|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
Freelance : ขอเพียงที่พักใจ
***ควรดูหนังก่อน*** เราไม่ใช่คนแบบยุ่น และเอาจริงๆด้วยสาขาอาชีพของเราที่แทบไม่มีใครทำฟรีแลนซ์และเราไม่เคย สัมผัสอาชีพนี้แบบจริงจังมันทำให้เรากับยุ่นมีระยะห่างกันพอสมควร (แน่นอนว่าเราอินกับพี่ติ๊กในยอม มนุษย์เงินเดือน) เราไม่เข้าถึงการผลักตัวเองไปสุดขอบแบบที่ยุ่นทำในเรื่อง การเปรียบเทียบบาง ส่วนของหนังเรื่องนี้กับ Whiplash อาจจะเห็นภาพชัดสุดเพราะเราเองไม่อินกับความบ้าคลั่งของตัวละครใน Whiplashเหมือนกัน เพียงแต่แม้ว่าเราจะมองชีวิตฟรีแลนซ์ของยุ่นด้วยสายตาที่มีระยะ ห่าง แต่เราเข้าถึงสายตาที่ยุ่นใช้มองหมออิม ใช้มองเจ๋ มองไก่ มองพงศธร และส่วนนี้แหละที่ทำให้ เราชอบหนังแบบสุดๆ
หนังแทบไม่ได้เสนอถึงความรื่นรมย์ของชีวิต freelance ให้เห็นเลย หนังเลือกที่จะสำรวจด้านที่ไม่ ได้โสภาของมัน ด้านที่ไม่มีตรงกลาง ทำได้ก็ทำ รับไม่ได้ก็ออก ไม่มีภาพ freelance ที่สมดุลย์ชีวิต ได้อย่างแสนสุข และไอ้ส่วนที่ทำได้ก็ล้วนแต่ต้องจ่ายค่าตอบแทนมากน้อยตามความบ้าคลั่งของตัว เอง ตัวละครยุ่นของซันนี่คือตัวแทนของการไปสุดทางที่ว่า และหนังก็โบยตีตัวละครตัวนี้ได้โหดสัสกว่าที่คิด ไว้เยอะ ชอบในความหนักมือและไปให้สุดของหนัง ถึงแม้หนังเลือกจะใส่ความประหลาดหรือตลกร้าย เข้ามาเจือจางบ้าง แต่มันก็ยังแจ่มชัดอยู่ดี
หนังสร้างความสัมพันธ์ของพระนางได้มีสเน่ห์ระดับที่ไม่เห็นในหนังไทยมา นานมากแล้ว หนังรักษา ช่องว่างระหว่างตัวละคร แต่ค่อยๆให้ทั้งคู่ปล่อยออร่าบางอย่างออกมาให้คนดูรู้สึกเอาเอง ก่อให้เกิด ความรู้สึกก้ำกึ่งว่ามันจะใช่-ไม่ใช่ อยู่หลายๆครั้ง เหมือนความรู้สึกลังเลชั่วขณะก่อนจะจับมือใครสัก คน มีกำแพงบางๆหลายชั้น ทะลุกำแพงหนึ่งไปสู่อีกกำแพงหนึ่ง แต่ก็ไม่รู้อีกว่ากำแพงของเขากับ กำแพงของเราจะมีจำนวนเท่ากันหรือไม่ การสร้างช่องว่างระหว่างตัวละครตรงนี้มันเจ๋งมากๆ นำ ไปสู่ฉากที่ดีที่สุดอย่างฉากที่ทั้งคู่พบกันในการนัดตรวจครั้งท้ายๆ หนังใช้ความนิ่งเงียบ ใช้ช่องว่าง ใช้ การลังเลของตัวละครได้เกิดประโยชน์สูงสุด
