ลูกหมู สอง ตัว กับรองเท้านักเรียน
เรายังอยู่ในบรรยากาศรำลึกความหลัง ย้อนไปเมื่อเจ้าฝนเป็นเด็ก ม.ปลาย ประมาณปลายปี 47ตอนนั้นฝนอยู่ ม.5 ค่ะ เป็นช่วงชีวิตที่ฮาได้ใจ มีเรื่องราวมากมายผ่านเข้ามา ทั้งสุข ทุกข์ เศร้า ทะเลาะกับเพื่อน ทะเลาะกับอาจารย์ และการได้กลั่นแกล้งประธานนักเรียน แว๊ก!! เลิศๆนู๋ฝน เรื่องของเรื่องคือวันนั้นฝนกับเจ้ายุ้ย เพื่อนสาวคนสนิท ซึ่งตอนนั้นเหมือนฝาแฝดกันมาก ไปไหนไปกัน แถมยังตัวกลมๆเหมือนกันอีก (ทุกวันนี้ยุ้ยมันหุ่นดี) สมัยนั้นเพื่อนห้องฝนส่วนใหญ่จะเป็นเด็กกิจกรรมกัน ไอ้ยุ้ยเป็นคณะกรรมกรนักเรียน (มาจากคณะกรรมการนักเรียน ) แต่ดูๆไปแล้ว เหมือนกรรมกรมากกว่า ส่วนฝนเป็นกิจการนักเรียน เป็นหน่วยย่อยของคณะกรรมการนักเรียน ซึ่งเราจะทำงานด้วยกัน ทุกเที่ยงวันศุกร์เราจะประชุมกัน ซึ่งฝนว่าเป็นการมาเม้าท์มอยกันมากกว่า 555+++ มาเรากลับมาวันนั้นของเรา วันนั้นรู้สึกว่าจะเป็นงานวันเกิดเพื่อน แต่ใครหว่าจำไม่ค่อยได้ เหมือนจะมึนๆ 555+++ พอตอนเย็นหลังเลิกเรียนก่อนที่จะไปงานเพื่อนซึ่งมันเลี้ยงอยู่ร้านนมและมีคาราโอโฮะด้วย ฝนกับเจ้ายุ้ยขอแวะร้านหมูกระทะก่อน เพราะมีงานเลี้ยงพวกคณะกรรมการนักเรียนที่นั่น ด้วยความที่เราเป็นคนของประชาชน (หรา!!) ก็เลยขอแวะไปเซย์ฮัลโหลกันหน่อย ฝนกะเจ้ายุ้ยก็ไปแมงกะไซด์ โดยมีฝนขับเพราะยุ้ยขับไม่เป็น (ทุกวันนี้ก็ยังขับไม่เป็น) ซึ่งร้านมันอยู่คนละทางกับร้านที่ฝนจะไปวันเกิดเพื่อน พอจอดแมงกะไซด์ปุ๊ป รถแมงกะไซด์ข้างๆรถเรามันคุ้นๆแฮะ มันคือรถของพี่ประธานนักเรียนนั่นเอง นามว่า พี่ขวัญทอง (ของน้องๆ) พี่ขวัญเป็นผู้ชายตัวกลมเหมือนฝนเลย อิอิ มีความเป็นผู้ใหญ่ เอ็นดูน้องๆและน้องๆทุกคนรักพี่ขวัญ (แต่แอบแกล้งตลอด ฮา) ที่รถพี่ขวัญมีรองเท้านักเรียนชายใส่ถุงก๊อปแก๊ปห้อยอยู่ ฝนและยุ้ยประสานสายตาแล้วยิ้มให้กัน (ต้องจินตนาการ รอยยิ้มเราเหมือนพวกนางร้ายในละครคิดแผนแกล้งนางเอกง่ะ 555+++) วิ้งๆๆๆๆ บี1 นายคิดเหมือนฉันไหมบี2 บี2 ฉันก็คิดเหมือนนายแระ ............... แต่เรายังไม่ลงมือ 555 ฝนกับยุ้ยเลยเดินไปทักทายทุกๆคนที่โต๊ะ คุยกันพอเป็นพิธี (ป่วนเค้าให้พอหายอยาก) ก็ขอลากลับ พอตอนกลับมาที่รถ เราก็ได้กฤกษ์ ยุ้ยแอบหยิบถึงใส่รองเท้าพี่ขวัญมาด้วย เอาขึ้นแมงกะไซด์มาที่ร้านนม