายสีแดง ส่วนอีกสายพันธุ์คือ Laminaria เป็นสาหร่ายสีน้ำตาล
ทั้งนี้ สถาบันวิจัยโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดลได้ศึกษาคุณค่าทางโภชนาการของสาหร่ายทะเล โดยได้รับทุนสนับสนุนจากสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ จากการวิเคราะห์คุณค่าทางโภชนาการ พบว่ามีโปรตีนระหว่าง 10-40 กรัมต่อสาหร่าย 100 กรัมเลยทีเดียว
นอกจากโปรตีนแล้ว สาหร่ายยังมีสรรพคุณและประโยชน์อยู่ในบรรดาสารอาหารที่มีคุณค่ามหาศาลมากกว่า18 ชนิด มันมีคุณค่าใยอาหาร ( Dietary fiber) สูงตั้งแต่ 27-41 กรัมต่อสาหร่าย 100 กรัม ดังนั้นหากกินสาหร่ายไม่ปรุงรสขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 22 ซม. ในปริมาณ 1-5 แผ่นต่อวันจะได้รับใยอาหารคิดเป็น 7% ของความต้องการใยอาหารต่อวัน แต่ถ้าจะกินสาหร่ายแบบแผ่นปรุงรสขนาดครึ่งไม้บรรทัดชนิดฟุตก็ต้องกินเกือบ 30 แผ่น (ประมาณ 7 ซอง) ต่อวันจึงจะได้เส้นใยอาหารในปริมาณเท่ากัน
สาหร่ายถูกจัดให้เป็นเมนูลดน้ำหนัก เพราะมันให้พลังงานโดยรวมอยู่ระหว่าง 382-366 กิโลแคลอรี ทั้งยังมีไขมัน แป้ง และน้ำตาลในปริมาณน้อยมาก ซึ่งน่าจะเหมาะกับผู้ที่ควบคุมน้ำหนัก หรือผู้ที่มีไขมันในเลือดสูง หรือเด็กที่ชอบกินจุบจิบ
สาหร่ายยังเต็มไปด้วย ไอโอดีน โดยปกติแล้วคนเราต้องการไอโอดีนประมาณ 0.1-0.3 มิลลิกรัมต่อวัน หากเทียบกับการกินสาหร่ายทะเลชนิดแผ่นขนาดกว้าง X ยาว 2 เซนติเมตร แค่นี้ก็เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายในแต่ละวันและช่วยป้องกันโรคคอพอกได้ แต่ในขณะเดียวกันมันก็มีปริมาณ โซเดียมสูง เพราะฉะนั้นผู้ที่เป็นโรคไตและความดันโลหิตสูง จึงควรระมัดระวังสักหน่อยก่อนหยิบเจ้าสาหร่ายเข้าปาก
มันยังมี ธาตุเหล็ก ช่วยบำรุงผิวพรรณให้ดูเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล และบำรุงเส้นผมให้ดกดำเป็นมันเงางาม ตามด้วย ทองแดง ทำหน้าที่ดูดซึมธาตุเหล็กและสร้างฮีโมโกลบินที่ไขกระดูก หากร่างกายขาดธาตุนี้จะทำให้เป็นโรคโลหิตจางและผมร่วงง่าย และยังมี สังกะสี เป็นส่วนประกอบของเอนไซม์หลายชนิดในร่างกายช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน และที่ขาดไม่ได้เลยคือ ใยอาหาร มันจะช่วยเพิ่มปริมาณอุจจาระทำให้ท้องไม่ผูกและเร่งการขับถ่ายสารพิษต่างๆ ในทางเดินอาหาร
ถึงมันจะมีข้อดีมากกมาย แต่ที่ต้องใส่ใจคือส่วนประกอบอื่นที่แฝงเข้ามา อย่าง ปริมาณผงชูรส หรือโมโนโซเดียมกลูตาเมส สูงกว่าสาหร่ายไม่ปรุงรสประมาณ 2-7 เท่า นั่นทำให้การกินสาหร่ายปรุงรสมากๆ จะได้รับผงชูรสมากเกินไป และจะยิ่งแย่กันไปใหญ่หากคนนั้นมีอาการแพ้ผงชูรสได้ง่าย
แต่ไม่ว่าจะเลือกกินสาหร่ายชนิดใด นอกจากจะสนใจเรื่องรสชาติแสนอร่อยแล้ว คุณค่าทางโภชนาการก็เป็นสิ่งที่ควรใส่ใจ ขณะเดียวกันก็อย่าหลงลืมแหล่งที่มาและแหล่งผลิตที่จะต้องมีความปลอดภัยจากสารปนเปื้อน อีกทั้งรับประทานอย่างพอเหมาะ ไม่มากไปไม่น้อยไป