***** ทานที่ถึงพร้อมด้วย"สัมปทา ๔"ย่อมให้ผลทันตาเห็น (๒) *****
ทานที่ถึงพร้อมด้วย"สัมปทา ๔" ย่อมให้ผลทันตาเห็น (๒)
สัมปทา ๔ อย่าง
จริงอยู่ ชื่อว่า สัมปทา มี ๔ อย่าง คือ...
วัตถุสัมปทา...ปัจจัยสัมปทา... เจตนาสัมปทา... คุณาติเรกสัมปทา...
ในสัมปทา ๔ อย่างนั้น พระอรหันต์ หรือพระอนาคามี ผู้ควรแก่นิโรธสมาบัติ ผู้เป็นทักขิไณยบุคคล ชื่อว่า วัตถุสัมปทา
การบังเกิดขึ้นแห่งปัจจัยทั้งหลาย โดยธรรมสม่ำเสมอ (หมายถึงปัจจัยที่ใช้ในการถวายทาน ได้มาโดยสุจริต และชอบธรรม) ชื่อว่าปัจจัยสัมปทา
ความที่เจตนาใน ๓ กาล คือในกาลก่อนให้ทาน ขณะกำลังให้ทาน และภายหลังจากให้ทาน สัมปยุตด้วยญาณ(ประกอบด้วยปัญญา)อันกำกับโดยโสมนัส(หมายถึงผู้ให้ทานมีปัญญา เชื่อในเรื่องกรรม และผลของกรรม พร้อมทั้งเกิดความปีติโสมนัสในการให้ทานยิ่งนัก ดังเช่นที่เกิดกับนายภัตตภติกะ) ชื่อว่าเจตนา สัมปทา
การที่ พระอนาคามี หรือพระอรหันต์ เพิ่งออกจากนิโรธสมาบัติ ชื่อว่า คุณาติเรกสัมปทา
ทานของนายภัตตภติกะ ถึงพร้อมด้วยสัมปทา ๔ คือ
๑.พระปัจเจกพุทธเจ้า ผู้ขีณาสพ(ผู้สิ้นจากอาสวะกิเลส)เป็นทักขิไณยบุคคล เป็นวัตถุสัมปทา
๒. ปัจจัยของนายภัตตภติกะ ได้มาโดยชอบธรรม ด้วยการทำงานรับจ้าง ๓ ปี เป็นปัจจยสัมปทา
๓. เจตนาบริสุทธิ์ในกาลทั้ง ๓ เป็นเจตนาสัมปทา
๔. พระปัจเจกพุทธเจ้า ผู้ออกจากนิโรธสมาบัติ เป็นผู้ยิ่งด้วยคุณ เป็นคุณาติเรกสัมปทา
ด้วยอานุภาพแห่งสัมปทา ๔ นี้ นายภัตตภติกะ จึงบรรลุมหาสมบัติ ในทันตาเห็นทีเดียว เพราะฉะนั้น นายภัตตภติกะนั้น จึงได้สมบัติจากท่านเศรษฐี และต่อมาพระราชาได้ทราบเรื่องของนายภัตตภติกะ ทรงพอพระทัย พระราชทานโภคะให้เป็นอันมาก และได้พระราชทานตำแหน่งเศรษฐีให้เขา ได้มีชื่อว่า "ภัตตภติกะเศรษฐี"
เมื่อ"ภัตตภติกะเศรษฐี"ถึงแก่กรรมแล้ว เขาได้ไปเกิดในเทวโลก เสวยทิพย์สมบัติอยู่ ๑ พุทธันดร(ช่วงระหว่างพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า กับพระโคตมสัมมาสัมพุทธเจ้า)เมื่อจุติจากเทวโลก(สิ้นภพชาติจากเทวโลก)แล้ว เขาได้มาเกิดเป็นมนุษย์ในสมัยพระโคตรมสัมมาสัมพุทธเจ้า และได้บวชเป็นสามเณร เมื่ออายุ ๗ ขวบ พร้อมกับได้บรรลุพระอรหัต เมื่ออายุ ๗ ขวบนั่นเอง
(ที่มา...อรรถกถา ขุททกนิกาย คาถาธรรมบถ เรื่องสุขสามเณร)
Create Date : 10 ธันวาคม 2550 |
Last Update : 10 ธันวาคม 2550 12:48:50 น. |
|
1 comments
|
Counter : 717 Pageviews. |
|
|
|
สาธุค่ะ ...