แล้วยุ้ยกะฝนก็บรรเลงเสียงหัวเราะแบบชนิดป่าแตก เกือบขับแมงกะไซด์ตกถนน ดีที่แถวนั้นอยู่นอกๆเมืองมาแล้ว พอมาถึงร้านนมก็แอบเอาถุงรองเท้าของพี่ขวัญมาซ่อนไว้ จากนั้นก็กินนม ร้องเกะ เฮฮาดุจดังไม่ทำผิด ผ่านไปพักใหญ่ พี่ขวัญพร้อมคณะผู้ติดตาม (เดินเข้ามายังกะเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้) แกเดินเอาดอกไม้มาให้เจ้าของวันเกิด ส่วนเจ้าฝนเจ้ายุ้ยก็ก้มหน้าก้มตากิน กินกันแบบตั้งใจมาก แล้วแอบหัวเราะกันนิดๆ (มีความสุขกับการแกล้งพี่) พี่ขวัญ : ยุ้ย เอารองเท้าอ้ายมา ยุ้ย : อะไรพี่ขวัญ รองเท้าไร (ทำหน้าแบบไม่รู้เรื่อง) พี่ขวัญ : เอารองเท้าอ้ายมา บ่มีไผแล้ว มีแต่ซุมโตนั่นหละ (เอารองเท้าพี่มา ไม่มีใครทำหรอก มีแต่พวกตัวเองนั่นแหละ ) แปลให้พร้อม ฝนกับยุ้ยก็เลยหัวเราะ มีความสุขนิดๆกับการแกล้งพี่เล่น ทำให้พี่ขวัญต้องถ่อสังขารมาที่ร้านนมซึ่งก็อยู่ไกลจากร้านหมูกระทะพอควร นี่ถ้าแกไม่เจอฝนกับยุ้ยคงได้ซื้อรองเท้าใหม่แระ (ไอ้เด็กเวรพวกนี้) ทุกวันนี้ฝนยังติดต่อพี่ขวัญอยู่ ยังคงเป็นพี่ที่น่ารักเสมอ มีของขวัญให้น้องๆตลอด ประมาณว่าน้องๆรับปริญญาพร้อมกันเล่นเอาพี่ขวัญจนไปเลย คริคริ พี่ขวัญขา วันนั้นรักดอกจึงหยอกเล่น ............ จากคณะผู้สำนึกผิด ตอนนี้ความซ่าลดน้อยลงมาก เนื่องจากไม่มีเพื่อนพาซ่า ยุ้ยก็มีแฟน พอมีแฟนมันก็กลายร่างเป็นสาวหวาน เรียบร้อยจนเพื่อนอึ้งไปตามๆกัน นี่แหละน๊าความรักทำให้คนเปลี่ยน ส่วนฝนก็อยากให้พี่ขวัญอโหสิกรรม เผื่อจะหาน้องเขยให้พี่ได้ซะที อิอิ ไม่คิดว่าพวกเราจะยังติดต่อกันอยู่ เพราะพอรุ้นน้องๆมา อาจารย์บอกว่าไม่รวมกันได้เหมือนพวกเรา ต่างคนต่างอยู่ ตอนจบ ม.6 ก็กอดกันร้องไห้จะเป็นจะตาย แต่มันก็ผ่านไป แต่พวกเรายังคงติดต่อกันตลอด มันเป็นอีกช่วงชีวิตที่อย่างน้อยๆก็มีเพื่อน มีพี่ ที่ยังคงติดต่อพูดคุยกันเสมอ มิตรภาพก่อรัก .......... สูงส่ง ปล. วันนั้นผดุงนารีมีความหมายก็เพราะพวกเรายังอยู่ด้วยกัน เรียนด้วยกัน หัวเราะ ร้องไห้ ทำเรื่องฮาๆด้วยกัน วันนี้ผดุงนารีก็ยังคงมีความหมาย เพราะมองไปถึงแม้อาคารบรรยากาศจะเปลี่ยนแต่ยังคงบรรจุความทรงจำมากมายของพวกเราเอไว้
Create Date : 27 มีนาคม 2555 |
Last Update : 27 มีนาคม 2555 22:15:21 น. |
|
2 comments
|
Counter : 882 Pageviews. |
|
|