คนดูทุกคนต้องรักหมออิม เพราะเราทุกคนคือยุ่น เรามองหมออิมผ่านสายตาของยุ่น คิดถึงหมออิมผ่าน ความคิดของยุ่น เรารู้จักหมออิมเท่ากับที่ยุ่นรู้จัก เราไม่รู้ว่าหมอชีวิตปกติหมออิมเป็นยังไง (กระทั่งมี แฟนหรือยังเราก็ไม่รู้) ข้อมูลทุกอย่างที่เรารู้เกี่ยวกับหมออิมคือข้อมูลแบบเดียวกับที่ยุ่นรู้ ระยะเวลาที่ ยุ่นเจอกับหมออิมกับระยะเวลาที่เราเจอกับหมออิมนั้นเท่ากัน ด้วยเหตุผลนี้เราจึงขอชื่มชมใหม่ ดาวิ กาในบทหมออิมแบบสุดขีด ใหม่ต้องทำให้คนดูรักหมออิมไปพร้อมๆกับยุ่นให้ได้ ถ้าอารมณ์ร่วมระหว่าง คนดูกับยุ่นไม่เกิดคนดูจะหลุดจากหนังอย่างรวดเร็ว แต่ใหม่ทำได้และทำได้ดีมากๆ สีหน้า สายตา น้ำเสียง บวกกับการถ่ายภาพที่เน้นระยะประชิดและโคลสอัพใบหน้าที่ผ่านการแต่งหน้ามาแบบ บางเบา ดึงสเน่ห์ของใหม่ออกมาได้หมดจดมากๆ (อย่างฉากที่ยุ่นคิดย้อนถึงหมออิมตอนกินลูกชิ้นไปคุยไป ฉากนี้ใหม่แทบจะเรืองแสงได้ด้วยตัวเอง)
อีกคนที่เซอร์ไพรส์คือ วิโอเล็ต ที่เคมีระหว่างซันนี่ในบทของยุ่นก็ดีงามไม่แพ้นางเอก จากตอนแรกที่ เข้าใจว่าทั้งสองเชื่อมต่อกันด้วยเรื่องภาระหน้าที่งานล้วนๆ กระทั่งหนังค่อยๆบอกอย่างช้าๆว่าทั้งคู่ผูก พันธ์กันด้วยอะไรที่มากกว่านั้น เจ๋คือคนประเภทเดียวกันกับยุ่น เป็นตัวละครที่ช่วยให้ยุ่นไม่น่าสมเพชจนเกินไป เป็นความสัมพันธ์ที่แสดงออกน้อย เกื้อกูลกันแบบเงียบๆ เห็นไส้เห็นพุง รักบ้างเกลียดบ้างตามสถานะการณ์ วิโอเล็ตสีหน้าง่วงนอน น้ำเสียงแข็งๆในเรื่อง ทำให้น้องดูดีมีของกว่าสมัยฝากเอา ไว้ในกายเธอหลายสิบเท่า
สำหรับซันนี่นี่ไม่ต้องพูดถึง นี่เป็นเรื่องที่2ที่เราร้องไห้ให้กับซันนี่หลังจากเรื่องเพื่อนสนิท เมื่อ10ปีก่อน (รู้สึกแก่กันมั้ยล่ะ)
ฉากจบที่เหมือนจะมีความหวังให้เห็นนิดๆ แต่สำหรับเรามันเป็นบทสรุปที่เศร้ามาก เพราะสุดท้าย ความสัมพันธ์ของทั้งคู่คือการพักร้อน คือการนั่งดื่มด่ำกับพระอาทิตย์ตกริมทะเลแค่เดือนละครั้ง การพัก ร้อนไม่ใช่ชีวิตจริงเพราะไม่มีใครพักร้อนได้ตลอดและการพักร้อนก็ไม่ เคยเพียงพอสำหรับใคร มันคือ การได้ชื่นชมบางสิ่งและมีความสุขช่วงสั้นๆ เพราะทุกคนที่ไปพักร้อนต่างเข้าใจดีว่ามันไม่ใช่ที่เพื่อใช้ ชีวิต มันเป็นแค่ที่ๆทำให้เราหายใจคล่องขึ้นแค่ชั่วครู่ชั่วคราวเท่านั้นเอง .
Create Date : 07 กันยายน 2558 |
Last Update : 7 กันยายน 2558 17:38:29 น. |
|
0 comments
|
Counter : 2085 Pageviews. |
|
|
|
| |
|
|